หอมกลิ่นหวาน...และขมของชีวิต
Group Blog
 
<<
มกราคม 2553
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
20 มกราคม 2553
 
All Blogs
 
เล่ห์รัก...พรางหัวใจ...06


“ปรกติการตรวจดีเอ็นเอคือการตรวจโดยการเทียบรหัสทางพันธุกรรม ตำแหน่งการจัดเรียงพวกนี้มันคือหมายเลขประจำชีวิตของมนุษย์เชียวล่ะ”
ภัทรนันต์อธิบายขรึมด้วยมาดของนายแพทย์ผู้ทรงภูมิ อาการเมาเหล้าและเมารักจากคำปฏิเสธของสาวสวยเมื่อคืนแทบไม่มีเหลือ

“ในกรณีที่ตรวจความน่าจะเป็นว่าใครเป็นลูกใคร เขาจะเอาเลือดของพ่อแม่ลูกมาทำการวิเคาระห์ดูตำแหน่งความเหมือนของการเรียง ตัวดีเอ็นเอ ต้องตรวจพบดีเอ็นเอของลูกว่ามาจาก พ่อ และแม่ อย่างละกี่เปอร์เซ็นต์ จุดที่จะตรวจหลักๆ ก็ประมาณสิบตำแหน่ง”

“อย่าอธิบายมากว่ะภัทร ฉันงง เอาเป็นว่าแกดูผลตรวจนี่หน่อย”
ราเมศตัดบท วางซองเอกสารสีน้ำตาลลงบนโต๊ะทำงานของนายแพทย์หนุ่ม ภัทรนันต์หยิบเอกสารในนั้นมาอ่านแล้วก็ขมวดคิ้ว

“สมบรูณ์มาก พ่อลูกกันเป๊ะๆ เลย มีดีเอ็นเอเหมือนกันตั้งหลายตำแหน่ง”
คำยืนยันจากเพื่อนเป็นดังค้อนหนักอึ้งทุบศีรษะเขา นายแพทย์หนุ่มหรี่ตามองคนมาขอคำปรึกษาด้วยอาการสงสัย

“ถามจริงเถอะว่ะหลง แกจะไปยุ่งกับเรื่องลูกเมียของนายตี้ทำไม ผลการตรวจดีเอ็นเอก็ยืนยันอยู่ทนโท่”
“ฉันมีเรื่องสะกิดใจบางอย่างว่ะภัทร มันต้องมีลับลมคมในอะไรแน่”

ภัทรนันต์ฟังแล้วยักไหล่ด้วยคิดว่าราเมศทำตัวเป็นปู่เล็กเจ้ากี้เจ้าการ เรื่องของทุกคนเหมือนเคย เพื่อนระแวงว่าคนที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับตระกูลตนเองจะแฝงตัวเข้ามาหาตักตวง ประโยชน์

“แล้วการผ่าเหล่าละวะภัทร ผ่าแบบ พ่อแม่หน้าฝรั่งแต่ออกลูกเป็นหมวยอะไรอย่างนี้”
ชายหนุ่มยกตัวอย่างแบบอ้อมโลก คนฟังนิ่งไปครู่

“ถ้าอย่างนั้นก็คงต้องสืบดูสายตระกูลแล้วล่ะ ว่ามีญาติรุ่นไหนที่เป็นคนจีนบ้าง”
“ถ้าไม่มีเลยล่ะ”
เขานึกถึงบทสนทนาบนเตียงระหว่างตนเองกับสร้อยฟ้าลดาวัลย์

หล่อนเคยเล่าให้ฟังว่าบ้านแม่หล่อนอยู่ในย่านชุมชนเก่าแก่แห่งหนึ่ง ของกรุงเทพฯ หญิงสาวยังเล่าติดตลกเลยว่าย้ายมาตั้งรกรากตั้งแต่สร้างกรุงรัตนโกสินทร์ ยายหล่อนยังเคยเข้าไปอยู่ในวัง เป็นคนเจ้าระเบียบ ชอบอะไรแบบไทยๆ ทั้งบ้านจึงชอบดูละครฟ้อนรำ ทำให้แม่หล่อนตั้งชื่อลูกสาวตามนางเอกลิเก ตอนที่ราเมศได้ฟังเรื่องเล่าพวกนี้ก็ยังอดขำไม่ได้

“เป็นคนไทย เอ๊ย!ฝรั่งแท้ๆ”

ภัทรนันต์ยิ้มกริ่ม ชักจะเดาออกว่าตัวอย่างที่ยกมาอาจจะไม่ใกล้ไม่ไกล
“งั้นก็มีข้อเดียวคือ...การนอกใจ”

ข้อนี้ราเมศก็ยังไม่ปักใจ เพราะหากหล่อนนอกใจกฤตินจริงๆ คนฉลาดลื่นเป็นปลาไหลอย่างหลานชายเขาไม่มีทางยอมให้หล่อนหลอกแน่ ...แล้วเค้าโครงหน้าแบบชาวตะวันตกของแทนไทล่ะ ได้มาจากใคร

“เอางี้ งั้นก็ตรวจดีเอ็นเอกันอีกรอบ เอาเลือดพ่อแม่ลูก มาตรวจพร้อมกันเลย เดี๋ยวฉันจะส่งกล้องดูให้ทะลุปรุโปร่ง” คุณหมอหนุ่มแนะ “เออ! แล้วก็ฝากเอาเลือดของพ่อแม่ฝรั่งที่มีลูกเป็นหมวยมาให้ด้วย จะได้ตรวจทีเดียวให้เสร็จๆ ไป”

“...แล้วเรื่องนี้ขอให้เก็บเป็นความลับนะวะภัทร”
ราเมศขอร้องเพื่อน ภัทรนันต์ได้แต่พยักหน้า ในเมื่อเจ้าตัวยังไม่ยอมรับ หลักฐานก็ยังไม่เห็น เพื่อนจึงไม่ซักไซ้ไล่เลียงต่อ อดใจเอาไว้ถามตอนที่ผลตรวจดีเอ็นเอครั้งนี้ออกมาดีกว่า แพทย์หนุ่มสังหรณ์ใจว่าอาจจะได้เห็นอะไรสนุกๆ


จู่ๆ คนรับใช้ก็มาเคาะประตูห้องบอกสร้อยฟ้าลดาวัลย์ว่า
‘คุณซันคุณซื่อกับคุณอู่เรียกให้ไปพบค่ะ’
หล่อนจึงอุ้มแทนไทตามลงมางงๆ ใจทีแรกคิดจะถามว่าเจ้าของชื่อทั้งสองเป็นใคร แต่คิดอีกที ...ไม่ถามดีกว่า คงจะเป็นหนึ่งในบรรดาญาติๆ ของกฤติน

คนรับใช้พาหล่อนและลูกเดินเข้าไปในอาณาเขตของห้องประตูมังกรห้าเล็บ ผู้ที่รออยู่คือชายชราสามคน คนแรกนั่งอยู่บนรถเข็น อีกหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ฝังมุกมีไม้เท้าพิงข้าง ส่วนคนสุดท้ายท่าทางแข็งแรงผิวสีแทนคล้ำอย่างคนออกแดดบ่อย

“อ้าว...คุณฟ้ามาแล้วเหรอคะ”
ติญญาเดินนำคนรับใช้อีกกลุ่มเข้ามา

“พอดีเลยค่ะ ปู่ห้ากลับมาจากแม่ฮ่องสอน ท่านเอาชาดีๆ มาฝาก”
ญาติของกฤตินเดินเอามาโอบเอวอ้อนชายสูงอายุผิวคล้ำ สร้อยฟ้าลดาวัลย์จึงยกมือไหว้ชายชราในที่นั้นทุกคน

“ไหนเข้ามาใกล้ๆ หน่อยสิ คนนี้ใช่ไหมที่เป็นลูกเจ้าตี้”
ปู่สามหรือคุณซันที่มีชื่อไทยว่าอนุรักษ์ เรียกหลานชายตัวน้อยเข้ามาใกล้ที่รถเข็น หล่อนจึงดันตัวแทนไทเข้าไห้ ทีแรกลูกชายมองปู่สามหน้าตื่นๆ แต่ชายชราหยิบขนมเปี๊ยะหิมะหลากสีมาล่อหลอก แทนไทจึงยอมเข้าไปใกล้

“กี่ขวบแล้วล่ะเรา เอาเข้าโรงเรียนแล้วหรือยัง”
ปู่สี่ ...คุณณรงค์ถามพร้อมมองพิศไปที่เด็กชาย ชายชราผู้นี้คือคุณซื่อ

“แล้วทำไมหน้ามันฝรั่งจัง หน้าอย่างกับเจ้าหลงตอนเด็กแน่ะ”
ปรกติคนที่เห็นแทนไทครั้งแรกมักจะถามแบบเกรงใจว่าเด็กชายมีเชื้อตะวันตก หรือเปล่า แต่คนที่วิจารณ์พาดพิงเฉพาะเจาะจงไปถึงตัวคนที่เหมือนเลย เพิ่งมีปู่สามคนแรก

“คุณปู่ทวดหนูเป็นแขกเปอร์เซียค่ะ หน้าตาลูกหลานหลายคนเลยออกแนวแขกๆ ฝรั่งๆ”
หญิงสาวก็ไม่นึกเหมือนกันว่าประวัติศาสตร์ของตระกูลจะสามารถนำมา ประยุกต์ใช้ได้ในกรณีนี้ ...ประวัติศาสตร์ทางตระกูลพ่อที่หล่อนไม่อยากจะจำ

“เอ้า! ไหนลองเรียกอากงสิ”
คุณธารา ปู่คนที่ห้าหรืออู่ในภาษาจีนเริ่มสอนหลาน
“อา...กง”
ชายชราผิวคล้ำพูดเสียงยานๆ ช้าๆ ให้แทนไทพูดตาม

“อา...โก”
เมื่อหลานตัวน้อยเปล่งเสียงมาก็ทำให้ปู่ๆ ทั้งหลายหัวเราะลั่นอย่างเอ็นดู
“บ๊ะ! ให้เรียกอากง ดันเป็นอาโกขายโกปี้ไปได้”
ปู่สามบ่นเบาๆ

“เอ้า! งั้นเรียกใหม่ อากง...ซัน”
ปู่สามเริ่มสอนแทนไทเรียกชื่อของตนใหม่ ท่ามกลางการอมยิ้มของทุกคน

กว่าสองชั่วโมงที่แทนไทเล่นกับญาติผู้ใหญ่ ใครสอนอะไรเด็กน้อยก็พูดและทำตามหมด โดยไม่มีท่าทีจะกลัวเลย บางครั้งกลับหัวเราะเอิ๊กอ๊ากเสียด้วยซ้ำ ผิดวิสัยกลัวคนแปลกหน้าของเขา ปู่ๆ ทั้งหลายรู้วิธีหลอกล่อหลานได้เป็นอย่างดี

เห็นลูกชายมีความสุขได้รับความเมตตาจากหมู่ญาติสร้อยฟ้าลดาวัลย์ก็ดีใจ แต่ถึงอย่างไรหล่อนก็ไม่ต้องการให้แทนไทอยู่ที่บ้านหลังนี้นานนัก

เมื่อกลับมาห้องกฤตินก็มารออยู่แล้ว เขาทำหน้าเครียดและบอกให้หล่อนกล่อมแทนไทหลับเสีย เขามีเรื่องสำคัญที่จะคุยด้วย

“แม่ผมบอกว่าปู่เล็กจะให้พวกเราตรวจดีเอ็นเออีก ปู่ยังสงสัยเรื่องแทนไท”
สร้อยฟ้าลดาวัลย์ก็คิดอยู่แล้วเชียวว่าเรื่องมันต้องเป็นเช่นนี้
“ไม่ต้องห่วงฉันจัดการได้”

“แต่ฟ้า ครั้งนี้คนตรวจน่ะเป็นหมอภัทรเพื่อนปู่เล็กเชียวนะ”
กฤตินแสดงอาการกังวล

“ไม่ต้องห่วงน่าตี้ ที่ไหนๆ มันก็มีช่องโหว่เท่านั้นแหละ ต่อให้จับเราไปตรวจยังไง ผลการตรวจก็ยังเหมือนเดิม เพื่อนฉันช่วยได้”
ชายหนุ่มมองหล่อนนิ่ง ก่อนที่จะถอนหายใจยาว เขาคงจะต้องทำใจให้เย็นแล้วก็เชื่อใจ ‘เพื่อน’ ของสร้อยฟ้าลดาวัลย์เสียแล้ว บางครั้งการช่วยเหลือจาก ‘เพื่อน’ ที่หล่อนว่า จะทำงานแบบคาบลูกคาบดอกหมิ่นเหม่กับกฎหมายเต็มที

“แล้วยังมีเรื่องอะไรอีกหรือเปล่า ทำไมหน้าตี้ยังหงิกอยู่ ฉันว่ามีเรื่องอื่นที่หนักกว่าเรื่องตรวจดีเอ็นเอแน่”
หญิงสาวดักคออย่างรู้ทันเพราะร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมานาน

“ปู่เล็ก...” เขากำลังชั่งใจว่าจะบอกหรือไม่บอกหล่อนดี “ปู่เล็กส่งทีมเข้าไปบริหารผับของผม”
“อ้าว! ก็ไหนตี้บ่นว่าปู่เล็กเขาตัดหางปล่อยวัดตี้กับเรื่องผับแล้วไง ตั้งแต่เกิดคดีเด็กเล่นยาที่นั่น”
ดวงตาหล่อนมองมายังเขาอย่างสงสัย

“เอ่อ...มันมีเหตุผลบางอย่างนะ”
ที่เขาไม่อยากเล่าให้หล่อนฟังก็เพราะอย่างนี้ เหตุผลที่ราเมศรับปากจะช่วยเขาคือการที่สร้อยฟ้าลดาวัลย์และแทนไทต้องมาอยู่ที่นี่

“ยังไงก็ตามตอนนี้ผมปวดหัวเป็นบ้า คนของปู่เล็กนี่อย่างกับจำลองเอานิสัยเขามาเลย ละเอียดเป๊ะๆ ฝ่ายบัญชีโทร.มาโวยวายใหญ่ว่าโดนด่าเรื่องงบการเงินไม่ตรง”

ความจริงแล้วกฤตินก็ไม่ได้มีใจจะบริหารผับเท่าไรนัก เขาแค่หาธุรกิจเล็กๆ เอาไว้ลงทุนแก้เหงา ลำพังเงินส่วนแบ่งในกงสีของเขาก็มีเยอะอยู่แล้ว ชายหนุ่มจึงใช้ชีวิตแบบสบายๆ ไปเรื่อยๆ

“ถ้ามันลำบากขนาดนั้น ฉันว่าตี้ขายผับไปเถอะ แล้วไปหาอย่างอื่นทำดีกว่า”
“ไม่เอาหรอก ขืนทำอย่างนั้น แม่ก็ได้เอาผมประเคนใส่ถาดให้ปู่เล็กจิกหัวใช้ที่ธนาคารน่ะสิ” เขาเดินไปหาลูกชายที่เตียงแล้วขึ้นไปนอนกอดลูกชายที่หลับอยู่อย่างรักใคร่

“ใจปู่เล็กน่ะอยากแต่จะหาคนมาช่วยบริหารธนาคาร บีบคนให้คิดอะไรเถรตรงแบบตัวเอง ไม่เคยคิดเลยว่าคนทุกคนไม่ได้เก่งอย่างตัวเองเสียหน่อย”

“เขาเก่งมากเลยเหรอปู่เล็กของตี้น่ะ”
สร้อยฟ้าลดาวัลย์เลียบเคียงถาม ร่างบางเดินมานั่งลงบนเตียงข้างกับเขา

“ฮื่อ...สุดๆ คิดดูสิว่าเป็นลูกชายคนเล็กแต่แย่งอำนาจบริหารมาจากพี่ชายทุกคนได้ ปู่ทวดที่ตายไปน่ะเชื่อใจปู่เล็กมาก ทีแรกตอนปู่เล็กขึ้นมาบริหารใหม่ๆ น่ะ ญาติๆ รวมตัวกันบอยคอตเพราะมันผิดธรรมเนียมคนจีนที่ให้ลูกชายคนเล็กมาเป็นผู้นำ ตระกูล”
หล่อนเลิกคิ้วกับความรู้ใหม่ที่ได้ฟัง

“แต่ปู่เล็กเขาขอเวลาพิสูจน์ตัวเองสองปี ถ้าบริหารงานธนาคารไม่ดีจะยอมวางมือ ไม่ยุ่งกับสมบัติของตระกูลอีกเลย แล้วสุดท้ายปู่เล็กก็ทำสำเร็จ ญาติผมเขาถึงเชื่อฟังปู่เล็กกันยังไงล่ะ”

ราเมศเคยพลั้งปากตอนเมาอยู่เหมือนกัน ว่ามีญาติบางคนไม่ชอบเขาถึงขนาดคิดจะฆ่าเพื่อไม่ให้มาแย่งสมบัติ ตอนนั้นหล่อนยังคิดว่าเขาแต่งเรื่องพื่อเรียกความสงสาร

“ปู่เล็กน่ะขี้ระแวง โดยเฉพาะเรื่องผู้หญิง แม่ผมเล่าให้ฟังว่าแม่ของปู่เล็กน่ะเป็นเมียเด็กของปู่ทวด อยู่ด้วยกันอย่างระหองระแหง ตามประสาผัวแก่เมียเด็ก”
ยิ่งเล่ากฤตินก็ยิ่งชักสนุกจนข้ามเส้นจากการเล่าการเป็นนินทา

“ปู่ทวดทำงานงกๆ แต่แม่ปู่เล็กน่ะก็เอาแต่เที่ยวตามประสาสาวๆ พอทะเลาะกันหนักเข้าก็พาปู่เล็กกลับไปฮ่องกง อยู่ที่นั่นก็ควงผู้ชายไม่ซ้ำหน้า แถมจับปู่เล็กเข้าโรงเรียนประจำชายล้วน ปู่เล็กเลยยิ่งเป็นโรคระแวงผู้หญิง”

“เดี๋ยวนะ ปู่เล็กของตี้มีชีวิตรันทดขนาดนั้นเลยเหรอ”
ชายหนุ่มเปลี่ยนมาเป็นหัวเราะคิกคัก

“ฟ้าคิดเหมือนผมเลยใช่ไหมล่ะ ว่ามันรันทดแปลกๆ เรื่องของเรื่องคือยังมีญาติผมหลายคนที่ไม่ชอบปู่เล็กอยู่ เพราะเขาเป็นชอบเจ้ากี้เจ้าการ ญาติพวกนั้นก็เลยผสมผเสเรื่องนินทาปู่เล็กน่ะ โดยเฉพาะเรื่องการใช้ชีวิต บังคับให้หลานแต่งงานทั้งๆ ที่ตัวปู่เล็กเองแม้แต่แฟนก็ยังไม่มี”

หญิงสาวไม่ถามอะไรต่อ กฤตินเล่าเรื่องโน้นเรื่องนี้ไปเรื่อยๆ สักพักหนึ่งเสียงเขาจึงแผ่วลงและเงียบหลับไปในที่สุด


สร้อยฟ้าลดาวัลย์เดินไปหยุดอยู่ที่ระเบียงปีกซ้ายของบ้าน หล่อนกำลังคิดหาวิธีหลบเลี่ยงไม่ให้เจอกับราเมศอีก ยิ่งเจอกันเขาก็ยิ่งแสดงอาการข่มขู่คุกคามหล่อน ผิดกับราเมศผู้แสนใจดีที่หล่อนเคยพบ

ถ้าเป็นเขาคนนั้น ...ไม่มีเลยที่จะพูดเสียงดัง ไม่มีแม้กระทั่งจุมพิตที่เร่งร้อน อ้อมแขนแกร่งที่รัดร่างบางแน่น ราเมศคนนั้นมีแต่ความอ่อนหวาน เป็นนักฟังดีที่ดี เป็นเพื่อนดื่ม สูบบุหรี่ด้วยกัน พาไปทุกหนทุกแห่งที่หล่อนอยากไป จากทะเลสีฟ้าครามสู่ภูเขาเขียว จากหาดบางเบ้าถึงสลักเพชร ...สุดปลายเกาะช้าง โลกที่ราวกับมีเพียงเขาและหล่อน

ความสัมพันธ์เพียงชั่วครู่ชั่วยาม เจ็ดวันที่ชีวิตเป็นดังฝัน วันนั้นเมื่อสร้อยฟ้าลดาวัลย์กลับมากรุงเทพฯ หล่อนกลับมานอนร้องไห้บนเตียง
...สาเหตุของการร้องไห้ไม่ใช่จากภุชงค์ แต่เป็นจากราเมศ หญิงสาวไม่อยากจะคิดว่าหล่อนรู้สึกผูกพันกับผู้ชายที่เจอกันเพียงไม่กี่วัน ทั้งๆ ที่ต่างฝ่ายต่างคิดว่าเป็นเพียงความใคร่ แต่สิ่งที่เหลือค้างในใจนั้นราวกับว่าเป็น...ความรัก

สร้อยฟ้าลดาวัลย์ส่ายศีรษะปัดเรื่องอดีตออกจากสมอง พอหันมองก็พบว่าคนในอดีตมายืนอยู่ตรงข้ามเสียแล้ว ราเมศมองหล่อนนิ่งด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก

“กลับมาแล้วเหรอคะปู่เล็ก”
หญิงสาวพยายามคุมอาการให้สงบแล้วทักเขา

“แทนล่ะ”
เขาละสายตาจากหล่อนหันไปมองทางอื่น เพื่อกลบแววบางอย่างในดวงตา

“นอนอยู่กับพ่อของเขาค่ะ”
คนฟังรู้สึกแปลบในอก

“มาคุยกับผมที่ห้องทำงานหน่อย เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
“คุยกันที่นี่ก็ได้นี่คะ สะดวกดี”
หล่อนเลี่ยง

“สร้อยฟ้าลดาวัลย์! ผมบอกให้มาก็มา!”
ราเมศดึงมือหล่อนเดินลิ่วๆ เข้าไปในห้องทำงานเขาทันที

“ปล่อยนะปู่เล็ก ปล่อย!”
หญิงสาวทั้งบิดทั้งแกะนิ้วที่จับข้อมือหล่อนไว้ออก

“อย่าเรียก! ผมไม่ชอบให้ใครที่ไม่ใช่หลานผมมาเรียกผมอย่างนี้”
...แค่หล่อนคนเดียวเท่านั้นที่เขาไม่อยากให้เรียก ไม่อยากนับญาติกับหล่อน เพราะยิ่งย้ำสถานะที่น่าเจ็บปวดระหว่างเขาและหล่อน

“ค่ะคุณราเมศ ปล่อยฉันได้แล้ว”
ชายหนุ่มจึงปล่อยมือหญิงสาวลงได้ สร้อยฟ้าลดาวัลย์นิ่วหน้าเพราะรู้สึกเจ็บแปลบที่มือ การดึงตัวหล่อนเข้ามาในห้องเมื่อครู่ของเขาทิ้งเป็นรอยมือแดงบนเนื้อสาวขาวๆ

“พรุ่งนี้คุณบอกให้นายตี้อย่าไปไหน ช่วงแปดโมงให้เขามาพบผมด้วย”

“ค่ะ ธุระของคุณแค่นี้ใช่ไหมคะ”
สร้อยฟ้าลดาวัลย์หันหลังกลับเตรียมจะหนี หล่อนเดินมาจนถึงประตูและกำลังจะเปิดมันออกไป มือแกร่งก็จับห้ามไว้เสียก่อน

“แพร”
ราเมศมายืนอยู่ข้างหลัง หญิงสาวรู้สึกได้ถึงไอร้อนที่แผ่มาจากเขา กลิ่นน้ำหอมผู้ชายปนกลิ่นลมหายใจที่เป่ารดศีรษะ

“หมดธุระแล้วไม่ใช่เหรอคะ”
หญิงสาวหลับตาเพื่อข่มอาการใจสั่นของตนเอง ความรู้สึกเก่าๆ ยามอยู่เกาะช้างเริ่มกลับมา

“แพรตอบคำถามผมอย่างหนึ่งมาก่อน แทนเป็นลูกของใคร”
“ลูกของตี้ยังไงล่ะ! ฉันบอกคุณจนปากจะฉีกแล้วนะ”
หล่อนหัวเสียที่เขายังถามคำเดิมซ้ำซาก จึงตอบเสียงดังแล้วหันมาเผชิญหน้ากับเขา
“ลูกของฉันกับตี้”

“แล้วทำไมคุณถึงเลือกตี้ล่ะ”
...ทำไมไม่เลือกผม ราเมศกลืนประโยคคำถามสุดท้ายไว้ในอก

“เพราะ...”
หล่อนเห็นแววตัดพ้อในดวงตาของเขา สีหน้าราเมศเหมือนกับจะร้องไห้ หญิงสาวเคยเห็นสีหน้านี้ตอนเขาเล่าเรื่องแม่ที่ตายไป
“เพราะตี้กับแทนต้องการฉัน”

“แต่คุณเป็นของผมนะแพร แทนก็เป็นลูกผม”
“ฉันไม่ได้เป็นของคุณ แทนก็เป็นลูกของตี้”
สร้อยฟ้าลดาวัลย์เกรี้ยวกราดที่เขายังย้ำความเชื่อเดิมอยู่ได้

“คุณราเมศคะ ขอร้องล่ะ คุณอย่ามายุ่งกับฉันอีก ฉันมีครอบครัว ฉันรักครอบครัว รักแทน รักตี...”
ราเมศไม่อยากได้ยินว่าหล่อนรักใคร ริมฝีปากหนาจึงประกบปิดเสียงที่จะเอ่ยออกมา

ร่างสูงดันคนตัวเล็กกว่าไปแนบประตู สร้อยฟ้าลดาวัลย์ส่งเสียงประท้วงอู้อี้ มือก็ยกขึ้นมาทุบตีเขาเป็นพัลวัน ชายหนุ่มรวบมันไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียว แล้วจุมพิตหล่อนต่อด้วยความหิวกระหาย ดูดดึงพันลิ้นหยอกเหย้าจนคนโดนจูบเริ่มสิ้นฤทธิ์

“แพร”
เขาครางเมื่อถอนริมฝีปาก หล่อนหายใจแบบแหบแฮ่ก เหมือนคนวิ่งมาเหนื่อยๆ
“ผมบอกแล้วไงว่าเวลาจูบน่ะ ให้หายใจทางจมูก แล้วก็ผ่อนลมหายใจด้วย”
ราเมศกลับกลายเป็นชายแสนดี ช่างสอนที่หล่อนเจอบนเกาะช้าง เขาสอนหล่อนในเรื่องพื้นฐานแม้กระทั่งการจูบ

“ปล่อย!”
หญิงสาวเสียงแผ่ว หน้าแดง ดวงตาไหวระริก คนตรงหน้ายิ้มกริ่มดูจะพอใจกับปฏิกิริยาที่เห็น
“คุณราเมศ ปล่อยฉันนะ”

“ไม่...แพร จนกว่าคุณจะเรียกผมใหม่”
เขาจุมพิตที่หน้าผากเนียน ไล่มาจนถึงใบหูเล็ก
“ปล่อยนะคุณราเมศ”
หล่อนท้วงเริ่มดิ้นอีกรอบ

“ไม่ผมไม่ใช่ราเมศ แพร คุณเรียกชื่อที่เป็นความลับของเราสิ ชื่อของผม”
เขาขบเม้มใบหูหล่อนอย่างมันเขี้ยว ก่อให้เกิดอารมณ์รัญจวนสุดประมาณจนหล่อนเผลอครางออกไป
“อา...”

“เรียกผมสิแพร เรียก!”
ราเมศกระซิบเร่งเร้าเพราะรู้ว่านี่คือจุดอ่อนของหล่อน
“แดนนี่...”
เสียงหล่อนเหมือนล่องลอยมาจากที่ไกลแสนไกล แต่สำหรับเขาแล้วนี่เป็นเสียงเรียกชื่อเขาที่เพราะที่สุด

“ใช่ครับ แพรของผม”
ริมฝีปากหนาเคลื่อนมาประทับอีกครา นุ่มนวลหนักแน่นและแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ โดยที่คู่กรณีไม่มีอาการขัดขืน แขนขวาเขาโอบรอบเอวคอด ส่วนอีกมือล้วงเข้าไปในเสื้อยืดเข้ารูป ไต่สำรวจส่วนเว้าโค้งเนียนนุ่มมือ ปลดถอดสิ่งที่เกะกะออก

“อือ...”
สร้อยฟ้าลดาวัลย์ครางประท้วงเมื่อรู้สึกว่าปทุมถันคู่งามกำลังถูกรุกราน มือที่ตกลงข้างตัวเริ่มยกขึ้นทุบถอง จนเขาต้องละมือจากเอวคอดเปลี่ยนมารวบอาวุธของเจ้าหล่อนไว้ ส่วนมือที่เหลือก็นวดเฟ้นดอกไม้คู่งาม

คราแรกทะนุถนอมเพราะกลัวช้ำ แต่เมื่อการจุมพิตเป็นไปอย่างดุเดือดเพราะหญิงสาวเริ่มตอบรับรสจุมพิต มือที่คลึงเคล้าปถุมทันอยู่นวดเฟ้นอย่างแรงขึ้น...แรงขึ้นทุกที


*********************


Create Date : 20 มกราคม 2553
Last Update : 20 มกราคม 2553 0:50:00 น. 3 comments
Counter : 237 Pageviews.

 


โดย: นนนี่มาแล้ว วันที่: 20 มกราคม 2553 เวลา:2:10:27 น.  

 
น่าลุ้นเหลือเกิน


โดย: แสนดีคนในพื้นที่ IP: 203.155.149.92 วันที่: 20 มกราคม 2553 เวลา:11:15:08 น.  

 
whenever you felt that your heart is going to breakdown
feel it with the love of God ask for his and then you will
find out what is the truth love in Your life as he does for me!


โดย: da IP: 203.144.144.165 วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:23:58:50 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

จโกระ&ลาชา
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Something has come and gone,and that it 's all.


free counters
Friends' blogs
[Add จโกระ&ลาชา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.