ธันวาคม 2552

 
 
2
3
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog
คำตอบจากผู้รู้เรื่องการออกกำลังกาย
From : ห้องกว้าง [2 ธันวาคม 2552 08:10]
พี่ค่ะหนูอยากได้ข้อมูลการออกกำลังกายที่ดูกต้องค่ะทุกวันนี้หนูวิ่งวันละประมาณ15-20 นาที ปั่นจักรยานกลางอากาศ หมุนจานทวิส ยกเวท 1.5 กก. หนูมีเครื่องซิพอัพที่เป็นแบบนอนแล้วใช้แขน 2 ข้างดึงขึ้นแต่หนูมีปัญหาว่าพอทำแล้วเจ็บหลังค่ะ ไม่ชอบเข้าฟิตเนทนะค่ะเพราะรู้สึกว่าราคาค่อนข้างจะสูงมากสำหรับประชาชนอย่างเราๆ จะทำอย่างไรได้บ้างค่ะ ลืมบอกอีกอย่างค่ะว่าหนูพยายามควบคุมอาหารอยู่ เช้าทานปกติ กลางวันพยายามไม่กินแป้ง เย็นกินนมไวตามินงาดำ หรือ บางทีก็ผลไม้แล้วอต่สะดวก (ขอบคุณล่วงหน้านะค่ะ)

.................

ตอบคุณห้องกว้าง

ก่อนอื่นผมขอให้คุณตระหนักว่า ท่าที่คุณใช้อยู่นั้นไม่ว่าจะเป็นจักรยานอากาศ หรือหมุนจานทวิส หรือซิทอัพ
ท่าเหล่านี้ มีการเคลื่อนไหวที่ สามารถใช้การออกท่าที่ควรระมัดระวังในการทำ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการต้อง ทำซ้ำๆหลายครั้ง นั้น อาจส่งผลให้เรามีจังหวะที่ล้าและออกท่าอย่างผิดได้ในหลายครั้ง
ไม่ว่าจะเป็นการใช้กำลังจากจุดที่ไม่ถูกส่วน หรือการเคลื่อนไหวข้อต่อที่ไม่ถูกต้อง
จังหวะช้าเร็วที่ไม่สัมพัณธ์กัน และการที่ไม่มีสิ่งใดคอยล๊อคพยุงเอาไว้อาจทำให้บางจังหวะ สูญเสียการควบคุมไปส่งผลให้ส่วนใดส่วนนึงของร่างกายแบกรับเอาไว้
และโดยเฉพาะท่าซิทอัพ นับเป็นท่าที่มีผู้คนจำนวนมากเล่นกันอย่างผิดๆ ใช้การสวิงใช้การกระชากตัว
เหนี่ยวตัวที่ผิด
ซึ่งผลเสียมันจะออกมาชัดเจนหากว่าทำสิ่งเหล่านี้ซ้ำๆทุกวัน
ที่จริงแล้วท่าเหล่านี้เป็นท่าที่ดีมาก แต่ว่ามันเป็นท่าที่ต้องใช้สมาธิพิถีพิถันเพ่งจิตมากกว่าท่าอื่นๆ
เชื่อหรือไม่ว่า คนสองคนซิทอัพเหมือนกัน ท่าเดียวกัน แต่คุณภาพที่ได้นั้นต่างกัน
เพราะอะไรน่ะหรือ?
เพราะร่างกายคนเรามีระบบส่งกำลังอยู่ไงครับ
เวลาคนเราจะเอี้ยวตัวหรือจะฉุดดึงร่างกาย การส่งกำลังการใช้กำลังจากจุดของร่างกายนั้นต่างกัน
ซึ่งมันเกิดขึ้นใต้ชั้นผิวหนัง ในจุดของกล้ามเนื้อในตัวคน ซึ่งมองด้วยตานั้นมองไม่เห็น นอกเสียจากการใช้มือจับดูก็พอจะรู้ได้ว่าคนๆนั้นใช้การเกร็งกำลังจากส่วนใด

ท่าซิทอัพและท่าทวิส นับเป็นท่าที่ต้องใช้ศิลปในการเล่นอย่างมากจึงจะบรรลุผล
เวลาทำนั้นต้องมีสมาธิ อย่าทำส่งเดชหรือให้แล้วๆเพื่อนับจำนวนครั้งไป

แต่ควรตั้งสมาธิเพื่อจับสังเกตุการเคลื่อนไหวของตัวเอง ว่าถูกต้องเหมาะสมหรือไม่
สำหรับการเล่นจานทวิสนั้น ผมขอแนะนำให้คุณเปลี่ยนเป็นการ หาไม้ยาวๆหรือท่อยาวๆ
มาค้ำที่หลังคอแล้วเอาสองแขนพาดเอาไว้ ค่อยๆบิดเอวไปทางซ้ายสลับกับขวา
บิดอย่างกำหนดจุดการใช้กำลังที่กล้ามเนื้อส่วนเอว และเมื่อบิดไปสุดแล้วให้เกร็งสีข้างด้านตรงข้ามนั้นไว้1ครั้งสั้นๆ1วินาที อย่างเช่นหมุนไปทางขวาให้เกร็งเอวซ้าย หมุนไปทางซ้ายให้เกร็งเอวขวา
หรือหากไม่เข้าใจ ผมเองเชื่อว่าข้อมูลทางอินเทอร์เนทมีให้มากมายเกี่ยวกับการทำท่าทวิส
ลองศึกษาเพิ่มเติมได้

ส่วนการซิทอัพนั้น ที่จริงแล้วไม่จำเป็นต้องใช้การซิทอัพที่ลุกขึ้นมาทั้งตัว
ซึ่งแม้กระทั่งบรรดานักกีฬามืออาชีพ โดยมากก็จะใช้ท่า ที่เรียกว่าท่าCRUNCH
ซึ่งเป็นการเกร็งท้อง และผงกตัวขึ้นมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

(ผมลองหาเวปที่มีรูปของท่านี้มาให้คุณดูรวมทั้งท่าทวิสด้วยแล้วนะครับลองเข้าไปดูได้
//www.tuvayanon.net/6bt.html ท่าทวิส
//www.tuvayanon.net/6c.html ท่าครั้น
มันเป็นเวปเพาะกายไม่ต้องตกใจนะครับเพราะไม่ว่านักกล้ามหรือคนธรรมดาก็ใช้ท่าเดียวกัน )

ซึ่งที่จริงแล้วหัวใจของความยากในการบริหารหน้าท้องนั้น ก็คือการใช้สมาธินี่ล่ะครับ
เพราะมันคือส่วนนึงของร่างกายที่ต้องบริหารด้วยความแม่นยำ
ความยากของมันก็คือการทำให้มันโดนถูกจุด มันไม่เหมือนกับการออกกำลังแขนกำลังขา
เพราะท้องคือส่วนที่การบริหารเข้าถึงได้ไม่ง่ายนัก
ไม่ว่าจะทำท่าแบบเดียวกับผู้ฝึกสอนได้ถูกต้อง แต่มันก็ไม่ใช่ว่าจะถูก
เพราะมันต้องได้รับการ เกร็งภายในที่ถูกต้อง

และผมขอเดาว่า คุณต้องการได้หน้าท้องที่ลดลง คุณจึงใช้การซิทอัพใช่ไหมครับ?

ผมขอบอกเลยว่า การซิทอัพนั้นไม่ส่งผลให้หน้าท้องลดลงได้
มันเป็นการสร้างความกระชับของกล้ามเนื้อ แต่ไม่ใช่การลดไขมันหน้าท้องครับ
ซึ่งการลดไขมันหน้าท้องได้นั้น ต้องมาจากการทานอาหาร การเคลื่อนไหวของร่างกายในลักษณะตั้งแต่การ
แอโรบิค ถึงการคาร์ดิโอไม่ว่าจะเป็นการเต้นการเดินเร็ว การวิ่ง ว่ายน้ำ หรือการตีแบตเล่นกีฬาใดๆเป็นต้น

ซึ่งการซิทอัพไม่เหมาะที่จะทำในลักษณะนั้น
การซิทอัพไม่เหมาะที่คุณจะมานั่งทำเป็นร้อยทีเป็นครึ่งชั่วโมง หรือทุกวัน
เพราะมันจะทำให้บาดเจ็บหลังได้ง่ายมาก
ดังนั้นจึงควรหันไปใช้การออกกำลังที่เหมาะสมที่จะทำได้นาน ได้ถี่ได้สม่ำเสมอ จะดีกว่าครับ
เพราะสิ่งพวกนั้นจะให้ผลในการลดไขมันในร่างกายได้ดีกว่า

ขอให้เข้าใจไว้ว่า การซิทอัพ นั้นเหมาะที่จะสร้างความกระชับให้หน้าท้องเป็นหลัก
อย่างเช่น เมื่อคนเราออกกำลังโดยการวิ่ง หรือเดิน ให้ไขมันลดลง เมื่อไขมันบางลง
มันก็จะแลเห็นความกระชับที่หน้าท้องจากการซิทอัพ
แลเห็นลอนกระชับของหน้าท้องอย่างสวยงามอย่างนี้เป็นต้นครับ

อีกทั้งการบริหารท้องนั้นที่จริงแล้วหากต้องการหน้าท้องที่สวยงามจริงๆมัน
ต้องบริหารให้ครบส่วนครับ ท้องคนเรามีทั้งท้องส่วนบน ท้องส่วนล่างและท้องส่วนข้าง
ซึ่งแต่ละส่วนนั้น จะมีท่าบริหารแตกต่างกันไป และแต่ละส่วนนั้นควรได้รับการบริหารอย่างน้อย2ท่าขึ้นไป

แต่หากคุณต้องการเพียงความแข็งแรงของหน้าท้องส่วนบน ก็บริหารด้วยท่า CRUNCHก็ได้ครับ

ยังไงซะตอนนี้สิ่งแรกที่คุณต้องทำคือต้องพักการซิทอัพครับ เพราะร่างกายส่งสัญญาณแล้วว่ามีปัญหา
ดังนั้นผมขอแนะนำให้คุณพัก จนกว่าอาการจะดีขึ้น
เพราะมันเป็นจุดสำคัญมากๆกับแผ่นหลังของร่างกายคน
ขอให้พักให้แน่นอนก่อนแล้วค่อยเป็นค่อยไปทำอย่างถูกทางอีกครั้ง
ส่วนระหว่างนี้ ให้ออกกำลังส่วนอื่นไปก่อน
ไม่ต้องห่วงครับถ้าคุณใช้แครอลี่ได้เยอะพอสมควรในแต่ละวัน
หน้าท้องคุณยังไงก็ลดลงอยู่ดีแน่นอนครับ

ส่วนการจักรยานอากาศ นั้นนับเป็นท่าที่ลูกครึ่งระหว่างการแอโรบิกและการสร้างความกระชับ
คือได้ผลทั้งสองอย่างแต่มีลักษณะเหมือนเป็ด คือทำนานแบบแอโรบิคเต็มรูปแบบไม่ได้
เพราะท่านี้ไม่เหมาะที่จะทำนานเพราะมันมีเรื่องของแรงกดกระดูกและเอ็น
ส่วนในเรื่องความกระชับนั้นก็ได้มาพอสมควร
จุดเด่นของท่านี้คือ ความกระชับนั้นจะได้ทรงเหมาะสมกับรูปร่างของตัวเอง
เพราะมันคือการกระทำกับแรงต้านของน้ำหนักสัดส่วนของตัวเอง
ท่านี้มักถูกจัดเป็นท่าประกอบ หลังจากที่บริหารต้นขา น่องและสะโพกมาแล้ว
จึงมาต่อท้ายด้วยแรงต้านเบาๆ แต่ทำจำนวนได้หลายครั้ง

แต่คุณนำท่านี้มาใช้เป็นหลักก็ได้อยู่ครับ
แต่ไม่ควรทำติดต่อกันทุกวันครับควรสลับไปหาการบริหารด้วยท่าอื่นชนิดอื่นบ้าง
ส่วนการเล่นเวทนั้น หลักการเล่นของมันค่อนข้างต้องศึกษาครับ
น้ำหนักและจำนวนครั้งที่ใช้เล่นต้องปรับเปลี่ยนอยู่บ่อยครั้ง
ท่าในการเล่นต้องเข้าใจด้วยครับว่าต้องใช้ท่าใดบ้าง
และต้องทำถูกท่า ยังไม่พอต้องถูกจังหวะถูกจำนวนครั้ง
ต้องรู้ว่าทำกี่เซ็ท กี่ท่า และพักเซ็ทกี่นาที พวกนี้เป็นต้นครับ
เพราะข้อเด่นของเวทเทรนนิ่งคือการเน้นสร้างความกระชับให้เฉพาะจุดสัดส่วน

แต่หากคุณจะนำดัมเบล1.5กก มายก แม้ว่าอาจทำไม่ถูกเนื้อหาสาระ
แต่มันก็ยังคงได้ประโยชน์อยู่ดีครับ นั่นก็คือได้ใช้พลังงานในร่างกายได้
เผาผลาญแครอลี่สารอาหารที่กินไปในวันนั้นๆในร่างกาย
แต่อาจได้ข้อดีมาไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยเท่านั้นเองครับ
แต่ก็ต้องระวังหน่อยนะครับ พยายามเลี่ยงในท่าที่ทำแล้วรู้สึกบาดเจ็บ

ส่วนเรื่องอาหารที่คุณถามมานั้น ผมขอให้คุณแก้ไขใหม่ครับ
คือกลางวันต้องกินแป้งด้วยครับ แต่ลดสัดส่วนลงจากมื้อเช้า
และควรเป็นสัดส่วนแบบแป้ง50เนื้อ50ครับ และคุณยังสามารถทานที่มีรสหวาน
ทานอาหารทอดผัดได้นิดหน่อยอีกด้วย หากคุณออกกำลังในตอนเย็น
เพราะมันจะเป็นพลังงานทำให้การออกกำลังของคุณมีคุณภาพมากขึ้น
และเมื่อออกกำลังไปแล้วมันก็ไม่ตกค้างครับ
ส่วนมื้อเย็นทานได้ครับและควรไปเน้นที่คุณภาพของอาหารจะดีกว่าครับ
เพราะคุณเป็นคนออกกำลัง มีการสูญเสียวิตามินเกรือแร่
ร่างกายมีการสึกหรอซ่อมแซมและต้องการการพัฒนา
ดังนั้น กินนมงาดำ หรือผลไม้นั้นเอาไม่อยู่ครับ
เพราะร่างกายต้องการ โปรตีน และวิตามินที่หลากหลายกว่านั้นครับ
หากคุณไม่ปฏิบัติแบบนี้ คุณผอมลงครับแต่คุณผอมลงแบบคนสุขภาพไม่ดี
รวมไปถึงสุขภาพประสาทสมองและสุขภาพผิวด้วยครับ
อีกทั้งยังดูหย่อนซูบ อีกด้วย ดังนั้นคุณต้องทานครับ

แต่ขอให้เน้นในมื้อนี้ว่า ต้องไม่ใช่ของผัดของทอดหรืออมน้ำมัน
และแป้งควรทานครับแต่ต้องทานให้น้อยที่สุด หมายถึงควรให้ตกถึงท้องบ้างครับ
และควรเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนดูดซึมช้า อย่างเช่นโฮลวีทหรือข้าวกล้อง
เพราะร่างกายต้องการคาร์โบไฮเดรตเพื่อทำปฏิกริยาในร่างกายอยู่
อันนี้สำหรับคนที่ออกกำลังในคาบเย็นนะครับและทานหลังออกกำลังนะครับ

แต่หากคุณไม่ได้ออกในคาบเย็น ก็ไม่ต้องมีแป้งก็ได้ครับในมื้อนี้
ให้ทานเป็นเนื้อปลากับผักจะดีมากๆครับ

แต่จุดสำคัญมากๆของมื้อที่3นี้ก็คือ คุณต้องทานน้อยลงครึ่งนึงของปรกติที่เคยทานครับ

แล้วอีกครึ่งที่เหลือให้มาทานตอนช่วง 2ถึง3ชั่วโมงก่อนนอนครับ
ให้มีมื้อที่4เข้ามาอีกมื้อ และมื้อที่4ควรทานเป็นผลไม้ล้วน และพึงหลีกเลี่ยงผลไม้เนื้อแข็ง
อย่างเช่นแอ๊ปเปิ้ล กล้วย มะละกอ มะม่วง ฝรั่ง ทุเรียน เพราะพวกนี้ไม่เหมาะสมทานในมื้อหลังสุดครับ
ไม่งั้นอ้วนได้
แต่ควรทานผลไม้ที่มีกากใยไฟเบอร์สูง เช่น ส้ม ส้มโอ เป็นต้นครับ
สิ่งพวกนี้เป็นวิตามินที่ดูดซึมทำงานได้ดีในตอนหลับนอนครับ
เสริมภูมิต้านทาน และทำให้ร่างกายสดชื่นลดอาการเครียดอาการล้าได้
และที่สำคัญมันส่งเสริมให้สุขภาพผิวดีขึ้นเป็นอย่างมากครับ
ลองไปทำดูนะครับ










Create Date : 04 ธันวาคม 2552
Last Update : 5 ธันวาคม 2552 18:26:45 น.
Counter : 9671 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ห้องกว้าง
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



ก็เป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง ที่อยากจะมี blog ไว้แก้เหงา และอยากจะมีเพื่อน แบบที่เรียกว่า "เพื่อนไรพรหมแดน"
ฮิฮิฮิ
นน.เริ่มต้นแรกของปี 2008 >>> 69 <<<กก.

นน.เริ่มต้นแรกของปี 2009 >>> 66 <<<กก.

นน.เริ่มต้นแรกของปี 2010 >>> 66 <<<กก.

แต่ดูเหมือนร่างกายจะฟิตแอนด์เฟริมมากขึ้นค่ะ ก็เลยยังปลอบใจตัวเองอยู่เรื่อยมา จนได้มาเจอเพื่อนๆ ที่ห้องนี้ก็เลยคิดว่าไม่ได้การแล้วเรา เกินมาตราฐานไปตั้ง 11 กก.