Group Blog
มกราคม 2559

 
 
 
 
 
1
2
3
5
6
7
8
9
11
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
10 มกราคม 2559
All Blog
ทรราช (The Tyrant)

ทรราช

ชายหนุ่มผู้สวมชุดทหารสีดำก้าวผ่านโถงทางเดินอย่างกระฉับกระเฉงในอ้อมแขนหอบเอกสารมาด้วยปึกหนึ่งเขาพยักหน้าทักทายคนอื่นๆที่อ้อยอิ่งอยู่ตามทางเดินเสียงหนักๆของรองเท้าบู้ตกระทบพื้นไม้ก้องกังวานไปทั่วตัวอาคารเขาหยุดกึกหน้าประตูบานใหญ่ จัดแจงท่าทางของตนให้เรียบร้อย จากนั้นจึงเคาะประตูและผลักให้เปิดออกโดยไม่รอเสียงตอบรับ

“ท่านลอร์ดชานซะเลอร์ขอรับ”

บุคคลเพียงคนเดียวที่อยู่ในห้องนั่งอยู่หลังโต๊ะที่มีเอกสารกองพะเนินอยู่ก่อนแล้วเรือนผมดำสนิทกับชุดเครื่องแบบสีทึมสะท้อนแสงแดดยามเช้าที่ส่องเข้ามาเขากำลังลงมือเขียนอย่างขะมักเขม้น เสมือนไม่รู้สึกถึงตัวตนผู้ใต้บังคับบัญชาซึ่งเริ่มขยับตัวยุกยิกมือซ้ายของเขาตวัดปากกาหัวแหลมอย่างรวดเร็วแต่ก็งามน่าดู นายทหารหนุ่มกระแอมไอลอร์ดชานซะเลอร์เลิกคิ้วขึ้น แม้ว่าสายตายังคงจดจ้องอยู่กับเอกสารตรงหน้า

“เอกสารลงนามของวันนี้ขอรับ”

นายทหารหนุ่มค่อยๆบรรจงวางตั้งเอกสารบนโต๊ะเขาหยิบเอกสารสองสามแผ่นแรกออกมาจากกองแล้ววางต่อหน้าลอร์ดชานซะเลอร์ ก่อนจะกล่าวเสริมอย่างลังเลว่า“เราจับกุมตัวพวกอยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดกลางตลาดได้แล้วขอรับพร้อมกับตัวเด็กชายที่พวกมันอ้างว่าเป็นสายราชวงส์คีรีนที่รอดชีวิตมาได้อีกคนหนึ่งสภากล่าวว่าเชื่อมั่นเต็มที่ให้ท่านลอร์ดชานซะเลอร์เป็นคนตัดสินใจขอรับไม่ว่าท่านจะคิดเห็นประการใดก็ตาม”

มือที่ลากปากกามาตลอดของลอร์ดชานซะเลอร์หยุดนิ่งไปชั่วขณะเมื่อได้ยินคำรายงานเรื่องเด็กชายก่อนที่จะเริ่มต้นขยับใหม่ ราวกับว่าไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น เขาพิจารณาเอกสารตรงหน้ากวาดสายตาอ่านอย่างผ่านๆ ก่อนที่จะจุ่มปากกาลงในขวดหมึกบนโต๊ะ สีหน้าราบเรียบของเขามิเปลี่ยนแปลงขณะเซ็นเอกสารทีละแผ่น นายทหารหนุ่มรับเอกสารคืน เขาโค้งต่ำแสดงความเคารพก่อนออกจากห้องพิศวงที่ลอร์ดชานซะเลอร์สงบนิ่งเหลือเกิน ในเมื่อเพิ่งลงนามประหารชีวิตคนไปหยกๆ

***

เสียงซุบซิบแพร่ไปรวดเร็วราวเพลิงป่านาฬิกายังไม่ทันตีบอกสิบนาฬิกา แต่ลานกลางเมืองกลับคลาคล่ำไปด้วยผู้คนสายตาของพวกเขาเบนไปมาระหว่างใบมีดอันมหึมาบนพื้นไม้ยกสูงกับคุกที่เห็นอยู่ลิบๆปากพากันขยับอย่างไม่รู้เหน็ดรู้เหนื่อย คาดเดาไปต่างๆนานาว่าจะเกิดอะไรขึ้นพฤติกรรมของพวกเขาทำให้เอสร่าอยากอาเจียน เขาเม้มริมฝีปากแน่นเล็บจิกลึกในอุ้งมือทั้งสอง หลังจากรอคอยมานาน เกวียนคันหนึ่งก็ค่อยๆเคลื่อนเข้ามาใกล้มีทหารคุมรายล้อมคอยเอ่ยปากบอกบรรดาคนที่มามุงให้หลีกทาง

หัวหน้าผู้คุมก้าวขึ้นบนยกพื้นเขาหยิบม้วนกระดาษออกมา อ่านด้วยเสียงก้องกังวานป่าวประกาศให้ทุกคนได้ทราบทั่วกันว่า เหล่านักโทษล้วนแต่ผ่านการพิจารณาคดียอมรับสารภาพความผิดตน และต้องโทษประหารชีวิตตามคำสั่งของลอร์ดชานเซลเล่อร์

“อ้ายทรราชจงฉิบหาย!บัลลังก์อัดซาดเป็นของราชวงศ์คีรีน ไม่ใช่อ้ายตัวที่มาแย่งบัลลังก์เพื่อเทพีเบนู!” ชายที่อิสร่าจำได้รางๆว่าเคยร่วมมือเย็นกันครั้งหนึ่งคำรามก่อนที่ใบดาบจะเลื่อนลงมาตัดหัวอิสร่าหลับตาลงด้วยความเศร้าเมื่อเห็นภาพนั้น แต่เสียงสูดหายใจเฮือกของฝูงชนบังคับให้เขาต้องเปิดตาขึ้นมาอีกครั้งเขาทำได้เพียงเบิ่งตาด้วยความพรั่นพรึง เมื่อทหารลากถูลู่ถูกังนักโทษรายต่อไปออกมาเด็กชายอายุไม่เกินสิบสองปี

อะช่า! อิสร่าเกือบจะพุ่งตัวปราดไปยังยกพื้นอยู่แล้ว เมื่อมีแรงกระชากไหล่จากด้านหลังคนอื่นอยู่ข้างหลังเขานี่เอง พวกเขาสั่นหัว ใบหน้าฉายแววเศร้าสร้อย

อิสร่าขบกรามเขาไม่อาจบังคับตัวเองให้ถอนสายตาเมื่ออะช่ากล่าวด้วยน้ำเสียงเล็กๆว่า“เพื่ออัดซาด เพื่อเทพีเบนู!” เขารีบหันหลังขวับหลังจากนั้น ไม่อยากต้องเห็นเขาไม่สะดุ้งแม้แต่นิดเดียวเมื่อเสียงใบดาบเสียดผ่านเนื้อหนังเข้าแทนที่ความเงียบงันเขาเพียงแต่สบตาสหายไม่หลบระหว่างที่หัวหน้าผู้คุมประกาศว่าเหตุกบฏได้ยุติลงแล้วอีกครั้งหนึ่ง

ลอร์ดชานซะเลอร์ดูการประหารชีวิตกลุ่มกบฏจากหน้าต่างห้องทำงานสายตาเขาไม่เคยเบือนหนีไปทางอื่น สีหน้าของเขาเรียบเฉย ไม่ทั้งปรีดาหรือเศร้าใจ

***

ลอร์ดชานซะเลอร์ตื่นขึ้นมาเพราะเสียงโวกเวกเขาได้ยินเสียงกรีดร้อง เสียงรั่วไกของปืนไรเฟิล และเสียงปลอกกระสุนกระทบพื้นเขาสอดมือเข้าใต้หมอน คลำปืนพกของตน เสียงฝีเท้าเข้าใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ลอร์ดชานซะเลอร์หดมือกลับเขาชูสองมือที่ว่างเปล่าขึ้นเหนือหัว ขณะยังนั่งอยู่บนเตียงและกล่าวทักทายผู้บุกรุกอย่างเฉยชาว่า“นี่หวังว่าคงไม่ได้ฆ่าบางทุกคนระหว่างทางนะ รู้ไหมสมัยนี้ลูกน้องหน่วยก้านดีแถมยังซื่อสัตย์ไม่ได้หากันได้ง่ายๆ”เขารู้สึกถึงแรงกระทบที่หลังหัวจากนั้นโลกทั้งใบก็ดับวูบ

อิสร่าถลึงตาใส่สหายร่วมศึกที่ต่างก็จ้องเขาอย่างอึ้งๆเขากระชับปืนคาร์ไบน์ในมือที่เพิ่งใช้ทำให้ทรราชหมดสติ เขารั้งอยู่ในห้องต่อขณะคนอื่นๆลากตัวชายผู้นั้นออกไปงุนงงกับห้องที่ตกแต่งอย่างเรียบง่ายไม่มีสิ่งใดที่แสดงความร่ำรวยหรืออวดความหรูหราอันเกิดจากการรีดไถ่ประชาชนให้เห็น ห้องนอนของทรราชเต็มไปด้วยชั้นหนังสือสูงตระหง่านโต๊ะทำงานมีกองรายงานและแผนยุทธการสุมๆอยู่ อิสร่าฉุนขาดและด้วยอารมณ์โมโหนี่เอง เขาคว้าหมอนขึ้นมาจากเตียงแล้วปาข้ามห้องประกายเหล็กสะท้อนแสงบนเตียงดึงความสนใจอิสร่าให้หันกลับมามอง ทำไม…

***

แม้สวมใส่เสื้อผ้าธรรมดาๆและอยู่ในโซ่ตรวนอดีตลอร์ดชานซะเลอร์ก็ยังคงรักษาทวงท่าสง่างามไว้ได้ เขาดูไม่ยี่หระกับสภาพตกอับของตนจนน่าหมั่นไส้แม้ว่าแผลพกช้ำและรอยเลือดจะปรากฏชัดบนใบหน้าก็ตาม

“ข้าพบปืนเจ้าทำไมถึงไม่สู้กลับล่ะ” เอสร่าถาม เขาประหลาดใจเมื่อทรราชยักไหล่

“สู้แล้วได้อะไร ข้าก็คงฆ่า ลูกหลานเบนูอย่างพวกเจ้าสักสองสามคน แล้วเจ้าก็คงแย่งปืนไปจากมือข้าเราก็ยังมาลงเอยกันที่นี่อยู่ดี เพียงแต่จะมีศพกับบาดแผลเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น”เขาสำรอกชื่อกลุ่มกบฏออกมาด้วยความเกลียดชังอย่างไม่ปิดบัง

“แสดงว่าทำเพราะความดีภายในใจอย่างงั้นสินะ”

“ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องหลั่งเลือด”

ภาพอะช่าตัดสินใจเผชิญหน้ากับชะตากรรมตัวเองผุดขึ้นในใจของอิสร่าเด็กหนุ่มกู่ร้องราวกับสัตว์ป่าแล้วกระโจนเข้าใส่ทรราช กระแทกตัวเขาลงกับพื้นกระหน่ำหมัดเข้าอัดใบหน้าของชายผู้น่ารังเกียจอย่างไม่หยุดยั้ง หากคนอื่นไม่เข้ามาขวางเสียก่อนอิสร่าคงจัดการเขาจนเหลือเพียงก้อนเนื้อเละๆพวกเขาลากตัวอิสร่าที่ขัดขืนตลอดทางออกจากห้องขัง

“สำรวมตัวเองหน่อย อิสร่า”น้ำเสียงคุ้นหูเรียกให้อิสร่าช้อนสายตาขึ้นมองจากพื้นที่ตัวเองนั่งอยู่ สายตาของเขาพร่ามัวด้วยน้ำตาอันเกิดจากความโกรธความเศร้าและความแค้นใจผสมกัน แต่กระนั้นเขาก็ยังจำโครงร่างของอาจารย์ที่เคารพได้

“ท่านอาจารย์ มันฆ่าอะช่า อนุญาตข้าเถอะนะขอรับข้าอยากจะสับมันให้เป็นชิ้นๆ…” อิสร่าคร่ำครวญ

ตัวอาจารย์ถอนหายใจ น้ำเสียงทอนความขึงขังลงไปมากเมื่อกล่าวว่า“อาจารย์รู้ อิสร่า เพราะอย่างนี้ อาจารย์ถึงได้ห้ามไม่ให้เจ้ามาพบเขาอาจารย์ต้องขอให้เจ้ารับปากด้วยว่าจะไม่มีวันลงมาที่นี่อีกพูดคุยกับเขาไม่ช่วยอะไรเจ้าหรอก รังแต่ทำให้เจ้ากลายไปเป็นอสุรกายด้วยเหมือนกัน”

ชายชราฉุดอิสร่าให้ลุกขึ้นยืนแล้วนำทางพาเขาออกจากบริเวณคุกอย่างละม่อม “มาเถิด ยังมีงานรอพวกเราอยู่มากนักนี่เพียงแค่ตัดหัวงูพิษไปได้หัวเดียวเท่านั้น ยังมีสภารอให้เรารับมืออยู่” เสียงฝีเท้าของทั้งคู่เงียบหายไปในความมืด

***

วันรุ่งขึ้น อิสร่าพบว่าตัวเองแอบย่องผ่านผู้คุมไปยังห้องขัง ตามจริงแล้วเขาก็ไม่ได้อยากจะขัดคำสั่งท่านอาจารย์นักแต่อิสร่าไม่อาจเพิกเฉยต่อแรงปรารถนาที่กัดกินจิตใจเขา เขาต้องรู้ให้ได้จำเป็นต้องเข้าใจ ทรราชเหลือบตาขึ้นมองเขาอย่างไม่แยแส ราวกับรู้ดีอยู่แล้วว่า

อิสร่าต้องมาหา

“คนเราก็คงคิดว่าคนจิตวิปริตที่สั่งคร่าชีวิตคนด้วยวิธีทารุณแบบนั้นคงกล้าพอจะมาดูการประหารด้วยตนเอง”อิสร่าเย้ยหยัน น้ำเสียงมีแต่ความชิงชัง

“ก็ดูไง” นักโทษตอบอย่างสงบ“ข้ายืนการประหารทุกครั้งจากหน้าต่างห้องทำงาน ข้าแค่ไม่โง่ถึงขนาดจะไปยืนบนยกพื้นเสนอหน้าเป็นเป้านิ่งให้พวกเจ้า แล้ว ไอ้หนู ช่วยบอกมาหน่อยสิวิธีแบบไหนหรือที่เจ้าว่าเป็นวิธีเอาชีวิตคนอย่างมีเมตตา แขวนคอเรอะถ้าแรงกระชากน้อยไป นักโทษต้องทนขาดอากาศหายใจนานครึ่งชั่วโมง ถ้ามากไปหัวก็หลุดออกมา หรือให้ใช้หน่วยยิง ถ้าพลาดไม่โดนหัวใจนักโทษจะค่อยๆเสียเลือดตายอย่างช้าๆ หรือจะเป็นเก้าอี้ไฟฟ้าดีข้าเคยต้องเข้าร่วมสังเกตการประหารแบบนั้นบ้างเหมือนกัน กลิ่นเนื้อไหม้กับรสชาติไขมันบนปากนี่ชีวิตนี้ข้าก็ไม่มีวันลืม หรือ ในเมื่อพวกเจ้าล้วนสู้เพื่อแดนอัดซาดแบบเก่ากันนักเอาเป็นวิธีดั้งเดิมอย่างตัดคอดีไหมล่ะ ข้าว่าเสียงคนต้องโทษประหารกรีดร้องโหยหวนขณะเพชฌฆาตพยายามจามคอพวกเขาให้ขาดในขวานที่สามคงเป็นเหมือนเสียงดนตรีบรรโลงจิตใจสำหรับหูพวกเจ้า” ทรราชปิดท้ายประโยคยืดยาวด้วยรอยยิ้มเล็กๆ แต่ดวงตาคู่นั้นยังเย็นเยียบไม่เปลี่ยนแปลง

อิสร่าอับจนคำพูด ร่างกายเขาสั่นเทิ้ม “ก็จริง ที่มันโหดร้ายก็จริงที่ มันโหดเหี้ยม แต่อย่างน้อยๆ พวกนักโทษก็ไม่ต้องทรมานกันนานมันน่าเกลียดชังและน่าสยดสยองก็เพราะนั่นแหละ การเอาชีวิตคนล่ะ”ทรราชกล่าวสรุปด้วยน้ำเสียงที่แทบจะเศร้าสร้อย

อิสร่าควบคุมตัวเองไม่ได้อีกต่อไป

“แล้วที่ส่งเด็กอายุสิบสองไปตายล่ะอันนี้ก็จำเป็นเหมือนกันใช่ไหม เขาไม่ได้ทำอะไรเลย เขาเป็นแค่เด็กเท่านั้นเอง!คนเราเกิดมาอย่างที่เป็นนี่เป็นความผิดมหันต์เลยหรือไร!” เอสร่าตะโกนสะใจเมื่อเห็นประกายที่อาจเป็นความเสียใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายที่แก่กว่าแม้จะแค่ชั่วพริบตาก็ตาม

“มันจำเป็นข้าไม่ได้สุขใจที่ทำไป แต่ว่ามันจำเป็น” ทรราชกล่าวซ้ำ แต่เพื่อบอกกับตัวเองหรือกับเอสร่าเอสร่าไม่อาจบอกได้

“หากข้าไม่ลงนามประหารชีวิตเขา การกบฏครั้งนี้ก็จะไม่จบสายเลือดของเขาไม่ได้เป็นความผิดมหันต์อะไรแต่ข้าไม่อาจและไม่มีวันจะยอมให้วิถีแบบเก่ามาคุกคามการมีอยู่ของรัฐบาลนี้ เด็กนั่นต้องตายเพื่อให้ประเทศนี้อยู่ต่อไปได้”

“เขาเป็นแค่เด็กเท่านั้นเอง”เสียงของเอสร่าแทบจะไม่ได้ดังไปกว่าเสียงกระซิบ

“ถูกต้อง เจ้าคิดว่าใครกันล่ะที่จะกุมอำนาจ หากการกบฏของพวกเจ้าสำเร็จใครกันที่จะมาปกครองประเทศนี้ เด็กนั่นจะเป็นเพียงหุ่นเชิดให้ผู้ใหญ่ชักใยตามใจคิด”

คำพูดของเขาเหมือนตบหน้าอิสร่าเขาไม่ใคร่อยากยอมรับเท่าใดนักแต่อิสร่าพบว่าตัวเองมิอาจโต้แย้งหลักเหตุผลของอดีตลอร์ดชานซะเลอร์ เขาลุกขึ้นยืนเตรียมตัวกลับ เขาหยุดที่หน้าประตู นิ่งคิดอยู่ชั่วอึดใจสั้นๆก่อนจะเบือนหน้ามาสบตานักโทษ

“เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องข้า”

อิสร่าเดินออกจากห้องโดยไม่หันกลับมามอง แต่เขามั่นใจว่าได้ยินเสียงลอยมาตามลมไม่ผิด

“เสียใจด้วย”

***

“ท่านอาจารย์ข้าขอถามอะไรหน่อยได้ไหมขอรับ” เอสร่าหลุดปากออกมา ทั้งสองกำลังเดินทอดน่องตามทางเดินหลังเพิ่งผ่านการโต้เถียงอย่างเผ็ดร้อนในหมู่กลุ่มกบฏด้วยกันจนทำให้ต้องจบการประชุมไปอีกครา ชายชราพยักหน้า สายตามองตรงไม่หันมาสบตา

“อ้ายทรราช…” เอสร่าเริ่ม ค่อยๆบรรจงประดิดประดอยคำถาม “ทำไมมันถึงยึดอำนาจจากกษัตริย์องค์ก่อนแล้วล้างบางทั้งราชวงศ์หรือขอรับ”

ท่านอาจารย์เงียบไปอึดใจใหญ่ๆ ริมฝีปากเม้มเป็นเส้นตรง เมื่อเขาเปิดปากพูดน้ำเสียงก็เข้มเป็นอย่างมาก “เจ้าก็รู้เรื่องดีอยู่แล้ว เด็กน้อยเป็นเพราะความโลภและกระหายอำนาจอ้ายทรราชมันถึงได้ยึดเอาของที่ไม่ใช่ของมันไปอย่างหน้าไม่อายอสุรกายตัวนั้นหยิ่งผยองนัก เจ้าเองก็รู้ดีว่ามันยอมทำถึงเพียงไหนเพื่อให้ตัวเองได้คุมประเทศนี้ต่อไปเป็นหน้าที่ที่เทพีเบนูประทานให้พวกเรานะ เอสร่า ให้ปลดแอก อัดซาดจากอ้ายทรราชและคืนบัลลังก์กลับสู่กษัตริย์ที่แท้จริง”

เอสร่าพึมพำขอบคุณและกล่าวขอตัว อาจารย์มองตามร่างเด็กหนุ่มที่ลับสายตาไปอย่างรวดเร็วสีหน้าฉาดชัดว่าไม่พอใจและก่อนที่นัยน์ตาจะฉายประกายคิดตกแล้วในที่สุด

***

อิสร่าปึงปังบุกเข้าห้องขัง“แน่ละ สมกับเป็นผู้ชักจูงไม่ได้เสียนี่กระไร ขอคารวะท่านขอรับเรื่องกวาดล้างคนที่เห็นต่างกับท่าน ไม่มีใครเทียบเคียงได้เลยจริงๆจอมปีศาจต้องภูมิใจมากแน่ๆที่เห็นผลงานของบริวารเยี่ยงท่าน”เขากล่าวฉายาของทรราชด้วยความรังเกียจเดียดฉันท์พร้อมชูกำปั้นไปมา

“ข้าไม่เข้าใจ”ชายในโซ่ตรวนตอบห้วนๆ

“เลิกโกหกได้แล้ว! เหตุระเบิดเป็นฝีมือทหารเจ้าเจ้าสั่งการให้โจมตีบ้านเกิดข้า สังหารเด็กและสตรีเพราะไม่ยอมเชื่อตามอุดมการณ์เจ้าเราพบศพสวมชุดเครื่องแบบสีดำที่นั่น ชุดทหารของเจ้า ข้าละหวังให้แม่เจ้าจับหัวเจ้าโขกกับกำแพงให้ตายไปตั้งแต่ยังเป็นทารกนักเจ้าคนชั่ว! ผีห่าซาตานตัวใดกันที่ส่งให้เจ้ามาเกิดที่นี่ เจ้าทรราชไร้หัวใจ!เจ้าปลดกษัตริย์พระองค์ก่อนเพราะเจ้าอยากมีอำนาจเสียเองต้องให้ตายเป็นพันๆครั้งก็ชดใช้ความผิดที่เจ้าทำไปไม่หมด!” เอสร่าตะโกนลั่นกำแพงคุกมืดสะท้อนเสียงเขาให้ดังยิ่งขึ้นไปอีก คนอื่นๆต้องได้ยินอย่างไม่ต้องสงสัยแต่เอสร่าไม่สนใจ เขาหอบหายใจหนักๆด้วยความโกรธ เขาต้องพยายามอย่างมากเพื่อควบคุมตัวเองไม่ให้ลดตัวไปใช้กำลังอีก

ทรราชโคลงหัว“จริงๆเลยนะ ไอ้หนู ข้าหลงคิดว่าเจ้าจะฉลาดกว่านี้เสียอีก” เขาถอนหายใจซึ่งสำหรับเอสร่าแล้ว ฟังดูไม่ค่อยจริงใจเท่าใดนัก “ก็จริงที่ข้าไม่ขัดเรื่องการใช้มาตรการรุนแรง ถ้าหากว่ามันจำเป็น แต่ก็เถอะข้าไม่เคยลดตัวไปถึงขนาดมุ่งเป้าคนไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ลูกพี่ลูกน้องของเจ้าไม่นับสหายร่วมศึกที่รักยิ่งของเจ้าต่างหากที่ลากเขามาเกลือกกลั้วกับเรื่องพวกนี้ข้าเพียงแต่ตอบโต้” เขากล่าวเสริม ยกมือที่ใส่โซ่ตรวนขึ้นหยุดเอสร่าที่กำลังจะยกอะช่าขึ้นมาพูด“แต่” เขากล่าวต่อ “ข้าพอจะคิดได้อยู่กลุ่มหนึ่งนะ พวกที่ไม่ว่าอะไรหากต้องมีคนโดนลูกหลงน่ะ…” เขาลากเสียงอย่างมีความหมาย

เป็นไปไม่ได้ เอสร่ารู้สึกเย็นเยียบไปทั่วร่าง ในหัวนึกย้อนถึงภาพชายที่ลานประหารคนที่ประกาศอย่างกล้าหาญเรื่องอุดมการณ์ที่มีร่วมกัน ภาพร่างท่านน้าทั้งสองนอนนิ่งไร้ชีวิตจมกองเลือดที่เขาเกือบหนีเอาชีวิตไม่รอดจากคฤหาสน์ไหม้ไฟ กับอะช่าที่อยู่บนหลังใบหน้าเศร้าโศกของกลุ่มกบฏที่กล่าวว่าพวกเขามาช่วยเด็กทั้งสอง เอสร่าถอยกรูด เขาสะดุดล้มลงกับพื้นพยายามหนีให้ห่างจากอดีตลอร์ดชานซะเลอร์ให้ไกลที่สุด

“เอ้อ ไอ้หนู”นักโทษเรียก “เราบุกเข้าราชวังแล้วปลดกษัตริย์จริงๆนั่นแหละแต่มันเพื่อให้ประชาชนไม่ต้องทนทุกข์ยากกันอีกต่อไป ข้าน่ะไม่เคยอยากได้ตำแหน่งนี่เลยแต่สภาลงคะแนนมา แล้วยังไงมันก็ต้องมีคนรับตำแหน่งทำงาน”

ทันทีที่เอสร่าไปถึงประตูเขาก็ออกตัววิ่งในทันที เอสร่าไม่มั่นใจนักว่าตัวเองวิ่งหนีอะไรกันแน่หนีอดีตลอร์ดชานซะเลอร์หรือความจริงจากปากของเขา

***

เอสร่ากะพริบตา“ว่าอะไรนะ” เขาไม่เชื่อหูตัวเองว่าได้ยินถูกต้องหรือไม่

“เราเจรจากับสภาสำเร็จแล้วพวกเขาตกลงจะกลับไปใช้วิถีเดิม แต่มีข้อแม้ว่าพวกเขาต้องยังมีที่นั่งในรัฐบาลที่จะจัดตั้งใหม่ก็แน่ละ” คนส่งสารกล่าวซ้ำ

“แล้วลอร์ดชานซะเลอร์ล่ะ”อิสร่าก็แปลกใจเหมือนกันที่ตัวเองเรียกขานเขาเช่นนี้

“อ๋อ ไม่ต้องกังวลหรอก อ้ายทรราชมันต้องรับกรรมแน่ๆ มันจะโดนประหารโดยไม่ต้องขึ้นศาล อีกสองวันข้างหน้าเนี่ยแหละเอาวิธีเดิมกับที่มันใช้ประหารคนอื่นเลย ชอบธรรมดีเนอะชายชั่วต้องตายด้วยวิธีเดียวกับที่ใช้ประหัตประหารคนอย่างทารุณตั้งมากมาย”นางย่นจมูกก่อนขอตัวไปแจ้งข่าวกับคนอื่นๆ

เอสร่าทรุดตัวลงกับเก้าอี้เขายังอยู่ในสภาพเช่นนี้เอง เมื่ออาจารย์มาพบเข้า “ข้าได้ยินข่าวแล้ว” อิสร่าพูดอย่างไร้กะจิตกระใจไม่เงยหน้าขึ้นทักทายอาจารย์ของตน

“งั้นอาจารย์เดาว่าคงต้องขอแสดงความยินดีด้วยสินะ”อาจารย์ตบไหล่เขาเบาๆ

เอสร่าใช้แขนยันตัวเองขึ้นแล้วเบือนหน้ามาจ้องอาจารย์อย่างไม่อยากจะเชื่อ

“อัดซาดต้องมีกษัตริย์ เด็กน้อย”

“ราชวงศ์คีรีนตายกันหมดแล้วอะช่าเป็นคนสุดท้าย” เอสร่าบังคับตัวเองให้เอ่ยชื่อลูกพี่ลูกน้องออกมาเขายังไม่อยากยอมรับเลยว่า อะช่าจากไปแล้วตลอดกาล อาจารย์พยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ราชวงศ์คีรีนสิ้นแล้ว แต่ว่า” เขาบุ้ยใบ้มาทางเอสร่า “เจ้าเป็นลูกผู้พี่ของเขา”

“พ่อเขาแต่งงานกับท่านน้าข้าข้าไม่มีเลือดสีน้ำเงินเลยแม้แต่หยดเดียว!” เอสร่ากรีดเสียง

“คำพยากรณ์จากวิหารเทพีเบนูประกาศออกมาแล้วเด็กน้อย ไม่ว่าชาติกำเนิดของเจ้าจะเป็นเช่นไร เจ้าถือเป็นบุตรแห่งพระนางกษัตริย์องค์ต่อไปของอัดซาด” อาจารย์สวมกอดอิสร่า เขาขยี้ผมเอสร่าด้วยความรักด้วยกิริยาแบบเดียวกับที่พ่อมักทำกับลูกชายเอสร่าไม่ได้กอดกลับ แต่เขาก็ไม่ได้ขัดขืน เขาแค่นั่งนิ่งอยู่ตรงนั้น ไม่ไหวติงเหมือนซากศพที่มีลมหายใจ

***

ลานกลางเมืองคล่าคล่ำไปด้วยผู้คนดูทรงแล้ว อาจเป็นทั้งเมืองก็เป็นได้ที่ออกมาเป็นสักขีพยานวาระสุดท้ายของชายที่พวกเขาเรียกขานว่าทรราช เอสร่ามองยกพื้นจากที่นั่งร่วมกับคนอื่นๆ เขาขอร้องให้อาจารย์เก็บข่าวเป็นความลับไว้ก่อนท่านอาจารย์จำใจรับปาก เอสร่ารู้ดีว่าพฤติกรรมเช่นนี้ไม่ต่างอะไรกับเด็กเล็กๆภาระนี้จะไม่หายวับไป ต่อให้เขาพยายามกลบเกลื่อนทำเหมือนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่ลองหน่อยก็ไม่เสียหายนี่…เขาคิดขำกับตัวเองอย่างขื่นขม

พลันเสียงจ้อแจ้กลับเงียบลงศรีษะของทุกคนหันไปมองเกวียนบุโรทั่งสีแดงฉานที่ค่อยๆเคลื่อนมาใกล้บนเกวียนเล่มนั้นมีผู้โดยสารเพียงคนเดียว เอสร่ากลั้นลมหายใจ เขาไม่ได้ไปเยี่ยมห้องขังอีกเลยหลังได้รับข่าวจากอาจารย์เวลาระหว่างถูกคุมขังทิ้งร่องรอยของมันบนใบหน้าและร่างกายของลอร์ดชานซะเลอร์แต่ท่วงท่าของเขาก็ยังเหมือนวันแรกที่เอสร่าได้พบในห้องขัง เขาก้าวลงจากเกวียน ขึ้นสู่ยกพื้นอย่างสง่างามไม่รอให้ผู้คุมมาฉุดลากไป ระหว่างที่หัวหน้าผู้คุมคนใหม่สาธยายความผิดอันน่าสยดสยองของลอร์ดชานซะเลอร์เอสร่าก็หวนนึกไปถึงครั้งสุดท้ายที่ทั้งสองได้เจอกันวันนั้นคือวันที่สามนับตั้งแต่เอสร่าได้รู้ความจริงหนึ่งวันก่อนเขาได้รับข่าวจากอาจารย์

“ทำไมพวกเขาถึงตั้งฉายาให้ท่านว่า‘ผู้ชักจูงไม่ได้’ กันล่ะ”

เขาหัวเราะ “จริงๆแล้วอาจารย์ข้าเป็นคนตั้งให้ท่านกับคนอื่นๆชอบล่อข้าว่าเป็นคนจำพวกที่ยึดถือยึดมั่นใจความคิดตัวเองเหลือเกิน ต่อให้เอาเงินหรืออำนาจมาล่อก็ไม่มีวันเปลี่ยนใจ”

“แล้วตอนนี้อาจารย์ท่านอยู่ไหนแล้ว”

“ตายแล้ว” ลอร์ดชานซะเลอร์เงียบไปครู่หนึ่ง“ถูกประหารชีวิตตามคำสั่งของกษัตริย์หลังออกมาแสดงความเห็นต่อต้านเรื่องเรียกเก็บภาษีคนจนเพิ่ม”

‘มีคำสั่งเสียอะไรไหมเจ้าอสุรกาย’ หัวหน้าผู้คุมถามลอร์ดชานซะเลอร์ สีหน้าเขาเคร่งเครียดเสียงของเขานี่เองที่เรียกเอสร่าให้กลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง

ลอร์ดชานซะเลอร์เงยหน้าขึ้นมองที่ที่เอสร่านั่งอยู่ทั้งสองสบตากัน แล้วลอร์ดชานซะเลอร์ก็ยิ้มเป็นรอยยิ้มที่ก็ไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นรอยยิ้มกว้าง แต่ครั้งนี้เอสร่ารู้สึกเหมือนกับว่าชายที่แก่กว่าตั้งใจยิ้มจริงๆ

‘ทรงพระเจริญ’

ใบมีดหนักอึ้งตกลงมาพร้อมเสียงกระทบวัตถุดังกึกก้องก่อนที่เสียงพึมพำว่า “ทรงพระเจริญ” จะกระหึ่มไปทั่วลานกลางเมือง




Create Date : 10 มกราคม 2559
Last Update : 31 มกราคม 2559 11:44:00 น.
Counter : 809 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

What I want I cannot have
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]