มิถุนายน 2551

1
2
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
16
17
18
19
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog
@@ ซ้อมใหญ่ไปนอนในโรงพยาบาลแบบไม่ตั้งใจ @@
เรื่องของเรื่องก็คือว่า

วันจันทร์ที่ผ่านมาจู่ๆ ลูกก็ดิ้นน้อยลงจากที่ปรกติไปเยอะพอสมควร
คือเค้าก็ยังดิ้นอยู่นะ แต่นานๆ ทีขยับทีนึง ก็ยังไม่ตกใจเท่าไหร่
เพราะเหตุการณ์แบบนี้ไม่ได้เกิดเป็นครั้งแรก กลางวันมักเงียบๆ แต่
เด๋วกลางคืนก็ดิ้นกระจายเหมือนเดิม

แต่เอ๊ะ วันนี้ตกเย็นก็แล้วก็ยังดิ้นน้อยเหมือนเดิม พอตกค่ำสองทุ่มกว่า
เจ้าตัวเล็กก็ยังเงียบเหมือนเดิม เออ...ชักกังวลแล้ว เพราะกินข้าวก็แล้ว
กินกาแฟก็แล้ว กินน้ำหวานก็แล้ว และของโปรดของลูกคือ ไอติม
กินเข้าไปลูกก็ยังเฉยอยู่ ให้ฟังเพลงที่เคยฟังทุกวันก็เฉย งั้นเปลียนไป
ฟังเพลงร็อก อัสนี วสันต์แทน เฮ้ย ก็ยังเฉยอยู่ เฮ้ย เป็นไรไปหรือเปล่า

ยิ่งช่วงนี้ไปอ่านกระทู้มาก เด๋วก็มีคอมเม้นท์บอกว่าลูกดิ้นน้อยแล้วไม่ไป
หาหมอ ลูกตายก่อนคลอด อ่านแล้วหนาวไปเลย บางทีก็เจอบอกว่า
ลูกดิ้นน้อยมาสองวัน พอไป้หาหมอ พบว่าสายสะดือพันกัน ต้องผ่าด่วน
เรื่องอะไรแบบนี้มันวนเวียนอยู่ในหัว จนอดกังวลใจไม่ได้

พอสามีกลับมา เห็นนั่งซึมๆ อยู่ก็ถามว่าเป็นไร บอกไปว่าลูกดิ้น
น้อยหล่ะ ทำไงดี เลยคุยกันว่า งั้นลองโทรไปถามรพ.แล้วกันว่า
ดิ้นน้อยขนาดไหนถึงจะต้องกังวลใจ

พยาบาลพอฟังเสร็จ ไม่พูดพล่ามทำเพลง บอกว่าให้รีบมารพ.ทันที
งงไปเลย เพราะกะว่าจะโทรไปปรึกษาเฉยๆ ไม่คิดว่าจะต้องถึงขั้นไปเช็คที่รพ.
ตอนนั้นก็เกือบสามทุ่มแล้ว สามีบอกว่าให้ให้เตรียมกระเป๋าเตรียมคลอด
ไปด้วยเลยเพราะพยาบาลกำชับเอาไว้ ดีนะเนี่ย วันก่อนเพิ่งจัดเสร็จพอดี
เลยไม่ต้องฉุกละหุกมาก

พอก่อนถึงรพ.นิดหน่อย เจ้าตัวเล็กเริ่มขยับเล็กๆ น้อยเอาแล้วไง
ท่าทางเจ้าตัวเล็กจะเริ่มสบายดีแล้ว แต่ไหนๆก็ไหนจะถึงแล้วก็เข้า
ไปตรวจดีกว่า ไปถึงพยาบาลพูดคำแรกเลยเพราะดิ้นน้อยมาตั้งแต่เมื่อไหร่
ตอบไปว่าจริงๆก็แต่เช้าแล้วหล่ะ แต่คิดว่าพอค่ำก็จะดิ้นเลยไม่ได้โทรมา
พยาบาลบอกว่า ถ้าดิ้นน้อยตั้งแต่เช้า ไม่ต้องรอนะ ให้โทรมาเลย รอทำไม
ไม่ต้องรอนะ พูดย้ำแล้วย้ำอีกว่า ให้รีบโทรทันทีที่รู้สึกว่าดิ้นน้อย

แค่โทรมาครั้งนี้ ตัวเองยังรู้สึกว่าเหมือน "กระต่ายตื่นตูม"เลย ถ้าโทรตั้งแต่เช้า
ยิ่งรู้สึกว่าตื่นตูมไปกันใหญ่หง่ะ

แต่รู้สึกว่าพยาบาลซีเรียสมากๆ กับกรณี "ลูกดิ้นน้อย" ปรกติก็รู้สึกว่ารพ.
ญี่ปุ่นถ้าคนไข้โทรมาแล้ว มักไม่ชอบให้มารพ. อาจจะบอกแนวทาง
ให้ดูอาการที่บ้านก่อนมากกว่า ถ้าอย่างนั้นอย่างนี้แล้วค่อยมา แต่คราวนี้
ถูกเรียกให้มารพ.กลางดึก แบบถูกดุอีกด้วยว่า ทำไมโทรมาช้าจัง เป้นงั้นไป


พอถึงรพ.ก็ถูกจับขึ้นเตียงเช็คการเต้นหัวใจของลูก เช็คการดิ้น และเช็คการ
หดตัวของมดลูก โดยเครื่องที่ใช้จะพล็อตข้อมูลออกมาเป็นกราฟ
ใช้ระยะเวลาสามสิบถึงสี่สิบนาที

ผลออกมาลูกก็ดิ้นนะ แต่บางขณะเครื่องจับได้ แต่ตัวเองไม่รู้สึกเลยว่าดิ้นอยู่
แต่คงเป็นการดิ้นเบาๆ เวลาลูกดิ้นการเต้นหัวใจลูกจะสูงมาก สูงถึง 170
ครั้งต่อนาทีก็มี แต่ช่วงนอนหลับหัวใจจะเต้นแถวๆ 120 กว่าๆ ครั้งต่อนาที

นับดูการดิ้นของลูกดูแล้ว ลูกไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่ผลการตรวจการหดตัว
ของมดลูกพบว่า มีการรัดตัวสิบนาที 1 ครั้ง ซึ่งพยาบาลบอกว่าค่อนข้างถี่ทีเดียว
แต่ถี่ขนาดนี้ตัวเองไม่เห็นรู้สึกเลยว่ามีอาการท้องแข็งหรืออาการหดตัวของ
มดลูก

พยาบาลเลยแนะนำ ให้นอนรพ.หนึ่งคืนเพื่อดูอาการ เฮ้ย นี่ถึงขั้นต้องนอน
รพ.เลยเหรอเนี่ย มันซีเรียสขนาดนั้นเลยเหรอ ตัวเองอยากกลับบ้านหง่ะ
ก็คิดว่าไม่เป็นไรนี่นา

สามีกลับเห็นด้วยกันพยาบาลบอกว่า น่าจะนอนนะ เพื่อ make sure ว่า
ลูกโอเค ถือเสียว่าเป็นการซ้อมใหญ่เข้าโรงพยาบาล เอ้า ว่าไงว่าตามกัน
นอนก็นอน ว่าแล้วก็เปลี่ยนชุดนอนที่เตรียมมา (โชคดีก่อนมา
อาบน้ำมาเรียบร้อยแล้ว รพ.ห้ามอาบน้ำหลังสามทุ่ม) แปรงฟัน แล้ว
พยาบาลก็พาไปห้องพักคนไข้ ส่วนสามีก็กลับบ้านไปนอนที่บ้าน
เพราะที่นี่ห้ามนอนเฝ้า

เราเลือกห้องแบบคนไข้สี่คน วันที่ไปไม่มีคนไข้เลย เลยกลายเป็นห้องเดี่ยว
สำหรับตัวเองไป

ตื่นเช้ามาพยาบาลก็มาทำการทดสอบเหมือนเมื่อคืนอีก ใช้เวลาสี่สิบนาที
เช่นกัน เช้านี้ตัวเล็กดิ้นกระจาย ท้องก็ไม่แข็งแล้ว พยาบาลก็เลยบอกว่า
งั้นก็กลับบ้านได้แล้วหล่ะ แต่ยังไงเด๋วหมอจะมาเยี่ยมก่อนนะ

หมอมาถึงเดินมาคุยไม่ถึงหนึ่งนาที โดยมาแค่บอกว่า ดูแล้วไม่มีปัญหา
กลับบ้านได้ แล้วเจอกันวันจันทร์นะครับ วันนัดตรวจครรภ์ตามปกติ
แล้วก็เดินจากไปแบบตัวเองนั่งงงๆ อยู่เพราะคุยเร็วมากๆ

นั่งดูโทรทัศน์อีกสักพัก อ้าว มีหมอมาอีกแล้ว คราวนี้มาเป็นทีมหมอสามคน
พยาบาลอีกสามคน เข้ามาเยี่ยม เป็นหมู่คณะ มาถึงหัวหน้าทีม (อายุมากสุด)
ก็ถามว่า ลูกดิ้นไหม ก็ตอบไปว่าดิ้นค่ะ หมู่คณะหมอก็ยิ้มๆ แล้วก็บอกว่า
งั้นคงไม่มีปัญหาอะไร แล้วก็เดินจากไป ปล่อยให้ตัวเองนั่งงงๆ อีกเช่นกัน
ว่าทำไมมาเยี่ยมหลายคนจัง

สักพักสามีก็โทรมา บอกว่าจะมารับกลับบ้านนะ จริงๆก็บอกไปแล้ว
ว่ากลับเองได้ไม่ต้องเป็นห่วง แต่จะกลับรถไฟนะ นั่งรถแท็กซี่บอกทางไม่
เป็นหง่ะ เค้าไม่ยอมบอกยังไงก็ควรนั่งแท็กซี่เพราะสมบัติบ้าที่ขนมาเมื่อคืน
มันหนักพอควร

พอมาถึงก็มาเช็คบิล เหอ เหอ เหอ แพงหง่ะ รวมเสียไปห้าหมื่นเยน
นอนยังไม่ถึงยี่สิบชั่วโมงเลย แพงงงงงงงงงจัง ถ้ารู้ว่าแพงขนาดนี้
เมื่อคืนขอกลับบ้านแล้ว เพราะที่นี่ดันคิดค่าห้องไม่เหมือนการคิดแบบนอน
โรงแรมอ่ะ คือไม่ได้คิดเป็นคืน แต่คิดเป็นวัน ราคาออกมาเป็นราคาสองวัน
เฉยเลย แฟนบ่นใหญ่เลย ว่า tricky จัง แต่ก็ช่วยไม่ได้ เพื่อความปลอดภัย
ของลูก กันไว้ดีกว่าแก้

หลังจากนี้ไปเวลาลูกดิ้นน้อยลง ต้องตั้งใจนับดีๆ แล้ว เพราะเสียเงินแพงมั่กๆ
แต่ถ้าเกิดไม่ดิ้นนานๆ ขึ้นมาอีก แล้วไม่โทรไปก็โดนพยาบาลดุอีกแน่ๆ เลย
ตอนนี้สามีก็คุยกับลูกว่า ดิ้นบ่อยๆ นะลูกน้า พ่อเป็นห่วง ห่วงทั้งลูก
ห่วงทั้งกระเป๋าตังค์ด้วย ^_^

อยากให้ถึงวันผ่าเร็วๆ จัง จะได้ไม่จิตตกเหมือนคราวที่แล้วอีก เข้าใจว่าช่วงนี้
ไปอ่านบทความหรือข้อมูลอะไรเกี่ยวกับสายสะดือมันพันกันเยอะไปหน่อย
อ่านที่ไรก็ประเภทอีกสามวันจะคลอดแล้วเด็กเสียก่อนอะไรทำนองนี้
ใจไม่ดีเลย ตานี้เลยกังวลใหญ่เลยหล่ะ อ่านมากก็ไม่ดีเลยยย เก็บมาเป็น
กังวลเปล่าๆ แต่คิดไปคิดมา เสียเงินดีกว่าเสียลูกเนอะ ยังไงลูกก็มาอัน
ดับหนึ่งเสมอหล่ะ คิดยังงี้ได้ก็คิดว่าทำถูกแล้วหล่ะ





อาการคนท้องตอนนี้ 37 วีคแล้ว

ตอนนี้น้ำหนักขึ้นมาสิบกิโลจิ๊ดๆ แล้ว คงสิบเอ็ดหรือสิบสองโลจนคลอดหล่ะ
เดินทีเมื่อยขาชะมัดเลย เหมือนรับน้ำหนักเยอะ แต่ก็ยังเดินเป็นควาย
เหมือนเดิมหล่ะ สามีอิฉันก็ใจดีจริงๆๆๆ เรียกไปเรียนหนังสือทุกวัน ตื่นมา
แต่เช้าก็ถามอีกแหล่ะว่า วันนี้ไปโรงเรียนหรือเปล่า ถามเหมือนไอ้พุง
ที่ใหญ่ๆขึ้นมาเนี่ยมันไม่มีอะไรในนั้นยังงั้นแหล่ะ บางทีก็ตอบไปว่า
ไอ้ที่อยู่ในพุงเนี่ย มันลูกนะแล้วมันก็หนักมากด้วย เดินลำบากเหมือนกันนะเฟ้ย
(แต่จริงๆ ตัวเองก็อยากไปเรียนอยู่แล้วหล่ะ เพียงแต่สงสัยว่า ทำไม
ตานี่ชอบกังวลว่าตัวเองจะไม่ยอมไปโรงเรียน แปลกคนจริงๆเลย
แถมชอบให้ออกไปเดินข้างนอกเยอะๆ อีกต่างหาก)

ตอนนี้มือเริ่มบวมแล้ว แต่จะบวมตอนตื่นนอนแล้วจะกลับมาขนาดเท่าเดิม
ในตอนเย็น ส่วนขายังไม่บวม พุงก็ยังไม่ลาย ก็ถือว่าโชคดีไป

ช่วงนี้เข้าห้องน้ำบ่อยมาก โดยเฉพาะจะปวดแบบกะทันหันทันด่วนยาม
เมื่อลูกถีบกระเพาะปัสสาวะ

อาการท้องแข็งก็คงมีเป็นระยะๆ แต่ไม่ค่อยรู้สึกตัวเท่าไหร่ เพราะยังรู้สึก
ว่าไม่ได้เจ็บหรือปวดท้องอะไรเท่าไหร่

ต่อไปดูรูปห้องพักคนไข้กันดีกว่า


เตียงแบบมีจอโทรทัศน์เล็กๆ ติดตั้งไว้ด้วย ดูสะดวกดี




หัวนอนจะมีไฟให้อ่านหนังสือ รีโมทโทรทัศน์




บรรยากาศภายในห้องสี่เตียง




อาหารเช้า (รพ.ไทยอร่อยกว่าเยอะเลย)





เครื่องตรวจหัวใจ การดิ้นของเด็ก และการหดตัวของมดลูก




Create Date : 20 มิถุนายน 2551
Last Update : 20 มิถุนายน 2551 8:38:45 น.
Counter : 1203 Pageviews.

10 comments
  
ปลอดภัยไว้ก่อน ดีแล้วค่ะ

ขอให้สุขภาพแข็งแรงทั้งแม่ทั้งลูกนะคะ
โดย: Oops! a daisy วันที่: 20 มิถุนายน 2551 เวลา:10:25:01 น.
  
ฮี่ฮี่ นู๋กิ๊กมาชวนไปหม่ำมื้อเที่ยง ง่ะ ก้อมาชวนไปหม่ำ Taco ของอร่อยๆ ทำจากใจ เอาไว้ให้ชิม วี๊ดวิ๊ว ฮ่าฮ่า คารมคอมหอก อิอิ
เอาอ่ะ ไปลองชิมเน้อ
โดย: Gigg_Pat วันที่: 20 มิถุนายน 2551 เวลา:12:33:02 น.
  
เวลาลูกดิ้นน้อยนี่กังวลนะคะ ดีหน่อย ที่โทรไปหาพยาบาลแล้วเค้าให้ไปรพ.เลย
ส่วนมากเห็นแต่โทรไปปรึกษา เค้าก็ปรึกษษจริงๆๆ ไม่ค่อยอยากให้ไปรพ.
แต่ไปตรวจหล่ะสบายใจที่สุดน่ะคะ

ว่าแต่รพ. เตียงสี่ นี่ก็ดูเรียบร้อยและสะอาดสะอ้านกว่าเมืองไทยมากๆๆเลย
โดย: Cafe'_latte วันที่: 20 มิถุนายน 2551 เวลา:20:18:11 น.
  
คุณซูหริง ทำใจสบายๆ ก็คงเหมือนน้าที่ไปอ่านมาก พอปวดแขนมากๆอย่างไม่เคยเป็น
ก็จิตตก คิดไปสารพัด ตอนนั้นก็อยากไปตรวจให้รู้แล้วรู้รอดว่าเป็นอะไร ตรวจเสียเงินหมื่นเยนไปแล้ว
หายสบายดี ก็ถือว่าเรารักษาดูแลตัวเองแล้ว เกิดอะไรจะได้ไม่เสียใจ
ดูแลรักษาครรภ์ให้ดีๆ อีกไม่นานหลานก็จะมาให้ชื่นชมแล้ว รอฟังข่าวตลอดค้ะ
โดย: พนอจัน IP: 218.230.56.24 วันที่: 21 มิถุนายน 2551 เวลา:10:08:23 น.
  
ขอให้แข็งแรงทั้งคุณแม่และน้องนะคะ


รพ.ที่ญี่ปุ่นดูสะอาดดีจังเลยค่ะ
โดย: cutie_nitty วันที่: 21 มิถุนายน 2551 เวลา:15:59:48 น.
  
พี่หลิง ปุ้ยก็เคยเป็นอาการแบบนี้น่ะ ตอนนั้นยังไม่ออกจากไบต์ นั่งทำงานไปรู้สึกว่าน้องไม่ดิ้น กังวลมาก
พอกลับบ้าน นั่งรถอยู่ก็เมลล์บอกสามีว่า วันนี้เลิกงานแล้วกลับบ้านได้มั้ยไม่ต้องทำงานต่อถึง2-3ทุ่มแบบทุกวันได้มั้ย
เพราะลูกไม่ดิ้นมาหลายชั่วโมงแล้ว พาไป รพ.หน่อย
แบบว่ากลัวสายสะดิอพันคอลูกแล้วตายอ่ะ
สามีก็ตกใจ บอกรีบๆกลับเลย

ตอนปุ้ยนั่งรถกลับภาวนากะพูดกะลูกไปด้วย
ไม่อายคนละเค้าฟังเราไม่ออกหรอกแฮ่ๆๆ

ว่าลูก แม่ให้เวลาอีก 5นาทีจะถึงบ้านแล้วนะวันนี้หนูไม่ดิ้นเลยแม่กะพ่อเป็นห่วง
ถ้าภายใน5นาทีนี้ลูกไม่ดิ้นแม่จะให้พ่อพาไปรพ.นะ เท่านั้นแหละ อีกแป๊บเดียวไอ้หนูค่อยๆดิ้นแรงขึ้นๆๆ

ค่อยโล่งอก

กลับบ้านสามีอ่านจากเน็ตบอกว่าในเว็ปญี่ปุ่นเเค้าเขียนว่าให้คุยกะลูกบอกลูกทุกวันว่า อยู่ในท้องให้เป็นเด็กดี เล่นอยู่ข้างในท้องดีๆ ระวังสายรก ประมาณนี้อ่ะค่ะพี่ จากนั้นนทถกวันเลย ปุ้ยบอกลูกทุกวันเลยฮ่าๆๆ เค้าคงรู้เรื่องมั่งแหละค่ะพี่ลองดูนะคะ

อีกอย่างบางทีเค้าดิ้นแต่ไม่แรงเราเลยไม่รู้สึกอ่ะค่ะ เลยกังวลไป
โดย: แม่บ้านณ.โตเกียว วันที่: 22 มิถุนายน 2551 เวลา:17:35:18 น.
  
โล่งใจไปนะคะที่ไม่เป็นอะไร เมคชัวร์ไว้ก่อนดีแล้วค่ะพี่
โรงพยาบาลญี่ปุ่นดีนะคะ อาหารอร่อย อันนี้คอนเฟิร์ม อิอิ
ตอนแฟนเอ๊ดนอนโรงพยาบาล ไปแย่งอาหารคนป่วยกินประจำ อร่อยมาก

เตียงแบบที่พี่หลิงไปนอน เตี้ย ๆ แบบนี้ คุณแม่ลุกนั่ง เดิน
สะดวกดีนะคะ ดีกว่าเตียงแบบสูง ๆ
แต่คืนเดียวห้าหมื่น แพงจังเลยค่ะ ไม่เต็มวันด้วยซ้ำ
แต่ถ้าเทียบกับความสบายใจของคุณพ่อคุณแม่
แค่นี้เล็กน้อยเนอะ

ขอให้พี่หลิงคลอดง่าย ๆ เจ็บท้องแป๊บเดียวนะคะ
เอ๊ดพึ่งไปคุยกับคุณครูที่คลอดลูกเมื่อเดือนเมษา
เห็นบอกว่าเจ็บท้องอยู่ห้าชั่วโมงครึ่ง
ครูบอกคนที่คลอดท้องแรกพร้อม ๆ กัน ครูเจ็บท้องสั้นที่สุดแล้ว
คนอื่นเจ็บกันไปเป็นสิบชั่วโมง
เห็นของใช้เด็กอ่อนที่บ้านครูแล้ว อยากกรี๊ด
มีแต่ของน่ารัก ๆ ทั้งนั้นเลย ถ้ามีลูกได้เสียเงิน
ไปกับของน่ารัก ๆ แบบนี้เยอะแน่ ๆ

ไม่ได้คุยซะนาน โม้ยาวเลย ไปแล้วจ้า เทคแคร์นะคะ
โดย: ssachiy IP: 122.29.109.208 วันที่: 22 มิถุนายน 2551 เวลา:20:53:25 น.
  
ตื่นเต้นไปด้วยค่ะ เคยมีประสบการณ์ในเรื่องคลอดก่อนกำหนด(ลูกชายคนเล็กค่ะ)แต่คลอดตอน อายุครรภ์ 28 วีคค่ะไม่อยากให้ใครต้องมาเจอแบบเดียวกันเลยค่ะ เนื่องจากเป็นท้องที่ 2 แล้วก็รู้เพศแล้วว่าเป็นผู้ชาย เราเลยบอกหมอว่าทำหมันไปพร้อมกันทีเดียวเลย(ผ่าคลอดน่ะค่ะ)หมอบอกว่าไงทราบมั้ยคะ หมอบอกว่าคงไม่ทำหมันให้หรอกค่ะเพราะโอกาสรอดของลูกชายมี 50/50 เรางี้ใจหายวาบเลยค่ะ แต่การแพทย์ไทยสมัยนี้ไฮเทคมาก แล้วเราคลอดที่รพ.ศิริราช ที่มีเครื่องมือพร้อม ดช ริวอิจิ จึงอยู่รอดและปลอดภัยจนกระทั่งทุกวันนี้ค่ะ
ปลอดภัยไว้ก่อน ดีแล้วล่ะค่ะ ถ้ามีเลือดไหลหรือมีเหตุการณ์ผิดปกติ รีบไปรพ.เลยนะคะ

ขอให้มีความสุขนะคะ

ปล.โพสรูป ดช.ริวอิจิให้ดูค่ะ ตอนนี้อายุ 6 ขวบแล้ว นน ตอนคลอด 1570 กรัม ส่วนสูงไม่มีระบุไว้เนื่องจากคลอดแล้วต้องรีบเข้าห้อง icu เด็ก
ปัจจุบัน นน 24.2 กิโลกรัม สูง 121.8 เซนติเมตร(สูงที่สุดในห้องเลยค่ะ)
โดย: a.miyazaki วันที่: 23 มิถุนายน 2551 เวลา:20:27:53 น.
  
อ่านแล้วก้อลุ้นไปกับพี่หลิง
แฮมก้อเป็นเหมือนกันคะ
วันๆ ต้องคอยลุ้นนับลูกดิ้นคะ
วันไหนดิ้นน้อยไป ก้อรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ
จนคนอื่นๆเขาบอกว่าซีเรียสมากไป
แต่เราก้อเป็นห่วงลูกนะซิ

พี่หลิงกำหนดคลอดเมื่อไหร่คะ

โดย: Hamugo วันที่: 25 มิถุนายน 2551 เวลา:11:41:12 น.
  
มาเยี่ยมค่ะ เลี้ยงลูกเหนื่อยไหมเอ่ย พี่หลิง
โดย: แม่น้องคะน้าจัง (Kana Jan ) วันที่: 15 กรกฎาคม 2551 เวลา:22:40:05 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

zuling68
Location :
คาวาซากิ ใกล้โตเกียวกะโยโกฮาม่า  Japan

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 15 คน [?]



สัพเพ ธัมมา นาลัง อะภินิเวสายะ - สิ่งทั้งหลายทั้งปวงอันบุคคลไม่ควรยึดติดถือมั่น
ส่งหลังไมค์ที่นี่