Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2550
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
5 ธันวาคม 2550
 
All Blogs
 
[AF Story] Friendship: เพื่อน << รัก >> เพื่อน === ตอนที่ 13

======


อีกสิบนาทีจะทุ่มครึ่งแล้ว ตาบ้านั่นมัวไปทำอะไรอยู่ที่ไหนกันนะ!


สาวน้อยลูกครึ่งซึ่งรวบผมเป็นหางม้าไว้ด้านหลังมองนาฬิกาแล้วก็แอบบ่นอยู่ในใจคนเดียว แต่หลังจากบ่นเสร็จไป ดวงตาก็เหลือบมามองหมวกกันน็อกสีดำเป็นมันของคนที่บ่นถึงในมือ แล้วก็ลอบถอนใจออกมาเบาๆ


โกรธเรารึเปล่าเนี่ย...ไม่หรอกมั้ง แค่ล้อเล่นนิดเดียวเอง


ยังไม่ทันที่บรูน่าจะคิดอะไรในใจไปมากกว่านี้ รถมอเตอร์ไซค์คันเก่ากึ้กที่คุ้นตาเธอดีก็แล่นมาจอดนิ่งอยู่เบื้องหน้า คนขี่ใส่หมวกกันน็อกเหมือนกับที่อยู่ในมือเธอเปี๊ยบ ทว่า เป็นใบใหม่เอี่ยม สังเกตได้จาก พลาสติกที่หุ้มหน้ากากนั้นยังแกะออกไม่หมดเลย สงสัยจะรีบซื้อแล้วรีบใส่...


คิดได้ดังนั้นก็ยิ่งรู้สึกผิดเข้าไปอีก...


ยิ่งเมื่อคนมารับไม่ยอมเปิดหน้ากากขึ้นมาทักทายเหมือนตอนมาส่งแล้ว บรูน่าก็ยิ่งไม่กล้าที่จะเอ่ยปากพูดอะไร อย่าว่าแต่จะขอโทษเลย ตอนนี้แค่บอก ‘สวัสดีค่ะ’ เธอก็ยังปล่อยให้มันสงบนิ่งอยู่ในปากอยู่อย่างเดิม


มอเตอร์ไซค์ยังคงแล่นได้เรียบเหมือนเดิม คงเป็นเพราะว่าถนนเรียบด้วย...


ถนนเรียบ...?? เอ๊ะ ขามามันไม่เรียบแบบนี้นี่


ตานี่จะพาเธอไปไหนกัน


“นี่ นาย จะพาชั้นไปไหน” บรูน่าเริ่มกลับมาใช้สรรพนามเหมือนกับตอนที่เจอกันครั้งแรก


ทั้งๆ ที่น้ำเสียงเธอเร่งเร้าจะเอาคำตอบ แต่คนบิดแฮนด์รถกลับนิ่งเงียบขี่มอเตอร์ไซค์ต่อไป ราวกับว่า เขาไม่ได้ยินคำถามของเธอเสียอย่างนั้น และแล้วความหงุดหงิดก็บังเกิดกับสาวน้อยหน้าสวยแต่โผงผางคนนี้ทันที


“นี่ ไม่ได้ยินที่ชั้นถามรึไง” ก่อนจะเริ่มเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นกระโชกโฮกฮาก


แต่แล้ว บรูน่าก็ต้องเงียบเสียงลงแทบจะทันทีเหมือนกัน ประหนึ่งว่าตอนนี้มียันต์ผืนแดงที่ไว้ใช้ปราบผีมาปิดปากเธอไว้ เมื่อบอยตอบกลับมา ด้วยสุ้มเสียงที่ฟังดู...โหด กระแทก และเปี่ยมไปด้วยความรำคาญอย่างสุดกำลัง


“หุบปากเถอะน่า! เดี๋ยวถึงแล้วก็รู้เองแหละ”


ตั้งแต่ประโยคนี้หลุดออกจากปากบอย บรูน่าก็นั่งซ้อนท้ายอย่างสงบเสงี่ยมเรียบร้อยไปจนถึงปลายทาง


======


ร้านรวงและรถเข็นขายอาหารซึ่งติดป้ายไฟนีออนหลากหลายประเภทต่างชิงดีชิงเด่นกันท่ามกลางความมืดมิดของบรรยากาศรอบด้าน ถึงแม้ว่าราตรีจะเข้าครอบคลุมบริเวณแล้ว แต่ผู้คนก็ยังคงพลุกพล่าน ไม่น้อยไปกว่าตอนยังสว่างเลย เผลอๆ อาจจะมากกว่าเสียด้วยซ้ำ


“นายพาชั้นมาที่นี่ทำไม”ทันทีที่บรูน่าเป็นอิสระจากการถูกพันธนาการด้วยความอึดอัดเนื่องจากการนั่งบนรถมอเตอร์ไซค์ที่เจ้าของทำหน้าบอกบุญไม่รับ เธอก็เริ่มสานต่อคำถามที่ค้างไว้ทันที


แต่อย่างไรก็ตาม บอยเพียงแค่ถอดหมวกกันน็อกใบใหม่เอี่ยมออกแล้วล็อกไว้กับรถเท่านั้น ก่อนจะเลี่ยงเดินดุ่มๆ ไปยังกลุ่มรถเข็นและร้านค้าที่มีป้ายไฟโดดเด่นโดยไม่รอและไม่สนใจคนขี้สงสัยและอยากได้คำตอบแม้แต่น้อย


บรูน่าเม้มปากด้วยความขัดใจ แต่ก็ต้องยอมเดินตามไปแต่โดยดี


คนนำพาเธอมาหยุดที่ร้านขายก๋วยเตี๋ยวเจ้าหนึ่ง ซึ่งท่าทางจะไม่ค่อยอร่อย เพราะคนที่นั่งรอนั้นมีน้อยเหลือเกิน เธอก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ถ้าหมอนี่จะหาอะไรกิน ทำไมต้องมาร้านที่ดูก็รู้แล้วว่าไม่อร่อยนี่กันนะ


“นาย...” แต่ชายหนุ่มก็ยังคงไม่ตอบ เขาเพียงแต่เดินไปสั่งก๋วยเตี๋ยวกับเจ้าของร้าน แล้วเดินมานั่งแหมะที่โต๊ะ ก่อนจะหยิบหนังสือดนตรีที่พกติดตัวไว้มาเปิดดูฆ่าเวลาไปพลาง


ในเมื่อไม่ยอมตอบ บรูน่าเลยยอมที่จะใช้วิธีเหมือนกับเมื่อตอนกลางวัน


“พี่บอย...”


“ทำไม...”


นั่นไง ในที่สุด ก็ยอมตอบเธอด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูรื่นหูจนได้...


“กว่าจะตอบนะคะพี่”


“พูดเพราะกับคนอื่นเค้าก็เป็นเหรอ” แล้วหยิบเหยือกมาเทน้ำใส่ลงในแก้วน้ำแข็งเปล่าที่เจ้าของร้านเพิ่งเอามาวาง ไม่พูดไม่จาอะไรอีก แต่แค่ประโยคเดียว ก็เพียงพอที่จะทำให้คนถูกว่าเดือดขึ้นมา


“พี่ว่าหนูเหรอ” คิ้วสวยของบรูน่าเริ่มขมวดเข้าหากัน “ทีพี่ล่ะ เมื่อกี้ยังตะคอกใส่หนูเลย...”


บอยก้มลงดูดน้ำไปอึกใหญ่ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองสาวน้อยตรงหน้าด้วยแววตาเรียบเฉย


“ก็แค่อยากให้รู้ไว้ ว่าถ้าเกิดมีคนมาพูดไม่เพราะใส่เนี่ย เราจะรู้สึกยังไง เท่านั้นแหละ”


พอดีกับที่ชามก๋วยเตี๋ยวสองชามมากระแทกโต๊ะดังปึ้ง ชายหนุ่มจึงหันไปสนใจกับสิ่งที่มาใหม่ทันที แต่เมื่อเขาเห็นบรูน่านั่งนิ่ง ก็เลื่อนชามก๋วยเตี๋ยวที่เหลือไปไว้ข้างหน้า แล้วบอกว่า


“ไม่หิวรึไง?”


บรูน่าสั่นศีรษะ แต่เหมือนกับอวัยวะภายในตัวเธอมันจะไม่สามัคคีกันเลย


ก็เสียงโครกครากที่ดังสนั่นมาจากท้องน่ะสิ...ขายหน้าเป็นที่สุด!


======


“หิวก็กินได้นะ”


“อร่อยเหรอ” คนถูกชวนมองชามก๋วยเตี๋ยวตรงหน้าด้วยสายตาที่ไม่ไว้วางใจ แต่เมื่อถูกกลิ่นหอมโชยมายั่วยวนหนักเข้า พร้อมกับคำเชิญชวนของคนฝั่งตรงข้าม บรูน่าก็อดใจไม่ไหวจนได้


“ไม่ลองก็ไม่รู้”


แล้วก็ก้มหน้าก้มตาจัดการกับเส้นหมี่สีขาวสะอาดในชามตัวเองต่อไป


เอาวะ ลองซักหน่อยก็ไม่เสียหลาย...ว่าแล้วบรูน่าก็คีบเส้นชุดแรกเข้าปากไป...


“อร่อยล่ะสิ” บอยมองใบหน้าอึ้งของเด็กผู้หญิงตรงหน้าแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ “ทำไมถึงคิดว่ามันจะไม่อร่อยล่ะ...”


เมื่อบอยถามออกมาแบบนี้ บรูน่าก็ตอบไปตามอย่างที่ใจคิดไว้แต่แรก เมื่อฟังจบ บอยก็ยิ้มมุมปาก ก่อนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเรื่อยๆ ว่า


“ตัดสินอาหารจากจำนวนคนกิน ไปเอาทฤษฎีนี้มาจากไหนเนี่ย”


“ถมไป ร้านที่คนกินเยอะๆ ก็น่าจะอร่อย ร้านไหนที่คนน้อยๆ ก็คงไม่อร่อยแหง...” เธอโต้ตามประสาของคนที่ไม่อยากจะยอมรับว่าตนคิดผิด


“มันเป็นทฤษฎียังไง ไอ้ ‘น่าจะ’ หรือ ‘ควรจะ’ เนี่ย...” แล้วพูดต่อทันทีโดยไม่เว้นช่องว่างให้เด็กลูกครึ่งแทรก “งั้นพี่ก็พูดได้เหมือนกันว่า ร้านที่คนกินเยอะๆ อาจจะไม่อร่อยก็ได้ หรือร้านที่คนกินน้อยๆ อาจจะอร่อยเหมือนภัตตาคาร...มันก็ได้อีกนั่นล่ะ”


“อย่ามองแค่ด้านเดียว แล้วจะรู้ว่าร้านก๋วยเตี๋ยวที่อร่อยขั้นเทพ ไม่จำเป็นต้องคนกินเยอะ”


บรูน่าอยากจะอ้าปากโต้ตอบ แต่ก็ไม่รู้จะหาเหตุผลที่ไหนมาแย้ง


“ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคนนะบรูน่า เราจะมองของให้มันดีก็ได้ ไม่ดีก็ได้ อย่างแค่ร้านก๋วยเตี๋ยว พี่กับเราก็มองไปได้คนละมุมแล้ว” ถึงแม้ว่าบอยจะพูดด้วยน้ำเสียงที่เรื่อยๆ แต่คำนั้นก็ล้วนหนักแน่น “ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ขอยกตัวอย่างเลยนะ... เหมือนกับที่พี่มองบรูน่าไง ถ้าพี่เลือกที่จะมองแต่ด้านลบ เราก็คงเป็นได้แค่ยายม้าดีดกะโหลกที่ไม่รู้กาลเทศะคนนึง”


แม้คำว่า ‘ม้า’ มันจะจี๊ดเข้าไปในใจของบรูน่าเพียงใด เธอก็เลือกที่จะเฉย แล้วฟังบอยพูดต่อ


“แต่พอลองกลับอีกด้าน... เป็นบรูน่าด้านที่พูดจาไพเราะ เรียบร้อย น่าฟัง พี่พูดได้เลยนะว่า เราเองก็เป็นเด็กดี มีสัมมาคารวะคนนึงเลยล่ะ”


“งั้นเหรอ...”


“อืม...” บอยตอบรับ ก่อนจะคีบลูกชิ้นลูกสุดท้ายเข้าปาก และเหลือบไปเห็นชามของคนที่ตัวเองเพิ่งสอนไปยังเต็มเพียบไปด้วยเส้นที่เริ่มจะอืด “อิ่มคำสอนจนกินไม่ลงเลยเหรอ”


เมื่อถูกแซว บรูน่าเลยมองค้อนบอยเล็กน้อย แล้วก้มหน้าคีบเส้นก๋วยเตี๋ยวเข้าปากด้วยแววตาที่สบายใจและดูมีความสุขขึ้นมากทีเดียว


“พี่บอย...”


“ทำไมเหรอ” ตอนนี้ก๋วยเตี๋ยวของเขาหมดชามไปแล้ว


“เมื่อกลางวัน ขอโทษนะ...”


“ไม่ต้องขอโทษก็ได้ พี่ก็แค่...” บอยยิ้มอย่างมีความหมายแฝง “เสียค่าปรับเพราะไม่มีหมวกไปสองร้อย แล้วก็เสียค่าหมวกใหม่ไปสามร้อยเท่านั้นเอง ไม่หนักหนาอะไรหรอก”


เมื่อได้รับรู้ความเดือดร้อนของบอยที่เกิดจากฝีมือตน บรูน่าก็ยิ่งรู้สึกผิดไปกันใหญ่


“แต่ไม่เป็นไรหรอก แค่บรูน่าคิดจะขอโทษ พี่ก็ไม่ติดค้างอะไรแล้วล่ะ”


ก่อนจะยิ้มกว้างให้สาวน้อยที่นั่งอยู่ตรงกันข้าม


ถ้าเขาไม่คิดไปเอง รอยยิ้มตอบของบรูน่าครั้งนี้ ดูจริงใจที่สุดนับตั้งแต่เจอหน้ากันมาเลยทีเดียว


======


มิ้นอาบน้ำเสร็จก็ลงมานั่งรอบรูน่าที่เมื่อกลางวันเพียงแค่โทรศัพท์มาบอกว่าจะไปเรียนพิเศษ ส่วนไปอย่างไร กลับเมื่อไร มิ้นไม่รู้สักอย่าง และเพื่อฆ่าเวลา เธอก็หยิบโจทย์เลขที่ทำค้างไว้มานั่งเครียดกับมันต่อ แต่พอสายตาเหลือบไปเห็นซาร่านั่งคร่ำเคร่งกับอะไรบางอย่างอยู่ที่โต๊ะอาหาร มิ้นก็ตะโกนถาม


“ร่า ทำอะไรอยู่...”


เงียบไปพักหนึ่ง ก่อนซาร่าจะตอบกลับมา


“อ๋อ ไปหาหนังสือมานั่งดูน่ะ”


มิ้นพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะนึกถึงคำพูดของพัดเมื่อตอนเย็น ว่าให้อ่านหนังสือกับซาร่า


“มาอ่านด้วยกันมั้ย” พลางชูหนังสือข้อสอบเล่มหนาเตอะให้คนที่หันมาพอดีดู “มาเถอะ เพราะวันมะรืนมิ้นก็จะไปแล้ว...นะ”


พอได้ฟังน้ำเสียงอ้อนๆ แบบนี้ คนตัวเล็กที่อยากจะนั่งอ่านคนเดียวเพราะกลัวเพื่อนจะรู้ว่าไม่ได้มั่นใจในการสอบอย่างที่บอกไว้ก็ใจอ่อน หยิบหนังสือมานั่งอ่านที่โซฟาจนได้


“ร่า...”


“ฮึ?”


“เครียดมั้ย”


ทั้งๆ ที่ควรจะตอบไปตามความจริงได้แล้ว แต่ไม่รู้ทำไม ซาร่าก็ยังคงยิ้มกว้าง แล้วสั่นศีรษะ อย่างที่เคยทำเมื่อตอนอยู่ในห้องผู้อำนวยการเหมือนเดิม


“มิ้นจะถามแล้วถามอีกทำไม เนอะ ยังไงร่าก็ทำได้อยู่แล้ว”


เพียงแต่ถ้ามิ้นสังเกตอาการของคนที่อยู่ตรงหน้าสักหน่อย เธอก็จะรู้เลยว่า ที่ซาร่าพูดว่าสบายมาก ที่ซาร่ายิ้มเพื่อแสดงว่ามั่นใจ ที่ซาร่าปฏิเสธว่าไม่เครียดนั้น มันไม่ได้เป็นจริงอย่างที่ทำเลยแม้แต่นิดเดียว


และยังไม่ทันที่ทั้งสองจะคุยอะไรต่อ เสียงรถมอเตอร์ไซค์ก็ดังมาเข้าหู จากนั้นก็เงียบไป มีเสียงเปิดประตูใหญ่มาแทน คงเป็นใครสักคนของบ้านนู้น มิ้นคิด แล้วก็หันความสนใจกลับมาหาโจทย์เลขต่อ เพราะเธอเองก็ไม่รู้ว่า พ่อกับแม่จะเรียกตรวจปีที่ให้ไปทำเมื่อไร


“โอย เหนื่อยเป็นบ้าเลย”


“อ้าว” พอมิ้นได้ยินเสียงผู้หญิงพูดขึ้นมา ก็เงยหน้าขึ้นมองทันที “บรูน่าเองหรอกเหรอ มิ้นก็นึกว่าเป็นคนบ้านโน้น” พลางเดินไปหยิบน้ำเย็นในครัวมาให้เพื่อนที่เพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ “แล้วกลับมายังไงล่ะเนี่ย”


“กลับมากับคนบ้านโน้น”


สิ้นคำตอบของบรูน่า สองคนที่นั่งฟังอยู่ก็หันมามองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ


“คนบ้านโน้น...ใคร”


“พี่บอย”


เสียงบรูน่าที่ตอบกลับมาเรียบเฉยและสุภาพเกินไปเมื่อพูดถึงคู่อริที่เมื่อคืนแทบจะกินเลือดกินเนื้อกันอยู่แล้ว เพราะอะไรไปดลใจกัน ถึงได้กลับมาด้วยกันได้


“บรูน่าไปดีกับพี่เค้าตั้งแต่เมื่อไร” มิ้นเป็นคนยิงคำถามขึ้นมาก่อน “เห็นเมื่อคืนแล้วมิ้นกลัวแทนพี่บอยเลยแหละ จะบอกให้...”


“นั่นสิ เมื่อคืนบรูน่าน่ากลัวมากอะ ยิ่งตอนจะพุ่งเข้าไปหาพี่บอยนะ โหย...” ซาร่าผสมโรงด้วยอีกคน


ทำเอาคนที่ถูกเพื่อนพูดถึงว่าโหด ว่าน่ากลัวนั้นถึงกับทำหน้าไม่ถูกเลยทีเดียว


“ว่าแต่จะเล่าได้ยัง”


บรูน่าหยิบน้ำเย็นๆ ขึ้นดื่มไปอึกใหญ่ ก่อนจะทิ้งตัวลงบนโซฟา พยักหน้า แล้วเริ่มเล่า


======


“เฮ้ย จริง อย่างพี่บอยเนี่ยนะ จะมีหลักการอะไรขนาดนั้นเชียว”


มิ้นร้องตะโกนเสียงดังอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง...


ก็แต่ไหนแต่ไรมา เธอเห็นเพื่อนพี่ชายคนนี้ค่อนข้างจะเรียบร้อย สงบเสงี่ยม ไม่ค่อยพูด นิ่งๆ ดูเรื่อยเฉื่อยไปตามมีตามเกิด แล้วมันอะไรกันเนี่ย ถึงได้พูดจนบรูน่าที่เคยเป็นคู่อริถึงกับยอมรับและเคารพไปได้...


“เห็นด้วยกับมิ้น” ซาร่าเองก็แทบไม่เชื่อเหมือนกัน เพราะถึงแม้ว่าเธอจะเพิ่งเคยเห็นหน้าบอย แต่ดูจากเมื่อวานก็ดูเป็นคนที่ไม่ค่อยหืออือกับใครนี่นา “ถ้าเป็นพี่ต้า จะไม่แปลกใจ”


“เออ ถูก...”


มิ้นตอบเห็นด้วยไปแล้ว ถึงเพิ่งเกิดคำถามในใจขึ้นมาว่า ซาร่าไปคุยกับพี่ชายตัวเองมาตั้งแต่เมื่อไร ถึงได้รู้ว่าเป็นคนมีหลักการ มีระเบียบแบบแผนในชีวิต ถ้ามองจากภายนอกก็ไม่น่าจะมั่นใจจนถึงขั้นพูดออกมาอย่างนี้


แต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไร นั่งลงทำโจทย์เลขต่อไป หยุดเรื่องความสงสัยทั้งหมดไว้เพียงเท่านั้น


“ซาร่าอาบน้ำยัง”


บรูน่าที่ยืนเอาหนังสือเรียนพิเศษพัดคลายความร้อนจากการฝ่าฟันคลื่นยานพาหนะข้างนอกมา ที่แม้กระทั่งอยู่ในห้องที่เย็นฉ่ำเพราะไอจากเครื่องปรับอากาศ เธอก็ยังคงเหนียวตัวอยู่ดี และเมื่อซาร่าบอกว่ายังไม่ได้อาบ เธอเลยเอ่ยปากชวน


“งั้นไปอาบน้ำกัน”


พอได้ยินประโยคนี้จากปากบรูน่า คนที่กำลังจะมีสมาธิทำโจทย์เลขถึงกับสะดุ้ง แล้วแย้งเพื่อนใหญ่


“จะบ้าเหรอ!!”


“บ้าอะไร” บรูน่าหันมามองมิ้นด้วยสายตางงๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสายตาที่มีเลศนัยเมื่อคิดเดาถึงเจตนาของเพื่อนที่อยู่ดีๆ ก็โวยวายขึ้นมา “ฮั่นแน่ ไม่ทราบว่าคิดอะไรอยู่คะ มิณฑิตา” พลางหันไปพูดกับซาร่า “ขอถามหน่อยซาร่า ที่บรูน่าบอกว่าไปอาบน้ำกัน ซาร่าว่ามันหมายความว่ายังไง”


ซาร่าไม่ได้คิดอะไร ก็เลยตอบไปตามตรง “ก็หมายถึงขึ้นไปอาบน้ำด้วยกันไง บรูน่าอาบก่อน แล้วเราอาบต่อ ทำไมเหรอมิ้น?”


สายตาที่เปี่ยมไปด้วยเลศนัยของใครบางคนยังคงอยู่ บวกกับเสียงหัวเราะคิกคัก ทำให้มิ้นเขินกับความคิดบ้าๆ ของตัวเองจนหน้าแดง ก่อนจะตัดบทอย่างดื้อๆ แล้วไล่เพื่อนสองคนขึ้นไปข้างบน


“ไปอาบน้ำได้แล้วไป บ่นว่าร้อนนี่” แล้วก็ทำเป็นตั้งใจทำโจทย์ต่อ


บรูน่านั้นรู้ทันล่ะ แต่อีกคนหารู้ไม่ว่าในขณะที่มิ้นจดจ้องกับหนังสือนั้น ใจกลับลอยไปที่ไหนแล้วก็ไม่รู้


======


ระหว่างรอบรูน่าอาบน้ำ ซาร่าก็กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง ในใจยังคงติดค้างอยู่กับท่าทางของมิ้นเมื่อกี้


ทำไมอยู่ดีๆ มิ้นถึงว้ากขึ้นมานะ ที่บรูน่าพูดมันก็ไม่มีอะไรซักหน่อย...


แถมบรูน่าอีก สายตาดูมีพิรุธยังไงแปลกๆ...


แต่แล้วก็หยุดความคิดไว้เพียงเท่านั้น เพราะมีเสียงเคาะประตูปลุกเธอให้ออกจากภวังค์เสียก่อน


“ค่า...” เมื่อดึงลูกบิดประตูเข้ามา แล้วเผยให้เห็นร่างสูงที่ยืนอยู่เท่านั้นล่ะ ซาร่าก็แทบลืมเรื่องที่คิดอยู่เมื่อกี้ไปจนหมดสิ้น “พี่ต้ามีอะไรเหรอคะ”


“อ๋อ พอดีพี่ค้นเจอพวกเนื้อหาฟิสิกส์ เคมี ชีวะได้น่ะ เลยเอามาให้อ่าน” ต้าว่า พลางยื่นเอกสารปึกใหญ่สามปึกให้กับซาร่า แล้วบอกว่า “ถ้าไม่เข้าใจตรงไหน ไปถามพี่ได้นะ พี่อยู่ห้องทำงาน”


ห้องทำงานที่ว่า คือ ห้องสมุดขนาดย่อมซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของชั้นสอง พัดทำไว้เพื่อให้ลูกได้ใช้ในอนาคต เพราะในห้องนั้นเต็มไปด้วยหนังสือวิชาการในแขนงต่างๆ อย่างน้อยๆ ก็เป็นตามสาขาที่ต้าเรียนมาหนึ่งล่ะ และยังมีตำราทางบัญชี เศรษฐศาสตร์อีกเป็นตั้ง เรียกได้ว่า หมายมั่นปั้นมือให้ลูกสาวเรียนด้านนี้อย่างสุดกำลัง


นอกจากนี้ก็ยังมีสิ่งต่างๆ ที่จำเป็นต่อการเรียนรู้อีกสัพเพเหระ


ซาร่ารับชีทกองโตนั้นมาแนบไว้กับอก ก่อนจะเอ่ยขอบคุณพี่ชายของเพื่อนพร้อมกับรอยยิ้ม


“ซาร่าขอบคุณพี่ต้ามากนะคะ”


“ไม่เป็นไรหรอก ชีทพวกนี้เก็บไว้ก็ไม่ได้ใช้” ต้าพูดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “อ้อ ลืมบอกไป มันอาจจะยากซักหน่อยนะ เพราะมันเป็นของสายวิทย์ แต่พี่ก็เผื่อไว้ให้ เพราะข้อสอบของโรงเรียนเนี้ย มันยากเกินหลักสูตร”


“ขอบคุณอีกครั้งค่ะ”


ครั้งนี้สาวน้อยตาโตถึงกับยกมือไหว้


“ไม่ต้องไหว้พี่หรอก” ต้าห้ามมือไว้ ก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น “พี่ยังไม่อยากแก่น่ะนะ”


ซาร่าอมยิ้มให้กับท่าทางร่าเริงเกินกว่าปกติซึ่งไม่อาจจะเห็นในตัวของต้าได้ง่ายเท่าไรนัก


และถึงแม้ว่าประตูไม้บานใหญ่จะปิดไป และร่างสูงตาหยีมาดขรึมนั้นก็กลับไปสิงสถิตอยู่ที่ห้องทำงานเรียบร้อยแล้ว แต่คนที่ยืนนิ่งอยู่กลับเกิดอาการเหมือนกับ...ยิ้มค้าง


จริงๆ อาการแบบนี้เกิดตั้งแต่ตอนที่ต้ามาคุยด้วยเมื่อเย็นแล้ว...


มันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเธอกันแน่เนี่ย...


ครั้งแรกที่เจอพี่ต้า พี่ชายของมิ้นคนนี้ที่สนามบิน ซาร่าก็มั่นใจเลยว่า เขาเป็นเหมือนชายหนุ่มในอุดมคติของผู้หญิงหลายๆ คน แต่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน...ว่าเรื่องแบบนั้นมันจะเกิดขึ้นกับตัวเธอเอง


ซาร่าคิดว่า ตัวเองแอบปลื้มพี่ชายเพื่อนเข้าให้เสียแล้วสิ


======


คืนนี้ บรูน่ายังคงยึดที่นอนตรงพื้น ข้างเตียง ริมหน้าต่างเช่นเดิม โดยให้เหตุผลพร้อมกับรอยยิ้มประหลาดอย่างเมื่อตอนก่อนจะขึ้นมาอาบน้ำว่า


“เราเป็นคนติดนอนพื้นน่ะซาร่า เพราะงั้นขอนอนตลอดเลยละกันนะ”


ซึ่งซาร่าก็พยักหน้า แล้วไม่ได้ว่าอะไรต่อ


และถึงแม้คนพูดจะไม่ได้พูดกับตัวเอง แต่มิ้นนั้นนั่งนิ่งอยู่บนเตียง แถมมองบรูน่าด้วยสายตาอาฆาต สื่อความหมายได้ในทำนองว่า แกล้งกันดีนักนะ ประมาณนั้น บรูน่าก็ยิ้มเย้ยๆ ตอบกลับมา ก่อนจะทิ้งตัวลงบนฟูก แล้วผล็อยหลับไปอย่างง่ายดายและรวดเร็ว


พอเห็นบรูน่าหลับ มิ้นเลยรู้สึกอยากจะหลับตาม


“ร่า นอนเหอะ” พลางเปิดโคมไฟที่โต๊ะข้างเตียง แล้วลุกจากที่นอน ไปปิดไฟดวงใหญ่อย่างที่เคยทำเช่นทุกวัน เป็นการบังคับกลายๆ ว่าให้นอนได้แล้ว ซึ่งซาร่าก็ไม่ได้ดึงดันอะไร พลางล้มตัวลงนอน ก่อนจะหันหน้าออกไปทางหน้าต่าง


ถึงแม้คนที่เร่งให้นอนอยากจะข่มตาหลับสักเท่าใดก็ตาม แต่เหมือนใจและหัวสมองไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่งเอาเสียเลย แถมยังจะคิดย้อนไปถึงเรื่องราวที่อยู่ในใจเมื่อตอนหัวค่ำอีกต่างหาก


ซาร่าไปคุยกับพี่ต้าตอนไหน ทำไมเราไม่เห็นรู้เรื่อง?


หรือว่าเป็นตอนที่เราหลับ?


หรือว่าเป็นตอนที่เราขึ้นไปอาบน้ำ?


หรือว่าเป็น...


คงเป็นเพราะว่าไปตะลอนและตระเวนซื้อของด้วยความเห่อมาทั้งวัน พอใช้ความคิดหนักเข้า หนักเข้า เลยทำให้เคลิ้มหลับไปเองโดยอัตโนมัติ


======


หลับไปได้เพียงไม่กี่ชั่วโมง มิ้นก็สะลึมสะลือลุกขึ้นมากลางดึกเพราะอยากจะเข้าห้องน้ำ สงสัยเป็นเพราะว่าดื่มน้ำผลไม้สูตรพิเศษฝีมือตูน พ่อครัวคนใหม่ของบ้านเยอะไปหน่อยเลยทำให้ต้องตื่นมาดึกๆ ดื่นๆ เช่นนี้


แต่เมื่อลืมตา แสงไฟสลัวก็ส่องเข้าตา ถึงแม้ว่าจะไม่สว่างมาก แต่ก็ทำให้มิ้นตาแจ้งไปเหมือนกัน


ใครนะ ลุกขึ้นมาทำอะไรดึกๆ ดื่นๆ ?


เธอจึงรีบป่ายมือสะเปะสะปะหาแว่นสายตาที่ถอดวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงท่ามกลางความมืด หาอยู่นาน จนในที่สุดก็เจอจนได้ มิ้นรีบหยิบมาสวมด้วยความรวดเร็ว จากนั้นภาพตรงหน้าก็แจ่มชัดขึ้น


ภาพที่ทั้งๆ ที่สวมแว่นอยู่ มิ้นก็อยากจะขยี้ตาตัวเองอีกสักสิบรอบ...


ร่างเล็กกำลังนั่งหลังขดหลังแข็งอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือของเธอ รอบๆ ตัวนั้นมีหนังสือหนังหากองเต็มไปหมด... ไหนว่าไม่เครียดไงร่า ไหนว่าทำได้ สบายมากไง แล้วทำไมเธอถึง...


มิ้นจึงค่อยๆ ลุกจากเตียงอย่างแผ่วเบาที่สุด และดูเหมือนว่า คนที่จดจ่ออยู่กับหนังสือจะมีสมาธิจนไม่รู้เลยว่า มีคนเดินมาหยุดอยู่ด้านหลังของตัวเอง


“ไหนว่าไม่ต้องเครียด ไม่ต้องห่วง ทำได้สบายมากไง” เสียงเย็นเยียบดังขึ้น นั่นทำให้ซาร่าถึงกับสะดุ้งสุดตัว แล้วหันไปมองเจ้าของเสียงอย่างช้าๆ


“ทำไมต้องหลอกกันด้วย...”


======



Create Date : 05 ธันวาคม 2550
Last Update : 5 ธันวาคม 2550 20:55:17 น. 0 comments
Counter : 183 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Diagonal
Location :
พิษณุโลก Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Diagonal's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.