Group Blog
ธันวาคม 2559

 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
8
9
10
11
12
13
14
15
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
All Blog
แปลนิยายเกม Assassin's Creed: Black Flag ตอนที่สาม




บทที่สาม

นางอยู่ที่โอลด์เชลิลี่ ร้านเหล้าที่อยู่กลางทางระหว่างเมืองเฮทเธอร์ตันกับบริสตอล ข้ามักไปสุงสิงอยู่ที่นั่นเป็นประจำบางครั้ง ในช่วงฤดูร้อนที่พ่อกับแม่ข้าง่วนอยู่กับการตัดขนแกะที่บ้าน และข้าต้องเข้าเมืองบ่อยๆ ข้าก็แวะไปเยี่ยมเยียนที่นี่วันละหลาย ๆ หนด้วย

ข้ายอมรับทีแรกข้าก็ไม่ได้สังเกตสังกานางมากเท่าไร ซึ่งก็ออกจะผิดวิสัยข้าอยู่บ้าง ข้าน่ะถือตนว่ารอบรู้เรื่องตำแหน่งแห่งหนของหญิงสาวสวยๆ มากนัก อีกอย่างหนึ่ง ร้านเหล้าเชลิลี่แห่งนี้ก็ไม่ใช่ที่ที่คนทั่วไปคิดว่าจะมาเจอสาวสวยสาว ๆ น่ะย่อมต้องมีอยู่แล้ว สาวจำพวกหนึ่งแน่ ๆ แต่ข้ามองออกอยู่ว่าหญิงสาวที่ข้าเห็นอยู่นี่ไม่ใช่หญิงจำพวกนั้นนางยังเด็กนัก อายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับข้า นางสวมหมวกลินินสีขาวกับเสื้อคลุมท่าทางดูเหมือนสาวใช้

ไม่ใช่ชุดแต่งกายนางดอกที่ทำให้ข้าสนใจแต่เป็นเสียงอันดังลั่นของนางต่างหากซึ่งข้าต้องขอบอกเลยว่ามันขัดแย้งกับรูปลักษณ์ของนางโดยสิ้นเชิงนางนั่งอยู่กับผู้ชายสามคน ทุกคนล้วนอายุมากกว่่านาง ข้าจำหน้าพวกมันได้ทันที ทอมคอบลีย์ เซ็ต ลูกชายของมัน และ จูเลี่ยน อะไรสักอย่าง ข้าจำนามสกุลมันไม่ได้แต่รู้ว่ามันเป็นพวกเดียวกันกับสองคนนั้น ทั้งสามคนนี้ข้าเคยแลกเปลี่ยนวาจาและอาจจะหมัดด้วย มาก่อน พวกมันเป็นคนประเภทที่มองข้าด้วยสายตาเหยียดหยามเพราะคิดว่าข้ามองมันด้วยสายตาเหยียดหยามก่อนประเภทที่ไม่ได้ชอบขี้หน้าข้าไปมากกว่าที่ข้าชอบขี้หน้ามันซึ่งข้าก็ไม่ค่อยชอบเท่าไร พวกมันนั่งโน้มตัวไปข้างหน้า เปรยตามองสาวน้อยคนนั้นด้วยสายตาหิวกระหายข้าเห็นชัดเจนว่ามีความปรารถนาดำมืดซ่อนอยู่ในแววตาสามคู่นั้นแม้ว่าพวกมันจะยิ้มกว้าง ตบโต๊ะ คะยั้นคะยอให้นางกระดกเอลจนหมดเหยือกก็ตาม

ไม่ท่าทางนางดูไม่เหมือนผู้หญิงจำพวกที่แวะเวียนมาร้านเหล้าบ่อย ๆ แม้นางจะดึงดันทำตัวราวกับตัวเองเป็นเช่นนั้นก็ตามเหยือกเอลมันขนาดใหญ่เกือบเท่าตัวนาง พอนางยกมือขึ้นเช็ดปากและกระแทกเหยือกลงกับโต๊ะพวกนั้นก็ส่งเสียงชอบใจกันดังสนั่น พร้อมตะโกนสั่งอีกเอลเหยือกนึง ข้าไม่แปลกใจเลยว่าพวกมันย่อมดีใจแน่นอนที่เห็นตัวนางโอนเอนไปมาบนเก้าอี้เล็กน้อย พวกมันคงไม่เชื่อว่าส้มจะหล่นตรงหน้ากระมังสาวน้อยหน้าตาสะสวยแบบนั้น

ข้านั่งดูพวกมันตะล่อมให้นางดื่มเอลอีกเหยือกหนึ่งพร้อมส่งเสียงอึกทึกครึกโครมไม่ต่างจากคราก่อน แต่เมื่อนางใช้มือเช็ดปากกระแทกเหยือกลงกับโต๊ะ แทบทรงตัวกับเก้าอี้ไม่อยู่ยิ่งกว่าคราวก่อนพวกมันสามคนส่งสายตาให้กัน สายตาที่เหมือนจะบอกว่า เสร็จเรียบร้อย

ทอมกับจูเลี่ยนลุกขึ้นยืนและเริ่ม ตามที่พวกมันอ้าง “ช่วย” พาหญิงสาวไปที่ประตู เพราะ“เจ้าดื่มมากเกินไปแล้ว คนสวย ให้พวกเราพาเจ้ากลับบ้านเถิดนะ”

“ขึ้นเตียง”เซ็ตแสยะยิ้ม มันคงคิดว่าตัวเองพูดเบา ๆ แต่ทั้งร้านเหล้าได้ยิน“เรามาพาเจ้าขึ้นเตียงกันดีกว่า”

ข้าส่งสายตาให้คนชงเหล้าเขาหลบสายตาข้า เสไปใช้ผ้ากันเปื้อนสั่งน้ำมูกลูกค้าที่นั่งถัดไปจากข้าเสมองไปทางอื่น อ้ายพวกสารเลวมองหาให้แมวช่วยเสียยังจะดีกว่า ข้าคิดข้าถอนหายใจแล้วกระแทกแก้วเหล้าลงกับโต๊ะดังปัง ก่อนลุกจากที่นั่ง เดินตามพ่อ-ลูกคอบลีย์ออกไปข้างนอก

แสงแดดจ้าภายนอกโรงเตี๊ยมขัดกับความมืดภายในเมื่อครู่จนทำให้ข้าต้องกะพริบตาเกวียนของข้าจอดอยู่ข้างนอกนี่ โดนแดดเผาเสียเกรียม เกวียนคันที่จอดอยู่ข้าง ๆ คงเป็นของพวกคอบลีย์กระมังถนนฝั่งตรงข้ามคือสวนที่ตัวบ้านอยู่ลึกเข้าไปข้างในอีก ข้าไม่เห็นวี่แววเจ้าของไร่บนท้องถนน ณ ตอนนี้ มีแต่พวกเรา ข้า พ่อ-ลูกคอบลีย์ จูเลี่ยน และแน่นอน สาวน้อยคนนั้น

“ทอมคอบลีย์” ข้าเริ่ม “ เฮ้อ สิ่งที่ข้าเห็นตอนกลางวันแสก ๆ นี่เล่านา เจ้ากับพวกพ้องเมาเละเทะแถมมอมเหล้าสาวน้อยที่ปกป้องตัวเองไม่ได้ ให้เมาเสียยิ่งกว่า”

ตัวนางทรุดฮวบลงเมื่อทอมปล่อยแขนนางแล้วหันมาพูดกับข้า มันชูนิ้วขึ้นมา

“เจ้าไม่ต้องมายุ่งเอ็ดเวิร์ด เคนเวย์ อ้ายไก่อ่อนไม่มีอะไรดี เจ้าก็เมาไม่ต่างกับข้าแถมก็ไร้ศีลธรรมพอกัน

คนอย่างเจ้าไม่ต้องมาสั่งมาสอนข้าดอก”

เซ็ตกับจูเลี่ยนก็หันมาด้วยเหมือนกันหญิงสาวยืนตาปรือ เหมือนว่าสตินางหลุดลอยไปแล้ว แต่ร่างกายยังคงตื่นอยู่

“แหม”ข้ายิ้ม “ตัวข้าอาจจะไร้ศีลธรรม ทอม คอบลีย์แต่ข้าไม่จำเป็นต้องจับผู้หญิงกรอกเอลก่อนพานางขึ้นเตียงแถมข้าไม่ต้องมีตัวช่วยอีกตั้งสองคนด้วย”

หน้าทอมคอบลีย์เป็นสีแดงฉาน “อ้ายเด็กปากไม่มีหูรูด ข้าแค่จะช่วยนางขึ้นเกวียนข้าแล้วพานางกลับบ้านต่างหาก”

“ข้าก็ไม่สงสัยดอกว่าเจ้าคิดจะให้นางขึ้นเกวียนเจ้าแล้วพานางกลับบ้านแต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นระหว่างที่เจ้าให้นางขึ้นเกวียนแล้วพานางกลับบ้านต่างหากที่ข้าเป็นห่วง”

“เจ้า เป็นห่วงงั้นเรอะ เจ้าได้เป็นห่วงว่าจมูกกับซี่โครงเจ้าจะหักแน่ ถ้าเจ้ายังไม่ห่วงแต่เรื่องของตัวเอง”

ข้าหรี่ตาเหลือบไปมองถนน ต้นไม้สองข้างทางส่องประกายสีทองและเขียวเมื่อต้องแสงอาทิตย์ข้าเห็นร่างคนขี่ม้ามาคนเดียวอยู่ไกล ๆ ตัวเขาสะท้อนแสง เห็นเป็นเงาลับ ๆ

ข้าก้าวเท้าไปข้างหน้าถ้าหากเมื่อก่อน น้ำเสียงหรือท่าทางของข้ามีความอบอุ่นหรือเป็นมิตรอยู่บ้าง ตอนนี้มันก็หายไปหมดแล้วเมื่อข้าเอ่ยปากขึ้นอีกครั้ง น้ำเสียงข้าก็ห้วนจัด

“ปล่อยนางไปเสียทอม คอบลีย์ ไม่งั้นข้าจะไม่รับผิดชอบนา หากข้าทำอะไรลงไป”

ทั้งสามคนมองหน้ากันจะพูดไป พวกมันก็ทำตามที่ข้าบอก มันปล่อยมือจากหญิงสาวคนนั้น นางดูแทบจะโล่งใจอยู่ไม่น้อยที่ได้ไถลตัวลงไปทรุดอยู่กับพื้น นางเอามือข้างหนึ่งยันตัวไว้มองดูพวกเราด้วยสายตาพร่ามัวเห็นได้ชัดว่าไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวว่าเราพูดสิ่งใดกันในนามของนาง

ในระหว่างนั้นข้ามองพวกคอบลีย์และประเมินสถานการณ์ตัวเอง ข้าเคยสู้กับคนสามคนพร้อมกันหรือเปล่าน่ะหรือก็ไม่เคยดอก

เวลาเราสู้กับคนสามคนพร้อมกันทีเดียวนั่นก็คือเราไม่ได้สู้ดอกนะ แต่โดนรุมอัดเสียมากกว่า แต่ไม่เอาน่า เอ็ดเวิร์ด เคนเวย์ข้าบอกกับตัวเอง ก็จริง ถ้าจะคิดในแง่หนึ่งว่าพวกกมันมีสามคนแต่พวกมันคนหนึ่งคือทอม คอบลีย์นา มันไม่ได้เด็ก ๆ แล้ว อายุราว ๆ พ่อเจ้าแน่ะอีกคนหนึ่งก็เซ็ต คอบลีย์ ลูกชายของทอม คอบลีย์ไงเล่า ถ้าเจ้านึกภาพออกว่าคนแบบใดที่ช่วยพ่อตัวเองมอมเหล้าผู้หญิงเจ้าก็นึกภาพออกว่าเซ็ต คอบลีย์เป็นคนแบบใด ซึ่งก็คือไอ้พวกหนอนแมลง ขี้ขลาดน่าจะวิ่งหนีพร้อมฉี่ราดกางเกง เวลามีเรื่อง มากกว่ายืนหยัดต่อสู้ ยิ่งไปกว่านั้นพวกมันทุกคนเมาอยู่

แต่คิดในแง่อีกหนึ่ง ตัวข้าเองก็เมา มิหนำซ้ำ พวกมันมีจูเลี่ยนอีกคน ซึ่งถ้าดูจากท่าทางอย่างเดียวมันเอาตัวรอดได้สบาย ๆ อยู่แล้ว

แต่ข้าก็มีความคิดอีกอย่างหนึ่ง คนบนหลังม้าที่ข้าเห็นอยู่ลิบ ๆ นั่นถ้าข้าถ่วงเวลาพวกคอบลีย์ได้จนเขามาถึง ข้าก็น่าจะมีโอกาสชนะมากกว่าพวกมันอย่างไรเสีย ถ้าเขาเป็นคนดี นักเดินทางคนนั้นก็น่าจะหยุดม้า และมาช่วยข้า

“ทอม” ข้ากล่าว “ถ้าทุกคนเห็นก็คงรู้กันอยู่แล้วว่า เจ้าได้เปรียบข้าแน่ ๆแต่ข้ากลับบ้านไปมองหน้าแม่ไม่ติดจริง ๆ ถ้าข้าปล่อยให้เจ้ากับพวกลักพาตัวหญิงสาวคนนี้”

ข้าเหลือบตาไปเห็นว่าคนขี่ม้าคนนั้นใกล้เข้ามาแล้ว มาซี ข้าคิด อย่ามัวโอ้เอ้

“ฉะนั้น” ข้าว่าต่อ “ต่อให้เจ้าอัดข้าเสียน่วมทิ้งข้าให้นอนกองอยู่ข้างถนน และพาตัวนางไป ข้าก็ต้องพยายามขัดแข้งขัดขาเจ้าให้สุดฝีมืออาจจะทำให้เจ้ากลับบ้านไปพร้อมตาเขียวปั๊ด หรือโดนเข้าที่บั้นท้ายสักป้าปสองป้าป”

ทอม คอบลีย์ถ่มน้ำลาย แล้วใช้ตาหยีย่นของมันมองมาทางข้า “จะเอาแบบนี้ใช่ไหมเจ้าแล้วเจ้าจะมัวยืนพล่ามอยู่ตรงนั้นทั้งวัน หรือจะลงมือทำเสียทีล่ะ เวลาไม่คอยท่าดอก...” มันแสยะยิ้มเหมือนปีศาจ “ข้าเองก็มีคนต้องไปหา มีงานต้องทำ”

“ใช่เลย ถูกแล้ว และยิ่งพวกเจ้าเสียเวลาเท่าไรแม่สาวน้อยคนนั้นก็มีโอกาสได้สติมากขึ้นเท่านั้น ข้าพูดถูกไหมเล่า”

“บอกเลยนะ เคนเวย์ ข้าว่าข้าชักเบื่อที่ต้องมาเปลืองน้ำลายกับเจ้าแล้ว”มันหันไปหาจูเลี่ยน “เรามาสั่งสอนอ้ายเด็กเวรนี่กันเสียหน่อยดีไหม เอ้อขอบอกก่อนอย่างหนึ่งก่อนเราเริ่มนะ พ่อเคนเวย์ อีแค่ขัดรองเท้าแม่เจ้าเจ้ายังไม่คู่ควรเลยด้วยซ้ำ เข้าใจตรงกันนะ”

คำพูดมันกระแทกใจข้าไม่เบา ข้ายอมรับ มาเจอคนอย่างทอมคอบลีย์ที่มีระดับศีลธรรมไม่ต่างจากหมาน้ำลายฟูมปากแถมฉลาดได้เพียงครึ่งหนึ่งของหมา มองทะลุถึงเบื้องลึกในใจข้าเข้าให้ ความรู้สึกผิดในใจข้าเหมือนแผลสดที่มันแหย่นิ้วเข้าไปคว้านให้แผลสดนั้นทวีความเจ็บปวดมากยิ่งขึ้นเลยทีเดียว แต่พอเป็นอย่างนี้แล้วมันทำให้ข้ายิ่งปักใจในทางที่ตนตัดสินใจทำมากขึ้น

จูเลี่ยนยืดอก มันย่างสามขุมมาข้างหน้าพร้อมส่งเสียงคำราม มันสืบเท้ามาใกล้ข้าจนเราห่างกันแค่สองก้าว ก่อนจะชูกำปั้นขึ้น เบี่ยงไหล่ขวาลง และเหวี่ยงหมัดออกมา ข้าก็ไม่รู้ดอกว่าปกติแล้วจูเลี่ยนมีเรื่องกับใครที่ข้างนอกร้านเหล้าแต่พวกมันต้องอ่อนด้อยประสบการณ์มากกว่าข้าแน่ ๆ เพราะข้าสังเกตไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่ามันถนัดขวาและต่อให้มันพูดเจตนาออกมาโต้ง ๆ ก็อาจจะไม่ชััดเจนเท่านี้

ฝุ่นบนพื้นตลบขึ้นมา เมื่อข้าถอยหลบอย่างง่ายดาย ก่อนตอบไปด้วยหมัดขวาบ้างจูเลี่ยนร้องด้วยความเจ็บปวดเมื่อกำปั้นข้ากระแทกสันคางเข้าเต็ม ๆหากเป็นแค่เราสองคนที่มีปัญหากัน เรื่องมันก็คงจบแต่เพียงแค่นั้น แต่ทอม คอบลีย์กระโจนเข้ามาร่วมวงด้วยเรียบร้อยข้ามองเห็นมันจากทางหางตา แต่มันก็สายเกินกว่าข้าจะป้องกันตัวเองทัน รู้ตัวอีกทีหัวข้าก็มึนเพราะโดนข้อนิ้วกระแทกขมับเข้าอย่างจัง

ตัวข้าเซเล็กน้อย ยามที่ข้าหมุนตัวไปตอบโต้ วงหมัดข้ากว้างกว่าที่ข้าตั้งใจไว้ข้าแอบหวังว่าโชคจะเข้าข้างและชกโดนมัน ข้าต้องจัดการให้มีสักคนลงไปนอนพื้นให้ได้จำนวนคนทั้งสองฝ่ายจะได้เท่ากัน แต่หมัดที่ข้าเหวี่ยงไปไม่โดนใครเลย ทอมหลบได้ในขณะที่จูเลี่ยนฟื้นตัวมาจากหมัดที่ข้าเปิดไปเมื่อครู่อย่างรวดเร็วจนน่ากลัวและย่างเข้ามาหาข้าอีกครั้ง

จูเลี่ยนปล่อยหมัดข้างขวาออกมามันโดนเข้าที่คางข้าเต็มรัก ทำหัวข้าหมุนจนเสียหลัก หมวกข้าร่วงลงกับพื้นผมตกลงมาปรกตา สภาพข้าเป๋ไปหมด แล้วเดาสิ ใครเข้ามาซ้ำเติมข้าด้วยเท้าในเวลาแบบนี้ไอ้หนอนเซ็ต คอบลีย์ตัวนั้น ตะโกนเอาใจช่วยพ่อมันและจูเลี่ยนไปพร้อม ๆ กันอ้ายสารเลวตัวนี้โชคดี รองเท้าบู้ตมันกวาดมาโดนกลางลำตัวข้าพอดีข้าซึ่งก็เสียหลักอยู่แล้ว เลยทรงตัวไม่อยู่และล้มลงไปกองกับพื้น

สิ่งที่เลวร้ายที่สุดเวลามีเรื่องคือ เราล้ม ถ้าเราล้มเมื่อไร ถือว่าเราจบเห่ทันทีข้ามองลอดผ่านขาพวกนั้นเห็นนักเดินทางบนหลังม้ากำลังใกล้เข้ามา ตอนนี้เขาเป็นทางรอดเดียวของข้า อาจจะเป็นความหวังเดียวที่จะมาช่วยให้ข้ามีชีวิตรอดแต่ภาพที่เห็นทำหัวใจข้าแฟบไปถนัดใจ บนหลังม้าไม่ใช่ผู้ชายไม่ใช่พ่อค้าที่จะรีบลงจากหลังม้ามาช่วยข้า เปล่าเลย นักเดินทางผู้นั้นเป็นผู้หญิงนางขี่ม้าแบบคร่อม ไม่ใช่นั่งข้าง ๆ แต่กระนั้นก็ยังเห็นได้ชัดว่านางเป็นสุภาพสตรีนางสวมหมวกบอนเน็ตกับชุดกระโปรงสำหรับใส่ตอนหน้าร้อนสีสดใส สิ่งสุดท้ายที่แว่บผ่านเข้ามาในความคิดข้าก่อนรองเท้าบู้ตของคอบลีย์จะบดบังภาพตรงหน้า และกระหน่ำเตะข้าไม่เลี้ยงก็คือนางเป็นคนสวยมาก

แต่แล้วอย่างไรเล่าเจอคนหน้าตาดีในเวลานี้ก็ช่วยข้าไม่ได้

“นี่”ข้าได้ยินเสียง “พวกเจ้าทั้งสามคน หยุดที่ทำอยู่เดี๋ยวนี้นะ”

พวกมันหันไปเห็นนางบนหลังม้าทุกตัวถอดหมวกแล้วยืนเรียงหน้ากระดานเพื่อบังไม่ให้นางเห็นภาพข้านอนไอโขลก ๆ อยู่กับพื้น

“นี่มันเรื่องอะไรกัน”นางคาดคั้น จากเสียงนาง ข้าฟังออกว่านางยังเด็กนักและแม้จะไม่ใช่หญิงสูงศักดิ์ขั้นราชิกุลหรือขุนนางแต่ก็ได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างดี ดีเกินกว่าจะขี่ม้าไปไหนมาไหนคนเดียวด้วยกระมัง

“พวกข้าเพียงแต่สั่งสอนมารยาทให้อ้ายหนุ่มคนนี้เท่านั้น”ทอม คอบลีย์ตอบเสียงห้าว มันหอบหายใจ รุมเตะข้าจนเกือบตายคงทำให้มันเหนื่อยน่าดู

“ก็ไม่เห็นต้องใช้พวกเจ้าถึงสามคนเลยไม่ใช่หรือไร” นางตอบ ข้าเห็นนางถนัดละนางสวยมากกว่าที่ข้าคิดไว้แต่แรกตั้งสองเท่า เมื่อนางถลึงตาใส่พ่อลูกคอบลีย์กับจูเลี่ยนซึ่งดูสงบเสงียมขึ้นมากันทันตาเห็น

นางลงจากลงม้า“ยิ่งไปกว่านั้น พวกเจ้าทำอะไรกับหญิงสาวคนนี้” นางบุ้ยใบ้ไปทางเด็กสาวคนนั้นที่ยังคงนั่งเคลิ้ม เมาไม่สร่างอยู่กับพื้น

“คุณผู้หญิงพวกข้าขออภัยขอรับ คุณผู้หญิง แต่เพื่อนสาวของพวกเราคนนี้ดื่มมากไปนิด” เซ็ตตอบ

เสียงนางเหี้ยมเกรียมขึ้นกว่าเดิมหลายส่วน“นางไม่ใช่เพื่อนสาวของพวกเจ้าอย่างแน่นอน นางเป็นสาวใช้และหากข้าไม่รีบพานางกลับบ้านก่อนแม่ข้าจะสืบทราบว่านางแอบหนีออกมาล่ะก็นางจะได้เป็นสาวใช้ที่ไร้นายจ้าง”

นางจ้องหน้ามันแต่ละคนด้วยสายตาคมกริบ“ข้ารู้จักผู้ชายแบบพวกเจ้า ข้าคิดว่าข้าเข้าใจอย่างดีเทียวละว่าเกิดอะไรขึ้นทีนี้พวกเจ้าจงปล่อยชายคนนี้แล้วรีบไปตามทางของตัวเสียก่อนที่ข้าจะเปลี่ยนใจเอาเรื่องให้ถึงที่สุด”

พวกมันโค้งแล้วโค้งอีก ก่อนรีบขึ้นเกวียนตัวเองแล้วจากไปอย่างรวดเร็วในขณะที่นางยอบตัวลงมาคุยกับข้า น้ำเสียงของนางเปลี่ยนไปเสียงนางอ่อนนุ่มและข้าได้ยินความห่วงใยในน้ำเสียงนาง “ข้าชื่อแคโรไลน์ สก็อตต์ครอบครัวข้าอาศัยอยู่บนถนนฮอว์กินส์ เลน ในเมืองบริสตอล ให้ข้าพาท่านกลับไปทำแผลที่บ้านข้าเถอะ”

“ไม่ได้ดอก ท่านหญิง” ข้าตอบ ขณะที่ยันตัวขึ้นนั่งและพยายามจะยิ้ม“ข้ามีงานต้องทำ”

นางลุกขึ้นยืน สีหน้าบึ้งตึง “เข้าใจล่ะข้าประเมินสถานการณ์ถูกต้องหรือไม่”

ข้าหยิบหมวกขึ้นจากพื้นและปัดเศษขี้ดินออกทีนี้มันเยินเสียยิ่งกว่าเก่าอีก “ถูกแล้ว ท่านหญิง”

“เช่นนั้น ข้าติดค้างคำขอบคุณท่านโรสเองก็เช่นกัน เมื่อนางได้สติแล้ว นางเป็นคนหัวรั้น คุมนางไม่ใช่เรื่องง่ายนักแต่ข้าก็ไม่อยากเห็นนางต้องเจอคราวเคราะห์เพราะความคึกคะนองของตัวเอง”

นางเป็นนางฟ้า ข้าตัดสินใจในตอนนั้น และในขณะที่ข้าช่วยพวกนางขึ้นม้าตอนที่แคโรไลน์พยายามวางตัวโรสที่ยังเมาไม่รู้เรื่องตรงคอม้า ความคิดหนึ่งก็พลันผุดขึ้นมาในหัวข้า

“ขอข้าเจอท่านอีกได้หรือไม่ ท่านหญิงให้ข้าได้ขอบคุณท่านอย่างเหมาะสม ในตอนที่สภาพข้าดูดีกว่านี้หน่อย”

นางส่งสายตาแสดงความเสียใจมาให้ข้า“ข้าเกรงว่าท่านพ่อจะไม่อนุญาต” นางตอบ ก่อนกระตุกบังเหียนม้าและจากไป

คืนนั้น ข้านั่งอยู่ใต้หลังคากระท่อมเหม่อมองทุ่งหญ้าที่อยู่ติดกับไร่ ขณะที่ตะวันกำลังตกดินปกติแล้วข้าจะนั่งคิดถึงทางหนีทีไล่จากอนาคตข้างหน้า

แต่คืนนั้นข้าคิดถึงแคโรไลน์ แคโรไลน์สก็อตต์ที่อาศัยอยู่บนถนนฮอว์กิ้นส์ เลน




Create Date : 07 ธันวาคม 2559
Last Update : 7 ธันวาคม 2559 16:40:11 น.
Counter : 729 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

What I want I cannot have
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]