หอมกลิ่นหวาน...และขมของชีวิต
Group Blog
 
<<
มกราคม 2553
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
26 มกราคม 2553
 
All Blogs
 
เล่ห์รัก...พรางหัวใจ...10(100%)


ซอย นั้นเป็นถนนแคบๆ ขนาดพอรถสองคันสามารถสวนกันได้ แต่ต้องขับอย่างใช้ความระมัดระวังหน่อย มิฉะนั้นกระจกหูช้างไม่ว่าคันใดคันหนึ่งก็อาจโดนอีกคันเกี่ยวติดไปบ้าง โชคดีที่วันนี้ชายหนุ่มไม่ต้องไปทำงาน จึงเลือกขับรถญี่ปุ่นคันกระทัดรัดมา

เขาขับรถไปเรื่อยๆ ไล่มองตามเลขที่บ้านต่างๆ บางครั้งก็ยกกระดาษจดที่อยู่มาเทียบกับเลขที่บ้านซึ่งขับผ่านมา

‘เขาบอกว่าอยู่บ้านเลขที่เจ็ดสิบสองทับแปด ซอย... ถนน...หน้าบ้านจะปลูกต้นมะม่วงกับขนุนไว้ค่ะ’
หัวหน้าพยาบาลที่เขาไหว้วานให้โทรศัพท์ไปตามหมายเลขที่เพื่อนบอกเอ่ย

‘ว่าแต่คนที่ให้พี่โทร.ให้นี่ใครเหรอคะหมอภัทร เสียงหว๊าน...หวาน’
คนโทรศัพท์ให้แซว เขาได้แต่ยิ้มแห้งๆ ให้ ภัทรนันต์ไม่กล้าโทร.ไปหาหล่อนเอง เกรงว่าถ้าโทร.ไปแล้วคำหวานจะไม่สนใจ เพราะเคยโดนหล่อนปฏิเสธว่าจำไม่ได้ จนหน้าแตกละเอียดมาแล้ว

เขาจึงขอร้องให้คนอื่นพูดแทนและยังให้ช่วยโกหกอีกว่าจะไปคุยกันเรื่องจ้างมา เล่นดนตรีไทย หล่อนได้ยินเป็นเสียงผู้หญิงจึงวางใจยอมบอกที่อยู่ให้มาพูดคุยกัน หมอหนุ่มจึงได้แผนที่บ้านหญิงสาวมาอยู่ในมือ

สักพักเขาก็มาถึงบ้านเป้าหมาย กำแพงบ้านสีขาวนั้นสูงกว่าที่คิด ต้นไม้ที่ปลูกอยู่ในบ้านก็ครึ้ม ปิดบังสายตาของคนภายนอกเสียหมด เด็กสาวผอมเกร็งผิวคล้ำคนหนึ่งวิ่งมาเปิดประตูถามเมื่อเขากดกริ่ง

“ผมมาหาคุณคำหวาน ที่นัดไว้ว่าจะมาคุยเรื่องจ้างไปแสดงงานครบครอบก่อตั้งโรงพยาบาล”
เด็กวิ่งหายไปในบ้านสักพัก ก่อนที่ประตูบ้านบานใหญ่จะเปิดขึ้น รถชายหนุ่มจึงแล่นเข้าไปได้

บ้านที่ปรากฏแก่สายตาเขานั้นเป็นบ้านสองชั้นทาสีเขียวอ่อน หน้าบ้านมีศาลาไม้ยกพื้นสูง กลิ่นหอมดอกกุหลาบจากกระถางที่ปลูกไว้รายรอบบ้านโชยมาอ่อนๆ

คำหวานในชุดผ้าถุงและเสื้อแขนกุดมีระบายกำลังนั่งพับเพียบเล่นขิมอยู่ ผมหล่อนยังเป็นสีดำถักเป็นเปียเดี่ยวไพล่ไว้ที่ด้านหน้า

ข้างกายหล่อนเป็นชายสูงอายุคนหนึ่งนั่งอยู่ในรถเข็น เสียงขิมหยุดลงเมื่อเด็กเดินไปนั่งพับเพียบใกล้ๆ คำหวานละสายตาจากขิมมามองเขา ดวงตากลมโตนั้นแสดงอาการแปลกใจนิดๆ แต่ก็กลับมาราบเรียบดังเดิมอย่างรวดเร็ว
“สวัสดีค่ะ”

“เอ่อ...สวัสดีครับ”
ภัทรนันต์ใจแป้วเอาเสียดื้อๆ แม้ใบหน้าจะเกลี้ยงเกลาไร้เครื่องสำอาง แต่คนตรงหน้าเขาก็ยังดูสวยและอ่อนหวาน
หล่อนไม่เปรี้ยวฉูดฉาดเหมือนที่เขาเจอในคาราโอเกะ และไม่ยิ้มพรายทิ้งสายตาให้ชวนฝันเหมือนเมื่อตอนเล่นดนตรีในโรงแรม

“ผม...ที่นัดไว้เรื่องงานครบรอบของโรงพยาบาลน่ะครับ”
“ค่ะ ที่คุณผู้หญิงโทร.มานัดไว้ใช่ไหมคะ เชิญทางนี้ค่ะ”
คำหวานยิ้มผายมือเดินนำเขาไปยังห้องรับแขก

ชายหนุ่มมองภาพหล่อนแล้ว รู้สึกเหมือนมองภาพนางในวรรณคดีที่มีชีวิตอยู่จริง ทั้งผมที่ดำขลับ คิ้วบางเป็นระเบียบ แก้มเนียน ผิวขาวลออ รูปร่างที่ได้สัดส่วน แม้จะนุ่งผ้าถุงที่สาวๆ สมัยนี้ไม่ค่อยนิยม แต่เขาก็เห็นว่ามีเสน่ห์มากกว่าชุดรัดตรึงรูปร่างเป็นไหนๆ เสน่ห์แบบสาวไทยหวานๆ สมกับชื่อหล่อน

“งั้นเดี๋ยวฉันขอคุยเรื่องรายละเอียดของงานหน่อยนะคะ ว่าจะเป็นแบบไหน”
หญิงสาวเชิญเขานั่ง ส่วนตัวเองก็หยิบสมุดที่โต๊ะข้างโซฟามาจดรายละเอียด

“งานจะมีเมื่อไหร่ แล้วก็เริ่มกี่โมงคะ”
เอาละสิ...ภัทรนันต์เริ่มเหงื่อตก เขาไม่ได้เตรียมเรื่องโกหกเรื่องนี้มาเสียด้วย

“จะเป็นงานแบบไหนคะ กาลาดินเนอร์ หรือว่าเป็นงานช่วงกลางวัน”
คำหวานมองหน้าคนมาติดต่ออย่างงงๆ เพราะคนติดต่อดูท่าทางอึกอักแปลกๆ

“คือ...”
“อ๋อ หรือว่ายังไม่ได้คิดไว้คะ เอาอย่างนี้ดีไหม เดี๋ยวฉันมีวีซีดีงานเก่าๆ ให้เลือกดูค่ะ ว่าจะได้ดูว่าชอบงานแบบไหน”
หล่อนอารี ลุกขึ้นจะไปหาวีซีดีให้เขา

“มะ...ไม่ต้องหรอกครับ”
“แล้วอยากได้งานแบบไหนละคะ”

“คือ...ผมอยากได้คุณ เอ๊ย! ไม่ใช่ครับๆ ผมพูดผิด”
ภัทรนันต์รีบปฏิเสธเป็นพัลวันเมื่อเห็นหล่อนนิ่วหน้าแบบไม่ไว้ใจ

“ผมหมายถึง ผมอยากได้ครูสอนดนตรีไทยแบบคุณครับ”


ราเมศตื่นเอาเกือบเที่ยง ชายหนุ่มมีอาการเมาค้างนิดหน่อย เพราะเมื่อคืนเขากลับจากงานเลี้ยงกาล่าดินเนอร์อะไรสักอย่างประมาณตีสอง ปรากฏว่าเห็นรถยนต์สปอร์ตคันโปรดของกฤตินจอดนิ่งอยู่ในโรงจอดรถ ห้องของสร้อยฟ้าลดาวัลย์ก็ปิดไฟเงียบ

ชายหนุ่มพยายามข่มตาและใจไม่ให้ลอยไปที่ห้องนั้น พยายามไม่คิดว่าหล่อนกับหลานชายทำอะไรกันอยู่ แต่ดูเหมือนความตั้งใจจะไม่ได้ผลเลย ความสุขุมของนายธนาคารใหญ่แทบจะหายไปเสียทั้งหมด

เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ราเมศรู้สึกว่าตนเองเป็นผู้ชายนิสัยแย่เช่นนี้ ...หวงของและยึดติดกับผู้หญิงที่ไม่ได้สนใจตน

เขาเปิดคลิปหล่อนจากคอมพิวเตอร์ส่วนตัวดูอีกครั้ง
ภาพสร้อยฟ้าลดาวัลย์นอนหลับตาพริ้ม พอนิ้วแข็งๆ ของเขาเขี่ยแก้มใส เจ้าตัวก็รำคาญทำเสียงจิ๊จ๊ะ ปัดมือไปมาจนดึงแมลงตัวโตที่ก่อกวนให้มานอนเคียงกันบนเตียงได้

ราเมศเห็นภาพตนเองประทับจูบที่หน้าผากนวลเนียน เสียงตนเองเรียกชื่อหล่อนซ้ำแล้วซ้ำเล่า คลิปหยุดลงพร้อมกับอาการหงุดหงิดจนยากระงับ ชายหนุ่มไม่อาจหลับลงได้ จึงเอารายอ่านรายงานการประชุมทั้งคืนจนฟุบหลับคาโต๊ะ


เสียงหัวเราะอย่างอารมณ์ดีของพี่ชายทั้งสองดังแว่วมา เมื่อราเมศเข้าไปในอาณาเขตของห้องมังกรห้าเล็บ แทนไทชูนิ้วป้อมๆ พร้อมพูดอ้อแอ้
“อี...เออ...ซา”

“ไม่ใช่ๆ นับใหม่ ดูปากอั้วซี่อาแทน อี...เอ้อ...ซาน” คุณอนุรักษ์ที่นั่งอยู่บนรถเข็น ยกนิ้วขึ้นแล้วนับเป็นตัวอย่างให้เหลนตัวน้อยดู
“ยากไปเหรออาแทน งั้นนับแบบไทยก็ได้ หนึ่ง...สอง...สาม” คุณณรงค์เปลี่ยนวิธีนับให้ใหม่

“แหม ปู่ซันกับปู่ซื่อละก็แทนตัวเล็กนิดเดียว ยังไม่ต้องรีบสอนทั้งภาษาไทยภาษาจีนก็ได้ค่ะ”
ติญญานั่งอยู่ข้างคนตัวเล็กระบายยิ้ม
“ต้องรีบสอนตั้งแต่เด็กซี่อาญาญ่า อีจะได้เก่งๆ ทาท่างโหวงเฮ้งอาแทนจะฉลาด แล้วก็เก่งเหมือนอาหลง”

“ผมไม่ได้ฉลาดอย่างนั้นหรอกครับเฮียซาน”
คนถูกพาดพิงถึงมานั่งเก้าอี้ข้างพี่ชายทั้งสอง

“เฮียสองคนเก่งกว่าผมเยอะ”
แม้ราเมศจะกลายเป็นผู้นำตระกูลตัดหน้าพี่ชาย แต่ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องก็ยังราบรื่นดี

“เฮ้อ...ลื้ออย่ามาปากหวานน่าหลง พวกอั๊วะมันแก่แล้ว สู้พวกหนุ่มๆ อย่างลื้อไม่ได้หรอก”
คุณณรงค์หัวเราะร่วน
“ลื้อมาก็ดีแล้ว ไหนๆ อาญาญ่าลื้อเอาอัลบั้มรูปมาดูสิ”
ชายหนุ่มเพิ่งสังเกตว่าข้างกายหลานสาวมีอัลบั้มรูปหลายเล่มวางซ้อนกันอยู่

“นี่ไง อาแทนเหมือนลื้อตอนเด็กๆ เลยนะอาหลง”
พี่ชายทั้งสองรับอัลบัมจากติญญาแล้วเปิดรูปชี้ชวนกันดู ราเมศได้ฟังแล้วเจ็บแปลบ เพราะหากแทนไทเป็นลูกของเขาจริง ไม่ใช่แค่มีใบหน้าเหมือนกันคงจะดีกว่านี้

“นี่เลยๆ ตอนลื้อมาเมืองไทยครั้งแรก หน้าหงิกแบบนี้แหละ”
คุณอนุรักษณ์กางอัลบั้มมาทางเขา นิ้วเหี่ยวย่นชี้ไปที่รูปเด็กชายราเมศที่ใบหน้าบึ้งตึง เพราะฟังคนในบ้านนี้พูดภาษาไทยไม่ออก

“อาญาญ่า ลื้อว่าอาแทนเหมือนอาหลงไหม”
“คล้ายๆ นะคะ ปู่ซัน”
ญาติสาวตอบพลางจับตัวแทนไทที่เดินรี่เข้าไปเตรียมจะตะปบภาพจากมือปู่

“อา...โก”
เด็กชายแสดงอาการว่าอยากดูรูปด้วย จนติญญาต้องอุ้มเข้าไปดูใกล้ๆ

“เอ่อ...แล้วนี่แม่ของแทนไปไหนเสียละครับ”
เขาหันเหบทสนทนาไปทางอื่น เพราะไม่อยากจะคุยเรื่องความเหมือนไม่เหมือนระหว่างเขากับแทนไทแล้ว แม้จะคลางแคลงใจเรื่องนี้อยู่เหมือนกันก็ตามที ในเมื่อผลตรวจออกมาเป็นเช่นนั้นเขาก็จำต้องยอมรับความจริง

“คุณฟ้าไปทำข้าวกลางวันให้ตาแทนค่ะ ญาญ่าเลยพามาเล่นกับปู่ๆ เสียเลย”
แทนไทละสายตาจากรูปภาพและเอื้อมมือจะมาหาชายหนุ่ม
“อา...โก”

พี่ชายทั้งสองของเขาหัวเราะกันลั่น จนเขาทำหน้าเหรอหรา
“นั่นปะไรอาหลง ลื้อกลายเป็นอากงตั้งแต่ยังหนุ่มเสียแล้ว”

คุณอนุรักษ์กับคุณณรงค์พยายามสอนเหลนให้เรียกน้องชายอย่างที่เรียกพวกตนด้วย
“ฟังอย่างนี้แล้วค่อยยังชั่ว เท่าเทียมกันหน่อย พวกเราจะได้ไม่รู้สึกแก่มาก เพราะอาหลงก็เป็นอากงเหมือนกัน”
ราเมศจำต้องรับความจริงอีกข้อ ว่าตอนนี้แทนไทมีสถานะเป็นเหลนของเขาจริงๆ เสียแล้ว


“มะ...มา”
แทนไทตาไวเห็นร่างบางที่ถือถาดอาหารเข้ามา จึงร้องเรียกอย่างดีใจ
“เอ้า! แทน ข้าวกลางวันเสร็จแล้วนะจ้ะ”
ติญญารีบดึงคนตัวป้อมไว้ เมื่อร่างเล็กทำท่าจะถลาไปหาแม่

“ทำอะไรเป็นมื้อกลางวันให้อาแทนล่ะ อาฟ้า”
คุณณรงค์มองไปที่ชามอาหารควันกรุ่น แถมมีกลิ่นหอมเจียวยั่วน้ำลาย

“ทำก๋วยจั๊บญวนค่ะ ตาแทนชอบกิน”
สร้อยฟ้าลดาวัลย์วางอาหารลง หล่อนพยายามไม่มองไปทางราเมศ

“มามะ...แทนมากินเร็วครับ”
ลูกชายเดินมาทานก๋วยจั๊บอย่างรวดเร็ว

“อร่อยไหมแทน” ติญญาแตะมือไปที่แก้มยุ้ย แทนไทเคี้ยวอาหารตุ้ยๆ สักพักหนึ่งมือป้อมก็ทำท่าจะมาแย่งช้อนไปจากแม่ หญิงสาวจึงเอาชามช้อนชุดเล็กที่ติดมาด้วยแบ่งอาหารใส่ให้

สร้อยฟ้าลดาวัลย์อ่านจากหนังสือว่าธรรมชาติของเด็กวัยนี้เริ่มจะต้องการทำอะไรเองแล้ว อย่างเช่นการตักอาหาร หรือใส่รองเท้า

“อา...โก”
เหลนตักก๋วยจั๊บยื่นให้คุณอนุรักษ์ เด็กน้อยพยายามยื่นสุดแขนเป็นทำนองจะป้อนปู่

“หร่อยๆ”
มือป้อมที่ถือช้อนอยู่ขยับชี้ชวนให้ผู้สูงอายุทานอาหารจากตน ติญญาจึงรีบเข้ามาอุ้มร่างป้อมขึ้นเพื่อป้อนผู้สูงอายุ

“เออ...อร่อยจริงๆ ด้วย”
คุณอนุรักษ์ชม เด็กชายยิ้มแป้น แล้วดิ้นจากอ้อมแขนของติญญาลงไปตักอาหารใหม่

“หร่อยๆ”
คราวนี้มือป้อมยื่นอาหารป้อนคุณณรงค์

“อา...โก”
จุดมุ่งหมายต่อไปที่เหลนตัวน้อยจะป้อนคือราเมศ

“แทนพอได้แล้วลูก”
สร้อยฟ้าลดาวัลย์ห้าม แต่ราเมศไวกว่ารีบงับช้อนจากมือเล็กเข้าปากทันที
“หร่อยๆ มะ...มา”
ลูกชายตบมือแปะๆ อวดว่าแม่ตนเป็นคนทำอาหารเอง

“แทน”
หล่อนเอ็ดลูกชายเสียงเข้ม คนโดนป้อนดึงช้อนออกจากปากตนเอง ปากนั้นเคี้ยวอาหารน้อยๆ และมองหล่อนอย่างประหลาดใจ

สร้อยฟ้าลดาวัลย์พัฒนาฝีมือการทำอาหารขึ้นมาก ราเมศไม่อยากจะเชื่อเลยว่านี่คือผู้หญิงคนเดียวกับที่ทอดไข่ก็ยังแทบทำไฟ ไหม้บังกะโล ขนาดเขาแค่ขอให้ปิ้งกุ้งให้ หล่อนยังทำกุ้งดำเป็นตอตะโก

“อร่อย”
เขาชมจากใจจริง ก๋วยจั๊บชามนี้อร่อยสมราคาคุยที่แทนไทไล่เอาไปป้อนทุกคนจริงๆ

“คุณฟ้าทำกับข้าวเก่งจังนะคะ เห็นแม่บ้านบอกว่าคุณฟ้าทำอาหารให้ตาแทนไม่ซ้ำกันเลยแต่ละมื้อ”
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ แค่พอทำได้ บังเอิญตาแทนเขาเป็นคนกินยากนะค่ะ เลยต้องหาวิธีล่อหลอกนิดหนึ่ง”
หญิงสาวมองลูกชายด้วยสายตาอ่อนโยน แต่แล้วก็ต้องตกใจเมื่อแทนไทเทชามก๋วยจั๊บละเลงลงบนอัลบั้มรูป

“แทนหยุดนะลูก!”
ติญญากับราเมศรีบเข้ามาช่วยกันหาทิชชู่เช็ดก๋วยจั๊บออกจากอัลบั้มทันควัน
“ว้า...ตายเลย นี่รูปคุณย่าทวดแอนนาด้วยนี่” ติญญาบ่นเบาๆ ขณะที่ตรวจดูความเสียหายที่แทนไทก่อไว้

“ขอโทษจริงๆ นะคะ คุณญาญ่า”
สร้อยฟ้าลดาวัลย์อยากตีก้นคนตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมกอดนัก เผลอเป็นไม่ได้เลยเชียว แทนไทมักจะก่อเรื่องยุ่งเป็นประจำ

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณฟ้า อัลบั้มรูปมันก็เก่ามากแล้ว เดี๋ยวญาญ่าโทร.ให้ร้านถ่ายรูปประจำของบ้านเราเขาหาอัลบั้มสวยๆ มาเปลี่ยนให้ดีไหมคะปู่หลง”
ติญญาแก้สถานการณ์ แต่ราเมศกลับมองรูปในอัลบัมนิ่ง เพราะรูปเหล่านี้คือรูปถ่ายของเขากับแม่เมื่อครั้งยังอยู่ฮ่องกง

“ฉันขอโทษค่ะคุณราเมศ”
หล่อนรู้สึกอึดอัดในอกเมื่อเห็นท่าทีเงียบไปของเขา เพราะรู้ว่าราเมศรักแม่มาก

“ไม่เป็นไรหรอกสร้อยฟ้าลดาวัลย์ มันเป็นอุบัติเหตุ”
เสียงเขาราบเรียบไม่แสดงอารมณ์ใด ตาคมไล่เปิดดูรูปภาพทีละรูป ภาพถ่ายของเขามีตั้งแต่แรกเกิดจนถึงเริ่มเข้าไฮสคูล

เมื่อชายหนุ่มเงียบหลายคนในห้องนั้นก็เริ่มรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง
“หลงไว้เราให้ช่างภาพมาถ่ายรูปพวกเราไว้ดีไหม รวมเจ้าอู่ด้วยนะ จะได้เอามาแขวนไว้ในบ้านไง”
คุณอนุรักษ์เสนอเอาใจน้องชาย

“งั้นก็เรียกมาถ่ายในงานแซยิดเฮียเลยดีไหม”
คุณณรงค์ผสมโรงหวังช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น เพราะเรื่องคุณแอนนา...แม่ของราเมศ ถือว่าเป็นเรื่องที่พูดถึงทีไร ราเมศจะมีอาการเงียบขรึมทุกที

“เอาสิ เฮ้อ! คิดๆ แล้ววันเวลาก็ผ่านไปเร็วนะอาซื่อ ปีนี้อั๊วะเจ็ดสิบห้า ลื้อเจ็ดสิบ เจ้าอู่หกสิบ ยังรู้สึกเหมือนเห็นอาหลงเพิ่งนมแตกพานอยู่เลย ตอนนี้มันอายุสามสิบหกแล้ว”

หล่อนหันมาจ้องราเมศเขม็งทันที คิดว่าตนเองฟังผิดไปหรือเปล่า พี่ชายเขาบอกว่าราเมศอายุสามสิบหก ตอนอยู่ที่เกาะช้างเขาบอกหล่อนเองว่าอายุสามสิบสอง

“อะแฮ่ม”
ราเมศปิดอัลบั้มรูปแล้วแกล้งกระแอมเป็นสัญญาณให้หญิงสาวรู้ตัวว่าจ้อง เขามากไปแล้ว ชายหนุ่มไม่ตั้งใจจะโกหก แต่เพราะตอนนั้นหล่อนบอกเองนี่ว่าอายุยี่สิบสี่ ...ยังเด็กมาก เขาจึงบอกอายุที่ทอนลงสองปีเพราะไม่อยากถูกมองว่าแก่

“ไม่อยากเชื่อใช่ไหมคะว่าปู่หลงอายุสามสิบหก ใครๆ ก็คิดว่าสามสิบต้นๆ กันทั้งนั้น” ติญญาอวด
“ทั้งหล่อ ทั้งดูดี แต่ปู่เล็กก็ยังไม่มีคุณย่าสาวๆ มาให้พวกเราได้ชื่นใจสักทีนะคะ”

“อาหลงมันช่างเลือก แล้วก็คิดว่าการมีเมียคือการลงทุนอย่างหนึ่ง สงสัยเห็นว่าไม่คุ้มทุนละมั้งเลยไม่หา”
คุณอนุรักษ์แซวน้องชายเสียงรื่นเริง ราเมศเป็นคนทำงานเก่ง สุขุม ไม่ชอบการเสี่ยง

นิสัยของน้องชายเหมาะกับการเป็นนายธนาคารที่ซื่อตรงดูแลเงินคนอื่นได้ หากจะลงทุนราเมศจะหาข้อมูลเพื่อคำนวณอัตราเสี่ยงและป้องกันการขาดทุนอย่าง เอาเป็นเอาตาย ไม่มีเลยสักครั้งที่คุณอนุรักษ์จะเห็นน้องชายทำอะไรหลุดๆ ออกมา


นักเรียนโข่งคนล่าสุดกำลังนั่งพับเพียบดูหล่อนตีขิมแบบเก้ๆ กังๆ อยู่ คำหวานกำลังสอนทฤษฎีพื้นฐานของการตีขิมและไล่โน้ตเสียงให้ผู้ชายที่แนะนำตัว ว่าชื่อนายแพทย์ภัทรนันต์ฟัง

“ถ้าคุณจะมาเรียนสัปดาห์ละสองวัน ฉันจะสอนเพลงที่ตีไม่ยาก แล้วก็พอจะตีออกงานได้ให้ฟังค่ะ”
หล่อนส่งยิ้มน้อยๆ ให้ภัทรนันต์

“ก่อนอื่นคุณต้องจำเสียงตัวโน๊ตพื้นฐานไว้ก่อนนะคะ ไม่ทราบคุณหมอภัทรมีขิมเป็นของตัวเองหรือเปล่าคะ”
จู่ๆ ผู้ชายที่เข้ามาคนนี้ก็แจ้งความประสงค์ว่าจะเรียนขิม

คำหวานไม่ได้แปลกใจอะไรมากที่มีผู้ใหญ่ตัวโตๆ มาเรียนกับหล่อน เพราะบ้างก็มาเรียนเพื่อไปแสดงในงานวัฒนธรรม บ้างก็มาเรียนเพื่อเป็นวิชาติดตัวไว้เป็นความสามารถพิเศษ บางคนชอบเฉยๆ เลยอยากเรียนก็มี แต่คนที่มาเรียนแล้วมองตามหล่อนทุกอิริยาบทแถมยังบอกว่าจะขอเรียนและจ่าย เงินเลยก็เพิ่งมีเขาคนแรก

‘...คือผมจำเป็นต้องเรียนตีขิมด่วน’
เจ้าตัวเขาว่าอย่างนั้นด้วยน้ำเสียงอึกอักนิดๆ คำหวานจึงไม่ถามให้มากความ หล่อนเอารายระเอียดการสอนและเอกสารที่ใช้สอนนักเรียนมาให้ หลังนั้นชายหนุ่มก็ให้หล่อนสอนเลย

“ถ้าคุณหมอภัทรยังไม่มีขิม เดี๋ยวฉันมีขิมสำรองที่ติดชื่อตัวโน๊ตไว้ด้วยค่ะ จะยืมไปซ้อมก่อนก็ได้นะคะ”
“เอ่อ เรียกผมว่าภัทรก็ได้ครับคุณหวาน อยู่นอกโรงพยาบาลอย่าเรียกผมว่าหมอเลย”

คำหวานจำเขาได้แล้ว ผู้ชายคนนี้คือคนที่หล่อนเจอในคาราโอเกะ เขาถามราคาหล่อน และก็ผู้ชายคนนี้อีกเช่นกันที่เจอในโรงแรมวันที่หล่อนไปเล่นดนตรี คำหวานไม่ใช่เด็กสาวไร้เดียงสาจนไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้คิดอย่างไรกับตน

“ค่ะ คุณภัทร”
ทำไมหล่อนจึงไม่ไล่เขา ...เหตุผลที่ไม่แม้แต่จะบริภาษเขาแรงๆ นั้นนะหรือ เพราะผู้ชายคนนี้ถือเงินมาให้หล่อนอย่างไรเล่า เงินที่บริสุทธิ์สะอาดโดยที่หล่อนไม่ต้องใช้จริตมารยาหรือแต่งตัววับๆ แวมๆ เพื่อแลกมา

“แต่ฉันค่อนข้างเป็นครูที่ดุนะคะ ถึงลูกศิษย์เป็นหมอก็ไม่เว้น”
ริมฝีปากแย้มยิ้มเผยให้เห็นฝันขาวเป็นระเบียบนั้นทำให้ภัทรนันต์ชักมีความหวัง

“เอ่อ...ผมยังไม่มีขิมเลยครับ แต่อยากได้ไว้เป็นของส่วนตัวเผื่อซ้อม ยังไงคุณหวานช่วยเลือกซื้อให้ผมหน่อยนะครับ”
มุกพื้นฐานจริงๆ หญิงสาวแขวะเขาอยู่ในใจ มุกสานสัมพันธ์โดยการไปซื้อของนี่

“งั้นฉัน...”
หล่อนหลุบตาทำท่าคิดนิดหนึ่ง ขณะที่ภัทรนันต์ใจจดจ่ออยากฟังคำตอบจนอกแทบระเบิด

“เดี๋ยวฉันจะเอานามบัตรร้านขายเครื่องดนตรีไทยดีๆ ให้นะคะ ถ้าไปที่นั่นและก็จะมีคนให้คำแนะนำคุณได้เยอะเชียวแหละค่ะ”
...เล่นเอาคนฟังใจฟ่อลงทีเดียว ฝันไปเถอะคุณหมอหนุ่ม คำหวานไม่มีทางไปไหนมาไหนกับใครง่ายๆ หรอก หล่อนแยกงานให้ห่างจากเรื่องชู้สาวเสียไกล ยิ่งงานสอนดนตรีไทยต้องวางตัวให้ดี

“เอ่อ...แต่ผมไม่มีความรู้เรื่องนี้เลย แล้วอีกอย่างผมก็อาจจะไม่สนิทพอกับร้านที่คุณว่าจนเขาจะใจดีให้คำแนะนำ”
ชายหนุ่มยังยื้อต่ออีกนิด

“ไม่เป็นไรคะ คนที่ร้านนั้นใจดี เพราะเป็นคนรู้จักกับป๋า”
ภัทรนันต์นึกถึงชายสูงอายุเป็นอัมพาตนั่งรถเข็นที่เขาเจอเมื่อเข้ามาในบ้าน

“ช่วงนี้ฉันคงออกจากบ้านไปไหนไม่ได้เพราะต้องดูแลป๋าค่ะ”
ยามที่หล่อนเอ่ยถึงชื่อนี้เสียงจะทอดหวานใบหน้าจะอ่อนโยน เขาคิดว่าหล่อนคงจะรักป๋าที่เป็นพ่อคนนี้มาก

วิสูตรฟังข่าวมาผิดหรืออย่างไรที่เล่าว่าหล่อนมีป๋าเลี้ยง เพราะดูแล้วบ้านก็ธรรมดาไม่หรูหราอะไรมาก แถมคนเลี้ยงก็ยังเป็นอัมพาตนั่งอยู่บนรถเข็น


ภัทรนันต์ขับรถกลับบ้านอย่างอารมณ์ดี ระหว่างทางเขาจึงแวะร้านขายเครื่องดนตรีไทยตามที่คำหวานให้นามบัตรมา
“เอ่อ...ผมมาหาซื้อขิมครับ คุณคำหวานที่เป็นครูสอนขิมแนะนำที่นี่มา เธอบอกว่าร้านนี้รู้จักกันกับป๋าของเธอ”
เจ้าของร้านรูปร่างท้วมผมเกรียนมองชายหนุ่มนิ่ง ก่อนจะพยักหน้าให้ตามไปดูขิม

“เพิ่งเริ่มเรียนเหรอพ่อหนุ่ม”
“ครับ”

ชายท้วมเปิดกล่องขิมกล่องหนึ่งให้เขาดู
“ตัวนี้ใช้ได้ ราคาไม่แพงมาก ว่าแต่เรียนขิมกับแม่หวานนี่จะเอาไปโชว์ที่ไหนเหรอ”
“เอ่อ...ผมมีงานที่บริษัทต้องไปแสดงครับ”
อะไรกันนักหนาหนอ แค่มาเรียนขิมทำไมมีแต่คนถามกันจัง

“งั้นเช่าก็ได้นี่ ราคาถูกกว่ากันเยอะ” เจ้าของร้านแนะ
“แต่ผมอยากจะซื้อไว้เป็นของส่วนตัวเผื่อซ้อมด้วยนะครับ”

เจ้าของร้านดนตรีไทยหรี่ตามองเขา
“นี่แหน่ะพ่อหนุ่ม ฉันจะเตือนให้ ถ้าคิดจะซื้อขิมเพื่อเอาใจแม่หวานล่ะก็เปลี่ยนใจเสียเถอะ”
ภัทรนันต์รู้สึกเสียหน้าที่ถูกจับได้ นึกบ่นตัวเองว่าคงทำหน้าระรื่นจนสังเกตเห็นเลยกระมัง

“เห็นแล้วใช่ไหมล่ะป๋าของแม่หวานน่ะ”
“อ๋อ...คุณพ่อของคุณหวานเหรอครับ”
สิ้นเสียงเขา ชายคนนั้นหัวเราะลั่น ทำท่าขำเสียเต็มประดา

“ใช่พ่อเขาเสียเมื่อไหร่ละ นั่นน่ะผัวเขาต่างหาก”


+++++++++++++



Create Date : 26 มกราคม 2553
Last Update : 27 มกราคม 2553 21:22:18 น. 5 comments
Counter : 338 Pageviews.

 
รอๆๆๆๆๆๆ100%ค่ะ


โดย: แสนดีคนในพื้นที่ IP: 203.155.149.92 วันที่: 26 มกราคม 2553 เวลา:8:58:14 น.  

 
:)


โดย: xyz IP: 122.152.164.5 วันที่: 26 มกราคม 2553 เวลา:10:31:52 น.  

 
:)


โดย: Natee IP: 71.74.232.91 วันที่: 26 มกราคม 2553 เวลา:11:05:23 น.  

 
รออีกห้าสิบเหมือนเคย
แหม แอบชอบหมอภัทรมากกว่าคุณหลงแล้วสิเนี่ย


โดย: aa IP: 203.144.144.165 วันที่: 26 มกราคม 2553 เวลา:13:00:14 น.  

 
whenever you felt that your heart is going to breakdown
feel it with the love of God ask for his and then you will
find out what is the truth love in Your life as he does for me!


โดย: da IP: 203.144.144.165 วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:23:42:44 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

จโกระ&ลาชา
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Something has come and gone,and that it 's all.


free counters
Friends' blogs
[Add จโกระ&ลาชา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.