Group Blog
 
 
ตุลาคม 2550
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
25 ตุลาคม 2550
 
All Blogs
 
[AF Story] Friendship: เพื่อน << รัก >> เพื่อน === ตอนที่ 5

======


“เชิญเลย...นี่ล่ะ ห้องร่า”


“ห้องมิ้นต่างหาก”


“มันก็เหมือนกันแหละน่า”


เจ้าถิ่นผลักประตูไม้บานใหญ่เข้าไป เผยให้เห็นห้องนอนกว้างขวางที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นห้องของเด็กผู้หญิงที่ยังอยู่ในวัยใสอย่างแน่นอน


ด้วยวอลเปเปอร์สีชมพูอ่อน ผ้าคลุมที่เตียงก็เป็นสีเดียวกัน เพียงแต่มีลายการ์ตูนน่ารักๆ อยู่ด้วย ไหนจะตุ๊กตาที่ตั้งเต็มเตียงไปหมดอีกล่ะ


“ร่า จะทำอะไรก็ทำเลยนะ เดี๋ยวมิ้นลงไปข้างล่างแป๊บนึง” มิ้นว่า แล้วเดินฉับๆ ไปที่ประตู แต่ก่อนจะเดินออกไป เธอยังหันมากำชับพร้อมกับรอยยิ้ม “จะอาบน้ำหรือว่านอนก็ได้ทั้งนั้น ตามสบาย เดี๋ยวมิ้นขึ้นมา แป๊บเดียว”


คนที่ถูกปล่อยให้ทำอะไรตามสบายก็ยิ้มตอบแล้วพยักหน้ารับ


พอคล้อยหลังมิ้นไป ซาร่าก็หันมาจัดแจงกับข้าวของของตัวเองเพื่อเตรียมตัวจะอาบน้ำ...แต่เมื่ออยู่คนเดียว ความรู้สึกเหงา เปล่าเปลี่ยวก็เข้ามาแทนที่ความตื่นเต้นกับสถานที่ใหม่ๆ เมื่อครู่ไปหมดสิ้น


ถึงแม้บ้านนี้จะสวยงาม น่าอยู่ กว้างขวาง...


แต่ก็เป็นที่ที่มีเธออยู่เพียงคนเดียว ไม่มีเสียงเรียกหวานๆ ให้ลงไปกินข้าวได้แล้วของแม่ ไม่มีอ้อมกอดที่ถึงแม้เจ้าของจะร่างผอมบางแต่ก็อบอุ่นเป็นที่สุด ไม่มี...ไม่มี...


ตอนนี้ซาร่ารู้สึกโหวงเหวงเหลือเกิน...


ทำให้ความรู้สึกเมื่อตอนยืนเกาะกระจกมองเครื่องบินจนลับไปกับตานั้นย้อนกลับมาอีกครั้ง น้ำตาที่แห้งไปนานแล้วก็ไหลออกมาอีกระลอก


หม่ามี้คะ หนูคิดถึงหม่ามี้จังเลย...


“ร่า ทำอะไรอยู่ ยังไม่อาบน้ำอีกเหรอ” เสียงเรียกของมิ้นทำให้ซาร่ารีบปาดน้ำตาและสูดจมูกอย่างเร็ว ดูเหมือนเพื่อนใหม่จะทำอะไรได้รวดเร็วเกินคาดจริงๆ “ร่า...” จากน้ำเสียงธรรมดากลายเป็นตกใจ พลางเดินเข้ามาหาซาร่าทันที “เป็นอะไร”


ซาร่ายิ้มแล้วสั่นศีรษะเป็นเชิงว่าไม่เป็นอะไร ที่เธอเลือกจะไม่พูดเป็นเพราะว่าถ้าอ้าปากเมื่อไร น้ำตาเป็นต้องได้ไหลออกมาอีกรอบแน่


“จะไม่เป็นอะไรได้ไง” มิ้นแย้ง “ก็เห็นๆ อยู่ว่าร้องไห้” ไม่พูดเปล่าพลางยกมือขึ้นจับไหล่ซาร่า “ถ้าอยู่ที่นี่แล้วมีอะไรไม่สะดวกหรือไม่สบายใจ บอกมิ้นได้นะร่า”


ทีแรก ซาร่าตั้งมั่นกับตัวเองในใจว่าจะไม่ทำให้ครอบครัวใหม่เห็นเธอในมุมที่อ่อนแอ ดูเป็นภาระให้ต้องคอยห่วงเป็นอันขาด แต่เมื่อได้รับความอบอุ่นซึ่งส่งผ่านมาจากอุ้งมือทั้งสองข้างของหนึ่งในพวกเขา กำแพงที่ซาร่าสร้างขึ้นในใจมันก็ต้องพังทลายลงด้วยเวลาอันรวดเร็ว


หยดน้ำใสๆ นั้นทิ้งตัวลงอาบใบหน้าสวยนั้นอย่างไม่มีอะไรขวางกั้นทั้งสิ้น


“หรือว่าร่าคิดถึงน้ากุ๊ก”


คำถามสั้นนิดเดียวแต่กลับจี้เข้าไปในใจคนถูกถามอย่างจัง ซาร่าพยักหน้ารับ พร้อมกับตอบด้วยเสียงสั่นเครือ


“อืม เราคิดถึงหม่ามี้” เมื่อมิ้นเงียบไปเหมือนกับว่าจะเปิดโอกาสให้พูด เธอก็ระบายทุกอย่างที่คิดออกมาจนหมด “แม่ไม่เคยจากเราไปไหนไกลๆ แบบนี้เลยนะมิ้น แล้วมันตั้งสองปี...เราไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลย เราไม่ชอบการพลัดพรากหรือจากใครไปไหน โดยเฉพาะกับหม่ามี้...” ในที่สุด ซาร่าก็สะอื้นจนพูดต่อไปไม่ไหว...


มิ้นมองดวงตาแดงก่ำของคนที่เธอรู้สึกถูกชะตาตั้งแต่ครั้งแรกที่พบแล้วก็ถอนใจ


การปลอบคน เป็นสิ่งที่มิ้นกลัวมากที่สุด อย่างเวลาเพื่อนร้องไห้เสียใจไม่ว่าสาเหตุอะไรก็ตาม เธอก็เข้ามาปลอบจนแทนที่เพื่อนจะหยุดร้อง กลับกลายเป็นโฮหนัก ดังนั้นเวลามีเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้น มิ้นจะไม่กล้าเข้าไปรุมปลอบอีก แต่จะถอยออกมาห่างๆ รอเวลาที่เพื่อนหยุดร้องแล้วค่อยไปทำตลกให้เพื่อนหัวเราะทีหลัง
แต่ในสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีเธออยู่คนเดียวแบบนี้ มิ้นก็จำเป็นจะต้องปลอบ ถึงแม้จะมีโอกาสเกือบแปดสิบเปอร์เซ็นที่ซาร่าจะร้องหนักกว่าเดิมก็ตาม


“ร่า...” มิ้นสูดลมหายใจลึกๆ แล้วพูดต่อ “มิ้นว่าน้ากุ๊กต้องไม่สบายใจแน่เลย ถ้าเห็นร่าร้องไห้แบบนี้”


โอกาสยี่สิบเปอร์เซ็นที่เหลือ...เป็นไปได้แล้ว ซาร่าหยุดร้องในทันทีที่เธอพูดจบ คนปลอบคนอื่นไม่เก่งจึงได้ใจ พูดต่ออีก


“ร่าไม่ได้อยู่ที่นี่ตัวคนเดียวซักหน่อย ยังไงก็มีคุณแม่ ที่มิ้นว่านะ ตอนนี้รักร่ายิ่งกว่าคุณพ่ออีก” มิ้นพูดเองหัวเราะเอง “คุณพ่อกับพี่ต้าก็เอ็นดูร่าจะตาย โดยเฉพาะพี่ต้านะ พูดกับร่าซะเพราะเชียว...” ไม่บ่อยนักที่มิ้นจะปลอบคนอื่นจนมาถึงขั้นให้เหตุผลประกอบคำปลอบแบบนี้


“แล้วมิ้นล่ะ”


หลังจากที่ซาร่าทำให้มิ้นสมาธิกระเจิงเมื่อตอนอยู่ในรถมาแล้ว คำถามสั้นๆ ในตอนนี้ก็ทำสมาธิมิ้นกระจัดกระจายไปเลยทีเดียว


“มิ้นเหรอ...มิ้นก็...” ถึงขั้นติดอ่าง “ตอนนี้มิ้นยังบอกไม่ได้หรอก ไว้...” ที่มิ้นหยุดพูดไป ก็เพราะรู้สึกร้อนเลยนึกได้ว่ายังไม่ได้เปิดเครื่องปรับอากาศ เธอจึงหยิบรีโมทข้างตัวขึ้นเปิด


ก่อนจะพูดประโยคที่ค้างไว้ให้จบ


“ไว้ให้มิ้นสนิทกับร่ามากกว่านี้ก่อนแล้วค่อยบอกนะ”


======


ต้าที่กำลังนอนแช่อ่างในห้องน้ำอย่างสบายอารมณ์อยู่นั้นถึงกับหงุดหงิด เมื่อได้ยินโทรศัพท์มือถือซึ่งทิ้งไว้บนโต๊ะสั่นครืดคราด แต่ถึงจะหงุดหงิดแค่ไหน เขาก็แกล้งทำเป็นไม่ได้ยินเสียนี่ เพราะว่า กว่าจะลุกจากอ่าง กว่าจะเช็ดตัว กว่าจะเดินออกไปรับ มันต้องหยุดสั่นไปก่อนแน่ๆ


คิดได้ดังนั้น เขาก็นอนแช่ต่อไป...ปล่อยให้โทรศัพท์มือถือสั่นกระทบพื้นโต๊ะครืดคราดไปเรื่อยๆ


ต้าไม่ทันคิดว่า การที่เขาไม่เดินออกมารับนั้น จะทำให้คนซึ่งกำลังต้องความช่วยเหลือจนต้องโทรมาหาเขานั้นจะหัวเสียขนาดไหนกัน


บอยแทบเขวี้ยงโทรศัพท์มือถือทิ้งเมื่อสัญญาณถูกตัดไป และมีเสียงหวานๆ ขึ้นมาว่า


‘ขออภัยค่ะ เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ขนาดนี้...’


เขาได้ยินประโยคนี้ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง จนแทบจะท่องได้อยู่แล้ว


“เวรเอ๊ย! ต้ามันทำอะไรอยู่วะ” และโทรศัพท์คงจะหลุดออกจากมือบอยแล้วลอยละลิ่วไปที่อื่นอย่างแน่นอน ถ้าก้อไม่ดึงมือเขาเอาไว้เสียก่อน


“ไอ้บ้า โทรศัพท์ข้า!” พลางกระโดดหยิบโทรศัพท์มือถือสุดรักที่อยู่ในมือของเพื่อนคืนมาทันที “ใจเย็นๆ สิวะ เอะอะก็ขว้าง เอะอะก็ขว้าง รู้มั้ย ไอ้บอยคนที่เป็นอยู่ตอนเนี้ย มันไม่เหมือนเอ็งเลย”


ที่ก้อพูดไปแบบนั้น เพราะในเวลาปกติ บอยจะเป็นคนใจเย็นและสุภาพเรียบร้อยมาก ทว่า ตั้งแต่ที่ทั้งสองคนรู้ว่าจะต้องหาที่อยู่ใหม่ให้ได้ภายในพรุ่งนี้ เพื่อนของเขาก็กลายเป็นแบบที่เห็นเมื่อกี้ไปเลย


“แล้วที่ต้ามันไม่รับโทรศัพท์ มันก็อาจจะติดธุระอะไรอยู่ก็ได้...ใจเย็นเว้ยเพื่อน”


เมื่อก้อเตือนสติ บอยก็อารมณ์เย็นลง...จนกลับมาเป็นคนเดิมได้ในที่สุด “ขอโทษว่ะก้อ โทรศัพท์เอ็งเกือบจะกลายเป็นเศษพลาสติกไปซะแล้ว”


“เออดิ หลายตังค์นะเอ็ง”


“แล้วเราจะทำยังไงต่อ ไอ้ตูนก็ติดต่อมันไม่ได้ด้วยเนี่ย...” บอยพูดถึงเพื่อนอีกคนซึ่งพักอยู่ด้วยกัน ตูนทำงานอยู่ที่ร้านอาหารชื่อดังแห่งหนึ่งในย่านคนมีกะตังค์ แต่บอยคิดว่า คงไม่เดือดร้อนเท่าเขาทั้งสองคน เพราะตำแหน่งที่ตูนทำก็ถือว่าสูงไม่ใช่เล่น เห็นว่าติดต่อกับเจ้านายอยู่ตลอดเวลา ถ้าไม่มีที่อยู่จริงๆ คงจะไปอาศัยเจ้านายได้


แต่เขาสองคนนี่สิ ลำพังเป็นแค่นักดนตรีไม่มีสังกัด ตระเวนร้องตามผับหากินไปวันๆ จะไปพักกับใครได้ แถมที่พึ่งสุดท้ายอย่างต้าก็ดันไม่รับโทรศัพท์เสียนี่...


“เฮ้ยก้อ ไปร้านไอ้ตูนถูกมั้ย”


ก้อหันมามองบอยอย่างงงๆ ก่อนจะถามว่า “ไปถูก แต่จะไปทำไม”


“ไปแจ้งข่าวและไปให้มันช่วยหาที่อยู่ให้ไง ถามได้”


======


ต้านุ่งผ้าเช็ดตัวออกมาจากห้องน้ำ พร้อมทั้งใช้ผ้าผืนเล็กๆ เช็ดศีรษะที่เปียกชุ่มเพราะเพิ่งสระผมเสร็จไป เดินออกมาก็ตรงไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาดูทันที เพียงแค่เห็นจำนวนสายไม่ได้รับที่โชว์อยู่บนหน้าจอเท่านั้นล่ะ ตาโตเหมือนไข่ห่านเลยทีเดียว


“เฮ้ย แปดสิบเอ็ดมิสคอล ใครโทรเนี่ย...” ว่าแล้วก็กดดูอย่างรวดเร็ว และพอเห็นว่าเป็นหมายเลขของก้อเพื่อนสนิทตัวเองก็สงสัยใหญ่ เพราะปกติแล้ว เพื่อนผู้ชายจะไม่เคยมีใครที่พอโทรหาเขาไม่ติดแล้วจะกดย้ำๆ แบบนี้อย่างเด็ดขาด ถ้าเป็นอย่างใครบางคนก็ว่าไปอย่าง...ต้าอมยิ้ม ก่อนจะกดโทรกลับหาก้อทันที


แต่ลองโทรไปสักสี่ห้าครั้งก็ไม่มีใครรับ


และต้าก็ไม่ใช่พวกประเภทความอดทนสูงถึงขนาดจะโทรให้ไปขึ้นจอเป็นสิบๆ ครั้งเสียด้วยสิ


เขาเลยเลิกสนใจและเดินไปหยิบเสื้อผ้ามาแต่งตัว โดยคิดเอาเองว่า ถ้าเพื่อนมีเรื่องเดือดร้อนจริงๆ พอเห็นหมายเลขโทรศัพท์เขาโชว์บนจอ ก็ต้องโทรกลับมาเองนั่นล่ะ


แต่ต้าหารู้ไม่ว่า ทั้งบอยคนโทรและก้อเจ้าของโทรศัพท์นั้น ตอนนี้กำลังจะกลายเป็นคนไร้บ้านแล้ว...


และที่ไม่รับโทรศัพท์นั้นก็เพราะว่าทั้งสองกำลังเดินทางไปที่ร้านอาหารซึ่งตูนทำงานอยู่ด้วยรถมอเตอร์ไซค์ ซึ่งเสียงจอแจบนถนนในตอนเย็นๆ นี้ก็ดังมากเสียจนก้อไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ แถมลืมเปิดระบบสั่นไว้อีกต่างหาก


เป็นผลให้คลาดกันไปคลาดกันมา ไม่ได้คุยกันสักที


======


ซาร่าแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยออกมาจากห้องน้ำ พอเห็นมิ้นนอนขดอยู่บนเตียงโดยผ้าห่มนั้นกระเด็นมาอยู่ที่พื้น ก็อมยิ้มก่อนคิดในใจ... สงสัยเป็นเพราะนอนดิ้นแน่ๆ เห็นตอนตื่นซนๆ ไฮเปอร์ๆ ไม่คิดว่าตอนนอนก็จะเป็นด้วย ว่าแล้วก็เอาผ้าขนหนูไปแขวนไว้ ก่อนเดินไปหยิบผ้าห่มขึ้นมาจะห่มให้มิ้น


แต่ยังไม่ทันที่จะคลุมได้หมดทั้งตัว มิ้นก็ลุกขึ้นมาเสียก่อน


“เฮ้ย!” เป็นผลให้ร่าร้องเสียงหลงเลยทีเดียว “ทำไมอยู่ดีๆ ลุกขึ้นมาล่ะเนี่ย”


แต่มิ้นไม่ตอบ ลุกขึ้นมา หันซ้ายหันขวา พูดอะไรพึมพำซึ่งร่าก็จับใจความไม่ทันสักสองประโยค จากนั้นก็ทิ้งตัวลงนอนต่อ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างไรอย่างนั้น


“ละเมอเหรอ” คนร้องเสียงหลงเมื่อครู่ถึงกับยกมือทาบอก “ตกใจหมด”


แล้วค่อยๆ จัดแจงห่มผ้าห่มใหม่อีกรอบหนึ่ง เมื่อเสร็จเรียบร้อยก็นั่งมองคนที่นอนอยู่แล้วค่อยๆ ยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงคำพูดของมิ้นตอนที่พาเธอเข้ามาในห้องครั้งแรก


‘จะอาบน้ำหรือว่านอนก็ได้ทั้งนั้น ตามสบาย...’


บอกว่าให้นอนได้ตามสบาย แต่ตัวเองกลับนอนเสียเอง ไม่รู้ไปอดหลับอดนอนมาจากไหนกัน... ซาร่าคิดในใจก่อนจะเหลือบไปเห็นกระดาษอะไรบางอย่างแผ่นเบ้อเริ่มติดอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือเลยเดินไปดู


‘Fight for Faculty of Economics!!’


ตารางที่ว่านั้นเขียนหัวข้ออย่างใหญ่ด้วยลายมือที่ดูเก๋ไม่เหมือนใคร ซาร่าเดาว่าต้องเป็นลายมือมิ้น ในตัวตารางก็มีตัวหนังสืออัดแน่นไปหมด เขียนแยกแต่ละวันไว้เลยว่าต้องอ่านวิชาอะไรบ้าง เนื้อหาจากไหนถึงไหน


และเท่าที่ดูเวลา เหมือนชีวิตของมิ้นแทบทั้งวันจะมีแต่ ‘อ่านหนังสือ’ จะว่างก็แค่เวลาอาหารและเวลานอนซึ่งก็มีเพียงน้อยนิดเท่านั้นเอง...


“อ้าว ร่า อาบน้ำเสร็จแล้วเหรอ” มิ้นลืมตาตื่นมาตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ ก่อนจะมองผ้าห่มตัวเองแล้วก็ทำหน้าสงสัย


“เฮ้ย ทำไมมิ้นนอนแล้วผ้าห่มมันเรียบร้อยยังงี้ล่ะเนี่ย” ซาร่าหัวเราะก๊ากกับประโยคนี้ของมิ้นก่อนจะแอบหวั่น เพื่อนใหม่ของเธอคนนี้ นอนดิ้นเป็นกิจวัตรจริงๆ แล้วถ้าให้นอนด้วยคืนนี้ ตื่นเช้ามาเธอจะมีสภาพแบบไหนกันล่ะเนี่ย


อย่างแย่ๆ ที่สุดก็อาจจะเป็นแบบผ้าห่มเมื่อกี้...


“ปกติมิ้นนอนแล้วมันจะไม่อยู่แบบนี้นะ” คนที่รู้ตัวดีว่าตัวเองนอนดิ้นทำหน้าเป็นกระต่ายงง ซาร่าเลยช่วยตอบให้


“ตอนแรกผ้าห่มมันก็ไม่ใช่แบบนี้หรอก นู่น...” แล้วชี้ไปที่พื้นข้างเตียง “มันร่วงมากองตรงนู้น”


“อ้าว แล้วมันมาห่มอยู่กับมิ้นได้ไง” ซาร่าถอนหายใจ ดูท่ามิ้นจะไม่ยอมเข้าใจอะไรง่ายๆ แต่สักพักหนึ่งเหมือนเอะใจอะไรขึ้นมา เลยหันมาถาม “ร่าเอาขึ้นมาห่มให้มิ้นเหรอ”


“ถูกกกก.....”


“จริงดิ?”


“แล้วมิ้นคิดว่าผ้าห่มมันจะเดินขึ้นมาคลุมตัวมิ้น...โชะ ได้รึเปล่าล่ะ”


“นะ....ร่า” มิ้นมองซาร่าด้วยสายตาอำมหิต “ก็แค่อยากจะแน่ใจเฉยๆ ตอนแรก มิ้นนึกว่ามิ้นนอนไม่ดิ้นเองไง”


“อ้าว เราก็บอกไปแล้ว มิ้นยังจะมาจริงดง จริงดิไง เราก็เลย...น่า ซักหน่อย”
จะให้มิ้นบอกไปว่า ดีใจนะที่ร่ามาห่มผ้าให้ก็จะกระไรอยู่ เมื่อพูดไม่ได้ เธอก็เปลี่ยนเรื่องเสียอย่างนั้น


“แล้วร่าไปทำอะไรตรงโต๊ะเขียนหนังสือมิ้นล่ะน่ะ”


“อ๋อ เราเห็นกระดาษแผ่นใหญ่ๆ มันติดอยู่ไง ก็สงสัย เลยเดินมาดู” ซาร่าว่า พลางชี้ไปที่ตารางอ่านหนังสือของมิ้น “มิ้นอยากเข้าเศรษฐศาสตร์เหรอ”


ที่ถามไปอย่างนั้นเพราะจากการที่เธอคุยกับมิ้นมาจนถึงตอนนี้ ดูไม่มีแววที่จะไปทางสายที่ดูเป็นการเป็นงานอย่างเศรษฐศาสตร์เลยแม้แต่น้อย และก็เป็นไปตามคาด เมื่อมิ้นสั่นศีรษะอย่างรวดเร็ว


“เปล่าสักหน่อย” แล้วลุกจากที่นอนมาที่โต๊ะด้วย “ร่าไม่เห็นตัวเล็กๆ ที่มิ้นวงเล็บไว้เหรอ” มิ้นว่าแล้วชี้ที่ตัวหนังสือซึ่งตัวเล็กจริงๆ เรียกได้ว่าถ้ามองแบบผ่านๆ ไม่มีทางเห็น


‘Especially for my mom’


“แม่มิ้นอยากให้เรียนเหรอ”


“ช่าย...” ก่อนจะทำเป็นกระซิบ “จริงๆ มิ้นอยากไปทางศิลปะมากกว่า” แล้วเบ้ปาก “แต่คุณแม่น่ะสิ อยากจะให้มิ้นเรียนให้ได้...”


ในขณะที่มิ้นกำลังจะเริ่มบรรยายให้ซาร่าฟังถึงเรื่องที่พัดตั้งความหวังกับเธอไว้ขนาดไหนนั้น...


ก็มีเสียงตะโกนจากหน้าห้องเข้ามาก่อน...


“มิ้น ซาร่า ทำอะไรเสร็จเรียบร้อยรึยังคะลูก ได้เวลาแล้วนะ”


“พูดถึงปุ๊บก็มาปั๊บเลย ฮ่วย” มิ้นบ่นอุบ เรียกเสียงหัวเราะจากซาร่าได้อีกครั้ง


ซึ่งเธอก็แปลกใจตัวเองเหมือนกัน เพราะปกติ ซาร่าจะเป็นคนคอยสร้างเสียงหัวเราะให้เพื่อนๆ เสมอ แต่น่าแปลกที่ว่าเมื่อมาอยู่กับมิ้น ตัวเองกลับเป็นฝ่ายหัวเราะอยู่ทุกครั้งไป


======


รถมอเตอร์ไซค์คันกลางเก่ากลางใหม่ของบอยซึ่งมีก้อซ้อนท้ายมาหยุดตรงที่จอดรถของร้านอาหาร ที่มองดูแค่หน้าร้านก็รู้แล้วว่าต้องคนมีฐานะพอประมาณ ถึงจะเข้าร้านนี้ได้


และสาเหตุนี้ทำให้บอยกับก้อถึงกับมองหน้ากันด้วยสายตาหวั่นๆ


ก็ชุดที่ทั้งสองใส่มาวันนี้น่ะสิ ถ้าจะให้คำจำกัดความก็คงน่าจะพอๆ กับจิ๊กโก๋หลงซอยอย่างไรอย่างนั้น เพราะไม่ว่าจะเป็นกางเกงยีนส์ขาดๆ กับเสื้อยืดสีขาวเก่าๆ ของบอย และกางเกงผ้าสามส่วนเด็กแนวกับเสื้อเชิ้ตพอดีตัวของก้อ


ต่างกับบรรยากาศของร้านโดยสิ้นเชิง


“ก้อ...เค้าจะให้เราเข้ารึเปล่าวะ”


“นั่นดิ...” สีหน้าก้อดูไม่ดีเลย ก่อนจะยื่นทางเลือกที่ฟังดูเข้าท่าให้ “โทรหาไอ้ตูนก่อนมั้ย”


“เออ เอาเลย...”


เมื่อเพื่อนเห็นด้วย ก้อเลยหยิบโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋าออกมา และก็ต้องอ้าปากค้างด้วยความเสียดาย เมื่อบนหน้าจอแสดงสายที่ไม่ได้รับขึ้นมา


“บอย...” จากสีหน้าไม่ดี ตอนนี้กลายเป็นย่ำแย่ “ต้าโทรมาว่ะ...”


ประโยคนี้ทำให้บอยหันขวับมามองก้อด้วยแววตายินดี “เอ็งก็รับดิวะ!”


แต่ก้อสั่นศีรษะ “ไม่ใช่...คือ มันโทรมานานแล้ว แต่ข้าไม่ได้รับ...” เสียงแผ่วเบาบวกกับสีหน้าที่เหมือนคนไข้หนักทำให้เหมือนกับก้อเหลือตัวเล็กนิดเดียว


“เอ๊า...แล้วทำไมไม่รับ ไม่ได้เปิดสั่นรึไง”


ก้อพยักหน้ารับอย่างหงอยๆ “ขอโทษทีเว้ยเพื่อน”


เมื่อบอยเห็นสีหน้า ท่าทาง และอาการของเพื่อนที่ตอนนี้ตัวลีบเต็มทีแล้ว ก็ต่อว่าไม่ลง


“เออ ไม่เป็นไร...เอ็งลองโทรกลับหามันดูดิ เผื่อติด” ข้อเสนอนี้ทำให้ก้ออาการดีขึ้นทันตาเห็น


“ใช่ ทำไมข้าถึงคิดไม่ออก” ว่าพลางกดโทรหาเพื่อนผู้เป็นที่พึ่งสุดท้ายทันที แต่แล้ว ก็ต้องกลับมาเหี่ยวเหมือนเดิม เมื่อประโยคที่เคยสร้างความหลอนและสุดแสนจะน่ารำคาญให้บอยนั้น ตอนนี้มาวนเวียนอยู่ในหัวสมองของเขาแทน


“ไม่มีคนรับว่ะ...”


ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะ ต้านั้นกำลังอยู่ในระหว่างการเดินทางเพื่อจะไปสังสรรค์ และที่ทำให้ไม่ได้รับสาย ก็เพราะว่า เขาลืมโทรศัพท์มือถือไว้ที่บ้านนั่นเอง


======


Create Date : 25 ตุลาคม 2550
Last Update : 25 ตุลาคม 2550 3:44:21 น. 5 comments
Counter : 307 Pageviews.

 
งวดนี้โพสท์ตอนเก่าห้าตอนก่อนนะคะ
ง่วงแล้น 55 ไว้จะมาแปะใหม่


โดย: Diagonal วันที่: 25 ตุลาคม 2550 เวลา:3:49:05 น.  

 
ตามมาให้กะลังใจ

วิ๊ววว วว

มาแปะเรื่อยๆ เด้ออ



โดย: I'm a SkyWalkEr ขี้เกียจล็อค IP: 203.113.33.9 วันที่: 25 ตุลาคม 2550 เวลา:15:14:38 น.  

 
รออ่านจ้า


โดย: stubbornkid IP: 203.113.56.74 วันที่: 25 ตุลาคม 2550 เวลา:21:25:30 น.  

 
รออ่านอยู่นะ แปะได้เรื่อยๆ เลยจ้า


โดย: SleePlessGIrL IP: 124.120.74.217 วันที่: 27 ตุลาคม 2550 เวลา:14:15:19 น.  

 
ตามมาเก็บความสุข


โดย: น้องนกของพี่มิ้น IP: 61.90.159.71 วันที่: 27 ตุลาคม 2550 เวลา:20:00:13 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Diagonal
Location :
พิษณุโลก Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Diagonal's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.