Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2550
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
5 ธันวาคม 2550
 
All Blogs
 
[AF Story] Friendship: เพื่อน << รัก >> เพื่อน === ตอนที่ 18

======


คนที่สติหลุดเพราะสาสน์จากทางบ้านนั้น กำลังวิ่งเต้นหาคนรู้จักที่มีความรับผิดชอบดีๆ หน่อยภายในค่าย เพื่อให้มารับผิดชอบเป็น ‘หัวเรือใหญ่’ แทนตนโดยเร็วที่สุด


เพราะถึงแม้มิ้นจะรักการออกค่าย การทำกิจกรรมนอกสถานที่อย่างนี้มากเพียงใด
แต่คนที่ป่วยหนักก็ต้องมาก่อนอยู่ดี...


ร่านะร่า บอกแล้วว่าช่วงนี้อากาศมันเปลี่ยนแปลงบ่อย นี่คงอ่านหนังสือดึกดื่นไม่หลับไม่นอนแน่ๆ เลยทำให้ล้มหมอนนอนเสื่อไปเสียแบบนี้


ถ้าหาทางกลับได้นะ จะไปดุให้เข็ดเลย คอยดู!


“เฮ้ย มิ้น ให้ทำแทนแก ชั้นไม่ไหวว่ะ” เพื่อนที่เธอพยายามหว่านล้อมให้มาทำแทนนั้นปฏิเสธไปแล้วหนึ่งราย และถ้าคาดเดาไม่ผิด รายที่สอง สาม และสี่จะต้องตามมาอีก


“อือ ไม่เป็นไรหรอก”


ปากพูดไปอย่างนั้นเอง แต่ในใจแสนจะกลุ้ม


แล้วทีนี้ เธอจะปลีกตัวกลับบ้านได้อย่างไรล่ะ?


“น้องคะ กำลังหาคนแทนน้องอยู่ใช่รึเปล่า”


ในระหว่างที่มิ้นกำลังคิดหาหนทางอยู่นั้น ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งมาทัก ถ้าจำไม่ผิด น่าจะเป็นหนึ่งในคุณครูที่อาสาขึ้นมาสอนในโรงเรียนที่ห่างไกลความเจริญอย่างบนดอยนี้


ดูแล้วน่าจะอ่อนกว่าคุณแม่เธออยู่หลายปีทีเดียว


“ใช่ค่ะ เอ่อ คุณครู...” มิ้นเว้น เหมือนกับจะให้คนที่ยืนคุยกันอยู่บอกชื่อ แต่ทันใด ก็มีเด็กชาวดอยคนหนึ่งวิ่งมา แล้วตะโกนเรียกครูอาสาคนนี้เสียงดังลั่นว่า


“คูอัด คูอัด เค้าแห้มาตาและ”


มิ้นอมยิ้มกับชื่อนั้น จะว่ามันประหลาดก็ประหลาด แต่ก็น่ารักไปอีกแบบ


“สวัสดีอย่างเป็นทางการอีกครั้งค่ะ ครูอัด” แต่ ‘คูอัด’ กลับโบกไม้โบกมือปฏิเสธใหญ่ ก่อนจะบอกชื่อที่แท้จริงออกมา


“ครูชื่ออัซค่ะ ไม่ใช่อัด” พลางหันไปทำท่าจะกินตับใส่เด็กชาวดอยคนนั้น “เจ้าพวกนี้ก็เรียกไปเรื่อย” ก่อนจะวกกลับมาเข้าเรื่องอีกครั้ง “คือยังงี้ มีครูที่ว่างอยู่ เค้าทำแทนได้น่ะค่ะ” คุณครูก็พูดไปเรื่อยเปื่อย โดยไม่ได้มองสีหน้าท่าทางลิงโลดสุดชีวิตของเด็กนักเรียนโต้โผใหญ่ค่ายอาสาคนนี้เลย


“ขอบคุณค่ะครู” รอยยิ้มที่เห็นฟันครบสามสิบสองซี่ทำให้อัซอดยิ้มตามไม่ได้ “เอ่อ หนูขอรบกวนอีกเรื่องได้มั้ยคะ” มิ้นค่อยๆ ลดเสียงให้ได้ยินกันเพียงสองคน


“ได้ค่ะ ว่ามา”


“มีรถพาหนูลงจากดอยมั้ยคะ”


======


รถกระบะขับเคลื่อนสี่ล้อที่ผ่านการใช้งานมาอย่างโชกโชนนั้นพามิ้นลงมาจากดอยสู่พื้นราบในที่สุด ไม่น่าเชื่อว่าทางที่คุณครูใจดีพามาจะถึงเร็วขนาดนี้ ถึงแม้ว่าเวลาแล่นผ่านกองหิน ขอนไม้ หรือสิ่งกีดขวางต่างๆ ในป่าแล้ว รถจะสะเทือนผิดปกติก็ตาม


“น้องมิ้นจะเข้ากรุงเทพเลยใช่มั้ยคะ เห็นว่าเพื่อนป่วยนี่”


มิ้นหันมามองด้วยความสงสัย


“ครูจะขับไปส่งมิ้นถึงกรุงเทพเลยเหรอคะ”


พอเด็กน้อยที่นั่งข้างๆ พูดออกมาด้วยความใสซื่อแบบนี้ อัซก็ต้องระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น


“ถ้ากลับกรุงเทพด้วยรถครู เพื่อนน้องมิ้นก็คงหายป่วยไปสามวันแล้วล่ะค่ะ” พูดไปหัวเราะไป เล่นเอาคนถามแทบจะมุดหน้ากับคอนโซลรถเลยทีเดียว ก่อนจะพูดอุบอิบออกมาว่า


“จริง ถ้านั่งรถ นานเป็นชาติ”


“ใช่มั้ยล่ะ” ถึงตอนนี้ คนจับพวงมาลัยก็ยังไม่หยุดหัวเราะ


อัซเหมือนเห็นเงาของใครบางคนซ้อนทับอยู่ในตัวเด็กผู้หญิงที่ช่างพูดช่างเจรจาคนนี้


คนที่เธอเคยคุ้นเคยเมื่อนานมาแล้ว...


นานเท่าไรแล้วนะ? ที่ไม่ได้เจอกัน


“แล้วมิ้นจะไปไงดีคะครู” ตอนนี้เด็กน้อยกำลังสับสน “จะรถก็นานไป...”


“เครื่องบินไง ขึ้นเครื่องไปเลย...”


ทีแรก มิ้นคิดว่าครูอาสาคนนี้คงจะพูดเล่นแน่ๆ แต่เมื่อจบประโยคก็เงียบไปนาน นานจนมิ้นแอบคิดว่าคงจะเป็นเรื่องจริงแล้วล่ะ...


ขึ้นเครื่องเหรอ บ้าน่า! จะเอาเงินที่ไหนมาจ่าย?


และเหมือนกับว่า ‘คูอัด’ จะรู้ความกังวลในใจจากคิ้วที่ผูกเป็นโบว์ของเธอ เลยช่วยตอบให้ว่า


“อืม เดี๋ยวครูออกให้ก่อนก็ได้ค่ะ แล้วค่อยไปเบิกเอากับคุณแม่น้องมิ้น...” พอคำพูดออกจากปากไปแล้ว อัซถึงเพิ่งเฉลียวใจขึ้นมาได้ว่า ไม่ควรหลุดออกไปเลยจริงๆ เพราะมิ้นหันมาจ้องเธออย่างไม่วางตา


“คุณแม่มิ้น ยังไงคะ”


เฮ้อ...ไม่น่าเลยเรา จะพูดออกไปเพื่ออะไรเนี่ย...อัซแทบอยากจะเอาหัวโขกพวงมาลัยให้รู้แล้วรู้รอด


“เอ่อ...” ทั้งๆ ที่ต้องบอกความจริง แต่อัซก็อ้ำอึ้งอยู่นาน ราวกับว่า ไม่รู้จะเรียบเรียงออกมาอย่างไรดี “คือ ครูบังเอิญเห็นรายชื่อของเด็กที่มาค่ายอาสาอะค่ะ...แล้ว...” ถึงตรงนี้ เธอก็หยุดไปเลย ทั้งที่อากาศในรถก็เย็นสบายดี แต่ทำไมตอนนี้เหงื่อถึงไหลออกมาก็ไม่รู้


“แล้ว...ครูก็เห็นนามสกุลมิ้น เลยรู้ว่าคุณพ่อคุณแม่มิ้นเป็นใคร ใช่รึเปล่าคะ”


อัซถามตัวเองในใจว่า ทำไมถึงจะต้องไม่กล้าสบตาเรียวเล็กของคนที่นั่งข้างๆ ด้วย... และคำตอบ ก็ออกมาโดยพลัน... การถูกไล่ต้อนแบบนี้ เหมือนเมื่อก่อนไม่มีผิด ก่อนจะพยักหน้าอย่างช้าๆ ราวกับเป็นนักโทษที่ยอมจำนน


พอรู้ มิ้นก็ไม่ได้ติดใจอะไร แต่ก็ถามเรื่องที่ตัวเองแอบสงสัยอยู่ออกไป


“ครูเด็กกว่าคุณแม่กี่ปีเหรอคะ”


“ปีเดียวค่ะ” ถึงแม้จะกลับสู่เวลาปกติแล้ว แต่อัซก็ไม่กล้าหันไปสบตามิ้นอีกเลย


“จริงเหรอคะ” เธอเองก็งงที่ลูกสาวของพัดคนนี้ประหลาดใจกับคำตอบ “ทำไมครูดูเด็กจังเลย ไม่เหมือนคุณแม่หนู...” ก่อนจะงับปากลงทันที สงสัยกลัวครูอัซคนดีจะไปฟ้องคุณแม่แน่ๆ


“พูดยังงี้ พัดโกรธแย่” อัซพูดกลั้วหัวเราะ แล้วชวนวกกลับมาเข้าเรื่องสำคัญ


“สรุป ไปเครื่องบินนะคะ”


“ค่า.....”


======


สมกับที่เลือกเดินทางทางอากาศ เพราะเพียงชั่วอึดใจเดียว นกเหล็กลำขนาดย่อมสำหรับบินในประเทศก็แตะล้อลงสู่สนามบินเสียที ลองถ้ามาทางรถโฟร์วีลบุโรทั่งของครูอัซสิ มีหวัง ซาร่าต้องสอบเสร็จไปก่อนแน่ๆ


“เอ่อ ว่าแต่ เพื่อนมิ้นอยู่โรงพยาบาลอะไรเหรอ”


คุณครูถามขึ้นในระหว่างที่รอสายพานเลื่อนกระเป๋ามา เมื่อกระเป๋าทั้งสองใบมาถึง อัซก็คว้ามันทั้งสองกระเป๋า กลายเป็นถือให้มิ้นไปโดยปริยาย


“เอ้อ ใช่ค่ะ จะว่าไป มิ้นยังไม่ได้โทรคุยกับคุณแม่เลย” เธอว่า ก่อนจะควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋าถือใบใหญ่ ควานอยู่นานทีเดียวกว่าจะเจอ


“คุณแม่...โรงพยาบาลอะไร ห้องไหนคะ”


“อ๋อ สมิติเวช สุขุมวิท ห้อง...” มิ้นได้ยินเสียงเรียบยานคางลอยเข้าโทรศัพท์มาด้วย สงสัยจะเป็นคุณพ่อ “ห้องอะไรนะ ห้า... ห้าอะไรพ่อ บอกดีๆ สิ” ถ้าหูไม่เฝื่อน มิ้นเหมือนจะได้ยินเสียงคนโดนทุบดังอั้กอีกด้วย “...สี่หนึ่ง ห้าสี่หนึ่งจ้ะลูก”


“แล้วนี่ลูกเป็นไงมั่ง ที่นู่นอากาศเย็นมั้ย”


“เย็นค่ะ แต่มิ้นลงมาจากดอยแล้วนะคะคุณแม่ เดี๋ยวจะไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้เลย”


“อ้าว แล้วมาไงอะลูก”


ถึงตอนนี้ มิ้นก็หันมาสบตาคนถือกระเป๋าเต็มไม้เต็มมือ ก่อนจะอมยิ้ม “บอกก่อนก็ไม่สนุกสิคะคุณแม่” แล้วนึกได้ถึงจุดประสงค์รองของการโทรมาครั้งนี้ “แล้วร่าอาการเป็นไงมั่งคะ...”


“หืม...เกี่ยว...”


แล้วสัญญาณเสียงก็ขาดหายไปเลย... เหตุเพราะโทรศัพท์มือถือมิ้น...


แบตหมด!


ทำไมต้องมาหมดตอนนี้ด้วย? แต่เอาเถอะ อย่างไรก็ได้รู้ว่านอนโรงพยาบาลอะไร ห้องไหนแล้วนี่เนอะ คิดพลางฉุดแขนของคนข้างตัวให้เดินตาม


“ครูคะ ไปเถอะ โน่น แท็กซี่จอดเรียงกันเป็นขบวนเลย ไปค่ะ”


ไม่รู้ทำไม ทุกครั้งที่อัซมองมิ้น ภาพในอดีตของคนๆ นั้นจะต้องซ้อนทับขึ้นมาด้วย อย่างประโยคเมื่อกี้ อัซได้ยินเป็นว่า


‘อัซซี่ ไปเหอะ โน่น โดนัทวางเรียงกันอย่างยาว...’


ก่อนจะสะบัดศีรษะเรียกความคิดปัจจุบันให้กลับคืนมาโดยเร็วที่สุด แล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งเพื่อที่จะตามมิ้นซึ่งนำไปก่อนสองช่วงตัวให้ทัน


======


Create Date : 05 ธันวาคม 2550
Last Update : 5 ธันวาคม 2550 21:37:32 น. 0 comments
Counter : 164 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Diagonal
Location :
พิษณุโลก Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Diagonal's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.