|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
|
|
|
|
|
|
|
มงคลชีวิตข้อที่ 26 ถึง 31
มงคลข้อที่ ๒๖ ความฟังธรรมตามกาล
แม้ว่าชีวิตประจำวัน จะสับสนว้าวุ่นเพียงใด แต่เมื่อถึงกาลสมัยที่ฟังธรรมก็ต้องให้เวลากับกาลนั้นด้วย อย่างน้อยธรรมนั้นก็อาจจะช่วยชำระล้างมลทินภายในใจ และช่วยผ่อนความตึงเครียด สับสนของชีวิตให้ลดลง ทั้งนี้ท่านต้องฟังด้วยความตั้งใจ จดจ่อใคร่ควรพิจารณาในธรรมที่ฟังนั้นๆ ท่านก็จะได้ประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย เพราะธรรมแปลว่า ธรรมชาติเครื่องฟอกจิต ชำระจิต ถ้าท่านคิดว่าอาหารและน้ำ จำเป็นต่อร่างกายฉันใด ธรรมะก็จำเป็นต่อจิตใจฉันนั้น ร่างกายที่ขาดน้ำและอาหารเป็นร่างกายที่อยู่ไม่ได้ฉันใด ใจนี้ขาดธรรมก็อยู่ดีไม่ได้ฉันนั้น สำหรับประโยชน์ของการฟังธรรมนั้นมีมากมาย ตัวอย่างเช่น ๑. ธรรมอันใดที่ตนยังไม่เคยฟังก็จะได้ฟัง ๒. ธรรมที่ตนได้เคยฟังแล้ว มาได้ฟังเข้าอีกก็มีปัญญารู้แจ้ง รู้ชัดในธรรมนั้นมากขึ้น ๓. มีความสงสัยครั้งมาฟังธรรมก็สิ้นความสงสัยเสียได้ ๔. จะทำความเห็นให้ตรงถูกต้องต่อพระศาสนา ๕. จิตของผู้ฟังย่อมผ่องใส เบิกบาน ยังอานิสงส์ในการฟังธรรมมีอีก ๕ ประการคือ ๑. ยังพระพุทธศาสนาให้รุ่งเรืองเจริญไปภายหน้า ๒. ตายแล้วจะไปสู่สุคติคือมนุษย์และสวรรค์ ๓. จะได้ตรัสรู้ซึ่งมรรคและผล ๔. จะทำให้เกิดเป็นนิสัยแก่ผู้ฟังทั้งมนุษย์และเทวดาและสัตว์เดรัจฉาน ๕. ฟังแล้วทำให้เกิดปัญญา รู้ตื่นและเบิกบาน
----------------------------------------------------------------------------
มงคลข้อที่ ๒๗ ความอดทน
พระพุทธเจ้าทั้งหลาย ทรงสรรเสริญคุณแห่งความอดทนว่า ความอดทนอดใจ เป็นความเพียรยังกิเลสให้เร่าร้อน ความอดทนให้ถึงซึ่งพระนิพพานดับเพลิงกิเลสเพลิงทุกข์ให้สิ้น ความอดทนมี ๓ ประเภทคือ ๑. ทนกรากกรำ ความอดทนทำการงาน ไม่หวั่นแม้ความหนาว ร้อน ลม แดด ๒. ทนลำบาก ความอดทนต่อทุกขเวทนาอันเกิดเพราะความเจ็บไข้ มีประการต่างๆ แม้อย่างแรงกล้าก็ไม่แสดงอาการกระสับกระส่าย ๓. ทนเจ็บใจ ความอดทนต่อความหมิ่นประมาทที่ผู้อื่นกระทำ มีกล่างคำเสียดสีเป็นความอดทนอย่างยิ่งเป็นขันติโดยแท้ เรียกว่า อธิวาสนขันติ ความอดทนยังเป็นเครื่องบ่งบอกถึง คุณภาพของความเป็นมนุษย์ที่เลิศอีกด้วย
-----------------------------------------------------------------------------
มงคลข้อที่ ๒๘ ความเป็นผู้ว่าง่าย
บุคคลผู้ว่าง่าย คงจักเปรียบได้กับดิน ที่ช่างปั้นจัดสรรคัดเลือกมาอย่างดี แค่นี้คงยังไม่พอ ช่างปั้นต้องนำดินนั้นมาทุบให้ละเอียด แล้วจึงใส่ตะแกรงกรองเอาเมล็ดกรวด เมล็ดทรายออกจากดินนั้นให้เหลือแต่เนื้อดินร่วนๆ เมื่อนำดินนั้นมาผสมน้ำนวดจะได้นิ่มมือ ไม่บาดระคายมือ เมื่อนวดดินนั้นจนเหนียวได้ที่แล้ว จึงนำมาปั้นเป็นแจกัน เป็นหม้อเป็นภาชนะที่ต้องการเนื้อดินที่ละเอียดอ่อนเหนียว ยิ่งทำดินละเอียดเหนียวมากเท่าไรก็ ยิ่งทำให้ภาชนะที่ช่างผู้มีฝีมือปั้นขึ้นนั้น ยิ่งคงทน ปราณีต สวยงามมากเท่านั้น บุคคลผู้ว่าง่ายเมื่อได้ผ่านการชี้แนะ ดัดกาย วาจาใจ จากครูผู้รู้ใจอารีมีปัญญา แล้วถ่ายทอดธรรมวิทยาทั้งปวงให้บุคคลผู้นั้น ย่อมจักสามารถซึมซับรับรู้ สรรพวิทยานั้นๆ ได้อย่างละเอียดหมดจด จนเป็นผู้เจริญในที่สุด ซึ่งต่างจากคนผู้ว่ายากสอนยาก เปรียบเหมือนหินกรวดทราย ต่อให้พบช่างปั้นผู้วิเศษเขาก้ต้องคัดดิน กรวด ทราย นั้นทิ้งในที่สุด คนดื้อว่ายากสอนยาก ดูช่างเป็นคนโง่ที่น่าสงสารเสียจริงๆ เพราะเขาจักไม่มีค่าในสายตาของคนรอบข้างเลย เมื่อไปเรียนรู้กับครูวิเศษท่านใด ไม่ว่าครูผู้ใจอารีนั้นจักเพียรพยายามอบรมสั่งสอนต่อเขาสักปานใด เขาก็จักไม่รับอะไรนอกจากความเห็นของตนเอง แถมยังเสียเวลาเปล่าอีก บุคคลประเภทนี้มักจักเป็นผู้สร้างภาระและปัญหาให้แก่สังคม เหตุเพราะตัวเขาเองเป็นปัญหาแก่ตัวเองแล้วแก้ไขไม่ได้ สุดท้ายก็จักมีชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยว เพราะโดนทอดทิ้งจากสังคมรอบข้าง
----------------------------------------------------------------------------
มงคลข้อที่ ๒๙ ความได้เห็นสมณะ
เมื่อครั้งพระศาสดาได้ปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ เป็นพระสาวก แล้วส่งไปประกาศพระศาสนานั้น พระอัสสชิก็เป็นพระอรหันต์สาวกรูปหนึ่ง ได้จาริกไปตามคามนิคมชนบท แล้วออกบิณฑบาตโปรดสัตว์อยู่นั้น พระสารีบุตรซึ่งยังครองเพศเป็นพราหมณ์อยู่ ได้เห็นกิริยาอันละเมียดละไม สง่างามดังกวางทองเยื้องย่างปานนั้น ก็ทำให้เกิดศรัทธา เข้าไปน้อมกราบแล้วถามขึ้นว่า ท่านเป็นสาวกของใคร ใครเป็นศาสดาของท่าน แล้วศาสดาของท่านสอนว่าอย่างไร ท่านจะเห็นได้ว่า พระสารีบุตรซึ่งยังไม่ได้นับถือศาสนาพุทธเลย แค่เพียงเห็นพระอัสสชิออกเดินบิณฑบาตโปรดสัตว์เท่านั้นเอง ทำให้เกิดความเลื่อมใส ยอมตนก้มลงน้อมกราบแทบเท้าของพระอัสสชิ เพียงเพื่อต้องการรู้ว่าใครเป็นผู้สั่งสอน จึงทำให้พระอัสสชิช่างมีกิริยาอาการละเมียดละไม สง่างาม มั่นคง เสียเหลือเกิน ประโยชน์ของการได้เห็นสมณะผู้สงบ ทำให้จิตของผู้พบเห็นมีจิตสงบ - เกิดศรัทธาที่บริสุทธิ์ - กิเลสไม่กำเริบ - เกิดวิชาความรู้
----------------------------------------------------------------------------
มงคลข้อที่ ๓๐ ความเจรจาธรรมตามกาล
การพูดถึงธรรม ดูน่าจะดีทุกกาล ในข้อนี้ท่านหมายถึงผู้พูดและผู้ฟัง จะต้องมีใจเห็นพ้องกันว่าควรจะพูดและควรจะฟังในเวลานี้ แต่ถ้าพูดถึงเรื่องธรรมในเวลาที่ผัวเมียกำลังเสพกาม เสพเครื่องดองของเมา หรือบริโภคอาหาร เช่นนี้ผู้พูดและผู้ฟังอาจจะต้องเกิดทะเลาะกันก็ได้ เพราะพูดไม่ถูกกาลเทศะ บริษัททั้ง ๔ คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ทั้ง ๔ นี้มีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ได้เล่าเรียนศึกษาพระธรรมและพระวินัยที่พระศาสดาทรงบัญญัติไว้ เมื่อเล่าเรียนศึกษาได้แล้ว มีข้อข้องใจสงสัย ก็จำข้อสงสัยนั้นมานั่งสนทนากัน สอบถามกันในเวลาประชุมหรือในเวลาพบปะท่านผู้รู้ เพื่อช่วยแก่ข้อสงสัยนั้นให้กระจ่าง ในส่วนที่รู้แล้วก็จะยิ่งทำให้รู้ชัดไม่หลงลืม เรียกว่าทำให้มั่นยิ่งขึ้น สำหรับผู้ที่ไม่รู้เลย เมื่อได้มาร่วมรับฟังการเจรจาธรรมนั้น ผู้ที่ไม่รู้นั้นก็จะได้รู้ตาม ถือได้ว่าเป็นการเผยแผ่ธรรม กระจายธรรมไปในตัวด้วย
----------------------------------------------------------------------------
มงคลข้อที่ ๓๑ ความเพียรเผากิเลส
บุคคลใดมีความเพียรสำรวมระวังรักษาซึ่งอินทรีย์เป็นต้น กำจัดเสียซึ่งอกุศล คือ ราคะ โทสะ โมหะ อวิชชา ตัณหา มานะ ทิฏฐิ อุปาทาน ให้หมดน้อยถอยจากสันดานจัดเป็นมงคลอันประเสริฐ
ความเพียรที่จะละกิเลสดังต่อไปนี้ ๑. สำรวมรักษาอินทรีย์ทั้ง ๖ ให้บริบูรณ์ ๒. การรักษาศีล ๕ ไม่โหดร้าย ไม่มือไว ไม่ใจเร็ว ไม่พูดปด ไม่หมดสติ ๓. การรักษาศีลในวันโกน วันพระ ๔. ขันติความอดใจที่จะไม่โกรธไม่พยาบาทอาฆาตจองเวรแก่สัตว์ ยังกิเลสให้เร่าร้อน ๕. ปาติโมกข์สังวร สำรวมระวังในพระปาติโมกข์ ๖. ความเห็นซึ่งมรรคด้วยอำนาจแห่งปัญญา ความรู้อริยสัจ ๔ ๗. มีความยินดีรักษาซึ่งธุดงควัตร เป็นข้อปฏิบัติของบรรพชิต ๘. มีความยินดีเจริญพระกัมมัฏฐานสมถภาวนาและวิปัสสนาภาวนา ๙. ความทำนิพพานให้แจ้ง
----------------------------------------------------------------------------
ที่มา :
- //www.manager.co.th/Dhamma/ViewNews.aspx?NewsID=4554266335367 - //www.manager.co.th/Dhamma/ViewNews.aspx?NewsID=4537786843180 - //www.manager.co.th/Dhamma/ViewNews.aspx?NewsID=2000000004189 - //www.manager.co.th/Dhamma/ViewNews.aspx?NewsID=4550412880777 - //www.manager.co.th/Dhamma/ViewNews.aspx?NewsID=2000000004191 - //www.manager.co.th/Dhamma/ViewNews.aspx?NewsID=2000000004192
Create Date : 12 ตุลาคม 2552 |
Last Update : 12 ตุลาคม 2552 15:56:15 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1224 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 108 คน [?]
|
แหล่งรวบรวมความรู้ โปรแกรม เพลง หนัง เกมส์ วิทยาศาสตร์ ดูละคร เรื่องย่อ ภาพยนตร์ การเงิน และอื่นๆ อีกมากมาย สุดท้ายขอกำลังใจให้มีแรงอัพเดทตลอดๆ ครับ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยียนกันครับ
|
|
|
|
|
|
|
|