Group Blog
มกราคม 2559

 
 
 
 
 
1
2
3
5
6
7
8
9
11
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog
แปลเรื่องสั้นของตัวละครเฟนริส (Fenris) จากเกมดราก้อนเอจ II (Dragon Age II)
ย้อนกลับไปสมัยปี 2011 (2554) ตอน Bioware เข็น Dragon age II ออกมาใหม่ๆ คนที่รับผิดชอบเขียน companion แต่ละคน (น่าจะสี่ตัวหลักๆ ถ้าจำไม่ผิด) ก็ทยอยโพสเรื่องสั้นลงบนบอร์ด Bioware ณ ขณะนั้น เพื่ออธิบายที่มาที่ไปของตัวละครพวกนั้น สมัยนั้น David Gaider (เดวิด ไกเดอร์) ก็เป็นนักเขียนหลักเรียบร้อยแล้ว แล้วเขาก็ยังเป็นคนเขียนที่มาที่ไปของ Fenris (เฟนริส) อีกด้วย วันนี้เกิดครึ้มขึ้นมา เลยลองหยิบที่เดวิดเขียนไว้มาแปลเป็นภาษาไทยดู

สำหรับภาคภาษาอังกฤษสามารถหาอ่านได้ที่นี่ (x)

อนึ่งอยากจะขอกราบคารวะ Dahlialynn ที่ใช้ mod และ toolset จำลองฉากนี้ออกมาเป็น cut-scene จริงๆ แถมยังได้แขกรับเชิญพิเศษ Gideon Emery (กีเดี้ยน อเมอรี่) คนพากย์เฟนริสจริงๆในเกม มาให้เสียงในคลิปนี้อีกด้วย



เรื่องสั้นของเฟนริส

              พวกนักล่าตามตัวเขาเจออีกแล้ว

อันที่จริง เขาเองก็รู้มาหลายวันแล้วล่ะ เขาเห็นแววตาเจ้าของโรงเตี๋ยม เห็นเขาเสไปมองทางอื่น ไม่ยอมสบตา ราวกับมีชนักติดหลัง เขาเห็นแววตาสมเพชของโสเภณีที่ยืนอยู่ตรงมุมห้อง เห็นนางยิ้มกลบเกลื่อน  บรรดาวณิพกในร้านเหล้าสกปรกที่เขาเข้าไปซื้ออาหารเงียบเสียงลงทันทีเมื่อเขาเดินเข้าไป พวกเขาไม่ได้เงียบอย่างที่เป็นเพราะพวกมนุษย์อึดอัดไม่รู้จะพูดอะไรยามเห็นเอลฟ์แปลกหน้า ที่ผิวหนังมีแต่ลายประหลาด แถมแบกดาบเล่มใหญ่อีกด้วย หากแต่เป็นความเงียบชนิดที่เห็นตัวปัญหาเดินผ่านธรณีประตูเข้ามา เลยพยายามสุดฤทธิ์ ทำเหมือนมันไม่มีตัวตนมากกว่า เฟนริสรู้ซึ้งถึงข้อแตกต่างนี้ดี

พักหลังๆมานี้ เขาสะเพร่านัก ถึงแม้จะรู้อยู่แล้ว แต่ส่วนเล็กๆในตัวเขากลับไม่ยอมรับความจริง เขาเฝ้าหวังให้ตัวเองคาดการณ์ผิด ว่าลางสังหรณ์ที่มีเป็นเพียงแค่ความวิตกจริตของคนหลบหนี สามเมืองที่ผ่านล่าสุดมานี้ เขาอ้อยอิ่งอยู่แต่ละเมืองนานขึ้นเรื่อยๆ เขาแทบจะไม่พยายามปกปิดลายเฉพาะบนตัวด้วยซ้ำ เขาบอกกับตัวเองว่าก็ท้าทายดี ปล่อยให้พวกมันมาเจอสิ ปล่อยให้มันพยายามลากตัวเขากลับไป ถ้ามันกล้าพอ แต่ในลึกๆในใจแล้ว เขาสงสัยว่าตัวเองอาจจะเบื่อหน่ายที่ต้องหนีหัวซุกหัวซุนแบบนี้แล้วก็เป็นได้

ถึงเวลาเสียที เขาเก็บสมบัติน้อยนิดที่ตัวเองมีออกจากห้องที่โรงเตี๋ยมเรียบร้อยแล้ว เขากระโดดออกทางหน้าต่าง มันอยู่ติดกับตรอกมืดๆข้างหลังโรงเตี๋ยม ทางข้างหลังนี้ มีชั้นและหิ้งไม้มากพอให้เขากระโดดลงไปได้อย่างรวดเร็ว ก็เพราะด้วยเหตุนี้แหละ เฟนริสถึงได้เลือกห้องนี้หลังพิจารณาอยู่นานจนเจ้าของโรงเตี๋ยมเริ่มจ้องเขาอย่างไม่สบายใจ เขาแอบสงสัยว่าต้องใช้เวลานานเท่าไร ชายอ้วนผู้นั้นถึงจะทนอยากรู้ไม่ไหวหรือเพราะไม่ได้เงินค่าห้อง แล้วมาสำรวจห้องและพบว่าเฟนริสหายตัวไป  สักอาทิตย์หนึ่งได้กระมัง หรืออาจจะน้อยกว่านั้น ถ้าเจ้าของโรงเตี๋ยมเนี่ยแหละที่เป็นคนขายเขาเสียเอง

ตรอกนั่นว่างเปล่า หากไม่นับหนูสองสามตัวกับเอลฟ์จรจัดที่นอนอยู่ข้างกองขยะ เฟนริสหยุดจ้องเขาด้วยสายตารังเกียจ เขาเคยคิดจะทำตัวให้กลมกลืนมากกว่านี้ สมัยเพิ่งหลบหนีจากจักรวรรดิใหม่ๆ ดินแดนที่เอล์ฟต่างก็มีอิสระ เอลฟ์อีกสักคนก็ไม่น่ามีใครมาสนใจสิ แน่ละ เขามันตัวโง่งมจริงๆ เขาจะรู้ได้อย่างไรกันเล่าว่าพวกพ้องเขาจำนวนมากจะโยนอิสระที่มีทิ้งไป ทำตัวเหมือนวัวควายขี้ตื่น หากเขาเลือกได้เพียงสามทาง จะทำตัวพินบพิเทาอย่างที่พวกชาวบ้านคาดหวังให้พวกเอลฟ์ที่นี่เป็น จะวิ่งโร่ไปหาเผ่าที่ย้ายถิ่นไปเรื่อย ทนกระเสือกกระสน ยอมรับทุกอย่างตามที่อาณาจักรของพวกมนุษย์เวทนาเว้นไว้ให้ หรือจะสู้… ทางเลือกเขาก็ชัดเจน

เอลฟ์จรจัดสะดุ้งตื่น เมื่อเฟนริสเอื้อมมือหยิบดาบใหญ่ที่สะพายอยู่ เขาส่งเสียงร้องด้วยความหวาดกลัว แต่เฟนริสไม่สนใจ คนอื่นๆกำลังมากันแล้ว มีหลบซ่อนตัวในเงามืดของตรอกนี้ อย่างน้อยๆก็ฝั่งละสองคนแล้วก็…คนหนึ่งข้างบนงั้นหรือ เฟนริสเงี่ยหูฟัง ได้ยินเสียงเบาๆบนหลังคาที่ทำจากโคลน ใช่ ต้องเป็นคนถือหน้าไม้ พวกมันคิดว่าล้อมเขาไว้ทุกทาง

เฟนริสพุ่งปราดไปทางท้ายตรอก ออกไกลจากถนนหลัก สุดปลายนั่นคือสวนวงกตคดเคี้ยว ท่อน้ำทิ้งและราวตากผ้า… แต่ที่นั่นจะมืดกว่านี้ เขาจะหลบหนีไปโดยที่ทหารรักษาเมืองไม่รู้ตัวง่ายขึ้น ทำไมพวกนักล่าถึงไม่คิดติดสินบนทหารให้ช่วยงานพวกมัน เฟนริสก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่อย่างไร เขาเคยหนีไปปะเข้ากับกองทหารในเมืองอื่นมาแล้ว พวกเขาขัดขวางไม่ให้เฟนริสหลบหนีไปมากพอๆกับที่ขัดขวางพวกนักล่า ถ้าเจอก็ไม่คุ้มเสี่ยง

เอลฟ์จรจัดตะโกนร้องด้วยความกลัว เขาโงนเงนลุกขึ้นมาเหมือนคนเมา แต่เฟนริสพุ่งตัวผ่านไปเรียบร้อย ร่างสองร่างใกล้เข้ามา แทบจะมองไม่เห็น แต่ก็เคลื่อนเร็วขึ้นเรื่อยๆ เมื่อสำเหนียกว่าเป้าหมายรู้ตัวแล้ว เฟนริสเหลือบเห็นสีน้ำตาลแดง ทหารเทวินเทอร์สินะ ดี อย่างนั้นก็ง่ายขึ้นเยอะ ไม่ใช่ว่าถ้าเป็นทหารรับจ้างแล้วเขาจะไม่ฆ่าหรอกนะ แต่มันสนุกน้อยกว่าฆ่าพวกสุนัขรับใช้แบบนี้ แรงของวงดาบกว้างที่เขาวาดกระแทกตัวนักล่าคนแรกจนเซยามยกดาบขึ้นมารับ คนที่สองถลาเข้ามา หวังใช้โอกาสนี้โจมตี แต่ก็เจอหมัดเฟนริสเข้าจังๆ ลายบนผิวเขาส่องแสงวาบ ลีเรียมที่อยู่ภายในส่งพลังเวทให้ไหลเวียนทั่วตัว กำปั้นเขาทะลุผ่านหมวกเกราะ เข้าสู่หัวนักล่าโดยตรง ตัวมันเอียงวูบและหยุดนิ่ง แข็งทื่อด้วยความหวาดกลัว

แสดงว่าไม่มีใครเตือนมาก่อน พวกโง่เอ้ย

ลายลีเรียมส่องแสงวาบอีกครั้ง เมื่อเฟนริสกลายสภาพกำปั้นให้เป็นของแข็งส่วนหนึ่ง นักล่าผงะถอยหลัง เลือดสีแดงทะลักออกมาจากมุมปากและหูทั้งสองข้าง นักล่าคนแรกหายมึนแล้ว มันแกว่งดาบเข้าใส่ เฟนริสกระชากหัวนักล่าคนที่สองอย่างเชี่ยวชาญ ผลักให้เข้ามารับวิถีวงดาบพอดี คมดาบปักลึกเข้าที่ไหล่ เฟนริสถีบซ้ำ ส่งให้ทั้งสองปลิวไปกระแทกกำแพงอิฐ กำปั้นของเขาอาบเลือดสีแดงฉาน

เขาก็อยากอยู่จัดการพวกมันอยู่หรอก แต่นักล่าคนอื่นๆรู้ตัวแล้วป่านนี้ กระสุนหน้าไม้พุ่งผ่านหัวเฟนริส เฉี่ยวผ่านหูเขาไปเพียงปลายก้อย เขาได้ยินเสียงรองเท้าบู้ตของทหารอีกมากตรงมาทางนี้ เขาวิ่งเข้าตรอก แทรกตัวผ่านนักล่าที่พยายามผลักศพเพื่อนให้พ้นตน เร่งฝีเท้าเข้าเขาวงกต ผ่านประตูบ้านเรือนสีดำมืด เขาตวัดดาบตัดราวผ้า ผลักถังไม้ให้ล้ม เพื่อถ่วงเวลาคนที่ตามมา พวกมันต้องตามมาแน่ๆละ เขาได้ยินเสียงพวกมันสถบเป็นภาษาเทวินเทอร์ เสียงคนถือหน้าไม้ข้างบนล้มลุกคลุกคลาน พยายามหามุมดีๆ

สายตาเฟนริสเห็นหน้าต่างที่เปิดทิ้งไว้ เขากระโจนเข้าด้านใน สู่ห้องครัวที่อบอวลไปด้วยกลิ่นขนมปังอบใหม่ๆ และหญิงชาวมนุษย์ที่กรีดร้องขณะเขาม้วนตัว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าภาพเอลฟ์ในชุดเกราะพอดีตัว พร้อมถือดาบเล่มใหญ่แทบเท่าตัวเขา ไม่ใช่ภาพที่ชวนให้ต้อนรับนัก เขาผุดลุกขึ้นยืน สายตาสะดุดกับหญิงสาวหน้าตาสะสวย นางสวมชุดนอนที่เผยเนินเนื้อที่แน่ละว่ามากกว่าที่นางคาดไว้ นางเบียดตัวเองชิดผนัง

เขากดมุมปากยิ้มให้นาง นางกรีดร้องขึ้นมาอีกครั้ง เขาฉวยแถวขนมปังที่เพิ่งอบเสร็จใหม่ๆจากโต๊ะ กวดฝีเท้าไปยังประตูหน้าเพิงโกโรโกโสนี่ ทหารปีนผ่านหน้าต่างกันมาแล้ว หญิงคนนั้นเมื่อเห็น ก็กรีดร้องขึ้นมาอีกครั้งแล้วเป็นลมล้มพับไป คนอื่นๆน่าจะอ้อมมาดักข้างหน้า เขาต้องออกไปให้ได้ก่อนที่…

…เฟนริสหยุดกึก เขารู้จักชายที่ยืนขวางอยู่หน้าประตู ผ้าคลุมสีน้ำตาลแดง เรือนผมสีดำสนิทที่เกือบจะปรกนัยน์ตาที่ดูไร้วิญญาณนั้น ไหนจะรอยแผลเป็นตรงคอเกิดจากฝีมือเฟนริส สาปส่งน้ำยารักษาและเวทมนตร์อัปปรีย์ของพวกมัน คนตายจะตายสนิทไปเลยไม่ได้หรือไงวะ

“อะวานน่า* เฟนริส ดีจริงที่ได้เจอกันอีก” นักล่ากล่าวเสียงเย็นเยียบขณะยกหน้าไม้ขึ้นเล็งหน้าอกของเฟนริส เป็นคนที่อยู่บนหลังคาสินะ ฉลาดมาก

“จากเรื่องที่เกิดครั้งก่อน ข้าประหลาดใจที่เจ้าคิดลองอีกครั้ง”

“เรื่องเงินไม่เกี่ยวแล้วเว้ย ไอ้ทาส”

แหม เฟนริสชอบใจนักละ เวลาพวกมันพูดแบบนั้น “ไม่กลัวต้องชะตาขาดเข้าจริงๆเรอะ”

“ก็ไม่นี่ ในเมื่อเราได้เปรียบ เจ้าสะเพร่าขึ้นมาก ถึงเวลาแล้ว ยอมแพ้ซะ”

นักล่าคนอื่นผ่านทางหน้าต่างมาได้แล้ว เขาได้ยินเสียงอีกหลายๆคนร้องตะโกนอยู่บนถนน เขาเหลือทางเลือกอยู่สองทางกระมั้ง ไม่ยอมแพ้ ไปหวังหาโอกาสหนีเอาข้างหน้า…หรือเสี่ยงเอาตรงนี้

ก็ไม่เรียกได้ว่าเป็นทางเลือกเท่าไรหรอก เฟนริสกระชับมือที่กำด้ามดาบแล้วส่งยิ้มกว้างอย่างช้าๆให้นักล่าตรงหน้า

“วิชชานเต้ คัฟฟาร์*” เขาส่งเสียงฟ่อ แล้วบุกเข้าโจมตี

~~~

ภาษาเทวีน (เทวินเทอร์)

อะวานน่า – สวัสดี

วิชชานเต้ คัฟฟาร์ – คำสบถ แปลตรงตัว = You shit on my tongue




Create Date : 12 มกราคม 2559
Last Update : 12 มกราคม 2559 16:58:00 น.
Counter : 1035 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

What I want I cannot have
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]