กรกฏาคม 2551

 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
30
31
 
 
All Blog
@@ ซึมเศร้าหลังคลอด @@
คลอดลูกแล้วทำไมชีวิตมันหม่นหมองหว่า


หลังจากที่ใช้ชีวิตหลังคลอดแบบชิวๆ ที่โรงพยาบาลเกือบสิบวัน เพราะวันๆ ก็นอนแล้วก็เดินไปให้นมลูก แถมลูกก็เลี้ยงง่ายเชียว หลับทั้งวัน เรามีหน้าที่แค่ปลุกมากินนมแล้วก็กลับห้อง โอ๊ย เลี้ยงลูกง่ายจะตายไป ไอ้ที่เคยได้ยินว่าซึมเศร้าหลังคลอดเนี่ย สงสัยตัวเองจะไม่เป็นวุ้ย โชคดีจัง

แต่ชีวิตจริงมันไม่ใช่หง่ะ พอออกจากรพ.วันแรกเท่านั้นแหล่ะ ความสับสนก็เริ่มเข้ามา แถมกลางคืนก็หลับๆ ตื่นๆ ทั้งคอยให้นมลูก ทั้งเป็นห่วงสารพัด กลับบ้านผ่านมาได้แค่สองวัน ตัวเองก็เจอเข้าแล้วกับภาวะซึมเศร้า

โอ๊ย ทำไมชีวิตรันทดขนาดนี้นะไหนจะเจ็บแผลอยู่ ไหนจะอุ้มน้องไหม ไหนจะอดนอน ไหนจะเครียดเรื่องลูก กินอิ่มหรือเปล่า ทำไมลูกไม่นอน ทำไมลูกหายใจดัง โอ๊ยย ปัญหาลูกร้อยแปด แถมจะออกไปไหนก็ไม่ได้ อยากทำอะไรก็ทำไม่ได้ ชีวิตส่วนตัวหายไปเฉยๆ ในพริบตาเลย วันๆ ต้องหมกมุ่นกับลูกแบบไม่ทันตั้งตัว ทำให้อยู่ดีๆ ก็คิดว่าชีวิตไม่มีความหมายขึ้นมาเฉยเลย แบบว่านี่ฉันต้องเลี้ยงลูกอยู่บ้านไปตลอดชีวิตเหรอเนี่ย อยากไปเดินห้าง ความรู้สึกว่าอยากทำอะไรก็ทำไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ยิ่งคิดแบบนี้ยิ่งมีผลต่อจิตใจใหญ่เลย กลายเป็นไม่อยากอาหาร กินอะไรก็ไม่อร่อย ดูทีวีก็ไม่สนุก ที่สำคัญ ไม่ได้หัวเราะเลย และก็เบื่อทุกอย่างไปหมดเลย แต่เพราะรู้ตัวเองว่ามีอาการซึมเศร้า เลยไม่เคยวีนใครหรือโกรธสามีแบบไม่มีเหตุผลเลย โชคดีไปอย่างนึง นอกจากนั้นก็พยายามเล่าความรู้สึกให้สามีฟังด้วยว่าเป็นอะไรอยู่ ซึ่งเค้ารับรู้และเข้าใจมากขึ้น

ความเครียดพุ่งสูงขึ้นในสัปดาห์ถัดมาโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การโดนขังอยู่ในบ้าน แม่สามีไม่ยอมให้ออกไปไหน ไม่ยอมให้ทำอะไรเลย เลยยิ่งเครียดใหญ่เลย เพราะตัวเองชอบออกไปเจอโลกข้างนอกบ้าง เครียดจนต้องโทรไประบายกับเพื่อนๆ น้ำตาไหลไปคุยไป ขนาดนั้นเลย ไม่น่าเชื่อว่าตัวเองจะมีวันนี้เลยหง่ะ แบบว่าชีวิตก่อนท้องและตอนท้อง ชิวๆ มาก ไม่เคยเครียดมากมายจนร้องไห้เลย ขนาดทำงานหนักให้ตายก็เครียดแป๊ป หาอะไรอร่อยๆ กินก็หายแล้ว

นอกจากเครียดเรื่องลูกแล้ว บางทีอึดอัดเรื่องโน้นเรื่องนี้ เช่น เรื่องแม่สามีความเห็นเรื่องเลี้ยงลูกไม่ตรงกันบ้าง ทำให้นอนไม่หลับไปตั้งสองคืน คราวนี้ยิ่งเครียดหนัก เพราะอดนอนแล้วอาการจะยิ่งแย่ ต้องปรึกษาคุณหมอสาวไทยใจดีที่อยู่ในญี่ปุ่น (น้อง nadasousou นั่นเอง) ซึ่งคุณหมอคนสวยก็ค่อยๆ วิเคราะห์ปัญหาแล้วช่วยหาวิธีแก้แบบไม่ต้องไปหาหมอหรือต้องใช้ยา

คุยกับคุณหมอเสร็จทำให้รู้ว่า จริงๆ แล้ว ตัวเองลึกๆ คงโกรธน้องไหมนั่นเอง ที่ทำให้ชีวิตเปลี่ยนไป แต่ไม่ได้โกรธแบบเกลียดนะ แบบรักไปโกรธไปไง แต่ตัวเองไม่รู้ตัวหรอก รักลูกจะตาย แต่ก็แอบโทษลูกไม่ได้ว่าทำให้ชีวิตเปลี่ยนไปนั่นเอง พอรู้เหตุแล้ว คุยกับออย (เพื่อนที่ญี่ปุ่น) อีกยิ่งทำให้รู้เลยว่า เป็นเพราะกลัวตัวเองจะเลี้ยงลูกไม่ได้ คือถ้ามีคนมาช่วยเลี้ยงลูกแล้ว ความเครียดก็จะลดน้อยลงไปเยอะเลยหล่ะ นี่ถ้าอยู่เมืองไทย คิดว่าเบบี้บลูคงไม่ได้แอ้มแน่ๆ เพราะตัวช่วยเพียบ

หลังจากสัปดาห์ที่สามเป็นต้นมา อาการก็ดีขึ้นเรื่อยๆ อาการหมดหวังท้อแท้หายไปหมดแล้ว ยังกลับมาคิดเลยว่าตอนนั้นทำไมถึงเศร้าขนาดนั้นหว่า ช่วงนี้กลับมาเป็นคนเดิมแล้ว “เห็นอะไรก็อยากกิน” ฮิฮิ และก็เริ่มกลับมาชอบดูหนังดูโทรทัศน์อีกแล้ว แต่ยังมีเบื่อๆ เซ็งๆ บางวันเวลาที่ลูกไม่นอนและร้องให้อุ้มตลอด มันเหนื่อยอ่ะ

ภาวะซึมเศร้าครั้งนี้อาจจะเป็นเพราะฮอร์โมนหรือเป็นเพราะตัวเองไม่พร้อมที่จะเป็นแม่ก็ไม่รู้ แต่สุดท้ายก็ (น่าจะ)ผ่านภาวะนี้ไปได้ด้วยดี ตอนนี้นับเวลาให้ลูกครบเดือนเต็ม แล้วจะได้ออกไปซิ่งข้างนอกกับลูกไหมซะที กะไว้ว่าจะพาลูกไปเดินเล่น ซื้อของ วันละ 10-20 นาทีทุกวัน ไหมจะได้เจอบรรยากาศใหม่ๆ บ้าง ไม่งั้นอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมกับแม่คงเบื่อแย่เลย

เบบี้บลูหรือภาวะซึมเศร้าเป็นยังไง อยากให้อ่านกระทู้นี้จากคุณหมอ Naughty Doc ที่มาโพสต์ในห้อง @japan ข้อมูลดีเชียวหล่ะ กระทู้เรื่องเบบี้บลู



สารพัดวิธีแก้ไขปัญหาซึมเศร้า


พอรู้ตัวแล้วว่าโดนภาวะซึมเศร้าเล่นงานเข้าแล้ว ตัวเองรีบหาวิธีจัดการทันที ใช้หลายมาตรการเลยหล่ะ ดีขึ้นบ้างไม่ดีขึ้นบ้าง

อย่างแรกเลย พยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ไม่โทรม ย้อมผมเลย ก่อนท้องผมขาวเต็มหัวเลย ตอนนี้ดำสวยแย๊ว เสร็จแล้วก็ตัดผมให้กระฉับกระเฉงขึ้น จากนั้นก็อาบน้ำแต่งตัวทุกวัน ไม่ยอมใส่ชุดนอนอยู่บ้านเด็ดขาด แม้จะอยู่บ้านทั้งวัน ไม่งั้นชีวิตมันจะซึมกะทือไงไม่รู้

อย่างที่สอง คุยค่ะ คุยกับเพื่อน ทั้งที่ไทยและที่ญีปุ่น ออนเอ็มเอสเอ็นบ่อยขึ้น คุยกับเพื่อนทางนี้บ่อยขึ้น เมื่อก่อนแทบไม่เคยเปิดเลยยยย

อย่างที่สาม ออกไปเดินเล่นกับสามีกันสองคน ให้แม่ช่วยดูน้องไหม บางทีก็ออกไปซื้อของ ออกไปกินกาแฟ วันไหนเซ็งจัดๆ ออกไปเล่นเกมส์ที่ร้านปาจิงโกะก็เคย เล่นพวกเกมส์ตีกลองกับยิงปืนหง่ะ ยิงกันหมดไปพันกว่าเยน

อย่างที่สี คุยกับลูกทุกวัน คุยโน้นคุยนี้ คุยให้ชินกับเค้า คุยไปมองไป จนรู้สึกว่า ลูกเรานี้โคตรน่ารักเลยหว่ะ อิอิ เป็นพวกหลงรักลูกตัวเองไปแล้ว

อย่างที่ห้า ทำสมาธิบ้าง โดยเฉพาะเวลานอนไม่หลับ และก็กินน้ำผึ้งตามคำแนะนำของหมอคนสวยก่อนนอน หลับดีขึ้นเยอะเลย

อย่างที่หก ทำตัวให้ยุ่งๆ เข้าไว้ จะได้ไม่ฟุ้งซ่าน

ทำผสมๆ กันไป ได้ผลบ้างไม่ได้ผลบ้าง แต่ตอนนี้ก็หายเป็นปกติแล้วจ้า



Create Date : 29 กรกฎาคม 2551
Last Update : 31 กรกฎาคม 2551 9:53:04 น.
Counter : 3475 Pageviews.

10 comments
  
สู้ ๆ นะคะ
มีเจ้าตัวน้อยมาเคียงข้างแล้วซะอย่าง
สบายไปแปดอย่าง

ภาวะซึมเศร้าหลังคลอด
ไม่รู้จักหรอกค่ะ
เพราะไม่เคยคลอด

แต่พี่สาวเคยเล่าให้ฟัง
มันจะเป็นพักเดียวแหละ


...........(...(`.-``'´´-.´)...)..........
..............)......--.......--....(...........
............./......(o..._...o)....\\\\\\\\\\\\\\\\..........
.............\\\\\\\\\\\\\\\\.........(..0..)......./..........
..........__.`.-._...'='.._.-.´.__.......
......./.......'#.'#.,.--.,.#'.#.'....\\\\\\\\\\\\\\\\.....
.......\\\\\\\\\\\\\\\\__))..........'#'......... ((__/.....
__xxxxxxxxxxx______xxxxxxxxxx
_xxxxxxxxxxxxxx___xxxxxxxxxxxxx
xxxxxxxxxxxxxxxx_xxxxxxxxxxxxxxx
xxxxxxxx Hugs and Kisses xxxxxxx
_xxxxxxxxxxThank you xxxxxxxxxx
__xxxxxxxxxxx so much xxxxxxxx
____xxxxxxxxxxx xx xxxxxxxx
_______xxxxxxxxxxxxxxxxx
_________xxxxxxxxxxxx
__________xxxxxxxxx
____________xxxxx
_____________xxx
_____________xx

Have a wonderful day!
โดย: โสดในซอย วันที่: 29 กรกฎาคม 2551 เวลา:16:48:37 น.
  
พี่หลิง ตอนนี้ก็สบายใจขึ้นแล้วสิน่ะค่ะ

ภาวะโรคซึมเศร้าหลังคลอด บางคนเป็น บางคนไม่เป็นค่ะ

ดาวเป็นตอนลูกคนที่สอง แต่ก็ผ่านมาได้ด้วยดี

เป็นไม่นานหรอกค่ะพี่ อย่างเดียวที่ต้องทำคือ ต้องไม่เครียด และ ก็ทำจิตใจให้สบาย

ยังมีอะไรอีกเยอะในการเลี้ยงลูกแบบครอบครัวเดี่ยวค่ะ

แต่ว่าไม่มีอะไรยากเกินความเป็นแม่ของเราแน่นอน

เป็นกำลังใจให้ค่ะ พอน้องเริ่มโตอีกหน่อยก็จะสบายแล้ว

ดูหนุ่ม ๆ ที่บ้านดาวเป็นต้น ตอนนี้ดาวไม่ต้องล้างจานเองแล้ว

อิอิ พอลูกโตแล้วมันสบายอย่างนี้นี่เอง 555
โดย: hoshi_nao วันที่: 29 กรกฎาคม 2551 เวลา:17:14:21 น.
  
บางคนมีอาการวิตกหลังคลอดนะคะ

สู้ๆ ค่ะ เดี๋ยวพอเข้าที่เข้าทางก็จะดีขึ้นเองค่ะ
โดย: แฟนไท วันที่: 29 กรกฎาคม 2551 เวลา:17:45:36 น.
  
ผ่านมาแล้วนะคะ แต่ก็ยังดี ที่มีคนคอยให้ปรึกษา
ตอนซินคลอด ซินไม่มีภาวะซึมเศร้าเลย คงเป็นเพราะอยู่ไทย มีอาหารอร่อยกิน มีคนทำอาหารให้ ไม่ต้องทำไรเลย นอกจากเลี้ยงลูก
เทคแคร์คะ
โดย: ซิน IP: 58.89.28.236 วันที่: 29 กรกฎาคม 2551 เวลา:19:03:18 น.
  
เมื่อครั้งที่มีลูกคนที่สอง
ลูกคนแรกเสียเมื่อเค้าอายุแค่7 เดือน
ผมเห็นแฟนนั่งร้องให้ ช่วงที่เอามาเลี้ยงได้หนึ่งเดือน ผมก็ใจหาย โทรไปปรึกษาพี่สาวคนโต พี่สาวแสนดีเผ่นมาที่บ้าน บอกว่ากรูจะเลี้ยงให้ แต่เอาค่านมเดือนละพันบาท ! (พวกบ้านผมพี่น้องใช้สรรพนามกันเยี่ยงนี้...ขอโทษ) จากนั้นไม่ต้องเลี้ยงจนไอ้หนูเข้าเรียนมัธยม 1 จันทร์ถึงศุกร์อยู่้ที่บ้านพี่ เย็นวันศุกร์ไปรับมา เย็นวันอาทิตย์ก็ไปส่ง
คุยกับแฟนเขาว่ากลัวไปสารพัดเพราะประสพการที่ร้ายกาจตอนเลี้ยงลูกคนโต และยอมรับว่าซึมเศร้าที่สุดตอนเลี้ยงเดือนแรกนี่เหละ ทุกวันนี้แฟนเขาสำนักบุญคุณเจ้ใหญ่มักมาก เวลานี้ไอ้หนูเรียนจบแล้วทำงานแล้ว เป็นเด็กที่ไม่มีปัญหาให้หนักใจเลย ออ ผมมีลูกคนเดียวเท่านั้นครับ สืบเนื่องจากขวัญหายตอนที่คนแรกเสีย และภรรยากลัวไปทุกๆวินาทีตอนที่ลูกคนที่สองยังเล็กอยู่
ขอให้คุณแม่และลูกที่น่ารักมีความสุขยิ่งๆขึ้นนะครับ
มาอวยพรให้คนอยู่ต่างบ้านต่างเมือง....
โดย: ซ่อนรอยยิ้ม วันที่: 29 กรกฎาคม 2551 เวลา:20:21:20 น.
  
พี่หลิงคะ ตาแวะมาเยี่ยมพี่หลิง
พี่หลิงดีขึ้นแล้ว ก็ดีใจด้วยนะคะ เห็นมั้ยหลาย ๆ คนก็บอก
ว่ามันเป็นไม่นาน ในที่สุดแต่ละอย่างมันก็จะผ่านไปได้ด้วยดี เพื่อที่รอให้เราเจอเรื่องใหม่ ๆ ต่อไปนั่นเองค่ะ

ตอนตาคลอดน้องคุมิใหม่ ๆ ร้องไห้ทุกวัน เคยคิดจะโยนทิ้ง (คิดว่าจะโยนน้องคุมิทุ่มลงไปบนเตียงเด็ก) ดีว่าสามีกับแม่สามีมาเห็นก่อน (แม่สามีคอยสังเหตุตลอดเวลา คิดว่าแกคงเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับเราอยู่ตอนนั้น) แต่ในที่สุดก็ผ่านมาได้ เป็นอยู่ไม่ถึงสองอาทิตย์เลยค่า

พอทุกอย่างผ่านไปแล้ว เหมือนที่พี่หลิงว่าไว้เลยค่ะ ว่าทำไมเราถึงเป็นไปได้ขนาดนั้นเนี่ย เรื่องที่ไม่เคยคิดว่าจะร้องไห้ ก็ร้องไห้ เรื่องธรรมดา ๆ ก็ทนไม่ไหว รับไม่ได้
แปลกดีนะคนเป็นแม่คน

เล่ายาวเกินไปแล้ว (ประเดี๋ยวเมาแย่) ขอเป็นกำลังใจให้พี่หลิงนะคะ พี่หลิงต้องเป็นคุณแม่ที่น่ารัก และเก่งสุดยอดแน่ ๆ เลยค่ะ ตามั่นใจ
โดย: ตา IP: 219.200.192.126 วันที่: 29 กรกฎาคม 2551 เวลา:22:10:53 น.
  
Dont worry na ka. Take it easy.
โดย: CrackyDong วันที่: 30 กรกฎาคม 2551 เวลา:5:01:36 น.
  
เดี๋ยวมันก็จะผ่านพ้นไปเองค่ะ
โดย: NeneShin วันที่: 30 กรกฎาคม 2551 เวลา:11:38:12 น.
  
ตอนติ๊กคลอดใหม่ ก็เป็นค่ะ
ตอนนี้ยังเป็นเลย อาการเบื่อ ๆ หาย ๆ (555)
ยังอยากจะกลับเป็นโสดสัก 2 วัน ให้คุณชายไปด้วย
ตัวแม่จะอยู่เงียบ ๆ ตนเดียว 2 วัน คงจะดีขึ้น

ยิ่งอ่านที่พี่หลิงเขียนมา ยิ่งรู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ เลยค่ะ
ไม่มีความเป็นส่วนตัว เวลาส่วนตัว ก็ทุ่มเทไปให้ลูกเกือบทั้งหมดเลย
บางครั้งลูกก็ร้องไห้ ตัวแม่ก็ไม่รู้ทำยังไง
พ่อแม่สามี มาดู ก็เครียดอีก เออ เราดูลูกได้ไม่ดีพอรึเปล่านะ

ทัศนคติ ระหว่าง แม่สามี กับ เรา ยิ่งปัญหาหนักเข้าไปอีก
พยายามคิดอยู่เสมอค่ะ ต่างเพราะต้องการให้ลูก และหลานของตัวเอง
ได้รับสิ่งที่ดีที่สุด ก็เลยเข้าใจไป (ถึงตอนนี้ จะมีบ้างที่ไม่ตรงกันค่ะ ... ฮา)

แต่พี่หลิง ก็ผ่านพ้นมาแล้วใช่ไหม
พี่หลิงเข้มแข็งแน่นอน สู้ สู้ ค่ะ
โดย: แม่น้องคะน้าจัง (Kana Jan ) วันที่: 31 กรกฎาคม 2551 เวลา:19:25:56 น.
  
ขอบคุณมากค่ะ
ตอนนี้กำลังเผชิญปัญหานี้อยู่
คือตอนนี้ กำลังเรียน ป.โทอยู่ที่ เมกา
เพิ่งแต่งงาน และเพิ่งคลอด
อ่านแล้วตรงมากๆ คิดเหมือนกันหมดเลยทุกอย่าง
กลัวเลี้ยงลูกไม่ไหว กลัวการอยู่คนเดียว

กังวล และ กลัวไปหมดทุกอย่าง
รู้สึกแย่มากๆ ทั้งที่ ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน
ตอนนี้ยังไม่ได้ไปหาจิตแพทย์
จะลองทำอย่างที่คุณแนะนำดูก่อน
ขอบคุณมากนะคะ

Nikki :)))



โดย: Nikki IP: 71.198.169.17 วันที่: 27 มกราคม 2556 เวลา:14:03:22 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

zuling68
Location :
คาวาซากิ ใกล้โตเกียวกะโยโกฮาม่า  Japan

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 15 คน [?]



สัพเพ ธัมมา นาลัง อะภินิเวสายะ - สิ่งทั้งหลายทั้งปวงอันบุคคลไม่ควรยึดติดถือมั่น
ส่งหลังไมค์ที่นี่