มิถุนายน 2551

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
19 มิถุนายน 2551
All Blog
นกเขาไฟ / พงษ์เทพ



เป็นหนึ่งเพลงโปรดของเจ้าของบลอค
ชอบความคลาสสิคของเนื้อหาเพลงที่สื่อออกมา
นี่เองคือเสน่ห์ของเพลงที่คุณพงษ์เทพนำเสนอ
วันนี้เลยเอาตำนานเพลงนกเขาไฟมาฝาก
ลองอ่านดู ท่านอาจหลงรัก แม่นกเขาไฟ บ้างก็เป็นได้ ใครจะรู้.....


คำร้อง, ทำนอง : พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ

ภูบ่สูง แต่ว่าห้วยมันลึก ภูบ่ลึก แต่ว่าเมืองมันไกล
ภูบ่เล็ก แต่ว่าฟ้ามันใหญ่ นกเขาไฟ พาใจเรามา
ดอกไม้ มาแซมเสียบผม เด็ดดม ชมทั่วภูผา
เรียงร้อย เป็นถ้อยมาลา โปรดมา รับมาลัยแต่ง
ดอกไม้ มาลัยห้อยคอ แก้มหนอ ก็ทาสีแดง
ผ้าถุง นั้นผืนอีหล้าฮักแพง เสื้อแดง แต่งแต้มลายดอก

ภูบ่สูง แต่ว่าห้วยมันลึก ภูบ่ลึก แต่ว่าเมืองมันไกล
ภูบ่เล็ก แต่ว่าฟ้ามันใหญ่ นกเขาไฟ บินร่ายเริงลม.
เจ้าฟ้อน ไม่อ้อนแต่สวย ผ้ามวยโพกสวยสุดสม
ผิวคล้ำ ผมดำ ตาคม เอวกลม ฟ้อนรอบกองไฟ
สูบยา พันด้ายสีแดง ลงแรง ถางดงพงไพร
ดอกเหงื่อ นั้นหอมหวลนวลใย สุขใจ ไร่ข้าวหอมกรุ่น

ภูบ่สูง แต่ว่าห้วยมันลึก ภูบ่ลึก แต่ว่าเมืองมันไกล
ภูบ่เล็ก แต่ว่าฟ้ามันใหญ่ นกเขาไฟ ลงไร่ปลายนา
ดอกไม้ มาแซมเสียบผม เด็ดดม ชมทั่วภูผา
เรียงร้อย เป็นถ้อยมาลา โปรดมา รับมาลัยแต่ง
ดอกไม้ ซ่อนในรวงข้าว หนุ่มสาว เจ้าช่วยออกแรง
ตีข้าว เอาดอกไม้แดง ญาติแย่ง ไปรอบลอมฟาง

ภูบ่สูง แต่ว่าห้วยมันลึก ภูบ่ลึก แต่ว่าเมืองมันไกล
ภูบ่เล็ก แต่ว่าฟ้ามันใหญ่ นกเขาไฟ ดวงใจชาวดอย
ภูผา เวลาเย็นย่ำ ถิ่นถ้ำ เสียงน้ำตกย้อย
หนุ่มสาว คลอเคล้าใจลอย เกี่ยวก้อย นกน้อยละเมอ
ภูผา เวลาย่ำค่ำ ถิ่นถ้ำ เสียงน้ำตกเพ้อ
นกน้อย ใจลอยละเมอ เกี่ยวเธอ ฟ้อนรอบกองไฟ
เกี่ยวเธอ ฟ้อนรอบกองไฟ
เกี่ยวเธอ ฟ้อนรอบกองไฟ.........


'นกเขาไฟ' เพลงที่บางคน บอกว่า
นี่คือ เพลงที่ดีที่สุด ลุ่มลึกที่สุดของ พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ

หลังจากกลับออกมาจากป่า พงษ์เทพก็พักอาศัยอยู่กับ 'วิสา คัญทัพ'
ที่แฟลตการเคหะ คลองจั่น โดย ใช้เวลาที่ไม่มีอะไรทำ
หัดเล่นกีตาร์ (ตอนเล่นกับคาราวาน เล่นตำแหน่งเพอร์คัสชั่น)
โดยแกะทำนอง เพลง ซอล่องน่าน ของชนชาติลัวะ จังหวัดน่าน
ที่ได้ยินติดหูมาจากในป่า นำมาเป็นทำนอง แล้วแต่ง เนื้อร้องลงไป
ซึ่งก็เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเหตุการณ์ในป่า เช่นกัน
และเนื่องจากเป็นเพลงพื้นบ้าน เพลง ชุดนี้จึงไม่มีความถูกต้อง
ในแง่ของหลักทฤษฎีเพลงสากล เช่น ไม่มีท่อนแยก ท่อนฮุก
ท่อนร้อง1 ร้อง2 เป็นต้น

และที่ว่าเป็นชุด ก็เพราะ พงษ์เทพ นำทำนองนี้แต่งเป็นเพลง 3 เพลง
ได้แก่ นกเขาไฟ, ลิงทะโมน และจูบฟ้าฝากดิน

'นกเขาไฟ' พูดถึงประเพณีการหาคู่ ของคนลัวะ
ซึ่งเขียนบรรยายไว้ค่อนข้างละเอียด และโดดเด่น ทางวรรณศิลป์
ด้วยภาษาที่เข้าใจยาก บวกทำนองเพลงพื้นบ้าน
เพลงจึงไม่ได้รับความนิยม ในช่วงที่เทป ชุดแรกออกวางแผง
แต่เมื่อเวลาผ่านไป ศิลปะที่แท้จริงที่ย่อมมีคุณค่าในตัวเอง
ก็แสดงให้เห็นถึงคุณค่า ของมัน


******************

เรื่องราวของ "นกเขาไฟ"
เขียนเล่าไว้โดย "นก รัตติกาล


"กลับออกมาจากป่าปี 2524 เข้าไป 19 ได้เจอเรื่องหนึ่งที่ผมเขียน
แล้วก็ได้การยอมรับ พอสมควรในเรื่องเพลง นั่นก็คือ นกเขาไฟ (ปรบมือ)
ไปทำไร่อยู่จังหวัดน่าน ตอนนั้นพี่หงาอยู่น่านใต้ ผมอยู่น่านเหนือ
คือ...ผู้หญิงที่นั้น เป็นคน แข็งแรง แข็งแรงมากๆ เลย
แบบ...ข้าวเป็นถังๆ ใหญ่ๆ เป็นเปอะ ใส่หน้าผาก แล้วก็เดินขึ้นภูสูงๆๆ
แข็งแรงจริงๆ ทำไร่ ฟัดไร่ ปลูกข้าวโพด ปลูกข้าว
เป็นผู้หญิงที่แข็งแรง ความแข็งแรงทำให้รู้สึก...รู้สึก มีอารมณ์ (ฮา)


คือ..อารมณ์ที่จะมองว่าเธอทำไมถึงแข็งแรง (ฮา)
ก็ได้ดูแล้วก็ ได้เรียนรู้ ได้เข้าใจเธอว่า เธออยู่ได้เพราะความรัก
เธออยู่ได้ด้วยการรัก รักตรงนี้ รักห้วยตัวนี้ รักป่าผืนนี้
รักต้นไม้ที่ให้ประโยชน์ ต่อชีวิต ให้เป็นยาเป็นอะไร
และรักคนคนหนึ่งที่ทำไร่อยู่ข้างๆ

ทีนี้ไร่ของชาวบ้านมันอยู่ไกลกันนะครับ เป็นลูกเขา ลูกภูเลย
ไอ้จะไปวิ่งจีบกันเหมือนศูนย์การค้า พลาซ่านั้นไม่ได้แน่ๆ
ก็ใช่วิธีของธรรมชาติ ก็คือ เอาใบไม้ไปหักขวางทางไว้ให้รู้ว่า...มาน่ะ
อย่างเงี๊ยะ ละก็...ทำอะไรทุกวิถีทางที่เกี่ยวกับธรรมชาติ
เอา เอามาสื่อ สื่อความหมายเป็นการเคาะไม่ไผ่ การเรียกกัน
การอะไรต้องใช้ธรรมชาติทั้งหมด

จนกระทั่ง มีประเพณีอันหนึ่งที่น่ารักคือ ผู้หญิงบอกรักผู้ชาย ...
สวยงามจริงๆ ผมขออนุญาตย้อนเล่า ผมเคยเล่าเมื่อสักปี 25-26 มาแล้ว
คือ คนลัวะจะบอกรักกัน คือ ผู้หญิงบอกรักผู้ชาย คือการมวนบุหรี่ให้
บุหรี่ของเธอนี่จะต้อง ปลูกยาสูบเอง ในไร่ที่เธอฟัดเอง
แล้วเก็บยาสูบที่แก่แล้วเนี๊ยะ มาห่อใบตองตึงไว้
หมักด้วยน้ำผึ้ง ในมุม หนึ่งในห้องนอนของเธอ
พอหมักน้ำผึ้งได้ที่ ก็ต้องเอามาตากน้ำค้างอีก
เมื่อตากน้ำค้างเสร็จก็จะสอย สอยยาเอง สอยสวยๆสอยงามๆ
พอสอยเสร็จ ยามวนจะต้องห่อด้วยใบสลอเปรา
สลอเปรานี่เป็น ต้นไม้ยืนต้นที่อยู่บนภูเขา ที่แข็งแแรง
แล้วใบสลอเปราจะร่วงในขณะที่ยังเหลืองอยู่
ยังไม่แก่ ไม่แห้งร่วง พอเหลืองๆ ร่วงลงมาสักขณะหนึ่ง
สองสามวันก็จะนุ่ม มวนบุหรี่ได้พอดี แล้วมันจะมีความหอม ของไม้ตัวนี้

แล้วเธอก็รู้อีกว่า เมื่อมวนใบสลอเปราแล้ว บุหรี่ถ้าถือไว้มันก็จะคลี่คลายออก
ต้องเอาด้ายแดง มามัด คือ สีแดง เป็นสีที่สุดยอดที่สุดของคนภูเขา
แล้วด้ายสีแดงเนี๊ยะ ต้องทำมาจากต้นกัญชา
ซึ่ง คนบนเขาเรียกว่า กัญชง คือเขาจะปลูกต้นกัญชา หรือกัญชงไว้เยอะๆ
เพื่อทำเสื้อผ้า เพื่อถักทอเป็น ธรรมชาติ
แล้วก็เอาไอ้...เปลือกของต้นกัญชง หรือกัญชาน้อยนี่
ลอกจากต้นที่แก่แล้ว มัดเป็นมัด ปล่อยยาวๆ ไปทิ้งไว้ในสายแม่น้ำ ในห้วย
เอาหินทับไว้ ให้น้ำในห้วยมันพัด พัดขัดเกลาเส้นใยที่อ่อนแอ หลุดไปกับสายน้ำ
เหลือเส้นที่แข็งแรงสู้กับแม่น้ำได้ เป็นเส้นที่เหนียวที่สุด นุ่มที่สุด ขึ้นมา
แล้วถัก เป็นเสันด้าย ฝั้นเป็นเส้นด้าย

แล้วไปเอาเปลือกไม้ฝาด มาทุบๆๆ ยอมสี เป็นสีแดง แล้วก็พันบุหรี่
ยื่น ให้ผู้ชาย โดยไม่ต้องพูดอะไร เขารู้ว่า ฉันรักเธอ
อืมฮืม...ทำไมเธอมีเวลาขนาดนั้น (ฮา)
คือถ้าคนบ้านเราน่ะ ตายห่าไปก่อนแน่ ไม่ได้รักกัน
ตายแน่ๆ เลย ถูกฉุดไปหมดแล้วป่านเนี๊ยะ (ฮา)
นั่นหมายถึงความนุ่มนวล ความลึกซึ้งที่จะทำความรัก
ให้เป็นเรื่องของสังคม เรื่องของครอบครัว
ถ้าเธอสามารถอดทนได้ ทำได้ขนาดนี้ ผู้ชายรับรู้ และ เข้าใจตรงนี้ได้
ครอบครัวนี้ต้องมีความสุขแน่ๆ เลย

ผมคิดอย่างนะ เพราะงั้นเขาถึงเปรียบผู้หญิงที่นั่น ว่าเป็น นกเขาไฟ
เป็นนกที่แข็งแรง ปราดเปรียว เข้าใจภูเขา อดทนเมื่อมีความรัก....
เมื่อเวลาตีข้าว ก็จะซ้อนฟ่อนข้าว
สาวๆก็จะเอาดอกไม้แดง ก็คือ ดอกหงอนไก่ ซ่อนไว้ที่ ฟ่อนข้าว
ที่นี่ พอผู้ชายคนไหนตีข้าวไปแล้ว ไปเจอดอกไม้แดง
ก็จะเอาดอกหงอนไก่ไปให้ผู้หญิง ที่อยู่ในวงตีข้าวนี่

นั่นก็หมายความว่า มีจิตใจผูกพัน อยากพูดด้วย อยากคุยด้วย
แล้ววันนั้น เป็น ประเพณี ก็คือถ้าผู้หญิงคนไหน ได้รับดอกไม้
หรือดอกหงอนไก่จากผู้ชาย
ผู้หญิงคนนั้นก็จะ ทำตัว ทำอารมณ์เข้าร่วม เหมือนกับจะแฟนกัน อะไรอย่างนี้
เพียงแต่วันนั้น วันต่อไปก็ค่อยสืบสาว ราวเรื่อง
หาที่อยู่ที่กินกันไปแล้วแต่ เป็นประเพณีที่สวยงามจริง..."

**บทความทั้งหมดนำมาจาก //members.thai.net/wanyong/pong.htm



Create Date : 19 มิถุนายน 2551
Last Update : 19 มิถุนายน 2551 9:54:15 น.
Counter : 1793 Pageviews.

4 comments
  
เพราะครับมีความหมายมากเลยนึกถึงบรรยากาศชาวดอยและธรรมชาติอยากให้หามาให้ฟังบ่อยๆจัง
โดย: Sak IP: 58.9.149.235 วันที่: 19 มิถุนายน 2551 เวลา:13:25:07 น.
  
เพราะมากๆเลยค่ะ ชอบฟังเหมือนกันค่ะ
ฟังแล้วได้บรรยากาศของธรรมชาติค่ะ
โดย: whitelady วันที่: 19 มิถุนายน 2551 เวลา:19:34:25 น.
  
อ่านบทความแล้ว น่ารักจริงๆๆ
ความหมายของเพลงเลยลึกซึ้งมากมาย
ขอบคุณที่เอามาแบ่งกัน..
"แข็งแรง ปราดเปรียว และลึกซึ้ง"
โดย: jipata IP: 124.120.25.146 วันที่: 20 มิถุนายน 2551 เวลา:7:04:14 น.
  
ผมเป็นอีกคนหนึ่งที่ชอบเพลงเพื่อชีวิตมาก ๆ ครับ
โดย: คนทำGIS IP: 202.12.73.19 วันที่: 10 กันยายน 2551 เวลา:10:49:44 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

cybern
Location :
นนทบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



ก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่หัวเราะได้ ร้องไห้เป็น
Friends Blog
[Add cybern's blog to your weblog]
MY VIP Friend