คอลัมน์ โครงร่างตำนานคน โดย การ์ตอง
มติชนรายวัน
ต้องยอมรับความจริงการเข้าควบคุมอำนาจ
ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ "คสช."
ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นประธาน
ด้วยความจำเป็นที่ต้องยุติความวุ่นวายจากความแตกแยกของคนในชาติ
และขยายบทบาทมาสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ผู้นำบริหารประเทศ แม้ว่าจะทำให้ประเทศพ้นจากความวุ่นวายมาได้
แต่เป็นเงื่อนไขให้มีปัญหาด้านอื่นอยู่ไม่น้อย
โดยเฉพาะเรื่องที่ "พล.อ.ประยุทธ์" เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา
อดีตรองนายกฯ และแกนนำพรรคเพื่อไทย
ให้สัมภาษณ์กรณีสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.)
เสนอให้ทำประชามติเพื่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ
และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ทำการปฏิรูปประเทศ
ไปอีก 2 ปีก่อนการเลือกตั้งว่า เสนอให้รัฐบาลชุดนี้อยู่ต่อ
ถามว่าจะอยู่ต่อได้อย่างไร หากไม่แก้รัฐธรรมนูญชั่วคราวปี 57
ถ้าไม่แก้รัฐธรรมนูญชั่วคราวฯ
รัฐบาลก็ต้องไปเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เพื่ออยู่ต่อ
ตนไม่คิดว่ารัฐบาลจะมีความคิดที่จะอยู่ต่อ
แต่คงเป็นพวกไม่อยากลงเลือกตั้ง
แต่ชอบนั่งในตำแหน่งที่มาจากการแต่งตั้งมากกว่า
เพราะถ้ารัฐบาลอยู่ต่อ บุคคลเหล่านี้ก็จะอยู่ในตำแหน่งต่อด้วย
โดยไม่สนว่าประเทศจะเป็นอย่างไร
และรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งได้รับผลกระทบอย่างไร
ประชาชนน่าจะเห็นกันอยู่
ตอนที่พล.อ.ประยุทธ์เข้ามาเป็นนายกฯ น่าจะตระหนักอยู่เหมือนกันว่า
รัฐบาลที่มาจากการยึดอำนาจมีปัญหาและอุปสรรคในการบริหารต่างๆ
จึงพูดชัดเจนว่าจะอยู่ตามกรอบเวลาเท่านั้น เท่านี้
ซึ่งการกำหนดกรอบเวลาก็ทำให้ภาคธุรกิจ นักลงทุน
ประเทศต่างๆ พอมองเห็นอนาคตประเทศไทยอยู่ว่า
เมื่อไรจะกลับเข้าสู่การปกครองในระบอบประชาธิปไตย
แต่หากทำไม่ได้อย่างที่พูดอาจจะมีผลกระทบตามมาอีก
มองว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่ควรทำประชามติเพื่อต่ออายุให้ตัวเอง
เพราะตามกรอบที่พูดไว้ทำให้คนเขาอดทนรออยู่ได้
การที่จะไปขยายต่างๆ หรือการที่ประเทศไม่ได้อยู่ในระบอบประชาธิปไตย
ไม่ได้เป็นผลดีต่อประชาชน การกลับเข้าสู่การปกครองที่เป็นประชาธิปไตย
อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเราถือว่าทำได้เร็วเท่าไรก็เป็นประโยชน์
ต่อคนทั้งประเทศมากเท่านั้นนายพงศ์เทพกล่าว
นายพงศ์เทพยังกล่าวถึงการเดินหน้าทำประชามติรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ
ว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้มีปัญหามาก การทำประชามติจะทำให้กมธ.ยกร่างฯ
ฟังเสียงคนอื่น ไม่ดื้อดึง เอาแต่ความเห็นของตัวเอง
เพราะใครได้เห็นร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้แล้วก็ไม่เป็นผลดีต่อประเทศ
ส่วนวิธีการทำประชามติรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญนั้น
ควรใช้เวลาน้อยที่สุด และมีทางเลือกที่เหมาะสมให้กับประชาชน
หากประชาชนไม่รับร่างนี้ ประชาชนจะเสนอทางเลือกใดได้บ้าง
ที่มาข้อมูล:มติชนรายวัน 8 มิย.2558
............................................................................................................................
เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. นายจาตุรนต์ ฉายแสง
อดีต รมว.ศึกษาธิการ แกนนำพรรคเพื่อไทย
โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ล่าสุด
คสช.และครม.มีมติร่วมกัน
ให้เสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557
ใน 7 ประเด็น การแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราวในครั้งนี้
จึงเสมือนเป็นการแก้ไขเปลี่ยนแปลงโรดแม็พให้ยาวออกไป
โรดแม็พแบบนี้ง่ายที่ผู้ที่มีอำนาจรับผิดชอบจะบอกว่า
พร้อมทำตามโรดแม็พเต็มที่ เพราะโรดแม็พไม่คงที่
แต่เปลี่ยนแปลงไปได้เรื่อย ๆ ส่วนการลงประชามตินั้น
คงไม่ได้เป็นไปแบบเสรี
เพราะไม่อนุญาตให้มีการแสดงความเห็นสนับสนุน
หรือคัดค้านได้อย่างเต็มที่ คงหวังอะไรไม่ได้มาก
ขณะเดียวกันรัฐธรรมนูญนี้มีโอกาสจะถูกคว่ำโดย สปช.ง่ายขึ้นมาก
เพราะเมื่อ สปช.ลงมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญ
ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร สปช.ก็จะต้องถูกยุบเลิกไป
พร้อมกับมีองค์กรใหม่เกิดขึ้นคือ สภาขับเคลื่อนการปฏิรูป
แบบนี้การคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ สปช.ก็ไม่มีอะไรต้องสูญเสีย
และการคว่ำร่างรัฐธรรมนูญมีส่วนช่วยให้ คสช. หรือรัฐบาล
อยู่ในอำนาจต่อไปนาน ๆ การแก้รัฐธรรมนูญชั่วคราวครั้งนี้
เป็นการสร้างแรงจูงใจให้ สปช.คว่ำร่างรัฐธรรมนูญ
เพื่อให้กระบวนการทั้งหลายทั้งปวงยืดออกไป ก็คงไม่ผิดนัก
แต่ไม่ว่าจะคว่ำหรือไม่คว่ำร่างรัฐธรรมนูญ ทุกอย่างได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง./จบ
ที่มาข้อมูล:มติชนรายวัน:12 มิย.2558.
..................................................................................................
9 มิย.2558 คุณสุทธิชัย หยุ่น เขียนไว้ที่กรุงเทพธุรกิจรายวัน สูตรปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง กับ รัฐบาลเปลี่ยนผ่าน จะบอกว่าเป็นความบังเอิญหรือเป็นเรื่องทำให้เห็นว่าบังเอิญก็แล้วแต่ ความเคลื่อนไหวของสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) บางกลุ่มให้มีการ ปฏิรูป 2 ปีก่อนเลือกตั้ง กับคำพูดของนายกรัฐมนตรีที่ว่า ถ้าจะให้อยู่ต่อก็ไปถามประชาชนกันเอง ช่างสอดคล้องต้องกันอะไรเช่นนั้น แรกเริ่มที่ได้ยินข้อเสนอ ปฏิรูป 2 ปีก่อนเลือกตั้ง ก็ยังงง ๆ อยู่ว่าในทางปฏิบัติหมายถึงอะไร แปลว่า คสช., สปช. กับ สนช. และรัฐบาลจะอยู่ต่ออีกสองปีแล้วจึงจะมีการเลือกตั้งใช่หรือไม่ ถ้าอย่างนั้น หัวหน้า คสช. และนายกฯจะต้องออกมาแก้ Roadmap ที่วางเอาไว้อย่างไร จะอ้างเหตุผลอันใด และมีอะไรรับรองว่าสองปีจะเห็นผลการปฏิรูปอย่างแท้จริง อะไรเป็นไม้วัดความสำเร็จหรือล้มเหลวของการปฏิรูปในสองปี? ยิ่งจะมีความงงงันมากขึ้นเมื่อมีข้อเสนอจาก สปช. บางท่านว่าการจะให้ปฏิรูปสองปีก่อนเลือกตั้งนั้นควรจะถามความเห็นประชาชน และการถามความเห็นประชาชนก็ควรจะใช้วิธีทำประชามติ ก็ไหน ๆ จะทำประชามติเรื่องร่างรัฐธรรมนูญแล้ว ก็ใส่คำถามเรื่องปฏิรูปสองปีก่อนเลือกตั้งเข้าไปในประชามติเสียเลย นี่คือข้อเสนอของ สปช. ที่ต้องการจะทำทั้งสองเรื่องควบคู่กันไป เพราะ สปช. ที่ผลักดันเรื่องนี้ไม่อยากจะเป็นคนเสนอเอง ต้องการให้เป็นเรื่องของประชาชน ซึ่งบางเสียงก็บอกว่าอาจจะมีการล่ารายชื่อของประชาชน เพื่อให้มีการทำประชามติเรื่องนี้ คนที่ผลักดันเรื่องนี้ไม่ต้องการจะได้ชื่อว่าพยายามจะให้ คสช. และรัฐบาลของนายกฯประยุทธ์ จันทร์โอชา สืบทอดอำนาจ นักข่าวถามนายกฯเรื่องจะอยู่ต่อ นายกฯไม่ได้ปฏิเสธ แต่บอกว่าท่านไม่ได้ต้องการสืบทอดอำนาจ แต่ถ้าจะให้ทำงานต่ออีกระยะหนึ่ง ก็พร้อม แต่ต้องให้ประชาชนส่งเสียงออกมาให้ชัดเจน และยังบอกว่าใครก็ตามที่ผลักดันเรื่องนี้ต้องไปช่วยอธิบายกับคนไทย และต่างประเทศให้เข้าใจเสียด้วย เพราะแน่นอนว่าจะต้องมีคนที่คัดค้านเรื่องนี้เพราะเท่ากับเป็นการทำผิดสัญญา ที่เขียนไว้ใน Roadmap เดิมว่าจะมีการเลือกตั้งเมื่อรัฐธรรมนูญผ่านขั้นตอนทั้งหลาย ซึ่งตีความกันมาตลอดว่าเร็วที่สุดคือไตรมาสแรกของปีหน้า และช้าที่สุดก็คือไตรมาสที่สามของปีหน้า แต่หากต้องทำการปฏิรูปสองปีก่อนแล้วจึงมีการเลือกตั้ง ก็แปลว่าจะต้องมีการแก้ไขเรื่องใหญ่ ๆ ทั้งหมดโดยที่ยังไม่มีใครตอบได้ ว่าจะขับเคลื่อนให้เกิดขึ้นโดยได้รับฉันทามติของคนไทยส่วนใหญ่ได้อย่างไร มีคำถามว่าถ้าจะทำอย่างนั้นก็เขียนระบุไว้ในร่างรัฐธรรมนูญว่าอย่างไร คำถามต่อมาก็คือว่าสองปีที่จะปฏิรูปให้เสร็จก่อนเลือกตั้งนั้น ใครจะเป็นผู้ประเมินว่าการปฏิรูปทุก ๆ ด้านของประเทศได้บรรลุถึงเป้าหมาย ที่วางเอาไว้หรือไม่อย่างไร เพราะไม่มีใครตอบได้ว่าการปฏิรูปที่จะทำให้เสร็จก่อนเลือกตั้งนั้น จะวัดกันด้วยสูตรไหน ใครเป็นคนบอกว่าสองปีจะทำได้ และใครจะเป็นคนฟันธงว่าสองปีแล้วการปฏิรูปได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ หรือไม่อย่างไร แน่นอนว่า มีคนไทยจำนวนไม่น้อยที่เป็นห่วงว่าหากมีการเลือกตั้งตามกำหนดเดิม นักการเมืองที่เข้ามาอาจจะเอาข้อเสนอเรื่องปฏิรูปทิ้งถังขยะเลยก็ได้ เพราะข้อเสนอปฏิรูปหลายข้อเป็นการปรับเปลี่ยนกฎกติกา ที่มีผลกระทบต่อผลประโยชน์ของนักการเมืองอย่างปฏิเสธไม่ได้ ความห่วงกังวลเรื่องนี้มีผลทำให้เชื่อกันว่าหากทำตาม Roadmap เดิม ความพยายามจะปฏิรูปบ้านเมืองก็จะไร้ผล และการรัฐประหารครั้งนี้ ก็จะ เสียของ อีกรอบหนึ่ง ไม่ได้ช่วยแก้ไขปัญหาใหญ่ ๆ ของประเทศชาติอย่างที่อ้างเป็นเหตุผลของการก่อรัฐประหารแต่อย่างใด แต่การกระทำใด ๆ ที่ตีความได้ว่าเป็นการ สืบทอดอำนาจ ของ คสช. ก็จะเปิดจุดอ่อนให้มีการโจมตีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้อีกเช่นกัน ดังนั้น จึงควรจะต้องมีสูตรของ รัฐบาลเปลี่ยนผ่าน ที่ประชาชนมีสิทธิมีเสียงในการทำให้การปฏิรูปเกิดขึ้นอย่างแท้จริง เพื่อปูทางสู่การเลือกตั้งที่โปร่งใส, ยุติธรรมและตรวจสอบได้อย่างเปิดเผย สูตรที่ว่านี้เป็นอย่างไร ผมเชื่อว่าผู้รู้ในบ้านเมืองมีมากมาย หากมีจิตใจมุ่งทำงานเพื่อผลประโยชน์ของชาติที่แท้จริง ยอมเสียสละ และไม่ชิงความได้เปรียบทางการเมือง ก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินไปที่จะถกแถลงเพื่อหาข้อสรุปได้ /จบ ..........................................................................................................................
|