Photobucket - Video and Image Hosting
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2550
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
7 พฤษภาคม 2550
 
All Blogs
 
GW2007 at Miura Peninsula

สัปดาห์ทองปีนี้ฉลองแบบกร่อย ๆ เล็ก ๆ เพราะว่างบประมาณเที่ยวจำกัด เนื่องจากตาอ้วนถูกบริษัททำทัณฑ์บน ลดรายได้ ไม่เป็นไร ๆ เดินดินกินข้าวแกงก็ล่าย

รู้สึกเบื่อ ๆ กับการเที่ยวที่ต้องผจญกับคนนับแสน การต้องจองโรงแรม การนั่งในรถเป็น 10 ชั่วโมง และการต้องเสี่ยงกับโดนจดหมายรักจากตำรวจจราจร เราเลยตัดสินใจไปเที่ยวใกล้บ้านแบบเช้าไปเย็นกลับทางรถไฟ

แบบฉบับครอบครัวหอยชายเล...ไม่มีการวางแผนเตรียมการล่วงหน้า วันรุ่งขึ้นจะออกเดินทาง คืนนี้ตาอ้วนมานั่งหาข้อมูลทางเนต แล้วปริ้นท์ออกมา เล่นกันง่าย ๆ แบบนี้แหล่ะ เช็คจุดหมายปลายทางที่อยากไป ฉันถามข้อมูลจากคนที่รู้จักใกล้ตัว ได้ความว่ามาสวนสตอร์เบอรี่ที่ไร้ยาฆ่าแมลง ลูกโต หวานฉ่ำ อยู่บนเส้นทางที่ว่านี้ด้วย แถมมีคนใจดีกระซิบให้ฉันลองไปเยือนKoumiishiดู เผื่อฝันจะเป็นจริง แบบว่าไม่ได้ด้วยเล่ห์ ก็เอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนต์ก็ต้องพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ฉันใดฉันนั้นแล

แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ไปทั้งสองที่ สวนสตอร์ช่วงสัปดาห์ทองมีทัวร์ลง ปิดรับขาจร ส่วนKoumiishiอยู่นอกเส้นทางรถไฟ ต้องพึ่งรถบัส เปลี่ยนรถกันวุ่นวายชอบกล ก็เลยตัดสิ่งที่อยากจะไปแต่แรกเริ่มเดิมทีทิ้ง เฮ่อ.... แล้วจะไปเที่ยวทำไมเนี่ย

เมื่อแผนทุกอย่างถูกกำหนดลงตัวแล้ว วันพฤหัสที่ 4 เราก็ออกเดินทางกันสาย ๆ สบาย ๆ ไม่รีบเร่ง ขึ้นรถไฟสายyokosuka ไปลงที่สถานีโยโกฮาม่า เพื่อไปเปลี่ยนเป็น keihin kyuko ตาอ้วนเช็คข้อมูลไว้แล้วว่าเราควรจะซื้อตั๋วnorihodai คือไป-กลับ ขึ้นลงกี่ครั้งก็ได้จ่ายราคาเดียว จากสถานีโยโกฮาม่าไปถึงสถานีMisakiguchiจุดหมายปลายทาง ราคาคนละ 1,400 เยน แล้วยังสามารถใช้ตั๋วนี้ขึ้นรถเมล์ของบริษัทเดียวกันฟรีได้ด้วย

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

เมื่อมาถึงสถานีรถไฟจุดหมายปลายทางแล้ว เรานั่งรถเมล์ต่อกันไปอีก คนต่อคิวรอรถกันยาวพอสมควร คนขับ และพนักงานดูแลขอให้ผู้โดยสารช่วยขยับเดินเข้าข้างในเบียด ๆ กันหน่อย เพราะไม่งั้นคนหลังจะขึ้นไม่ได้ เพราะรถเมล์ขาดช่วงเนื่องจากการจราจรที่ค่อนข้างติดขัด

ระหว่างทางฉันยืนดูไร่สวนผัก ง้ามงาม...ยังบอกตาอ้วนเลยว่าคราวหน้าเราไม่ต้องมาช่วงวันหยุดยาวแบบนี้ แต่ขับรถมา แล้วขนซื้อผักกลับบ้านกันเถอะ โดยเฉพาะแตงโม เพราะแตงโมแถวนี้มีชื่อเสียง ฉันเคยลองลิ้มชิมรสครั้งหนึ่ง คุณหมอ(ลูกศิษย์) เอามาฝาก โชคดีที่ตาอ้วนขับรถมารับที่โรงเรียน เพราะแตงโมลูกนั้นหนักราว ๆ 3-4 โลได้ เนื้อกรอบ หวานฉ่ำ เป็นทรายซุย แบ่งให้ป่าป๊า หม่าม้าทานครึ่งนึงท่านก็ติดใจ ต้องทานกัน 2 วันกว่าจะหมด

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

จุดที่คนลงเยอะคือMisaki Port แต่เราไม่ได้ลง เพราะที่นี่ไม่ใช่จุดหมายปลายทางของเรา นั่งรถเมล์ต่อไป รถเมล์วิ่งข้ามสะพานยาวJogashima Big BridgeไปยังเกาะJogashima วันนี้อากาศดี แดดแรง ท้องฟ้าเปิด น้ำทะเลเป็นสีน้ำเงินเข้มออกจะเขียว กลิ่นไอเกลือทะเลโชยมากระทบจมูก ได้ยินเสียงสาวร่วมทางหันไปพูดกับเพื่อนว่า ah....shio no nioi!

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

เมื่อรถเมล์แล่นมาจอดที่อู่รถ ก็เป็นเวลาท้องร้อง เพราะประมาณเที่ยงกว่า ๆ เราไม่ต้องเดินไปไกล เพราะแถวอู่รถมีร้านอาหารดักนักท่องเที่ยวหลายร้าน ตาอ้วนเดินท่อม ๆ ดูเมนูที่เขียนติดไว้หน้าร้าน ฉันอยากลองกินmaguro-katsuดู ไม่รู้ว่ารสชาติจะต่างกับหมูทอดมากมั้ย แต่ตาอ้วนไม่สนใจ เดินข้ามถนนไปตามเสียงเรียกของหนุ่มน้อยคนหนึ่ง

อิรัชชัยมาเสะ วันนี้มากุโระด้งของเราราคาพิเศษครับ ปกติเซ็ตละ 1,200 เยน วันนี้ 980 เยนเท่านั้น เชิญครับ ๆ

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

ตาอ้วนหันหน้ามาหาฉันเป็นเชิงถามความคิดเห็น ดูหน้าพี่แกก็รู้ว่าอยากเข้าร้านนี้ 101% แล้วฉันจะขัดได้ยังไง

ร้านในละแวกนี้ดูซอมซ่อ กึ่ง ๆ คล้ายโรงอาหาร(โชกุโด) ไม่มีแอร์ ไม่มีโต๊ะ เก้าอี้หรู ๆ ไม่มีดอกไม้ จานชามวิจิตรเสริฟ ดูลูกทุ่ง ๆ ได้บรรยากาศชาวประมง ตาอ้วนให้เหตุผลที่เลือกร้านนี้ เพราะหนุ่มน้อยคนนั้นบอกว่า เมื่อเช้านี้เขาเป็นคนออกไปตลาดซื้อปลามาเอง พอมานั่งคิด ๆ ดู วันหยุดยาวแบบนี้ ชาวประมงน่าจะหยุดพัก สงสัยปลาอาจจะแช่เย็นไว้หรือเปล่า ร้านนี้เป็นตึก 4 ชั้น เข้าใจว่าในอดีตคงจะเคยเป็นเรียวคังมาก่อน แต่ละชั้นไม่กว้าง แบ่งได้ไม่น่าจะเกิน 10 เสื่อตาตามิ ทางร้านขอให้เราขึ้นไปชั้น 2 โต๊ะเป็นโต๊ะไม้เตี้ย ๆ มีเบาะรองนั่งฟีบ ๆ ให้ แต่ลูกค้าเต็มร้านเลย

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

ตาอ้วนไม่ได้สั่งมากุโระด้งตามที่พ่อหนุ่มคนนั้นโฆษณาชวนกินหรอก พี่แกสั่งsashimi set และหอยซาซาเอะมาต่างหาก จะว่าถูกก็คงว่าไม่ได้ แต่ก็ไม่ใช่แพง ฉันว่าเป็นราคาพื้น ๆ ทั่วไป เพียงแต่คุณภาพดี สด และตัวโต

sashimi set 2,000 เยน
sazaeย่าง 2 ตัว 1,000 เยน

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

ร้านนี้ฉันติดใจมิโสะซุปมาก เพราะน้ำซุปหวานหอมเป็นธรรมชาติชนิดที่แตะปลายลิ้นแล้วความหวานซ่านไปถึงคอ อร่อยจริง ๆ เพราะทางร้านคงจะใช้สต็อกกุ้งหอยปูปลาทะเลมาต้ม และใส่มิโสะลงไป วากะเมะก็เป็นวากะเมะสด ไม่ใช่นิดแห้งแล้วมาแช่น้ำให้พองแบบที่แม่บ้านใช้ทำมิโสะซุปทุกวัน แล้วทางร้านยังอนุญาตให้โอคาวาริ (refill) ข้าว และซุปได้อีกด้วย

เนื้อหอยซาซาเอะก็แน่น กัดแล้วได้ความคาวของทะเลอย่างเต็มปากเต็มคำ ขนาดkimoยังไม่ขมเลย ไม่เหมือนกับที่ฉันเคยซื้อจากร้านขายปลามาย่างเองที่บ้าน อันนั้นkimoขมจนฉันกินไม่ลงเลย

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

มื้อนี้ฉันเลี้ยงตาอ้วน (สงสารคนเบี้ยน้อยหอยน้อย) เบ็ดเสร็จรวมภาษีด้วย 5,250 เยน / 2 คน ไม่แพงเลย ตาอ้วนติดอกติดใจใหญ่ บอกว่าร้านนี้ไม่ขึ้นราคาถึงแม้จะเป็นช่วงเทศกาล ดูได้จากแผ่นเมนูเก่าคราคร่ำสีกระดาษซีดที่ติดไว้ตามผนังห้อง ไม่ใช้ป้ายกระดาษใหม่ สีไม่แห้ง

ปกติฉันไม่ใช่คนที่ต้องทานของหวานหลังของคาว แต่มื้อนี้ยกเว้น เพราะความรู้สึกว่าในปากคาวจัด จึงขอให้ตาอ้วนซื้อsoftcreamให้ทาน

ส่วนเจ้าตัวหลังจากกินsoftcreamไป 2 ส่วน 3 ก็เดินลิ่วไปร้านเก่า ๆ ที่มีตู้กระจกขายของเสียบไม้ปิ้ง ๆ วางอยู่หน้าร้าน ตาอ้วนหันมาถามฉันว่าจะเอาเนื้อ หรือหนวดปลาหมึก ฉันบอกว่าเอาหนวด ตาอ้วนก็สั่งมา 1 ไม้(150 เยน) เอามาแบ่งกินกัน 2 คน

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

หนวดปลาหมึกสดมาก กรุบกรอบ เสียอย่างเดียวน้ำจิ้มไม่อร่อย เพราะเป็นโชหยุที่เอามาป้าย ๆ ย่าง ๆ หากเป็นน้ำจิ้มทะเลแบบบ้านเรา เด็ดซาลาตี่มาก ว่าแล้วก็น้ำลายสอเชียว

แถวนี้ราคาของกินมิตรภาพจริง ๆ อย่างข้าวโพดย่างฝักใหญ่ ๆ ยาว ๆ กว่าที่ขายตามงานวัด ราคาฝักละ 250-300 เยนเท่านั้น (หากเป็นตามงานวัด 400 เยน) เม็ดข้าวโพดเหลืองอร่ามเต่งตึง เสียดายที่ฉันอิ่ม จึงไม่ได้ลองซื้อมาทาน

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

จากนั้นเราก็เดินดูของที่ระลึกที่วางขาย ไม่มีอะไรวิจิตรพิสดารเหมือนตามเมืองใหญ่ ๆ จะมีก็แต่สินทรัพย์ในมหาสมุทรที่ชาวบ้านแถบนี้เก็บจับมาได้เท่านั้น หม่าม้ารีบบอกดักคอไว้ก่อนที่เราจะมาที่นี่ว่า หากไปมิอุระ ซื้อปลาอาจิแดดเดียว(aji namaboshi)มาหน่อย ใช่..นี่คือของดีของที่นี่ เนื่องจากแดดแรง ปลา/ปลาหมึกแดดเดียวจึงอร่อยนัก ป้ายราคามีติดไว้ที่ตัวปลาเลย แล้วแต่พันธุ์ แล้วแต่ขนาด มีเรื่อยไปตั้งแต่ตัวละ 50 เยน ไล่ไปจนถึงตัวละ 1,000 เยน แบบคินเมได (หรืออะไรที่ดูคล้าย ๆ) แต่ตาอ้วนไม่ได้ซื้อจากร้านที่เห็นนี้หรอก....

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

เราเดินดูของตามถนนสายแคบ ๆ สั้น ๆ ที่ร้านรวงมาเปิดขายของที่ระลึก พวกโมบายทำจากเปลือกหอย ซึ่งดูก็ไม่สวยเท่าที่เมืองไทย แต่ฉันก็ยังอุตส่าห์ซื้อสร้อยข้อมือที่จากไม้ หรือเม็ดอะไรสักอย่าง แล้วลงสีเขียนว่า kuuipo มาด้วย เจ้าของร้านว่าทำมาจากฟิลิปปินส์ ราคาไม่แพง แค่เส้นละ 320 เยนเท่านั้น (ฉันซื้อมา 2 เส้น กะจะเอามาให้ครูSallyเส้นนึง แต่ไม่รู้ครูจะใส่หรือเปล่า เพราะหลัง ๆ ครูใส่พวกเครื่องเงินของฮาวายมากกว่า)

มีหอยซาซาเอะ ใส่ตะกร้าขายเยอะเชียว ตะกร้าละเป็นพัน ๆ เยน 5 พันเยนก็มี แต่ฉันไม่ได้ซื้อ คุณลุงคนนึงชวนเชิญให้ซื้อวะกะเมะสด 1 ตะกร้า (300 เยน) พูนใหญ่ล้นตะกร้าเลย สีน้ำตาล ดูกระด่างกระดำ ตาอ้วนว่าหากต้มแล้วมันจะเป็นสีเขียวแบบที่เรากินนั่นแหล่ะ แต่เราก็ไม่ได้ซื้อมา เพราะขี้เกียจเอามาทำกิน

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

ระหว่างที่เดินเที่ยวอย่างเพลิน ๆ ลูกศิษย์ของฉันคนหนึ่งก็เมลเข้ามา ขอนัดวันเรียนกับฉัน ส่งเมลกันไปมา 4-5 รอบกว่าจะลงตัว ตาอ้วนก็ค้อนแล้วค้อนอีก หน้างอหงิก จริง ๆ ฉันไม่อยากจะรับเมลในช่วงวันหยุดแบบนี้เลย รู้สึกว่ามันเป็นเวลาของครอบครัว แต่ก็เกรงใจลูกศิษย์ กลัวเค้าจะใจร้อน รอเมลของฉันอยู่ขอโทษนะ อ้วนchan

เราเดินไปตาม hiking course ที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เดิน เป็นคอร์สเดินเลาะไปตามโขดหินชายทะเล ทะเลแถวนี้เป็นทะเลน้ำลึก ไม่มีหาดทราย คนส่วนใหญ่มักจะมาตกปลากัน น้ำทะเลใส่แจ๋วมองลงไปเห็นสาหร่ายไหวพริ้วอยู่ในน้ำสีเข้มเบื้องล่าง มีโขดหินขนาดกว้าง ที่ฉันเห็นบางคนเอาเต้นท์มากางตั้งแค้มป์ ทำอาหารกัน

tombi(คล้าย ๆ เหยี่ยว แต่ตัวเล็ก) บินกันว่อน บางคนก็ซื้อเซมเบ้รสปลาหมึกเอามาโยนล่อทอมบิให้บินมาใกล้ ๆ แต่ฉันก็ไม่เห็นว่ามันจะบินลงมาจิกกินเลย ได้แต่บินโฉบไปโฉบมาบนท้องฟ้าระยะไกล ๆ เท่านั้นเอง

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

ฉันค้นพบว่า ตาอ้วนถ้าลงว่าชอบอะไร ก็สามารถอยู่กับสิ่งนั้นไปตลอดได้โดยไม่รู้เบื่อ หม่าม้าเคยเปรียบเทียบลูกชาย 2 คนให้ฟัง ลูกชายคนโตเป็นคนที่มุมานะ คิดอะไรได้ต้องรีบทำ ลุย ๆ ลงไปเลย เวลาเป็นเงินเป็นทอง แต่ก็เบื่อง่ายหน่ายเร็ว ชอบลองอะไรใหม่ ๆ ในขณะที่ลูกชายคนเล็กค่อนข้างเรื่อย ๆ เฉื่อย ๆ หัวเทียนกว่าจะเผาให้ร้อนใช้เวลานาน กว่าจะลงมือทำอะไรได้แต่ละอย่างต้องฆ่าเวลาให้ผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์เสียก่อน แต่ลงว่าหากได้จับอะไรแล้ว จะไม่มีวันเลิกง่าย ๆ นอกจากจะตายกันไปข้างนึง

เรื่องการกินนี่ก็ใช่ ตอนที่ไปเที่ยวTakayama พี่แกก็สามารถซื้อเนื้อฮิดะย่างเสียบไม้กินไป สี่ซ้าห้าไม้โดยไม่เบื่อ เจอร้านที่ไหนเป็นต้องแวะเข้าไปกิน เที่ยวนี้ก็เหมือนกัน หนวดปลาหมึกย่างก็จะกินกันให้เหม็นขี้หน้ากันไปข้างหนึ่ง ฉันต้องรีบพูดปรามไว้ว่านี่ ๆ เหมือนตอนไปทากายาม่าเลยนะ...พี่แกถึงเพลา ๆ ลงได้ ไม่งั้นกินไม่ได้หยุดปาก

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

สถานที่ท่องเที่ยวของเกาะJogashima นี้มีไม่มาก อาจจะเป็นเพราะฉันไม่ได้เตรียมตัวมาสำหรับทำกิจกรรม นอกจากกิน และเดินเที่ยวเท่านั้น ตาอ้วนพาฉันไปที่ท่าเรือเฟอรี่ ซึ่งเป็นเรือที่ข้ามจากเกาะJogashima ไปที่ Aburatsubo เราสองคนพลาดเรือเที่ยวที่แล้ว พอเดินไปถึงท่าเรือ เห็นเรือกำลังเคลื่อนออกจากท่าอย่างช้า ๆ ต้องรอไปอีกครึ่งชั่วโมงกว่าเรือเที่ยวต่อไปจะออก

คนขายตั๋วก็ปลอบใจเราว่าเที่ยวที่เพิ่งออกไปนั้นจะตรงไปAburatsuboเลยไม่พาเที่ยวรอบเกาะ ใช้เวลาเดินทางแค่ 10 นาทีเท่านั้น ฉันถึงยิ้มออก ก็นั่งเตร็ดเตร่กันอยู่แถวนั้น ไม่กล้าไปไหน เพราะกล้วว่าจะพลาดเรืออีก

ด้วยความที่เรามีตั๋วnorihodai จึงซื้อตั๋วเรือเฟอรี่ได้ในราคาถูก แต่ก็ถูกลงไปไม่ถึง 200 เยนดี ฉันจำราคาไม่ได้แน่ ๆ คิดว่าจ่ายไป 1,040 เยน / คน

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

เมื่อไกล้เวลา ผู้โดยสารก็ค่อย ๆ ปรากฏตัวขึ้นเรื่อย ๆ จากตอนแรกที่นั่งรอเรืออยู่ไม่กี่คน ก็กลายเป็นหลายสิบ เรือนี้ชื่อ Miura เป็นเรือลำไม่ใหญ่ไม่เล็ก มี 2 ชั้น ชั้นล่างเป็นเก้าอี้บุนวมทั่วไปเหมือนเก้าอี้รถบัส ชั้นบนเป็นopen air แต่ก็มีห้องพิเศษอยู่ทางหัวเรือ หากอยากจะนั่งในห้องต้องจ่ายเพิ่มอีกคนละ 300 เยน ฉันไม่เห็นใครจะนั่งสักคน ส่วนใหญ่ก็ขึ้นมายืนออกันอยู่ชั้นสอง รับลมทะเล ส่งเสียงเจี้ยวจ๊าว กรี๊ดกร๊าด โดยเฉพาะเด็ก ๆ

เรืองพาเราวนรอบเกาะ 1 รอบ มีเสียงตามสายบรรยายว่าขณะนี้เราอยู่บนมหาสมุทรแปซิฟิก ลมแรง ลูกคลื่นใหญ่ ทางเรือประกาศเตือนให้ผู้โดายสารนั่งกันให้เรียบร้อย เพราะเรือโคลงมาก แต่ฉันก็ไม่เห็นใครจะนั่งเลย ก็ยืนพิงราวกาบเรือ เต๊ะท่าถ่ายรูปกันพรึบพรั่บ

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

เวลาผ่านไปเกือบ 40 นาที แล้วเรือก็พาเรามาจอดที่ท่าAburatsubo ตรงนั้นเป็นอ่าว (ฉันจำชื่อไม่ได้แล้ว) มีหาดทรายให้คนมาเล่นน้ำทะเล แต่อย่าเอาไปเปรียบกับหาดทรายบ้านเราเลย คนละชั้น....

เดินขึ้นเขาลงเขา ผ่านป่าละเมาะ ดูอ่าวเล่น ๆ เห็นเรือยอชท์ขาว ๆ อยู่ลิบ ๆ สงบเงียบดีเหลือเกิน หากมีบุญวาสนาได้มามีบ้านตากอากาศแถวนี้สักหลัง คงจะสุขไม่เบา (ได้แต่ฝัน เฮ่อ...รอถูกลอตเตอรี่ก่อน)

ตาอ้วนถามฉันว่าอยากจะดูพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำมั้ย มีปลาฉลามให้ดูด้วย ฉันเฉย ๆ ดูก็ได้ไม่ดูก็ได้ เหลือบดูนาฬิกา 5 โมงกว่าแล้ว บรรดาโชว์ต่าง ๆ ก็หมดแล้ว อย่าดูเลย เข้าไปก็ต้องรีบออก

ตาอ้วนจึงถามทางคนแถวนั้น พาฉันไปขึ้นรถเมล์ คนต่อคิวกันยาว เพราะรถเมล์ขาดช่วง ต้องรอเกือบครึ่งชั่วโมงแน่ะ กว่ารถจะมา ซ้ำพอมาก็มาติดกัน 2 คัน ค่อยยังชั่วเพราะผู้โดยสารรอกันมากเหลือเกิน เราขึ้นรถเมล์กลับมาลงที่สถานีMisakiguchi

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

ตาอ้วนแง๊ว ๆ งอแงอยากจะกินข้าวเย็นที่นี่ แต่แถวสถานีนี้ไม่มีอะไรเลย นอกจากร้านอาหารเล็ก ๆ หน้าสถานี ซุปเปอร์ก็ไม่มี ฉันสงสัยจังว่าคนเค้าอยู่กันยังไง อาจจะต้องใช้รถส่วนตัว หรือพึ่งรถเมล์ตลอดเวลา (ชีวิตแบบนี้ฉันไม่ชิน หากให้มาอยู่คงต้องใช้เวลาปรับตัวนาน) ตาอ้วนซื้อคามาโบโกะปลาหมึกจากร้านหน้าสถานี ไม้ละ 230 เยน โอ้ว....อร่อยมาก....เนื้อว๊านหวาน...ฉันลองกินไปคำนึง อดใจไม่อยู่ยึดทั้งไม้ไว้เลย ตาอ้วนเลยไปซื้ออีกไม้มากิน พยายามจะหาซื้อป็นเป็นแพ๊ค ๆ มากินที่บ้าน ก็ไม่มีขาย เพราะแถวสถานีนี้ไม่มีอะไรจริง ๆ

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

สุดท้ายตาอ้วนก็ดื้อแพ่ง ชวนฉันขึ้นรถไฟมาลงที่สถานีMiura Kaigan หาข้าวเย็นแถวนั้นกิน แวะซุปเปอร์ 2 แห่ง ที่อยู่แถวนั้น ไม่มีของฝากที่ทำจากMiuraเลย ปลาเป็นแพ๊ค ๆ ที่ขายก็มาจากที่อื่นทั้งสิ้น สุดท้ายก็ไม่ได้ซื้ออะไรกลับมา นอกจากปลาอาจิแดดเดียวของหม่าม้า และสร้อยข้อมือ 2 เส้น เสียดายรู้งี้ซื้อปลาแดดเดียวมาอีกแพ๊คดีกว่า จะได้เอามาฝากน้องคานิ

อาหารเย็นเป็นร้านเล็ก ๆ ขนาดเท่าแมวดิ้นตายแถวนั้น ทั้งร้านมีคนขาย 2 คน คือ คุณป้า และลูกมือ คุณป้าทำอาหาร และลูกมือช่วยเสริฟ รวมทั้งออกไปซื้อวัตถุดิบ ฉันเดาว่าปกติร้านป้าคงจะไม่มีแขกขาจรแบบนักท่องเที่ยวต่างถิ่น คงจะมีแต่ลูกค้าขาประจำที่มานั่งก๊งเหล้า คุยกัน คลายเหงา

ตาอ้วนสั่งsashimi setให้ฉัน และสั่งsazae-don setให้ตัวเอง ราคาไม่แพง (เซ็ตละ 1,000 เยน) แต่ไม่อร่อย ปลาดิบไม่สด เหมือนกับซื้อตามซุปเปอร์แถวบ้านกินครือกัน เครื่องเคียงที่ให้มาแบบมะเขือเผาทรงเครื่อง หรือแม้แต่ผักดองยังอร่อยกว่าปลาดิบเสียอีก มิโสะไม่ต้องพูดถึง ยิ่งกินมื้อกลางวันมาแล้ว...มื้อเย็นเหมือนฝันร้าย คือรสชาติมันก็เหมือนทำกินเองที่บ้านทุกวันนั่นแหล่ะ เพียงแต่อารมณ์บรรเจิดของมิโสะมื้อกลางวันมันยังค้างอยู่ มาเจอมิโสะตำรับบ้าน ๆ เข้าไป ก็เลยบรรยายไม่ออก

กลับถึงบ้านราว ๆ 3 ทุ่ม เหนื่อยมาทั้งวันเลย คลานขึ้นเตียงหลับคร่อก ๆ เตรียมตัวผจญกับชีวิตประจำวันหลังสัปดาห์ทอง

mahalo Image hosted by Photobucket.com




Create Date : 07 พฤษภาคม 2550
Last Update : 7 พฤษภาคม 2550 12:52:44 น. 0 comments
Counter : 1543 Pageviews.

fudge-a-mania
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add fudge-a-mania's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.