Photobucket - Video and Image Hosting
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2550
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
20 สิงหาคม 2550
 
All Blogs
 
Day Trip Around Tokyo-Kanagawa

หายไป 10 วันเต็ม เพราะมีงานช่วยชาติอันแสนยิ่งใหญ่เข้ามา คุณแด๊ดกับแม่เกิดรู้สึกอยากจะมาเยี่ยมลูกสาวสุดสวยอย่างกะทันหัน งานนี้เรียกว่าเกิดจากการตัดสินใจอย่างปุบปับของคุณแด๊ด เพราะทนเสียงรบเร้าของแม่ไม่ไหวเมื่อ "แม่จะไปเที่ยวอเมริกากับเพื่อนให้ได้" แต่คุณแด๊ดไม่อยากไป คุณแด๊ดว่าหากแม่อยากไปก็ไป ไม่ห้าม แต่แม่ผู้ไม่เคยฉายเดี่ยวในชีวิตจะยอมไปหรือหากไม่มีคุณแด๊ด...ไปให้อุ่นใจ

คุณแด๊ดให้เหตุผลสั้น ๆ ว่า หากเอาเงินไปเที่ยวอเมริกากับเพื่อน ๆ (โดยคุณแด๊ดต้องไปช่วยเป็นสารถีเช่ารถขับข้ามรัฐ)แล้วละก็ สู้เอาเงินไปเยี่ยมลูกสาวที่ญี่ปุ่นดีกว่า

ตาอ้วนจึงต้องพิมพ์หนังสือเชิญเป็นการใหญ่ คุณแด๊ดเข้าไปศึกษาข้อมูลการขอวีซ่าในเวบของสถานทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย แล้วก็สรุปง่าย ๆ ว่า เอกสารไม่ยุ่งยากเลย สำหรับคนที่เคยมาย่ำราตรีที่ญี่ปุ่นหลายครั้งแล้ว แต่กระนั้นก็ตามเมื่อฉันส่งสำเนาหนังสือเดินทาง พร้อมกับหน้าวีซ่าถาวรไปให้ ทางเจ้าหน้าที่ติงว่า ทำไมไม่มีบัตรคนต่างด้าวแนบมาด้วย (บัตรคนต่างด้าวจะเอาไปทำไมฟระ) แต่จนท.ก็บอกให้คุณแด๊ดลองยื่นเอกสารไปก่อน หากมีปัญหาจะขอเอกสารเพิ่มเติม แต่ 2 วันทำการให้หลังแม่กับคุณแด๊ดก็ได้วีซ่าญี่ปุ่นมาประดับหน้าหนังสือเดินทางอีกรอบ

คุณแด๊ดยังไม่วายบ่นกะปอดกะแปดว่า "ทางญี่ปุ่นไม่ได้เป็นสปอนเซอร์การเดินทางครั้งนี้สักหน่อย จะเอาเอกสารฝ่ายโน้นไปทำไมให้ยุ่งยากวะ(ครับ)"

คุณแด๊ดผู้รอบรู้(เนื่องจากวัน ๆ ใช้เวลาท่องเนตมากพอ ๆ กับฉัน)ได้ติดต่อซื้อตั๋วการบินไทยแบบตั๋วโปรโมชั่นสำหรับผู้สูงอายุ (55 ปีขึ้นไป) แต่ก็ไม่มั่นใจจึงต้องโทรไปจิกเรียกไอ้รัตน์เสียงงัวเงียลุกขึ้นมาจากที่นอน

"รัตน์หรือลูก อุ๊ย...พ่อโทรมาปลุกหรือเปล่า"

"อือ...คุณพ่อเหรอคะ...ไม่เป็นไรค่ะ คุยได้ค่ะ" ไอ้รัตน์ทำน้ำเสียงกะปรี้กะเปร่าขึ้นมาทันที

แล้วคุณแด๊ดก็ปรึกษาไอ้รัตน์เรื่องตั๋วโปรโมชั่นที่ว่านี้ (คุณแด๊ดเพื่อนหนูมันเป็นแอร์ ไม่ใช่พนักงานออกตั๋ว) ขั้นตอนต่าง ๆ ฉันก็ไม่รู้ละเอียดนักเอาเป็นว่าคุณแด๊ดสามารถหาตั๋วเครื่องบินการบินไทย 2 ใบมาญี่ปุ่นได้ ด้วยสนน.ราคา 17,xxx บาท / คน

"ออย...ขึ้นรถไฟมารับแม่คนเดียวได้ไหม ไม่ต้องให้ด้งมา"

"ทำไมละแม่" นึกปลื้มอยู่ในใจว่าแม่คงไม่อยากให้สิ้นเปลืองมารับกันสองคน

"แม่ไม่ไว้ใจด้ง กลัวมาสายอีก บอกตรง ๆ ว่าเรื่องการรักษาเวลา ด้งหมดเครดิตในสายตาป๊ากับแม่แล้วลูก" กรี๊ด....

"แต่ออยอย่าบอกด้งนะ เดี๋ยวเค้าเสียใจ"

ตาอ้วนน่ะฉลาดจะตายมีหรือจะไม่รู้ แค่ฉันอ้อม ๆ แอ้ม ๆ บอกว่าฉันจะไปรับคุณแด๊ดกับแม่ที่สนามบินคนเดียว พี่แกก็รีบพูดดักคอขึ้นมาเลยว่า

"คราวนี้ไม่สายหรอก จริง ๆ นะ"

แล้วพวกเราก็ตื่นกันแต่ไก่โห่ ขับรถไปถึงสนามบินตั้งแต่ 8 โมงเช้า แต่กว่าคุณแด๊ดกับแม่จะเดินนวยนาดกันออกมาก็นู่นแน่ะร่วม 9 โมง เพราะรอรับสัมภาระที่สายพานใช้เวลานานโข

แม่รีบเอาไปรณียบัตรวันแม่ของพันทิบมาอวดฉันทันที ว่าได้รับก่อนวันแม่อีก หูย...หยิบติดมือมาโชว์ที่ญี่ปุ่นด้วยนี่นะแม่...

วันนี้ไม่มีโปรแกรมไปเที่ยวไหน ขับรถจากสนามบินนาริตะตรงดิ่งกลับนิวาสถานโยโกฮาม่าในทันที ให้คุณแด๊ดกับแม่พักผ่อน ชำระล้างกาย เพราะแม่บ่นมาว่าที่นั่งชั้นประหยัดของการบินไทยแคบมาก ๆ เครื่องบินก็เก๊าเก่า...แต่นักบินเก่ง เอาเครื่องลงจอดนิ่ม คุณแด๊ดมักจะเบรกแม่เป็นประจำว่า

จะเอาเครื่องเก่า นักบินเก่า
หรือจะเอาเครื่องใหม่ นักบินใหม่กันล่ะ

ก่อน 1 ทุ่มนิดหน่อยเรา 4 คนเดินออกจากบ้านไปยังคอนโดของป่าป๊าหม่าม้า เพราะท่านเตรียมซูชิไว้เลี้ยงคุณแด๊ดกับแม่

"ออยจัง....พ่อกับแม่ไทยชอบกินอะไร มีให้เลือกระหว่างสุกี้ยากี้ / ชาบุชาบุ" ป่าป๊าถามฉันไว้ล่วงหน้าเป็นอาทิตย์ตั้งแต่รู้ว่าคุณแด๊ดกับแม่จะมาญี่ปุ่นแน่ ๆ

"เดี๋ยวนี้คุณแด๊ดกับแม่ต้องควบคุมน้ำตาล คงไม่ค่อยอยากกินสุกี้ยากี้ญี่ปุ่นสักเท่าไหร่ แต่แม่เคยบอกว่าตอนที่มาคราวที่แล้ว ๆ ป่าป๊าสั่งซูชิมา 2 กระบะใหญ่ แม่ชอบมากเลย แล้วยังข้าวแกงกะหรี่ท๊อปปี้งไข่ดาวอีก แม่ก็ว่าอร่อย"

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

ป่าป๊ากับหม่าม้าไต่ถามถึงของที่คุณแด๊ดกับแม่ชอบ-ไม่ชอบ แล้วก็สรุปได้ว่ามื้อคืนวันแรกที่มาถึงจะเลี้ยงซูชิ แล้วมื้อกลางวัน ๆ ถัดไปจะเลี้ยงข้าวแกงกะหรี่ แล้วป่าป๊าก็ไปหาสูตรแกงกะหรี่ผัก ฝึกปรือฝีมือล่วงหน้าให้ฉันและตาอ้วนเป็นหนูตะเภาทดลองกินดูก่อน

ไม่ผิดหวัง เพราะคุณแด๊ดกับแม่ชมเปาะอาหารทั้งสองอย่าง โดยเฉพาะซูชิ ถึงแม้ว่าหลังจากนั้นฉันจะพาคุณแด๊ดกับแม่ไปทานซูชิอีก 2 ครั้งที่ร้าน แต่แม่ก็จะพร่ำพูด(จนหงุดหงิดใจ)ว่าอร่อยสู้ที่กินที่บ้านโอโต้ซังไม่ได้

แน่นอน เพราะป่าป๊าค่อนข้างจะเป็นลูกค้าที่ดีของซุปเปอร์ในSeibu จนร้านขายปลาแนะนำป่าป๊าได้ว่าวันนี้ปลาชนิดไหนสด และคุณภาพดี แล้วยังแล่ปลาแต่ละชิ้นออกเบ้อเริ่ม / ส่วนสาหร่ายที่หม่าม้าตัดมาให้พันก็เป็นสาหร่ายชนิดเกรดดี ไม่เหมือนสาหร่ายตามร้านซูชิที่ใช้ทั่วไป คืนวันแรกทุกคนอิ่มจนพุงกาง เพราะกระบะแล่เนื้อปลาที่เห็น 1 กระบะกินกัน 3 คน (ป่าปาสั่งมา2กระบะ) ตาอ้วนก็บริการคุณแด๊ดสุดใจขาดดิ้น ปั้นข้าวเป็นก้อนพอคำเหมือนในร้านซูชิส่งให้คุณแด๊ดไม่ขาดมือ จนแม่เอ่ยปากว่า

"ด้ง...ลาออกจากงาน แล้วไปเปิดร้านซูชิที่เมืองไทยเถอะ ท่าจะรุ่งแน่นอน"

ป่าป๊ารีบเอาปลามามาคาริ(จ.โอกายาม่า)มาโชว์ฉัน เพราะรู้ฉันชอบปลาประเภทนี้นัก รสชาติดองเปรี้ยวดองหวานแบบนี้ ไม่ใช้แต่ฉันชอบเท่านั้น ซ้ำยังเป็นที่ถูกปากถูกลิ้นคุณแด๊ดกับแม่ด้วย ฉันว่าลิ้นคนไทยชอบอะไรเปรี้ยว ๆ หวาน ๆ นะ

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

ผลไม้ล้างปากเป็นแตงโมเนื้อทรายหวานฉ่ำเย็นเจี๊ยบ แม่เอ่ยปากชมเลยว่าหวานสนิทแท้ ๆ หากแม่ชมก็ประกันได้เลยว่าอร่อยจริง ๆ เพราะปกติแม่จะเป็นคนชอบตัดยอดแตงโมกิน เพราะมันเป็นส่วนที่หวานที่สุด ส่วนโคน ๆ แม่จะไม่ค่อยกิน แต่แตงโมญี่ปุ่นหวานเสมอกันตลอดทั้งลูก คุณแด๊ดกับแม่กินจนลืมระดับน้ำตาลในเส้นเลือดเลย

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

เช้าวันที่ 12 สิงหา ตาอ้วนลงไปร้านสะดวกซื้อหาซื้อกาแฟสำเร็จรูปมาให้คุณแด๊ด ปกติบ้านฉันจะไม่มีกาแฟติดไว้ เพราะไม่ใช่คอกาแฟด้วยกันทั้งคู่ ฉันก็คิดไว้แล้วว่าจะต้องซื้อกาแฟเตรียมไว้ให้คุณแด๊ดผู้ที่ต้องดื่มกาแฟดำทุกเช้า วันนี้เราจะออกไปเที่ยวข้างนอก แต่ติดที่ว่าต้องทานข้าวแกงกะหรี่มื้อกลางวันกับป่าป๊าหม่าม้าก่อน ตาอ้วนจึงรีเควสว่าขอเป็นมื้อกลางวันแบบเร็ว ๆ คือเริ่มทาน 11 โมงเช้า เพื่อจะไม่เสียเวลาเที่ยว

ขนาดกินข้าวเช้ามาตอน 8 โมงกว่า ๆ คุณแด๊ดกับแม่ก็ยังเติมข้าว 2 รอบ เมื่อเจอแกงกะหรี่ผักเนื้อสับหม้อนี้ของป่าป๊าเข้าไป โอ้ว...เที่ยวนี้ป่าป๊าทำอร่อยกว่าครั้งที่ฉันกับตาอ้วนเป็นหนูทดลองเสียอีก ป่าป๊าว่าจับทางได้จากปลามามาคาริเมื่อคืน รู้ลิ้นคนไทยว่าชอบทานอาหารออกหวาน ๆ หน่อย ท่านจึงใส่น้ำผึ้งลงไปเยอะกว่าคราวที่แล้ว....มะเขือม่วงชิ้นหนานุ่ม แครอท พริกหยวก หอมหัวใหญ่ที่ถูกเคี่ยวมาพร้อมกับรสชาติที่ลงตัว จนแม่ชมเปาะบอกว่าแกงกะหรี่ของอดีตchairmanบริษัทเบียร์ยักษ์อย่างป่าป๊าต้องขายที่ไทยได้ดีแน่ ๆ เล่นเอาป่าป๊าหน้าบานยิ้มไม่หุบเลย

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

พอกินข้าว กินขนมเสร็จจนพุงปลิ้น พวกเราก็เดินไปขึ้นรถไฟที่สถานี ตั้งใจไว้แต่แรกแล้วว่าจะไม่ขับรถไป เพราะกลัวรถติดเนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุดฤดูร้อนคนญี่ปุ่นจึงนิยมไปเที่ยว แล้วไหนจะที่จอดรถที่คงจะหาอย่างลำบากอีก เนื่องจากการจราจรคับคั่ง แม่ดีใจสุด ๆ ที่จะได้นั่งรถไฟสายยูริคาโมเมะ ที่ร่ำร้องอยากนั่งมานาน ก่อนมาญี่ปุ่นครั้งนี้แม่ไปซื้อหนังสือแนะนำการท่องเที่ยวพิมพ์ภาพสีกระดาษอาบมันอย่างดีของYokosoมาอ่านเตรียมศึกษาไว้ล่วงหน้าทั้งหมด ทริปนี้ที่จัดไม่ได้จัดตามใจฉันหรอก แต่เป็นการจัดตามรีเควสของแม่ที่แม่อยากจะไปมากกว่า สถานที่ไหนที่อยู่นอกเส้นทางออกไปก็ตัดทิ้ง พยายามจะหาอะไรที่อยู่ในเส้นทางเดียวกันให้ได้มากที่สุด แม่รู้มาก เพราะอ่านหนังสือเล่มนี้...รู้มากจนตาอ้วนกระซิบเบา ๆ ให้ฉันได้ยินกัน 2 คนว่า

"She knows too much. It's not fun anymore if she knows that much." เพราะไม่เพียงแต่แม่ศึกษาจากหนังสือมาก่อนล่วงหน้าเท่านั้น แม่ยังจดโน้ตมา 3 หน้ากระดาษบอกรายละเอียดเส้นทางที่แม่จะไปล่วงหน้าด้วย

แม่บอกฉันว่า "เราจะต้องไปเปลี่ยนรถที่สถานีชิมบาฉิ เพราะขึ้นรถโมโนเรลสายอะไรน้า...ที่ชื่อแปลว่านกนางนวลไปต่อที่โอไดบะ"

"ที่โอไดบะ แม่อยากจะไปดู Little Hong Kong / สถานีโทรทัศน์ฟูจิ ตึกที่มันมีลูกกลม ๆ ตอนสร้างเค้าเอาสร้างจากพื้นดิน แล้วดึงมันขึ้นไปไว้ระหว่างตึกทีหลัง เท้...เท่.../ แล้วแม่อยากไปดูรูปปั้นเทพีสันติภาพด้วย เพื่อน ๆ จะไปนิวยอร์กกัน แต่ป๊าไม่ยอมไป...แม่ก็จะได้มาดูที่ญี่ปุ่น / แล้วยังมีรถในอนาคตของโตโยต้าด้วยนะ เค้าให้มีลองขับด้วย แต่ต้องเสียเงิน ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ" เอาเป็นว่าฉันกับตาอ้วนแค่พาแม่ไปในสิ่งที่แม่รู้มาก่อนล่วงหน้า เพียงแต่อยากดูให้เห็นด้วยสองตาตัวเอง ได้สัมผัสด้วยมือของตัวเองเป็นพอ นอกนั้นแม่บรรยายได้ละเอียดยิ่งกว่าคนญี่ปุ่นจริง ๆ เสียอีก

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

ดูแม่จะผิดหวังกับLittle Hong Kongเล็กน้อย เป็นธรรมดาของคนที่เคยไปฮ่องกงมาแล้ว มาดูของจำลอง ของปลอม ๆ ใครล่ะจะปลื้ม...ส่วนตาอ้วนไม่สนใจอะไรทั้งนั้น จะเลี้ยวเข้าร้านหยำฉ่าท่าเดียว ทั้ง ๆ ที่ดูแล้วไม่น่าอร่อยเอาเสียเลย บ้านก็อยู่ใกล้ไชน่าทาวน์ จะมากินอาหารจีนอะไรที่โอไดบะ จะบ้าตาย...

เราใช้เวลาที่ลิตเติ้ลฮ่องกงนี่นานพอสมควร เพราะมีนักแสดงป่าหี่สัญชาติจีน 2 คนมาแสดงห่วงโยน ๆ กายกรรมผาดโผนให้ดู เด็กตบมือกันเกรียว ผู้ใหญ่ก็เฮ เพราะนักแสดงมีลูกเล่นลูกชนอยู่ตลอดเวลา สนุกครื้นเครงดี ข้อสำคัญอยู่ในห้องแอร์อากาศไม่ร้อน....

เมื่อเดินออกไปข้างนอก ต้องหยีตาจนเกิดรอยย่นที่บริเวณหางตาขึ้นมาหลายเส้น เพราะแสงแดดจ้ามาก ร้อนก็ร้อน เดินไปปาดเหงื่อไป ขนาดได้รับพัดแจกคนละอันยังเอาไม่อยู่เลย ยังดีที่โอไดบะเกิดจากการถมขยะลงไปในทะเลเอามาสร้างเป็นเมือง ที่จึงติดทะเล มีลมพัดโชยมาพอให้ชื่นใจอยู่บ้าง

แม่กับตาอ้วนเถียงกันนิดหน่อยเรื่องที่มาของโอไดบะ ตาอ้วนว่าตรงบริเวณปากอ่าวโตเกียวสมัยเอโดะเคยมีปืนใหญ่ตั้งเพื่อป้องกันการรุกรานจากประเทศภายนอก บริเวณนี้จึงถูกเรียกว่าโอไดบะ (ซึ่งแม่ก็มากระซิบบอกฉันว่าสิ่งที่ตาอ้วนพูดมาแม่รู้มาก่อนแล้ว ฮ่วย..) สิ่งที่แม่อยากจะรู้ ก็ คือ ทำไมถึงต้องถมทะเลแล้วสร้างเป็นพื้นดินตรงนี้ขึ้นมา แล้วยังจะมีรูปปั้นรูปหล่อสัญลักษณ์อะไรต่าง ๆ ที่แสดงไว้ นั่นหมายถึงอะไร และคนสร้างพยายามจะสื่ออะไร ซึ่งตาอ้วนก็บอกว่า

"They are all nonsense rubbish. They just want to make money out of these things. People come to play around. Eat and shop. That's all." เนื่องจากพื้นดินในโตเกียวแพงมาก จึงต้องเอาขยะมาถมทะเลแล้วสร้างเป็นเมืองธุรกิจและแหล่งบันเทิงใหม่ขึ้น ค่าใช้จ่ายถูกกว่าซื้อที่ดินในโตเกียว

แต่จนแล้วจนรอดแม่ก็ว่าตาอ้วนไม่รู้จริง มันต้องมีอะไรมากกว่านั้น เพราะศิลปินคนที่ออกแบบก่อนสร้างเค้าก็ต้องมีคอนเสปเพื่อสื่ออะไรบางอย่างมากกว่าสร้างเสาขึ้นมาสักต้นหนึ่ง เป็นรูปร่างประหลาด ๆ แต่หาความหมายไม่ได้...แม่ยายจะงัดข้อกับลูกเขยละหว่า คราวนี้....

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

เรื่องจะขึ้นไปชมสถานีโทรทัศน์ฟูจินั้นเลิกคิดได้เลย เพราะต้องต่อแถวประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าจะถึงคิว ฉันหันไปมองหน้าแม่เป็นเชิงปรึกษาว่า

"จะเอายังไงดี แม่อยากดูข้างในมากเลยป่ะ" เพราะเห็นปลายแถวลิบ ๆ ก็ถอดใจแล้ว

ยังดีที่แม่ตัดรายการนี้ออกฉับ ใจมุ่งจดจ่ออยู่กับรถ ทั้ง ๆ ที่ก่อนออกจากบ้านตาอ้วนได้เปิดเช็คในเวบดูพริ้นท์เอาแผนที่ออกมา ไม่กล้าเดินสะเปะสะปะ เพราะจะเป็นการผลาญพลังงานไปโดยเปล่าประโยชน์ ช่วยกันดูก็แล้ว ปรึกษาหารือกันก็แล้ว เอาวะ...จะไปดูนิทรรศการรถไฟย้อนยุค (SL) ที่จัดเป็นวันสุดท้ายที่Big Sight แม่บอกว่าจะดู ๆ เพราะคุณแด๊ดคงจะสนใจอะไรที่เกี่ยวกับเครื่องจักร แต่พอถึงเวลาทั้งคลื่นร้อน คลื่นมหาชน ทำให้ต้องตัดรายการที่ต้องเสียเงินทิ้ง เก็บไว้เฉพาะอะไรก็ได้ ที่เข้าดูได้ฟรี (ฮา)

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

ตาอ้วนกางแผนที่บอกพวกเราว่าจากบริเวณหน้าตึกสถานีโทรทัศน์ฟูจิไปถึงโชว์รูมโตโยต้าเนี่ย ต้องเดินกันน่องโต อย่ากระนั้นเลย นั่งรถโมโนเรลกลับไปดีกว่า แหงะหน้าไปมองทางสถานีรถโมโนเรลดูท่าทางจะใช้เวลาต่อคิวยาวอยู่ ตาอ้วนเลยพาเราเดินต่อไปเข้าไปผึ่งแอร์ในโรงแรมนิกโก้ (Nikko Hotel) ทำตัวเนียนยืนรอรถของโรงแรมที่ไปส่งที่สถานี โอ้ว...ตาอ้วนของฉัน ฉลาดเจรง ๆ

โชว์รูมโตโยต้าใหญ่โต โล่งและโปร่ง แอร์เย็นเสียด้วยสิ หยุดดูรถที่เอามาตั้งโชว์ไว้ คุณแด๊ดไปจับลูบ ๆ คลำ ๆ Lexus ที่ถูกนำมาตั้งแสดงไว้ 4-5 คัน คันที่ใหม่ที่สุด ฟูลออปชั่นที่สุดจะมีคนคอยจ่อคิวเข้าไปนั่งเต๊ะท่าถ่ายรูปในรถ คุณแด๊ดก็ได้แต่จับ ๆ ลูบ ๆ คลำ ๆ ท้ายรถ และหน้ารถ เรื่องจะเข้าไปผึ่งพุงหมุนพวงมาลัยในรถลืมไปได้เลย หากเล่นเก้าอี้ดนตรีไม่เก่ง ก็หมดสิทธิ์ จะพูดเดี๋ยวหาว่าคุย ฉันนั่งLexusของลูกศิษย์คนหนึ่งมาหลายครั้งแล้ว เพราะหลังจากสอนเสร็จลูกศิษย์ก็จะขับรถพาฉันมาส่งที่บ้าน ตอนที่นั่งก็รู้สึกว่ากลไกข้างในมันทันสมัยดี มีนาวิเกเตอร์ แล้วยังมีเครื่องเล่น mp3 ด้วย (สนใจแต่เรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้ หุหุหุ) แต่หากถามจริง ๆ ไม่ค่อยชอบ เพราะรู้สึกว่าตัวจมลงไปในเบาะ ซึ่งปกติก็ตัวเตี้ยอยู่แล้วพอมานั่งเก้าอี้เบาะต่ำ ๆ ยิ่งเข้าใจหัวอกคนแคระเลย

ในโชว์รูมโตโยต้าเรานั่งพักขา ซื้อไอติม กาแฟมานั่งกินกัน พอหายเหนื่อยก็เดินไปดูโซนรถเก่า ฉันน่ะขาเดี้ยงไปนานแล้ว แต่ทำบึกบึนเดินนำคุณแด๊ดกับแม่ลิ่ว ๆ

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

คุณแด๊ดติดใจรถโมเดลคันเล็ก ๆ จุ๊ปากไม่ขาดเลยว่า ทำได้สวย แต่ราคาก็แพงสมคุณภาพ แม่เลือกพวงกุญแจรถHondaมา 1 พวง ถามฉันว่าสวยไหม เพราะอยากจะซื้อไปให้น้องชาย หากพูดกันจริง ๆ ก็ไม่ถูกใจแม่เท่าไหร่ เพราะที่น้องชายใช้อยู่มันสวยกว่าอันในมือแม่

"ก็หากแม่ว่าไม่ค่อยสวย จะซื้อไปทำไมล่ะคะ" แม่ว่านั่นน่ะสิ เพราะกลัวอยู่ว่าน้องชายจะไม่ใช้

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

เดินวนเวียนอยู่ในโซนนี้นานพอสมควร จากแดดล่มลมตก ก็กลายเป็นมืดค่ำ ตาอ้วนพาขึ้นshuttle busไปลงที่สถานีตามเคย แต่ขากลับเราไม่ได้ขึ้นสายยูริคาโมเมะไปลงสถานีชิมบาฉิเหมือนอย่างขามา เมื่อคืนตอนกินซูชิป่าป๊าถามแม่ว่าอยากไปเที่ยวที่ไหน

"อยากไปร้านอาหารญี่ปุ่นที่มีโคมไฟสีแดงติดไว้หน้าร้าน แล้วพอแหวกม่านปุ๊บ ก็เจอเก้าอี้นั่งปั๊บเลย" แม่บอกป่าป๊าว่าเพื่อนแม่แซวว่าหากมาถึงญี่ปุ่นแต่ไม่ได้แหวกโนเรง หรือเข้าไปนั่งในร้านที่มีakachochinติดไว้แล้วล่ะก็ เหมือนมาไม่ถึงญี่ปุ่นเชียว

ตอนแรกตาอ้วนจะพาไปกินอิซากายะแถว ๆ สถานีชิมบาฉิ เพราะแถวนั้นมีร้านแบบนี้เยอะ แม่ต่อรองขอกินrobata yaki เพราะในหนังสือYokosoบอกเอาไว้ แต่ฉันฟันธงว่าแม่ต้องไม่ชอบบรรยากาศของไอ้ปิ้ง ๆ ย่าง ๆ ควันโขมงแบบนี้แน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งญี่ปุ่นไม่มีน้ำจิ้มซีฟูด ยังไง้...ยังไง ก็แซ่บไม่ถึงใจเหมือนป.กุ้งเผาบ้านเราเป็นแน่

ตาอ้วนตัดสินใจพาพวกเราขึ้นJRสายRinkai ไปลงที่สถานีโออิมาจิ แต่เนื่องจากสมาชิกทั้ง 4 อ่อนเปลี้ยไปตาม ๆ กัน ฉันยืนกรานกับตาอ้วนว่าจะไม่นั่งรถย้อนไปกินที่สถานีชิมบาฉิ หาที่กินแถว ๆ สถานีโออิมาจิก็แล้วกัน ปัญหาคือว่าในวันหยุดแบบนี้ร้านสไตล์pubจะปิดเสียเป็นส่วนใหญ่ เพราะมนุษย์เงินเดือนหยุด จึงต้องเดินหาอยู่เสียหน่อย ตาอ้วนชี้ให้แม่ดูร้านเปิดโล่งมีโนเรงคาดอยู่หน้าร้านเป็นร้านที่อยู่ติดกับสถานี และติดถนนใหญ่ แม่ส่ายหน้าอย่างแรงบอกว่าหากเป็นร้านแบบนี้แม่ไม่นั่ง เพราะนอกจากม้าขวางจะไม่สามารถรองรับtoodของแม่ได้แล้ว ยังต้องนั่งดมควันท่อไอเสียรถยนต์ที่วิ่งผ่านไปผ่านมาอีกด้วย

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

ตาอ้วนเดินดุ่ม ๆ ด้อม ๆ มอง ๆ ร้านแถวสถานีสักพัก ก็ตัดสินใจเลือกร้านที่เดินลงบันไดไปชั้นใต้ดิน ตอนแรกคุณแด๊ดกับแม่เสียว ๆ ว่าจะเป็นแหล่งอโคจรที่พวกยากุซ่ามาขลุกอยู่หรือเปล่า จนฉันต้องเดินนำหน้าลงไปก่อน คุณแด๊ดกับแม่จึงเดินตามลงมา พนักงานออกมาต้อนรับเราด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ รีบปฎิเสธเลยว่าโต๊ะเต็ม ต้องรอ (เชิญไปกินร้านอื่นดีกว่า) แต่เผอิญโชคดี ฉันตาไวเห็นแขกเดินออกมาจ่ายตังค์ ฉันจึงบอกไปว่าก็โต๊ะนั้นลุกแล้ว ยังไงก็จะรอหล่ะ พนักงานเสริฟคงนึกแช่งชักหักกระดูกฉันในใจ

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

ก็เข้าใจว่าแขกเข้าเยอะขนาดนี้พนักงานเสริฟคงจะวิ่งทำงานกันขาขวิด แต่ก็อยากกินง่ะ แล้วก็ขี้เกียจไปหาที่ใหม่แล้วด้วย ก็ยืนรอให้เด็กเก็บโต๊ะ เรียกเข้านั่ง

ร้านนี้อาหารอร่อยใช้ได้ ได้ใจแม่ไปเต็ม ๆ แต่ได้ใจคุณแด๊ดไปกึ่งหนึ่ง เพราะคอกข้าง ๆ ผู้หญิง 2 ผู้ชาย 1 เล่นพ่นควันกันปุ๋ย ๆ ยังกะปล่องโรงสี คุณแด๊ดทนกลิ่นบุหรี่ไม่ไหว จึงรีบกินและรีบชวนกลับ ฉันว่าคราวหน้าเอาไว้จะชวนตาอ้วนไปกินใหม่อีกรอบ โดยเฉพาะปลาแฮริ่งดองหย่อยสุด ๆ มื้อนี้จ่ายไป 14,xxx เยน/ 4 คน คุณแด๊ดบ่นอุบว่าไม่น่าพามาเสียเงินกินแพง ๆ ฉันต้องอธิบายว่าที่ญี่ปุ่นหากกินมื้อเย็นราคาต่อหัว 3 พันเยนถือว่าเป็นพื้นฐานที่สุดแล้ว นี่เราสั่งอาหารมาตั้งหลายอย่าง แบบนี้ถือว่าไม่แพงแล้ว ส่วนแม่ก็ถือหางฉัน เพราะชอบรสชาติอาหารอยู่ไม่น้อย

จากนั้นก็นั่งสายJR Keihin Tohokuมาเปลี่ยนเป็น JR Yokosukaที่สถานีโยโกฮาม่ากลับบ้าน นอนหลับคร่อกไม่กระดุกกระดิกกันเลย....เหนื่อยมาทั้งวัน

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

เช้าวันที่ 13 เดิมกำหนดการคิดจะวิ่งออกต่างจังหวัดเลย แต่ตาอ้วนไม่สามารถจองที่พักในTakayamaได้ เนื่องจากเป็นวันหยุดยาว แขกจองโรงแรม/เรียวคังกันเต็มไปหมด ตาอ้วนจึงเปลี่ยนแผนพาคุณแด๊ดและแม่ไปทรมานสังขารเล่นที่ตลาดเช้าแถว ๆ Isogo (ไม่แน่ใจชื่อสถานที่) ตอนแรกฉันบอกให้ตาอ้วนพาพวกเราไปที่Yokohama Chuo Ichiba เพราะลูกศิษย์ของฉันเคยมาคุยให้ฟังว่ามีตลาดที่คล้าย ๆ ตลาดปลาทซึคิจิของกินซ่าอยู่ระหว่างสถานีโยโกฮาม่ากับสถานีฮิงาชิคานากาวะ แหม...เหมาะเหมงเลย เพราะสถานที่ว่านี่ตั้งไม่ไกลจากที่ ๆ ฉันทำงาน แต่พอตาอ้วนค้นหาข้อมูลทางอินเตอร์เนต พี่แกบอกว่าตลาดกลางนี้พื้นที่ขนาดใหญ่สู้Nambu Ichibaแถว ๆ อิโซโกไม่ได้ พี่แกเลยฟันธงว่าให้ไปตลาดใต้แทน

ขนาดพวกเราออกจากบ้านกันแต่เช้า ไปถึงตลาดปลาก็ทำท่าจะปิดมะรอมมะร่ออยู่แล้ว ไอ้การประมูลปลาไม่ต้องพูดถึง เหลือแต่กล่องใส่ปลาพร้อมกระดาษแปะติดเตรียมถูกลำเลียงส่งไปตามร้านอาหาร-ร้านซูชิเจ้าจำนำกัน แม่ทำตาโตน้ำลายยืดจะยกกล่องเนื้อปูกลับบ้านให้ได้ ฉันต้องบอกว่าเราไม่ได้กลับบ้านเลยเดี๋ยวปูเสียหากทิ้งไว้ในรถ ของทุกอย่างแถวตลาดใต้นี้จะไม่มีการว่ากันเป็นชิ้น ๆ หากจะซื้อทางร้านจะขาย แต่ต้องซื้อเหมาแพ๊ค พูดง่าย ๆ คือไม่มีขายปลีก มีแต่ขายส่ง...ไม่เพียงแต่ปลาเท่านั้น รวมไปถึงผลไม้และผักด้วย

ในโรงโกดังเก็บผลไม้เปิดแอร์เย็นเฉียบจนฉันสั่นแหง่ก ๆ เป็นลูกนก คุณแด๊ดเห็นลูกพลับที่ปลูกในเรือนกระจกนอกฤดูกาลด้วย แต่ราคาก็จะแพงกว่าพลับในฤดูเป็นเท่าตัวเลยทีเดียว แถมลูกก็เล็กกว่า และยังติดออกเขียวอีก บางกล่องก็มีป้ายติดว่ามีคนจองแล้ว ราคาไม่ถูกหรอกหากเทียบกับร้านขายผัก-ผลไม้ (yaoya-san)ตามบ้าน เพราะของพวกนี้ผลิตในญี่ปุ่นเป็นของคัด ส่งตามซุปเปอร์ของห้าง ไม่ใช่ผัก-ผลไม้ที่นำเข้ามาจากทางจีนแดง

สุดท้ายฉันก็ได้ika-arareมา 4 แพ๊ค และผักYama kurageดองมา 5 แพ๊ค ninniku no me อีก 10 กำ และมะระ(goya) 1 ลูก เอากลับมากินที่บ้าน

อาหารเช้ากินที่โรงอาหารของตลาดใต้ แต่คุณแด๊ดกับแม่บ่นอุบบอกว่าอร่อยสู้โรงอาหารของตลาดทซึคิจิไม่ได้ ฉันกับตาอ้วนก็เห็นด้วยว่ารสมือเป็นรองกันหลายขุมทีเดียว

เมื่อกินข้าวเช้าเสร็จเรียบร้อย ตาอ้วนออกความเห็นว่าเราควรจะไปเก็บสาลี่น้ำ (nashi)กันเลยในระหว่างที่แดดยังร้อนไม่มาก ระหว่างทางที่ขับรถไปตาอ้วนขับผ่านOutlet ชื่อ Yokahama Bay Side marina แม่ระงับอาการอยากช้อปไว้ไม่อยู่ จึงแวะเข้าไปจอดรถ รอเอ้าเล็ตเปิด แล้วพวกเราก็ช้อป ๆ ซื้อ ๆ แต่ก็ไม่ได้ซื้ออะไรมากนอกจากรองเท้า ถุงเท้า กระเป๋า (ส่วนใหญ่ของแม่ทั้งนั้น) แถวนั้นเป็นท่าเรือ มีเรือยอช์ทจอดอยู่เป็นร้อย ๆ ลำ ตาอ้วนบอกว่าแค่ค่าจอดเรือ 1 ปีก็ไม่น้อยกว่า 1 ล้านเยนแล้ว ฉะนั้นเรือของคนมีกะตังค์กันทั้งนั้น (อิจฉาว่ะ...อย่าให้รวยบ้างแล้วไป)

* เสียดายที่รูปไม่มี ฉันใช้กล้องมือถือถ่าย แล้วอัพโหลดไฟล์ไปไว้ที่ไหนก็จำไม่ได้ ทั้งรูปอาหารที่กินที่โรงอาหารของตลาดใต้ / รูปที่Outlet / อาหารมื้อกลางวันร้านBamiyan / รวมถึงสวนที่ไปเก็บสาลี่น้ำ รูปหายหมดเลย ที่เอามาโพสต์ได้บางส่วนนั้นมาจากกล้องของคุณแด๊ด*

จากนั้นเราก็ไปทานอาหารกันที่Chinese Family Restaurant มีชื่อว่าBamiyan คุณแด๊ดกับแม่ชอบมาก ๆ โดยเฉพาะที่เสียตังค์เพิ่มอีกหัวละ 157 เยนแล้วได้drink barฟรีไม่มีอั้น ทั้งน้ำผลไม้-น้ำอัดลม-ชา-กาแฟ นับว่าเป็นครั้งแรกที่ฉันพาคุณแด๊ดกับแม่เข้าfamily restaurant โดยเฉพาะคุณแด๊ด(ผู้นิยมของถูกสตางค์เหมือนฉัน)ชมเปาะไม่ขาดปาก และทึ่งที่ญี่ปุ่นมีร้านขายอาหารราคาถูก บรรยากาศดี รสชาติพอแหลกล่าย (ตาอ้วนค้อนขวับ ๆ เพราะพี่แกไม่ชอบเข้าfamily restaurant) จนแม่ค่อนขอดว่า หัดกินของที่ไม่ชอบเสียบ้าง จะได้ผอม ๆ (ฮา)

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

ตกบ่ายเราไปสวนที่ตาอ้วนหาข้อมูลไว้ก่อนล่วงหน้า เป็นสวนผลไม้ ค่าเข้าสวนสาลี่น้ำต้องเสียคนละ 200 เยน เพื่อเข้าไปเก็บสาลี่น้ำ (nashimogi) เก็บแล้วเอามาชั่งกิโล ว่ากันไปกิโลละเท่าไร ๆ ไม่มีการเก็บแล้วกินในสวน ทางเจ้าของสวนจะกำหนดแปลงที่จะให้เราเข้าไปเก็บ มีเชือกขึงกั้นบริเวณ ห้ามเก็บนอกแปลงที่ว่า (ทั้ง ๆ ที่ลูกสาลี่น้ำในแปลงข้าง ๆ ใหญ่ว่าแปลงที่เราเก็บขนาดไหนก็ตาม) ลุงยังขู่เราด้วยว่าหากออกนอกแปลงจะโดนหมากัดนะ (เป็นหมาพันธุ์อัลเซเชียนตัวใหญ่นอนลิ้นห้อยอยู่) ขนาดแปลงเล็กนิดเดียว ทางสวนยังตั้งหุ่นไล่กาไว้ตั้ง 2 ตัว ไม่รู้ว่าจะไล่อะไร เพราะยังไงกามันลงไม่ได้อยู่แล้ว เพราะทางสวนทำร้านปิดข้างบนเสียหมด นกกามันจะรอดผ่านรูลงมาจิกสาลี่น้ำยังไงฉันยังข้องใจอยู่ แต่หุ่นไล่กาก็ทำเสียสวยเชียว ไม่ใช่ยัดฟางแบบScarecrowที่ไปขอให้พ่อมดอ๊อซให้มันสมอง แต่เป็นแบบมนุษย์เรา ๆ ใส่เสื้อผ้า มีผมเผ้าเขียนวาดหน้าวาดตาสวยงาม อยู่เผิน ๆ เหมือน manikin ตามตู้กระจกของห้าง ฯ เสียด้วยซ้ำ

คุณแด๊ดเซ็งนิดหน่อย เพราะสาลี่น้ำที่ห้อยอยู่คากิ่งส่วนใหญ่จะลูกเล็ก เนื่องจากก่อนหน้าเรามีคนอื่นเก็บไปหมดแล้ว ลุงสอนวิธีการดูว่าลูกไหนได้ที่ และสอนวิธีการเก็บ ลุงไม่ให้ดึงลงมา เพราะจะทำให้ผลสาลี่น้ำช้ำ ลุงบอกว่าให้ดันลูกสาลี่ขึ้นไปด้านบนและเอียง ๆ มันจะหลุดจากขั้วได้ง่ายกว่า ลูกสาลี่น้ำถูกห่อด้วยกระดาษไข จึงเพ่งมองดูสียากเสียหน่อย....แต่เราก็เก็บกันมาได้ประมาณ 4 โลกว่า ๆ ฉันจำราคาไม่ได้แล้วว่าลุงคิดเท่าไร รวมค่าเข้า+ค่าสาลี่น้ำเบ็ดเสร็จตกเกือบ ๆ 3 พันเยน จะว่าถูกก็ไม่ถูกหรอก ซื้อตามร้านผักถูกกว่า และลูกใหญ่กว่า แต่ถือว่ามาเก็บเอาบรรยากาศ เอาประสบการณ์ ลูกสาลี่น้ำที่เก็บมานั้นหวานสนิท หวานมากจนแม่บอกว่าหากทิ้งเอาไว้อีกวันสองวันคงจะใช้กลั่นเป็นเหล้าได้เลย

ลุงบอกว่าปีนี้ผลผลิตของสาลี่น้ำไม่ค่อยดี เพราะผึ้งไม่ยอมช่วยแพร่ผสมพันธุ์ แต่ผลผลิตขององุ่นKyohou(巨峰)ดี จึงไม่ยอมให้เราเก็บ กะจะยักเอาไว้ปล่อยให้มันสุกงอมได้ที่เพื่อขายเอาราคา

กลับมาจากสวน เห็นลูกหลานของเจ้าของสวนเล่นปิดตาตีแตงโม (suika-wari)กันอยู่ 3 คน มีกองเชียร์ตัวเล็กตัวน้อยที่มาเที่ยวสวนให้กำลังใจกันใหญ่ ดูกองเชียร์จะกรี๊ดกร๊าดตื่นเต้นเสียยิ่งกว่าเป็นคนตีเองเสียอีก

ก่อนกลับบ้านแวะShimachuหาTiming Lightเครื่องมือใช้ในการซ่อมรถให้คุณแด๊ด แต่ไม่เจอ....กลับไปหุงข้าวที่บ้านกิน จบไปอีกวัน

*หากจะฝากข้อความ เชิญที่ guest book นะคะ*

mahalo Image hosted by Photobucket.com






Create Date : 20 สิงหาคม 2550
Last Update : 20 สิงหาคม 2550 21:16:27 น. 0 comments
Counter : 1165 Pageviews.

fudge-a-mania
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add fudge-a-mania's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.