Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2550
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
5 ธันวาคม 2550
 
All Blogs
 
[AF Story] Friendship: เพื่อน << รัก >> เพื่อน === ตอนที่ 22

======


เมื่อรถจอดสนิทแล้ว คนตัวสูง รูปร่างผอมบางก็เปิดประตูรถ ถือกระเป๋าใบเสื้อผ้าใบย่อมของตัวเอง แล้วเดินดุ่มๆ ไปที่อาคารผู้โดยสารภายในประเทศทันที โดยไม่สนใจจะรอคนที่พยายามสาวเท้าเพื่อเดินให้ทันตัวเธอเลยแม้แต่น้อย


“อัซ...” พัดพยายามเรียกคนที่เดินฉับๆ ข้างหน้าให้หยุด แต่จนแล้วจนรอด คนนั้นก็ยังไม่ลดความถี่ในการก้าวเท้าอยู่ดี เธอเลยจำเป็นต้องงัดไม้ตายขึ้นมาใช้ “อัซซี่คะ!”


ได้ผล! คุณครูอาสาเพื่อนเก่าเธอชะงักเท้าทันที


เพราะอัซเคยหลุดออกมาว่า ตัวเองเป็นคนแพ้ผู้หญิงพูดจามีหางเสียง ดังนั้นเวลาจะให้ทำอะไรแล้วอัซบ่ายเบี่ยง พัดจะเอาวิธีนี้มาใช้เสมอ


และตอนนี้ ‘คุณครู’ ก็ยืนนิ่ง เหมือนรอให้เธอเดินไปให้ทัน


“ทำไมต้องเดินเร็วด้วย มันยังไม่ได้เวลาซักหน่อย”


พอเดินมาทัน อัซก็ทำท่าจะขยับหนีอีก นั่นทำให้เธอต้องรั้งแขนไว้


“อัซ!” พัดว่าเสียงเฉียบ “ทำไมต้องทำเหมือนไม่อยากอยู่กับเราด้วย”


เธอพยายามสบตาอัซ เพราะตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว เวลาอยากจะเอาความจริงจากเพื่อนคนนี้ เธอต้องจ้องตา จ้องจนกว่าอัซจะหันหนีไปทางอื่น... นั่นล่ะ เป็นสัญญาณว่าเธอจะได้รู้ความจริงแน่นอน


ยิ่งอัซอ้ำอึ้งไปอย่างนี้ ยิ่งชัดเลย...


คนคนนี้กำลังปิดบังอะไรเธออยู่!


“คือ เรา...”


ตอนนี้อัซกำลังอยู่ในสภาวะน้ำท่วมปาก จะพูดก็พูดไม่ได้... ขืนลองบอกเหตุผลที่แท้จริงไปสิ เธอคงไม่ได้กลับดอยอย่างที่หวังแน่ๆ เพราะคนที่กำลังกอดอกอยู่ตรงหน้านี้คงจะจับไปสอบสวนจนพรุนทีเดียว


“เราอะไร...” น้ำเสียงพัดค่อยๆ ดุขึ้นทุกทีๆ ยิ่งมาพร้อมกับรอยยิ้มมุมปากอย่างนี้ด้วย ยิ่งน่ากลัวเป็นทวีคูณ “อ้อ ถ้าคิดจะปั้นเรื่อง...ขอแนะนำว่าอย่าทำดีกว่า เพราะถ้าเราจับได้ คุณไม่ได้กลับดอยแน่...”


อัซกลืนน้ำลายลงคอดังเอื้อก...


ไม่เจอกันตั้งนาน ดุขึ้นเป็นกองเลยนะคุณพัด!


ถ้าเกิดเปรียบสถานที่แห่งนี้เป็นสังเวียนชกมวย พัดก็เหมือนนักมวยที่กำลังเป็นต่อ แถมไล่ต้อนคู่ต่อสู้ ซึ่งก็คืออัซ ไปจนมุมที่เสาเวที กระดุกกระดิกไปไหนไม่ได้เลยอย่างไรอย่างนั้น แต่ก็นั่นล่ะ ทุกครั้งที่ตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ เสียงตีระฆังข้างเวทีก็จะดังขึ้นมาช่วยชีวิตนักมวยที่เกือบจะเสียทีทุกครั้งไป


และเสียงกฤตซึ่งเรียกพัดมาแต่ไกลในตอนนี้ ก็เปรียบเหมือนกับระฆังที่ช่วยชีวิตอัซไม่มีผิด


“คุณ...” กฤตถึงกับวิ่งมาแจ้งข่าว “ที่โรงพยาบาลกำลังวุ่นใหญ่เลย”


ชั่ววินาทีที่พัดหันมาคุยกับกฤต คนที่ถูกไล่ต้อนอยู่ก็ฉวยโอกาสวิ่งหนีไปทันที เร็วจนถึงแม้ว่าพัดคิดจะวิ่งตาม ก็ไม่มีทางทันอย่างแน่นอน เธอจึงได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ตะโกนไล่หลังไปว่า “ไว้จะตามไปเช็กบิลถึงบนดอยเลย คอยดู” แล้วก็ปล่อยเลยตามเลย หันมาสนใจสามีที่กำลังยืนหอบอยู่นี่แทน


“ทำไม...?”


“คุณยายบรูน่า...” กฤตพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยหอบ “โวยวายใหญ่เลยว่าทำไมปล่อยให้หลานสาวแกป่วยได้”


“อ้าว แล้วแกรู้เรื่องได้ยังไง”


กฤตยกมือขึ้นเป็นเชิงว่า ‘ขอพักเหนื่อยก่อน’ แล้วงอตัววางมือลงบนหัวเข่าเพื่อระบายความหอบ ก่อนจะพูดต่อ “ก็...แกโทรมาหาหลานไง เลยรู้ว่าหลานเข้าโรงพยาบาล”


“แล้วตอนนี้คุณยายบรูน่าอยู่ที่ไหน”


“สมิติเวช พอรู้ก็นั่งเครื่องมาเลย”


======


ก่อนหน้านี้ไม่นาน บรูน่ากำลังนอนยาวดูทีวีสบายอยู่บนเตียง หลังจากผ่านมาหลายวัน อาการไข้ของเธอก็ทุเลาลงไปได้มาก คุณหมอเจ้าของไข้บอกกับเธอว่า พรุ่งนี้น่าจะออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว


แต่เสียงครืดคราดอันเกิดจากระบบสั่นโทรศัพท์มือถือซึ่งแรงจนเธอสะดุ้งก็มาเรียกสมาธิจากภาพยนตร์ที่บรูน่ากำลังดูอยู่ไปหมดสิ้น และเมื่อหยิบขึ้นมาดูว่าใครโทรมา เธอก็ต้องแปลกใจ


เพราะมันเป็นเบอร์ของยาย...


แล้วยายจะโทรมาทำไม?


“ยาย...บรูน่าคิดถึงยายจังเลย....”


เมื่อกดรับ ก็กรอกน้ำเสียงอ้อนๆ ไปตามสายเหมือนตอนอยู่ด้วยกันปกติ


ตั้งแต่จำความได้ คนที่เลี้ยงดูบรูน่านั้นก็เป็นยายนี่ล่ะ ไม่ว่าจะพาเข้าโรงเรียน พาไปเที่ยวที่นั่นที่นี่ บรูน่าก็จะอ้อนยายตลอด เธอเคยถามเหมือนกันว่าพ่อแม่ของเธอไปไหน แต่ยายก็ตอบเพียงแค่ว่า ‘พ่อแม่บรูน่าไปอยู่ในที่ไกลแสนไกลแล้วล่ะ’ ซึ่งตอนเป็นเด็ก เธอก็ไม่ได้คิดอะไร แต่เมื่อโตขึ้น ด้วยอายุก็บอกให้รู้ว่า พ่อแม่ของเธออาจจะไปสวรรค์แล้วก็เป็นได้


ในขณะที่กำลังอมยิ้มคิดถึงคนปลายสายอยู่นั่นเอง เสียงหญิงวัยชราก็กรอกกลับมา


“เป็นไงมั่ง สบายดีรึเปล่า”


ถ้าเป็นคนทั่วไป ถ้าญาติผู้ใหญ่ถามมาอย่างนี้ ก็คงจะตอบไปว่าสบายดี ถึงแม้สภาพร่างกายและจิตใจจะไม่เอื้ออำนวยก็ตาม แต่กับบรูน่า ที่เป็นคนคิดอะไรก็พูดออกมาตรงๆ นั้น จึงไม่ลังเลที่จะบอกคุณยายไปทันทีว่า “อ๋อ ก็ป่วยนิดหน่อยแหละยาย ตอนนี้นอนอยู่โรงพยาบาล”


ทั้งๆ ที่บรูน่าพูดด้วยน้ำเสียงที่โมโนโทนเพราะสมาธิกำลังไปจดจ่ออยู่กับฉากสำคัญบนจอโทรทัศน์ แต่ปลายสายกลับตอบมาด้วยน้ำเสียงที่ทะลุทะลวงโสตประสาทอย่างเป็นที่สุด


“ป่วยนิดหน่อย แต่ไปนอนโรงบาล บอกยายมาเดี๋ยวนี้นะ โรงบาลอะไร”
และก็อีกนั่นล่ะ ที่คนทั่วไปเขาจะไม่บอกกันหรอก ถ้าถูกถามแบบนี้


น้ำเสียงที่บรูน่าตอบไป ก็ยังคงราบเรียบเหมือนเดิม ไม่ได้สนใจจะปรับอารมณ์ไปตามคุณยายเลยแม้แต่น้อย “สมิติเวช สุขุมวิท ทำไม ยายจะมาเหรอ”


แต่ยังไม่ทันที่ยายจะตอบ สัญญาณก็หลุดไปเสียก่อน เลยไม่ทันได้ฟัง


พอภารกิจการคุยโทรศัพท์เสร็จสิ้นไป บรูน่าก็เลยได้กลับมานั่งดูโทรทัศน์ต่อด้วยความสบายใจและมีสมาธิเหมือนเดิมเสียที


ทันใด เสียงเคาะประตูก็มาดึงความสนใจเธอไปอีกครั้ง ทำให้บรูน่าทำเสียงจึ้กจั้กอย่างไม่สบอารมณ์


แต่เมื่อเห็นว่าร่างที่เดินเข้ามาเป็นใครบางคนซึ่งตั้งแต่ตื่นขึ้นมาจนจะกลับบ้านได้อยู่แล้วก็ยังไม่เคยได้เจอเลยแม้แต่ครั้งเดียว... แถมยังบ่นถึงไปไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบแล้ว ก็ยังไม่มา จะมาทำไมตอนที่กำลังดูหนังมันส์ๆ เนี่ยนายคนนี้


ดูเหมือนบอยจะไม่ทันเห็นว่าคนที่เขาตั้งใจมาเยี่ยมตื่นอยู่ เลยค่อยๆ ปิดประตูอย่างเบามือ ราวกับกลัวว่าบรูน่าจะตื่นอย่างไรอย่างนั้น แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมามอง ก็ต้องผงะ เพราะบรูน่ากำลังเอามือเท้าคาง มองจ้องมาที่เขาอย่างไม่วางตา


“ทำไมวันนี้ตื่นเช้าจัง...”


บอยพูดสั้นๆ เสียงเรียบ ทั้งๆ ที่ยังก้มหน้าอยู่อย่างนั้นล่ะ ก่อนจะถือกระเช้าของบำรุงมาวางไว้ที่โต๊ะข้างเตียง แล้วก็เตรียมตัวจะเดินออกไปอยู่แล้ว ถ้าบรูน่าไม่เรียกไว้ก่อน


“พี่บอย ใจคอจะไม่มานั่งคุยกันก่อนเหรอ” สีหน้ายุ่ง บวกกับน้ำเสียงอ้อนๆ ซึ่งบอยยังไม่เคยเห็นในตัวของเด็กผู้หญิงตรงหน้ามาก่อน ทำให้เขาเปลี่ยนใจกลับมานั่งที่โซฟาในที่สุด แต่ก็ยังคงเงียบ ไม่ยอมคุยอยู่ดี


“ตอนบรูน่าไม่รู้สึกตัว พี่บอยพาบรูน่ามาส่งโรงพยาบาลเหรอ”


น่าแปลก ทั้งๆ ที่เมื่อตอนไปร้านก๋วยเตี๋ยว เขายังพูดสอนบรูน่าได้เป็นฉากๆ อยู่เลย แต่ทำไม ณ วินาทีนี้ เขากลับนิ่งเหมือนหุ่น ไม่รู้จะพูดอะไรออกมาเสียอย่างนั้น บอยทำได้เพียงแค่กลืนน้ำลาย แล้วพยักหน้าช้าๆ


“เห็นซาร่าบอกว่า พี่บอยเป็นห่วงบรูน่ามาก จริงเหรอ”


ทำไมคนที่เคยปากเก่งอย่างเขา ถึงได้เงียบเป็นเป่าสากได้ถึงขนาดนี้กัน... กับประโยคนี้ เขาก็ได้แต่เงียบ ไม่พยักหน้า หรือส่ายหน้า ใดๆ ทั้งนั้น เพราะไม่รู้จะตอบไปว่าอะไรดี ถึงจะดูไม่น่าเกลียด


“พี่บอยคะ...”


“...” จนถึงขนาดนี้ บอยก็ยังเงียบ ไม่รู้ว่าเพราะเขิน เพราะอาย หรือเพราะกลัวกันแน่


“พูดกับบรูน่าบ้างก็ได้ ไม่กัดหรอกค่ะ แต่ถึงกัดก็ไม่เป็นไร เพราะฉีดยาแล้ว” บรูน่าเล่นมุขกัดตัวเองได้อีก ทำเอาบอยยิ้มออกมาได้บ้าง แล้วค่อยๆ พูดออกมา


“ฉีดยาอะไรบรูน่า ยากันม้าพยศเหรอ”


เมื่อบอยเล่นกัดอย่างไม่ทันตั้งตัวแบบนี้ รอยยิ้มของคนบนเตียงถึงกับหุบลงโดยพลัน แล้วงอนคนตรงหน้า ไม่พูดไม่จาไปเลยทีเดียว


ยังไม่ทันที่บอยจะง้อขอโทษ ประตูห้องก็เปิดผลัวะเข้ามาก่อน!


เมื่อบอยหันไปมอง ก็ต้องเห็นหญิงสูงอายุรูปร่างท้วมคนหนึ่ง กำลังยืนเท้าสะเอวอยู่ พร้อมด้วยเด็กผู้หญิงผิวคล้ำ ดวงตากลมดุ ดูรุ่นราวคราวเดียวกับบรูน่ายืนเยื้องไปข้างหลัง


“บรูน่า เป็นไงมั่ง”


“อ้าว ยายแนม...ทำไมมาถึงเร็วจัง” บรูน่าสงสัย เพราะเธอเพิ่งวางโทรศัพท์จากยายไปได้ไม่ถึงชั่วโมงดี แล้วทำไมตอนนี้ยายถึงมาอยู่ที่นี่ได้ จากภูเก็ตมากรุงเทพเนี่ยนะ?...เร็วจัง


“จะไม่ให้เร็วได้ยังไง ก็ตอนยายโทรมาหาแกน่ะ ยายอยู่กรุงเทพแล้ว” ก่อนจะหันมาพยักเพยิดกับคนที่มาด้วยกัน “ใช่มั้ย”


“ช่าย...”


ดูเหมือนว่าตอนแรกบรูน่าจะไม่ทันสังเกตว่ามีอีกคนนอกจากยายมาด้วย เนื่องมาจากขนาดตัวของยายนั้นบังมิด จนพอยายหันไปพูดด้วยนั่นล่ะ เธอจึงเห็นว่าคนที่มาด้วยนั้นคือ...


“เฮ้ย เพชร!!!!!!!” แล้วก็กระโดดจากเตียง วิ่งไปกระโดดกอดคนที่ยืนอยู่ที่ประตูทันที ที่วิ่งไปได้เพราะคุณหมอเจ้าของไข้นั้นอนุญาตให้ไม่ต้องเจาะสายน้ำเกลือแล้ว เวลาจะเดินไปไหนมาไหนในห้องเลยเป็นอิสระเต็มที่


แต่ถึงขนาดกระโดดลงจากเตียงแบบนี้ ก็ค่อนข้างจะผิดปกติวิสัยคนป่วยไปสักหน่อย


“ชั้นคิดถึงแกอ้ะ” ไม่กอดเปล่า แถมยังหอมแก้มอีกด้วย “โหย...กลับจากสเปนเมื่อไร ไม่บอกไม่กล่าว”


“เฮ้ย ใจเย็นๆ ปล่อยก่อน” เพชรแตะบ่าบรูน่านิดหนึ่ง


เมื่อแขนของเพื่อนผละจากคอตัวเองแล้ว เพชรถึงค่อยตอบอะไรได้สะดวกหน่อย


“ก็กลับมาตอนที่แกเข้ากรุงเทพแหละ” ก่อนจะยื่นจมูกไปชนแก้มบรูน่าหนึ่งที แล้วบอกว่า “ชั้นก็คิดถึงแกมาก........” เพชรลากเสียงยาว “เหมือนกัน”


โดยทั้งสองสาวหารู้ไม่ว่า มีใครบางคนมองมาที่พวกเธออย่างไม่สบอารมณ์...


======


กฤตกับพัดพยายามตาลีตาเหลือกมาที่โรงพยาบาลแทบแย่ เพราะตัวกฤตนั้นฝากบอกซีแนมไปทางโทรศัพท์กับบรูน่าว่า ให้รอครู่เดียว เดี๋ยวจะรีบบึ่งรถไปหา ดังนั้นทั้งสองคนเลยต้องกระหืดกระหอบมาหยุดอยู่หน้าลิฟต์ในที่สุด


และเพียงอึดใจเดียว ระบบก็พากล่องลิฟต์เคลื่อนขึ้นมาถึงชั้นห้าจนได้


“เอ่อ สวัสดีครับคุณป้า” ทันทีที่เขาเปิดประตูเข้ามาในห้อง ก็รีบกล่าวทักทายไปก่อนเลย โดยที่ยังไม่ได้เห็นตัวของคนที่โวยวายเลยสักนิด “ต้องขอโทษด้วยนะครับที่ปล่อยให้หลานคุณป้าไม่สบาย ขอโทษจริงๆ ครับ”


แต่กฤตก็ต้องแปลกใจ เมื่อไม่ได้ยินเสียงตวาดอย่างที่จินตนาการไว้เลยสักนิด
และเมื่อเงยหน้าขึ้นมองชัดๆ เขาก็ต้องถลาเข้าไปหาหญิงสูงวัยที่นั่งหน้าเฉยอยู่ตรงโซฟาด้วยความดีใจ


ทำให้คนที่เหลือในห้องนั้นอึ้งไปเหมือนกัน


“ป้าแนม ไม่ได้เจอกันตั้งนานนะครับ”


ทุกคนงง ว่ากฤตนั้นไปรู้จักกับคุณยายของบรูน่าตั้งแต่เมื่อไร ไม่เว้นแม้แต่บรูน่า และที่หนักไปกว่านั้น ตัวซีแนมเองก็ขมวดคิ้วด้วย


“เธอเป็นใคร” ก่อนจะเลื่อนแว่นสายตาที่ตกลงมาอยู่ปลายจมูกให้กลับเข้าที่ “ป้าไม่เห็นรู้จัก”


“โธ่ ป้าแนม ผมกฤต ลูกแม่จีนไงครับ” กฤตพยายามย้ำชื่อมารดาของตนเองให้หนักแน่น จริงๆ เขาเองก็ลืมนึกไปว่า ตัวเขาไม่ได้เจอซีแนมมานานมากแล้ว หนำซ้ำ เพื่อนของแม่คนนี้ก็อยู่ในวัยที่ล่วงเลยมามากแถมยังจำอะไรไม่ค่อยจะได้อีกด้วย


และด้วยความทรงจำที่เลอะเลือนของหญิงสูงวัย ซึ่งก็ไม่ได้เจอเพื่อนคนที่ว่ามานานเอาการอยู่ ก็ตั้งแต่ที่จีนนั้นเดินทางไปอยู่เมืองจีนกับญาติเก่าแก่ทางโน้นนั่นล่ะ ซีแนมต้องใช้เวลาพอสมควรทีเดียว กว่าที่จะนึกชื่อกฤตออกมาได้


“อ๋อ เออ คราวก่อนนู้นเห็นยังหนุ่มยังแน่น นี่แก่ตัวลงไปเยอะนะเรา” ซีแนมว่า ก่อนจะเหลือบไปเห็นพัดเข้าพอดี “นั่นเมียเราเหรอ”


คำพูดตรงๆ ภาษาชาวบ้านแบบนี้ ทำให้พัดถึงกับสะดุ้ง ก่อนจะแก้ให้อย่างรวดเร็วว่า


“พัดเป็นภรรยากฤตค่ะ”


“เออ มันก็เหมือนกันล่ะน่า”


คนเป็นสามีหัวเราะกับคนที่ระวังการใช้ภาษาทุกกระเบียดนิ้ว แล้วหันไปคุยกับซีแนมต่อ


“ใครจะไปเหมือนป้าล่ะครับ” กฤตพยายามปอปั้น “ตอนนู้นสวยยังไง ตอนนี้ก็เหมือนเดิมเปี๊ยบ” แถมขึ้นเสียงสูงท้ายประโยคอีกต่างหาก เรียกเสียงหัวเราะจากเด็กรุ่นหลานได้ แต่ดูเหมือนคนที่กำลังอมยิ้มแก้มแทบแตกนี้จะไม่รู้สึกว่าตนกำลังโดนชมแกมประชดอยู่


“แหม เรานี่ก็ปากหวาน”


นั่น ไม่รู้จริงๆ ด้วย...


“แล้วคืนนี้ป้าแนมมีที่พักยังครับ” กฤตพยายามจะเอาอกเอาใจ “ถ้ายังไปพักบ้านผมก็ได้ ตอนนี้มีห้องว่างอยู่ แอร์เพิ่งซ่อมเสร็จพอดีเลย ไปนะครับ”


ที่กฤตต้องทำแบบนี้ เพื่อป้องกันการโวยวายเรื่องหลานสาว หลังจากทักทายถามสารทุกข์สุกดิบกันเรียบร้อยแล้ว เขาจึงต้องหาทางเบี่ยงความสนใจจากเพื่อนแม่คนนี้ไปก่อน เพราะตามกำหนดที่คุณหมอเจ้าของไข้ของบรูน่าเพิ่งบอกมาเมื่อกี้ น่าจะเลื่อนออกจากโรงพยาบาลมาเป็นวันนี้ได้เลย


“อืม ก็ดีเหมือนกัน เพราะแกก็ยังไม่ได้จองที่พักไว้ ใช่มั้ยเจ้าเพชร”


คนเป็นยายว่า ก่อนจะหันมาถามเด็กผู้หญิงที่คุยอะไรไม่รู้จุ๊กจิ๊กอยู่กับบรูน่า


“ใช่จ้ะยาย” ตอบสั้นๆ แล้วก็หันไปคุยกับคู่ซี้ต่อ


เมื่อได้ที่หลับที่นอนเรียบร้อย ดูท่าซีแนมจะอารมณ์ดีขึ้นมาได้เปลาะหนึ่ง ทำให้กฤตพาลากกลับเข้าเรื่องหลานสาวของแกเสียเลย “เอ่อ ป้าแนมครับ จริงๆ บรูน่าไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกครับ วันนี้ก็กลับไปอยู่บ้านได้แล้ว”


“งั้นเหรอ” ท่าทางการหาที่นอนให้นั้น คนเป็นยายจะชอบใจมากและมาดึงความสนใจของแกไปหมด เรื่องที่กฤตกลัดกลุ้มอยู่จึงกลายเป็นตกประเด็นไป “ถ้าเราว่างี้ ป้าก็สบายใจน่ะนะ จริงๆ ป้าก็ไม่ได้อะไรแต่แรกแล้วล่ะ จริงมั้ยบรูน่า เพชร บอย”


กับชายหนุ่มคนหลังที่เธอเพิ่งรู้จักได้เพียงครู่เดียว แต่ไม่รู้ทำไม กลับรู้สึกถูกชะตายิ่งนัก


“เอ่อ จริงค่ะ จริง”


บรูน่าพูดออกมาอย่างไม่เต็มปากเต็มคำเท่าใดนัก เพราะตอนที่ยายก้าวเข้ามาในห้องก้าวแรกนั้น ประตูแทบจะระเบิดไปกับเสียงแหบๆ อันทรงพลังทีเดียว พอตอนนี้ดันมาบอกว่าไม่ได้อะไรแต่แรกเสียอย่างนั้น ก่อนจะหันไปคุยซุบซิบกับเพชรต่อ


และคนบางคน ก็ยังมองมาด้วยสายตาที่ไม่สบอารมณ์เช่นเดิม...แถมรอบนี้ ยังนึกเขม่นแม่สาวผิวคล้ำที่นั่งคุยอย่างสนิทสนมกับคนบนเตียงอีกด้วย


======


Create Date : 05 ธันวาคม 2550
Last Update : 5 ธันวาคม 2550 22:07:10 น. 0 comments
Counter : 173 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Diagonal
Location :
พิษณุโลก Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Diagonal's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.