Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2550
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
5 ธันวาคม 2550
 
All Blogs
 
[AF Story] Friendship: เพื่อน << รัก >> เพื่อน === ตอนที่ 11

======


คงเป็นเพราะเมื่อคืนมัวเอาแต่นอนสังเกตการณ์สองคนบนเตียงอยู่ตั้งนานสองนาน กว่าจะหลับตาลงได้ก็ดึกมากแล้ว ทำให้กว่าที่บรูน่าจะงัวเงียลุกจากที่นอนก็ปาเข้าไปตะวันสายโด่ง หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเธอจึงเดินสำรวจ และก็เป็นดังคาดว่าไม่เจอใครในบ้านหลังใหญ่เลยแม้แต่คนเดียว เพราะกฤต พัด มิ้นและซาร่านั้น ก็ไปจัดการเรื่องโรงเรียนให้ซาร่าตั้งแต่เช้าตรู่แล้ว ส่วนต้า ก็ต้องออกไปทำงาน


ทำให้ในบ้านนี้เหลือเพียงแค่ตัวเธอเท่านั้น...


ที่สำคัญ วันนี้เป็นวันแรกที่ต้องไปเรียนพิเศษ!!


และตอนนี้เหลืออีกเพียงสองชั่วโมงจะเริ่มเรียน...


ในระหว่างที่บรูน่ากำลังคิดหาทางว่าจะไปเรียนพิเศษอย่างไรนั้น เสียงห้าวฮัมเพลงที่ติดเหน่อตรงปลายประโยคก็ลอยมาเข้าหูเธอพอดี เหมือนว่า มันจะดังมาจากทางบ้านหลังเล็ก


เวลาป่านนี้ยังมีใครอยู่บ้านอีกเหรอ?


ด้วยความอยากรู้อยากเห็น บรูน่าจึงเลื่อนประตูกระจกแล้วโผล่หน้าออกไปดู


ปรากฏว่าเจ้าของเสียงติดเหน่อก็คือ...


คู่อริที่เกือบวางมวยกับเธอเมื่อคืนนั่นเอง กำลังนั่งล้างรถมอเตอร์ไซค์คันโบราณอยู่ ซึ่งก็ไม่รู้ว่ารถคันนี้มีอายุมากกว่าเธอรึเปล่า


เชอะ ว่างมากนักรึไง งานการไม่ไปทำ บรูน่าแอบหมั่นไส้อยู่ในใจ ก่อนที่จะเดินเข้าไปวนเวียนใกล้ๆ หมายจะกวนประสาท...


ถึงแม้ตอนนี้จะมีอะไรให้คิดเพิ่มขึ้นมาบ้าง แต่เรื่องจะไปเรียนพิเศษอย่างไรก็ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวเธอตลอดเวลาอยู่ดี


“ทำอะไรอยู่น่ะ”


บอยที่กำลังร้องเพลงอยู่ก็ชะงักกึก พลางเงยใบหน้าเรียบเฉยขึ้นมามอง


“ซักผ้าครับ” แล้วก็ก้มหน้าก้มตาล้างรถต่อไป


คำตอบของบอย ทำให้คนที่ตั้งใจจะมากวนประสาทถึงกับเต้นเร่าๆ ด้วยความไม่ได้ดั่งใจ


“ชั้นถามดีๆ นะ ตอบว่าล้างรถก็จบแล้ว”


บอยเงยใบหน้าเรียบเฉยขึ้นมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้คิ้วจะขมวดกว่าเดิม


“น้องนี่ก็แปลกนะ ก็รู้อยู่ว่าพี่ล้างรถ แล้วยังจะถามอีก”


เหตุการณ์มันกลับตาลปัตรจากที่เธอคิดไว้เหมือนหน้ามือกับฝ่าเท้าอย่างไรอย่างนั้น... เพราะแทนที่จะได้เป็นฝ่ายกวนประสาท กลับมาอารมณ์เสียเพราะเป็นฝ่ายโดนกวนแทน มันน่าโมโหจริงๆ


แต่พอต่างฝ่ายต่างก็เงียบ บรูน่าก็มองรถมอเตอร์ไซค์กระป๋องคันโบราณที่เธอเรียกอย่างชั่งใจ


จะว่าไป ทางสุดท้ายของการจะได้ไปเรียนพิเศษ...


ก็คงหนีไม่พ้นอิตาคนนี้ล่ะมั้งเนี่ย...เฮ้อ...


======


หลังจากที่ได้ตอบโต้กับแม่สาวน้อยปากจัดไปเมื่อครู่ บอยก็เริ่มอารมณ์ดีขึ้น หลังจากที่มันขุ่นมัวตกค้างมาตั้งแต่เมื่อคืน ซึ่งตัวต้นเหตุก็ไม่ใช่ใครที่ไหน... เอาเถอะ ถือว่าเอาคืนไปแล้ว หายกัน


“พี่คะ”


เสียงอ่อนเสียงหวานแถมสุภาพเรียบร้อยดังขึ้น บอยรีบเงยหน้าขึ้นมามองหาเจ้าของเสียงทันที...


ไหนหว่า ไม่ยักกะมีแฮะ ที่เห็นก็แค่ยายเด็กบรูน่าเท่านั้นเอง... เขาเลยล้างรถต่อ แต่เสียงนั้นก็ดังขึ้นมาอีก คราวนี้เป็นประโยคยาวกว่าเดิม และเหมือนเธอคนนั้นกำลังจะพูดกับเขาด้วย


“พี่คะ พี่ชื่ออะไรเหรอ หนูลืม”


คราวนี้บอยเงยหน้าขึ้นมาเจอยายหน้าม้าดีดกะโหลกของเขากำลังอ้าปากพูดอยู่ แววประหลาดใจก็ฉายขึ้นในดวงตาเรียวเล็กของเขา


“น้องคุยกับพี่เหรอ” ไม่บอกก็รู้ว่าตอนนี้หน้าเขาคงเหลอหลามาก


“ค่ะ พี่ชื่ออะไรเหรอ”


บอยคิดในใจอย่างหวั่นๆ อะไรกันวะ เมื่อกี้ยังจะกวนประสาทเราอยู่เลย...จะมาไม้ไหนอีกเนี่ย


“บอยครับ”


“ค่ะ” บรูน่าตอบรับแล้วยิ้มกว้าง


ถ้าเป็นการพบหน้ากันครั้งแรก บอยคงจะประทับใจกับรอยยิ้มที่แสดงถึงความเป็นมิตรนี้ไม่น้อย...


แต่จะทำอย่างไรได้ล่ะ ในเมื่อมันไม่ใช่ ซ้ำร้าย การพบกันครั้งแรกของเขาและเด็กกะโปโลคนนี้ก็ดูรุนแรงและน่ากลัวอยู่ไม่น้อย... คิดแล้วก็ยังปวดหลัง ปวดแผลที่หัวไม่หาย


พอเจอแบบนั้นเข้าไป บอยเลยไม่อาจตีความได้ว่า รอยยิ้มพิมพ์ใจนี้ มันหมายความว่าอะไร


“น้องบรูน่าครับ”


“คะ” หน้าใสซื่อไร้เดียงสายิ่งนัก ไม่ยักกะเหมือนตอนเถียงกันในห้องนั่งเล่นเมื่อคืนแฮะ


“จะให้พี่ช่วยอะไรรึเปล่า”


“โห พี่คะ รู้ใจหนูจังเลย...” แฮะ พอทำหน้าทำตาไร้เดียงสา เด็กคนนี้มันก็ดูน่ารักใช้ได้เหมือนกัน “พี่ช่วยไปส่งหนูหน่อยได้มั้ยคะ ที่เรียนพิเศษ” แล้วเธอก็บอกชื่อสถาบันชื่อดังที่ใครๆ ก็รู้จักมา


บอยพยักหน้า ก่อนจะหยิบผ้าแห้งแล้วโยนไปให้บรูน่า


“ถ้าอยากไปเร็วๆ ต้องช่วยกันเช็ด”


แล้วก็ส่งยิ้มกลับไปให้...


เหมือนกับว่ารอยยิ้มนี้ จะเป็นยิ้มแรกของวันเลยทีเดียว


======


ประตูกระจกของห้องทำงานที่เปิดเครื่องปรับอากาศจนเย็นฉ่ำถูกผลักเข้ามาโดยผู้ชายวัยกลางคนในชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงสแล็กซึ่งรูปร่างนั้นถือว่าผอมบางสำหรับผู้ชาย และถึงแม้จะผ่านวัยหนุ่มมาได้นานแล้ว แต่ใบหน้าของเขาก็ยังดูอ่อนเยาว์อยู่ ราวกับว่าอายุยังไม่ขึ้นเลขสี่เลยทีเดียว


เขาเดินมาทรุดนั่งลงที่เก้าอี้ทำงานตัวใหญ่ เบื้องหน้าเป็นโต๊ะทำงานซึ่งระเกะระกะไปด้วยเอกสาร มีป้ายตั้งโต๊ะสีเงินวาว มีตัวอักษรติดไว้ว่า


‘ผู้อำนวยการโรงเรียน’


นั่งรอสักพัก ประตูกระจกก็ถูกผลักเข้ามาอีกครั้ง ด้วยหนุ่มใหญ่ร่างสูง พร้อมกับผู้ที่ดูเหมือนว่าจะเป็นครอบครัวซึ่งเดินตามหลังมา


“หวัดดีนายกฤต”


คนเข้ามาใหม่ เป็นเพื่อนกับเขามาตั้งแต่สมัยเรียน เห็นว่าตอนนี้ทำธุรกิจส่งออกผลิตภัณฑ์เครื่องหนังอยู่และเป็นบริษัทรายใหญ่ของเมืองไทยด้วย


“นายทักชั้นอย่างนี้ทำไม เป็นหวัดไม่ดีนะมิว”


และกฤตก็ยังเป็นกฤตอยู่วันยังค่ำ เรื่องเล่นมุขหรือกวนประสาทคน เป็นที่หนึ่งของห้องมาตั้งแต่มัธยม ตอนที่เขาได้ข่าวว่าคนตลกเป็นนิสัยอย่างกฤตไปจับธุรกิจส่งออก เขาแทบไม่เชื่อเลยด้วยซ้ำ


“เป็นคุณพ่อลูกสามแล้วยังไม่เลิกเล่นอีกเหรอเนี่ย”


ครั้งรองสุดท้ายที่เจอกัน กฤตบอกเขาว่า ตอนนี้วุ่นอยู่กับการเรียนของลูกชายคนโต ถ้ามิวจำไม่ผิด ลูกชายคนนั้นน่าจะชื่อต้า และตอนนี้คงจะทำงานทำการไปแล้ว ส่วนครั้งล่าสุด เพื่อนเขาคนนี้ก็พาลูกสาวมาฝากฝังให้เข้าชั้นม.1 แต่จริงๆ ไม่ต้องฝาก ลูกสาวคนนี้ก็เก่งพอที่จะสอบเข้าโรงเรียนได้ด้วยคะแนนอันดับต้นๆ ของชั้นปีเลยทีเดียว


แถมมารอบนี้ สงสัยจะมาฝากลูกสาวอีกคนเข้ามัธยมปลายกระมัง


“เดี๋ยวๆ ดูเหมือนนายจะกำลังเข้าใจอะไรผิด” กฤตพูดแย้งขึ้นมา ทำให้มิวเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม “ลูกชั้นมีสองคน เจ้าต้ากับเจ้ามิ้น ส่วนซาร่านี่...” พลางดึง ‘ลูกสาว’ ที่เพื่อนเข้าใจผิดมาแนะนำ “เป็นลูกของกุ๊กไง กุ๊กที่วาดรูปเก่งๆ ตลกๆ หน่อยน่ะ”


มิวนิ่งคิดสักพัก ก่อนจะร้องอ๋อออกมา


“ซาร่า...หนูเป็นลูกครึ่งเหรอ”


คนถูกถามพยักหน้า ก่อนที่กฤตจะดันเธอให้ไปนั่งที่เก้าอี้ตัวตรงข้ามกับผู้อำนวยการของโรงเรียน แล้วก็กระซิบบอกให้พัดและมิ้นออกไปข้างนอก


แต่ลูกสาวของเขาขอว่าจะอยู่เป็นเพื่อนซาร่า กฤตเลยดันหลังพัดให้ออกไปคนเดียว หลังจากนั้นเขาก็เดินตามออกไปด้วย


“เอาล่ะ บอกเหตุผลในการพาเพื่อนมาพบให้อาจารย์ฟังหน่อยซิ” มิวหันไปถามคนตาเล็กที่เพิ่งร้องบอกผู้เป็นพ่อว่าจะนั่งอยู่ในห้อง


“น้ากุ๊กต้องไปอยู่เยอรมันค่ะอาจารย์เลยฝากให้ซาร่ามาอยู่กับคุณแม่ค่ะ” มิ้นพูดชัดถ้อยชัดคำ ไม่มีติดขัด “ซาร่าเลยจำเป็นต้องเปลี่ยนที่เรียนใหม่ คุณแม่เองก็อยากให้อยู่โรงเรียนเดียวกับหนู จะได้สะดวกในการมารับมาส่ง เลยพามาคุยกับอาจารย์นี่ล่ะค่ะ”


มิวพยักหน้าว่าเข้าใจ พลางหันมาถามเด็กผู้หญิงอีกคนที่ยังไม่ได้พูดอะไรเลยตั้งแต่เข้ามาบ้าง


“ตอนนี้เรียนชั้นอะไรแล้ว”


“ขึ้นม.5 ค่ะอาจารย์ เท่ามิ้น”


“แล้วเรียนสายอะไรอยู่ล่ะ”


“ศิลป์-คำนวณค่ะ”


เมื่อซาร่าตอบ มิวก็หันมามองมิ้นด้วยรอยยิ้ม “เรียนสายเหมือนเราเลยนี่มิณฑิตา”


“ใช่ค่ะ” คนรับคำเองก็เพิ่งรู้เหมือนกัน ว่าซาร่าเรียนสายเดียวกัน “แล้วยังงี้ จะให้อยู่ห้องเดียวกับหนูได้รึเปล่าคะ”


รอยยิ้มของผู้อำนวยการจางลงไป แล้วปรับสีหน้าให้ดูเป็นทางการอีกครั้ง


“การเข้าเรียนปีการศึกษาใหม่ตามกฎของโรงเรียนเรา จะเหมือนกันในทุกชั้นปี” เมื่อมิวพูดมาแบบนี้ รอยยิ้มมิ้นก็เริ่มจางไปเหมือนกัน “คือว่า จะต้องมีการสอบเข้า...”


หากเมื่อมิ้นหันไปมองหน้าซาร่า ก็ต้องมีสีหน้าโล่งใจ เพราะเพื่อนนั้นไม่ออกอาการเครียดหรือเกร็งกับการที่ต้องสอบเป็นอย่างใด กลับนั่งยิ้มอยู่เหมือนเดิม


“จะได้อยู่ห้องคิงเหมือนเรารึเปล่า ก็ต้องรอดูผลคะแนนก่อนนะ” ประโยคหลัง มิวหันมาพูดกับซาร่า


“ค่ะอาจารย์”


======


ประตูห้องถูกผลักออก และ ‘ลูกสาว’ ทั้งสองคนของพัดก็เดินออกมาด้วยสายตาที่เบิกบานทั้งคู่


คนที่ตาเล็กอยู่แล้วนั้น ตอนนี้ยิ้มจนตากลืนหายไปกับคิ้วเลย ส่วนอีกคน ก็ยิ้มในแบบที่เคยเป็นมา


แต่ไม่รู้ว่าพัดคิดไปเองรึเปล่า... ดวงตาและอาการที่ยิ้ม เบิกบาน ดูมีความสุขของซาร่านั้น เหมือนกับจะแสร้งทำเพื่อปกปิดความกังวลบางอย่าง


“เดี๋ยวเราไปซื้อของที่ต้องใช้ให้ร่าเลยนะคะ”


แต่กับมิ้นนี่ อาการร่าเริงเกินเหตุแบบนี้เป็นอยู่บ่อยๆ สงสัยว่าเพื่อนจะได้อยู่ห้องเดียวกับตัวเองแน่กระมัง เลยดีใจจนออกนอกหน้าแบบนี้


“อาจารย์เค้าว่ายังไงมั่งลูก”


กฤตซึ่งยืนพิงเสาห่างออกไปถามขึ้น


“ร่าก็ต้องสอบวัดก่อนแหละค่ะคุณพ่อ” แม้จะพูดถึงเรื่องสอบอยู่ หากมิ้นนั้นดูไม่วิตกกังวลเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังพูดด้วยท่าทางที่เบิกบานอีกต่างหาก ทำให้คนเป็นพ่อเป็นแม่หันมองหน้ากันด้วยความสงสัย “แต่เอาเถอะ ยังไงร่าก็ต้องได้อยู่ห้องเดียวกับมิ้นชัวร์” ก่อนจะหันมาพูดกับคนข้างๆ “เนอะร่า”


“อื้อ ไม่มีปัญหาหรอก” แล้วก็ยิ้มตอบกลับไป


จริงๆ ด้วย...ถึงแม้รอยยิ้มจะยังปรากฏบนใบหน้าของซาร่า แต่ยิ่งเวลาผ่านไปและถ้าสังเกตดีๆ ด้วยแล้ว ความกังวลจะฉายทับรอยยิ้มนั้นไปหมดสิ้น... คงเป็นเพราะกังวลเรื่องการสอบ พัดเองก็ไม่รู้เสียด้วยว่า ตอนอยู่ที่เชียงใหม่ ซาร่าเรียนเป็นอย่างไรบ้าง


แต่ดูท่าลูกสาวตาเล็กคนนี้จะมองไม่ออก เพราะทั้งมองหน้าซาร่าก็แล้ว อะไรก็แล้ว จนถึงขั้นนี้ก็ยังคงร่าเริงออกนอกหน้าเหมือนเดิม


ถ้าถึงบ้านแล้ว น่าจะต้องคุยเรื่องนี้กับซาร่าหน่อยล่ะ เผื่อว่าถ้าเกิดไม่ถนัดวิชาอะไรจริงๆ จะได้หาคนมาติวให้อย่างเป็นจริงเป็นจัง... อย่างน้อยๆ หล่อนก็ไม่อยากทำให้ลูกสาวผิดหวัง ทั้งมิ้นทั้งซาร่านั่นล่ะ


======



Create Date : 05 ธันวาคม 2550
Last Update : 5 ธันวาคม 2550 20:34:37 น. 0 comments
Counter : 195 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Diagonal
Location :
พิษณุโลก Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Diagonal's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.