Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2550
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
5 ธันวาคม 2550
 
All Blogs
 
[AF Story] Friendship: เพื่อน << รัก >> เพื่อน === ตอนที่ 9

======


มิ้นเดินเช็ดผมออกมาจากห้องน้ำ เห็นซาร่านั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียงคนเดียวก็ถาม


“บรูน่าล่ะร่า”


ซาร่าเงยหน้าขึ้นมานิดหนึ่ง พลางชี้ไปที่ข้างเตียง แล้วกลับไปก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือต่อ


พอเห็นว่าบรูน่านั้นนอนหลับไปแล้ว ท่าทางจะหลับลึกเสียด้วย มิ้นก็เลยเลิกล้มความคิดที่จะคุยบางสิ่งบางสิ่งบางอย่างกับบรูน่าไป... ก่อนจะเดินมานั่งที่เตียง ทั้งๆ ที่ยังเช็ดผมอยู่นั่นล่ะ


“อ่านอะไรอยู่เหรอ”


ซาร่าพลิกหน้าปกให้ดู ‘ศิลปกรรมคลาสสิค’


“ร่าอ่านหนังสือแบบนี้ด้วยเหรอ...” มิ้นมองด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ เพราะคิดว่า บุคลิกสดใสอย่างซาร่า ไม่น่าจะอ่านหนังสือที่ค่อนข้างจะดูเกินอายุแบบนี้


แต่ก็ต้องร้องอ๋อออกมาเบาๆ เมื่อซาร่าตอบกลับมาว่า


“ของแม่น่ะ”


“น้ากุ๊กเรียนทางพวกนี้นี่เนอะ”


พูดเพียงเท่านั้น เธอก็เดินไปที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง แล้วหยิบไดร์มาเป่าผม เพราะว่าถ้ามัวแต่เช็ดไปเช็ดมาอยู่อย่างนี้ คาดว่าตีสองก็คงไม่ได้นอนแน่


“มิ้น...” ในระหว่างที่กำลังเป่าผมอยู่ เสียงซาร่าก็ดังลอดเข้ามา นั่นทำให้มิ้นต้องปรับสวิตซ์ไดร์เป่าผมให้แรงลมมันเบาลง ก่อนจะหันมาเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม


“มีอะไรเหรอ...”


“ที่มิ้นมาถามว่าเรางอนมิ้นรึเปล่า...” ทั้งๆ ที่คุยอยู่กับมิ้น แต่ดวงตาของซาร่าก็ยังคงจดจ้องอยู่ที่ภาพศิลปะแบบโกธิคในหนังสือบนตัก “เพราะบรูน่าไปบอกใช่มั้ย...”


“หืม...” มิ้นได้ยินไม่ถนัด เพราะซาร่าพูดเสียงเบามาก ในขณะที่หูมิ้นก็ได้ยินแต่เสียงลม เลยหยุดการเป่าผมไว้แค่นั้น ก่อนจะเดินไปนั่งใกล้ๆ ซาร่า


“ตะกี้ว่าอะไรนะ”


“ก็เพราะว่าบรู...” ซาร่าพูดได้เพียงเท่านั้น เพราะเสียงไดร์เป่าผมที่มิ้นวางหมิ่นๆ อยู่ร่วงกระแทกพื้นมันดึงความสนใจของมิ้นไปเสียหมด คนตาหยีข้างตัวเลยต้องลุกเดินไปเก็บ และพอกลับมานั่งที่เดิม จะรอฟังต่อ คนพูดก็หันไปจมอยู่กับหนังสือต่อเสียแล้ว


“เมื่อกี้จะพูดอะไรเหรอร่า”


“ไม่มีอะไรแล้ว ไปเป่าผมต่อเหอะ...” ซาร่าโบกมือ พลางวางหนังสือไว้ที่โต๊ะข้างเตียง ก่อนจะขยับหมอนซึ่งเธอเอามาพิงหลังตอนอ่านหนังสือให้เข้าที่เข้าทาง “เรานอนละ”


“อือ” มิ้นตอบรับในลำคอ แล้วหันไปจัดการกับผมตัวเองต่อ


======


และในที่สุด ผมมิ้นก็แห้ง กลับมาสะบัดได้พลิ้วเหมือนยามปกติสักที พอหันไปดูนาฬิกาก็ต้องตกใจ มันใช้เวลาไปนานพอสมควรเลยทีเดียว แถมพรุ่งนี้ยังต้องตื่นเช้าอีกด้วย เพราะพัดได้บอกกับมิ้นตอนเข้าไปในครัวว่า พรุ่งนี้จะพาซาร่าไปจัดการเรื่องโรงเรียน


มิ้นไปปิดไฟดวงใหญ่ ก่อนจะเดินสะเปะสะปะคลำทางมาที่เตียงท่ามกลางความมืด ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นสักเท่าไรนัก เพราะว่าเธอก็ทำอย่างนี้เป็นประจำอยู่แล้ว


พอถึงเตียง ก็สอดตัวเข้าไปในผ้าห่มอย่างแผ่วเบา เพราะ หนึ่ง ใช้ผ้าห่มผืนเดียว สอง ซาร่านอนไปนานแล้ว กลัวว่าจะเผลอทำให้ตื่น


แต่พอหัวถึงหมอนปุ๊บ ยังไม่ทันจะหลับตา ก็มีเสียงดังมาจากคนข้างตัว


“เป่าผมนานมาก...”


ทำเอามิ้นสะดุ้งเฮือกเลยทีเดียว


“ร่ายังไม่นอนอีกเหรอ” แต่ซาร่าไม่ยอมตอบ


ตอนนี้สายตามิ้นเริ่มปรับให้ชินกับความมืดได้แล้ว ทำให้เห็นว่า ซาร่านั้นกำลังลืมตาอยู่


“มีอะไรจะคุยกับมิ้นรึเปล่า”


“ทำไมบรูน่าไปนอนที่พื้นล่ะ”


คำถามนี้ทำเอามิ้นยิ่งสะดุ้งหนัก เหมือนลูกหนีเที่ยวกลางคืนแอบย่องเข้าบ้านแล้วโดนพ่อแม่จับได้


“ก็...บรูน่า...” มิ้นไม่รู้จะเริ่มต้นเล่าจากตรงไหนดี “...บรูน่ามาบอกมิ้นว่าร่างอนมิ้นไง แล้วทีเนี้ย มิ้นก็ไม่เชื่อ บรูน่าก็ท้าพนัน ว่า...” แล้วก็หยุดเล่าไปเสียดื้อๆ ทำให้คนที่กำลังฟังอยู่โวย


“ว่าอะไรง่ะ อย่าหยุดแบบนี้ดิ”


“ว่า...” ระหว่างนี้ มิ้นพูดโดยมองเพดานตลอด “ถ้าร่าไม่งอนมิ้น บรูน่าจะยอมนอนพื้น”


======


“เหรอ...” ซาร่านิ่งคิด ถึงว่าสิ ทำไมบรูน่าถึงได้ทำหน้า ทำเสียงแบบมีลับลมคมในแบบนั้น ที่แท้แอบไปตกลงอะไรกันมานี่เอง


ซาร่าเปลี่ยนมาเป็นนอนตะแคงข้าง เพื่อที่จะได้คุยกับมิ้นได้ถนัดขึ้น


“สรุป มิ้นไม่ได้รู้เองใช่ปะ ว่าเรา...” ซาร่าเว้นวรรคนิดหนึ่ง “ว่าเราแอบน้อยใจมิ้นอะ...”


“แล้วทำไมถึงบอกว่า...” ดูเหมือนมิ้นจะกำลังสับสนว่า ระหว่างคำตอบเมื่อหัวค่ำกับตอนนี้ อันไหนมันเรื่องจริงกันแน่ ซาร่าเลยพูดใหม่ให้เคลียร์


“มิ้นถามเราว่างอนรึเปล่า เราก็ตอบว่าไม่ได้งอนไง แค่น้อยใจนิดหน่อย”


“แล้วยังงี้ สรุปว่ามิ้นหรือบรูน่าชนะล่ะ”


ดูท่ามิ้นจะไม่ยอมลดละในเรื่องนี้จริงๆ ซาร่าเลยยิงคำถามไป


“ถ้าบรูน่าเป็นคนชนะ มิ้นจะไปปลุกให้มานอนบนเตียงด้วยรึเปล่าล่ะ”


เป็นไปตามคาด มิ้นปฏิเสธ โดยใช้เหตุผลว่า


“อย่าเลย เดี๋ยวมันโวยวาย”


“นั่นสิ แล้วจะมาสงสัยทำไม” แล้วซาร่าก็เปลี่ยนเรื่อง “พรุ่งนี้น้าพัดบอกให้ตื่นเช้านี่ รีบๆ นอนกันดีกว่า” จากนั้นตัวเองก็หลับตา เตรียมจะตะแคงไปอีกข้างแล้วถ้ามิ้นไม่เรียกขึ้นมาเสียก่อน


“ร่า ยื่นมือมาข้างซิ”


ซาร่างงว่าจะเอามือไปทำอะไร แต่ก็ทำตาม


มิ้นจับนิ้วโป้ง นิ้วชี้ นิ้วกลาง และนิ้วนางของเธองอลงไป เหลือไว้แต่เพียงนิ้วก้อย จากนั้นก็เอานิ้วก้อยข้างหนึ่งของตัวเองมาเกี่ยวด้วย แล้วบอกว่า


“ร่า วันหลังอะ มิ้นจะสังเกตร่าให้มากกว่านี้นะ อย่าเพิ่งน้อยใจไปก่อน...”


แล้วยิ้มกว้างท่ามกลางความมืด


“มันไม่ดีต่อสุขภาพจิตตัวเองและคนรอบข้างนะ รู้เปล่า...”


======


แสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านผ้าม่านสีชมพูโปร่งเข้ามาทาบบนเตียงใหญ่ แถมยังแยงเข้าตาคนที่นอนหันหน้าไปทางระเบียงอีกต่างหาก ราวกับว่าจะปลุกให้ลืมตามาเห็นภาพที่อยู่เบื้องหน้าในตอนนี้อย่างไรอย่างนั้น


มิ้นพลิกตัวหลบแสงแดด พร้อมกับขยี้ตาเหมือนกับจะปลุกตัวเองเบาๆ แต่ก็ยังไม่ลืมตาอยู่ดี หลังจากนั้นก็พลิกตัวกลับมาด้านเดิม ก่อนที่จะพยายามลืมตาด้วยความยากเย็น


แต่เมื่อได้เห็นภาพตรงหน้า ตาที่เคยหนักจนลืมแทบไม่ขึ้น กลับเบิกโพลงทันทีด้วยความตกใจ


จะอะไรเสียอีกล่ะ...


ก็ตอนนี้จมูกของเธอกับจมูกคนที่นอนเตียงเดียวกันเมื่อคืน... มันแทบจะชนกันแล้วน่ะสิ


ดวงหน้ารูปไข่ แก้มป่องเล็กน้อย รวมทั้งจมูกที่งุ้มลงมานิดหน่อยของสาวน้อยสายเลือดเยอรมันที่นอนหลับตาพริ้มอยู่ตอนนี้ ถึงกับทำให้ใจของอีกคนเต้นไม่เป็นจังหวะเลยทีเดียว


มิ้นจ้องภาพนั้นอยู่นานแสนนานราวต้องมนตร์สะกด สาบานได้ว่า ไม่ว่าจะไปค่ายที่ไหนก็ตาม เธอก็ไม่เคยนอนใกล้เพื่อนคนไหนถึงขนาดจมูกเกือบชนจมูกอย่างนี้มาก่อน สงสัยเป็นเพราะเหตุนี้มั้ง ใจเธอเลยเต้นเป็นจังหวะประหลาดๆ ไม่เหมือนที่เคยเป็น


แต่เมื่อดวงตาคู่สวยที่ปิดอยู่กลับเปิดออกมา ทำเอาคนที่กำลังมองอยู่สะดุ้งสุดตัว


“อ้าว มิ้น ตื่นตั้งแต่เมื่อไร” ซาร่าถาม พลางขยี้ตา


ดูท่า เธอจะไม่รู้ว่า แค่การหลับไม่รู้เรื่องเมื่อครู่นี้ ทำให้ใครบางคนใจเต้นแรง...แทบหยุดไม่อยู่


คนถูกถามนิ่งไปอึดใจ เหมือนกับว่ากำลังคิดคำตอบที่ดีและเหมาะสมที่สุดอยู่ในใจ ก่อนจะตอบออกมาด้วยคำพูดที่ตะกุกตะกัก และสายตาที่อยู่ดีๆ ก็ไม่ยอมจ้องหน้าอีกฝ่ายเสียดื้อๆ


“ก็...ตื่น...เอ่อ...ก่อน...ก่อนร่าแป๊บเดียว”


“แล้วทำไมต้องติดอ่างด้วย” ซาร่าอมยิ้มกับประโยคสั้นนิดเดียว แต่กินเวลาพูดเสียนานแถมยังดูลุกลี้ลุกลนเกินเหตุของมิ้น “นอนจนเบลอ พูดจาไม่รู้เรื่องเลยเหรอ”


“เปล่าซักหน่อย” มิ้นตอบแล้วก้มหน้างุดๆ กับหมอน


แต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่า อาการหัวใจเต้นผิดจังหวะของมิ้นจะค่อยๆ ทุเลาลงไปแล้ว เลยพูดอะไรออกมาได้ปกติ ไม่ตะกุกตะกักหรือติดโอ่งมังกรแถวราชบุรีเหมือนตอนแรก


เงียบไปพักหนึ่ง เพราะสองคนได้แต่นอนจ้องหน้ากัน แล้วซาร่าก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้


“เออ มิ้น เมื่อคืนอะ เธอ...นอนดิ้นมากกก...”


มิ้นแสดงสีหน้าตกใจอย่างเห็นได้ชัด...


เพราะถึงแม้จะรู้ตัวดีอยู่แล้วว่านอนดิ้น แต่ก็ไม่น่าถึงขั้น ‘มากกก...’ หรอกน่า


“จริงดิ”


“จริง...” ซาร่าพูดไปหัวเราะไป เหมือนจะเล่าเป็นเรื่องขำๆ มากกว่าที่จะอยากทำให้คนนอนดิ้นเก็บเอาไปเครียดอย่างที่กำลังจะเป็นในอีกไม่ช้านี้ “อยากจะบอกว่า กว่าเราจะหลับนะ เกือบเช้าแน่ะ”


“หา...” นั่นไง คิ้วมิ้นขมวดเป็นปมเข้าหากันจนได้ “จริงเหรอร่า...”


ถึงว่าสิ ทำไมถึงหลับลึกนัก จ้องหน้าตั้งนานไม่ยักตื่น ที่แท้ก็นอนน้อยนี่เอง...


======


“งั้นเดี๋ยวคืนนี้ มิ้นไปนอนข้างล่างเองก็ได้...” ดูท่ามิ้นจะวิตกกังวลกับอาการนอนดิ้นของตัวเองอย่างเป็นจริงเป็นจังเสียแล้ว น่าแปลกที่มากังวลเอาตอนนี้ เพราะว่า เมื่อก่อนบรูน่าก็เคยบ่นว่าเกือบจะโดนแข้งของเธอกวาดจนตกเตียงเหมือนกัน แต่มิ้นนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรเท่าไรนัก


ไม่เหมือนกับตอนนี้ ถึงแม้ดูเจตนาแล้ว ซาร่าจะเพียงแค่พูดเล่นเอาฮาเท่านั้นก็เถอะ


“เย้ย ไม่ต้อง” ซาร่ารีบแย้ง “นี่มันเตียงมิ้นนะ จะไปนอนข้างล่างได้ไง”


“หรือร่าจะยอมนอนไม่หลับ”


“น่า เดี๋ยวอีกหน่อยก็ชิน...”


มิ้นขยับปากจะแย้ง แต่ก็ไม่รู้จะขุดเหตุผลที่ไหนมาให้มันสมเหตุสมผลได้...


“งั้น มิ้นจะพยายามแก้อาการนอนดิ้นของตัวเอง ดีมั้ย...”


“แก้ได้เหรอ” สายตาซาร่ามองมาเป็นเชิงว่า คิดยังไง ถึงพูดออกมาน่ะ ประมาณนั้น...


“ไม่รู้ดิ แต่จะพยายาม” แววตามิ้นดูมุ่งมั่นและเอาจริงเอาจังอย่างสุดชีวิต แค่แววตายังไม่พอ เธอยังชูกำปั้นเหมือนกับจะไปรบอย่างไรอย่างนั้น


“เอาใจช่วยละกัน” ซาร่าเห็นท่าทางของเพื่อนก็อดขำไม่ได้ แล้วเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้


“เอ้อ มิ้น”


“หืม?”


“ปกติชอบนอนกอดหมอนข้างเหรอ”


มิ้นงงที่อยู่ดีๆ ซาร่าก็ถามขึ้นมา แต่ก็ตอบไปตามความจริง “ใช่ ชอบง่ะ ขาดไม่ได้เลย” ว่าแล้วก็มองหาหมอนข้างลายการ์ตูนเข้าชุดกับผ้าปูที่นอนและผ้าห่มที่ชอบนอนกอดอยู่ทุกวัน แต่กลับหาไม่เจอ... เลยหาใหญ่ สุดท้าย ก็เจอมันตกอยู่ข้างเตียง เลยหยิบขึ้นมากอด “แล้วร่าถามทำไมเหรอ”


“สงสัยเมื่อคืนหมอนข้างมิ้นไปเที่ยว” ซาร่าเห็นมิ้นหยิบหมอนข้างจากข้างเตียงก็ร้องอ๋อออกมา ก่อนจะพูดติดตลอกว่า “เราเลยต้องกลายเป็นหมอนข้างจำเป็นไปโดยปริยาย”


หมอนข้างจำเป็น....!!


มิ้นถึงกับหูอื้อตาลาย เมื่อได้ยินคำๆ นี้...!!


งั้นหมายความว่า...เรา เรา เรา...ทำอะไรลงไป...!!??


“มันยังไงล่ะ ไอ้หมอนข้างจำเป็นเนี่ย” มิ้นถามเพื่อความแน่ใจว่าตัวเองไม่ได้หลุดอะไรพิสดารเพราะการนอนดิ้นออกไป


“ก็ พอเราเคลิ้มๆ จะหลับ มิ้นก็ป่ายแขนมาละ เราก็เอาออก พอซักพักนึง ขาก็มาพาด ซ้ำไปซ้ำมาอะ”


ป่ายแขน!! ขาพาด!! ป่ายแขน!! ขาพาด!!


ทำอะไรของแกเนี่ย มิ้น!!! ...แล้วเอามือทึ้งผมตัวเองอยู่ในใจ


“แต่หลังจากนั้นเราก็หลับ เลยไม่รู้ว่ามีอะไรมาพาดอีกรึเปล่าน่ะ” ซาร่าว่าพลางอมยิ้ม “แต่จริงๆ มันก็ไม่ได้หนักหนาอะไรหรอกนะ เพราะว่าตอนเราอยู่เชียงใหม่ อยู่กับแม่น่ะ แม่ก็ชอบนอนกอดเราบ่อยๆ”


หลังจากนั้น ความรู้สึกของมิ้นก็เหมือนหลุดลอยไปดาวอังคาร เมื่อซาร่าพูดต่อว่า


“มิ้นชอบนอนกอดหมอนข้าง เราก็ชอบนอนเป็นหมอนข้าง”


และยิ่งเพิ่มระยะของการหลุดลอยข้ามกาแล็กซี่จากทางช้างเผือกไปอันโดรเมด้านู่นแน่ะ เมื่อได้ยินประโยคนี้...


“เพราะฉะนั้น เราก็อยู่ด้วยกันได้เนอะ”


======



Create Date : 05 ธันวาคม 2550
Last Update : 5 ธันวาคม 2550 20:13:25 น. 0 comments
Counter : 246 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Diagonal
Location :
พิษณุโลก Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Diagonal's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.