Pleasure Factory : โรงงานอารมณ์



เลือกหน้าตาของหนังผ่านหน้ากระจก Box Office เดินเข้าไปในซอกแคบที่ปรากฏเพียงแสงสลัวๆ เอนกายนั่งบนเบาะกำมะหยี่สีแดงสด รอจนกว่าแสงไฟในโรงวูบดับลง การแสดงเบื้องหน้าก็เริ่มต้นบรรเลงภาพ ไล้โลมลูกค้าจนสะท้านวาบหวิวในใจ ก่อนที่จะรุกเร้าจนถึงจุด Climax แห่งอารมณ์ เสร็จกิจแล้วก็ลุกเดินจากไปอย่างไร้ความอาวรณ์ แสงสว่างในโรงจ้าขึ้นอีกครั้งเพื่อรอรับรองแขกชุดใหม่ เหตุกามในห้องโถงนี้เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าผ่านลูกค้ามากหน้าหลายตาจนกลายเป็นวงจรแห่งความสำส่อน วัตถุประสงค์เดียวนั่นคือมอบความสุขให้กับผู้คน แลกกับเงินรายได้ซักจำนวนหนึ่ง เราจะนิยามสิ่งนี้ว่ามหรสพหรือโสเภณี หรือว่ามันไม่เคยแตกต่างกันเลยในแง่ของการสร้างความบันเทิง

ครั้งหนึ่ง ตอนที่ชมหนังเรื่อง Shakespeare in love นักบวชอังกฤษกลุ่มพิวริเตนท์ (อันหมายถึงความบริสุทธิ์ ปราศจากรอยด่างพร้อยและราคี) ก็ต่อต้านการแสดงละครเวทีในโรงมหรสพ ว่าเป็นการกระทำที่ต่ำสถุลและน่าอับอาย ทั้งยังกล่าวว่าอารมณ์แห่งละครเต็มไปด้วยราคะ มอมเมาจิตใจให้ลุ่มหลงเหลวไหล ละเมิดต่อหลักจารีตประเพณีและศีลธรรมอันดีแห่งยุคสมัย สถานที่ผลิตอารมณ์ประเภทนี้จึงมักถูกมองด้วยสายตาอคติและไม่ใคร่จะเป็นที่ยกย่องนัก แต่ปัจจุบัน ภาพยนตร์ได้รับการยอมรับแล้วว่าเป็นศิลปะแขวงหนึ่ง ในขณะที่บริการทางเพศนั้นยังคงเป็นประเด็นถกเถียงกันในทุกวาระและไม่อาจที่จะยุติลงได้ด้วยดี


หนังเรื่องโรงงานอารมณ์ ของ เอกชัย เอื้อครองธรรม ( ผู้กำกับBeautiful Boxer ) ขอความร่วมมือจากผู้ชมโดยปริยายให้เปลื้องถอดภาพลักษณ์อันดีงามที่สวมอยู่ออกไปซักสองชั่วโมง เพื่อรับชมการเปลือยให้เห็นถึงจุดซ่อนเร้นที่เป็นเสมือนของลับอันน่าอายแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีอยู่จริงในทุกสังคม ก่อนที่จะลุกขึ้นมาสวมอาภรณ์แห่งความดีงามนั้นอีกครั้งและเดินออกจากโรงภาพยนตร์ไปเยี่ยงปรกติชนผู้ใฝ่ดี

ผู้เขียนออกตัวก่อนว่าชอบหนังเรื่องนี้มาก อารมณ์โดยรวมออกมาใกล้เคียงกับงานของ อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล แต่ในแง่เนื้อหานั้นดูเข้าใจได้ง่ายกว่า เรื่องราวว่าด้วยทางเลือกของสังคมกับการยอมรับความมีอยู่ของโรงงานผลิตอารมณ์ลักษณะนี้ (ในสิงคโปร์ธุรกิจนี้เป็นเรื่องที่ถูกกฎหมาย )

หากหนังเรื่องนี้ถูกสร้างในประเทศไทย กระแสต่อต้านย่อมเกิดขึ้นอย่างรุนแรง (โดยเฉพาะแกนนำจากกลุ่มคนระเบียบจัด) คงทราบกันดีอยู่แล้วว่าสังคมของเรานั้นปกปิดเรื่องเพศกันขนาดไหน จะมีใครเคยสังเกตบ้างไหมว่า ยิ่งปิดกั้นมากเพียงใด ปัญหาจากเรื่องทำนองนี้ก็ยิ่งปะทุมากขึ้นเป็นเท่าทวี ความอัดอั้นที่สะสมจนกลายเป็นแรงระเบิด ซึ่งทุกวันนี้เห็นควรต้องขบคิดกันได้ซะทีแล้วว่า หัวโขนประดับทองสีเหลืองอร่ามที่สังคมเรากำลังสวมอยู่นั้นเป็นการสร้าง Image ขึ้นมาเพื่อหลอกตัวเองผู้มีใบหน้าแท้จริงอันแสนอัปลักษณ์อยู่หรือเปล่า

หนังเดินเรื่องด้วยความบางเบา กวัดแกว่ง ก่ออารมณ์อีโรติคที่ฉาบฉวยและตื้นเขิน ทั้งหมดที่กล่าวมานี้คือแก่นสารของหนังทั้งเรื่อง หากแต่ในความบางเบานั้นก็สื่อให้เห็นถึงคุณค่าของด้านตรงข้ามที่หนักแน่น ความกวัดแกว่ง (โดยเฉพาะจากกล้องที่ใช้ถ่ายทำ) ก็สื่อให้เห็นถึง คุณค่าของด้านตรงข้ามคือความมั่นคง ความฉาบฉวยและตื้นเขินของอารมณ์อีโรติคก็สื่อให้เห็นถึงคุณค่าของด้านตรงข้ามนั่นคือรักแท้ที่ซาบซึ้งระหว่างแม่ลูก และหนุ่มสาว

จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เมื่อหนังจบลง ผู้ชมบางท่านอาจจะไม่เกิดความรู้สึกผูกพันใดๆ กับหนังเรื่องนี้ ( ยกเว้นความรู้สึกเสียดายตังค์ที่อาจจะสลัดออกได้ยากกว่า ) มันบางเบาเสมือนควันบุหรี่จนอาจยากที่จะควานหาสาระอย่างเป็นชิ้นเป็นอัน ต่างจากอารมณ์ก่อนเดินเข้าโรงที่เต็มไปด้วยความกระสันใคร่รู้อย่างเต็มเปี่ยม แต่เมื่อก้าวเท้าออกมาจากโรงงานอารมณ์ครั้งนี้แล้ว กลับไม่รู้สึกอิ่มหรือถูกเติมเต็มใดๆ ให้ชีวิต ไม่ต่างจากอารมณ์เพศเมื่อยามผ่านช่วงวูบที่เสียวซ่านนั้นแล้วหลังจากนั้นก็ไม่เหลืออะไรให้น่าค้นหาอีกต่อไป ( ทั้งๆ ที่ก่อนนั้นให้เอาอะไรไปแลกก็ยอม )

อารมณ์ที่ฉาบฉวยไม่ใช่สาระแห่งชีวิต ไม่ควรเอาใจไปหมกมุ่นพัวพันจนเกินควร มายากิเลสชั่วครั้งชั่วคราวนี้ แม้ไม่อาจปฏิเสธได้แต่ก็ไม่ควรยกย่องเชิดชูจนกลายเป็นสรณะ เฉกเช่นความจริงและความรัก

โรงงานอารมณ์คล้ายกับเป็นเรื่องสั้นหลายๆ ตอนที่เรียงร้อยเข้าด้วยกันจนกลายเป็นภาพยนตร์ขนาดยาวเรื่องหนึ่ง หนังใช้ภาษาภาพบ่อยครั้ง ที่แม้จะเป็นภาพนิ่งก็ยังสามารถบอกความหมายได้ในตัวเอง ( หลายครั้งที่หากตัดฟิล์มไปซักเฟรมเพื่ออัดใส่กรอบ มันก็ยังมีคุณค่าได้ในฐานะของงานถ่ายภาพศิลป์ ตัวอย่างเช่น ภาพที่โสเภณีชุดแดงเดินอยู่กลางถนนซึ่งปรากฏเส้นเหลืองบนพื้นคอนกรีตเขียนลูกศรชี้ประกอบกับคำว่า Low ในทิศทางที่เธอเดิน อีกภาพหนึ่งคือชายหนุ่มซึ่งพาเพื่อนมาเปิดซิงเป็นครั้งแรก กำลังยืนเลือกเครื่องดื่มจากตู้หยอดเหรียญที่เรียงแถวกันคล้ายกับหญิงโสเภณีในตู้กระจก และภาพการเปรียบเทียบระหว่างแสงไฟนีออนข้างถนนกับแสงจันทร์บนฟ้าที่ปรากฏเคียงกัน อันสื่อความหมายถึงมายาฉาบฉวยและความจริงแท้แห่งธรรม)


ผู้เขียนแบ่งตัวละครหยาบๆ ออกได้เป็นสามกลุ่ม คือ หนุ่มละอ่อนที่ขึ้นครูกับโสเภณีชาวจีนและเพื่อนของหนุ่มคนนั้นกลุ่มหนึ่ง โสเภณีวัยกลางคน ( เคยเล่นหนังของหลี่อันเรื่อง Eat Drink Man Woman รับบทเป็นพี่สาวคนโตในเรื่องนั้น ) กับลูกสาวและชายหนุ่ม (อนันดา) ที่หลงรักลูกสาวของเธออีกกลุ่มหนึ่ง และโสเภณีไฮโซชุดแดง ( ผมฟูเหมือนน้องพลอยในหนังของเป็นเอกฯ) กับนักดนตรีข้างถนนอีกกลุ่มหนึ่ง ทั้งสามกลุ่มนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวพันกันโดยตรง เพียงแค่อาศัยอยู่ในชุมชนเดียวกัน นั่นคือย่านเก-ลัง อันเป็นแหล่งขายบริการทางเพศที่ถูกกฎหมายของสิงคโปร์

เรื่องราวในกลุ่มแรกกล่าวถึงการเปิดบริสุทธิ์ของชายหนุ่มและความประทับใจที่มีต่อกันเกินกว่าความรู้สึกทางเพศ กลุ่มที่สองกล่าวถึงความต่างของรักแท้ที่นุ่มนวลและอารมณ์เพศที่ก้าวร้าวรุนแรง กลุ่มที่สามกล่าวถึงความรักที่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับราคาค่าเงิน

รายละเอียดของเรื่องผู้เขียนไม่ขอกล่าวถึงเพื่อช่วยถนอมอรรถรส

ผู้กำกับเปิดหนังมากับฉากตลาดผลไม้ ( ที่ถ่ายซูมเปลือกเงาะและทุเรียนอย่างจงใจ) แสดงภาพกิจวัตรยามกลางวันของคนย่านนั้นที่ทำมาหากินไหว้พระทำบุญเยี่ยงชุมชนปกติทั่วไป ก่อนที่จะเปลือยเปลือกมันออกให้เห็นถึงความจริงภายในของย่านเก-ลังยามค่ำคืน ที่บ้างก็โสมมได้สมชื่อ บ้างก็ปรากฏความงดงามเล็กๆ งอกเงยอยู่ในหลืบมืดแห่งนี้

ผู้กำกับใช้ปลาสวยงามในตู้กระจกเป็นสัญลักษณ์หลักของเรื่อง ตัวละครในแต่ละกลุ่มที่แม้ไม่เกี่ยวข้องกัน ก็ต้องมีอะไรที่เกี่ยวกับปลาสวยงามไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง อันเป็นสัญลักษณ์ที่สื่อถึงหญิงงามเมืองในตู้กระจก มีประโยชน์เพียงความงามให้ผู้คนเขาเชยชม แต่ละครีบสีที่สดสวยของปลาไม่ต่างไปจากสีสันแห่งพริ้วแพรบางเบาของเหล่าคุณตัว ที่เดินอวดชุดสวยแหวกว่ายวนเวียนอยู่ในย่านนี้อย่างสิ้นไร้อนาคต ไร้ทางออกในชีวิต ( ถ้าสังเกตดีๆ ลูกสาวของโสเภณีวัยกลางคน ใบหน้าด้านข้างของเธอแลดูเหมือนปลาเอามากๆ ด้วยจมูกไร้ดั้งและริมฝีปากที่แบะออกนิดหน่อย โดยเฉพาะฉากที่ร้านขายปลาตอนเริ่มเรื่อง ผู้ชมจะเห็นได้อย่างชัดเจน ) อาชีพที่ใช้เพียงเรือนร่างและอารมณ์เป็นต้นทุนหากำไรโดยมิพักต้องอาศัยมันสมองนี้ สอดคล้องกับระบบสัญลักษณ์ของผู้กำกับเป็นอย่างดีในทุกด้าน

หนังให้รายละเอียดโดยพยายามโยงเข้าประเด็นใหญ่เรื่องของการเลือกและการถูกเลือก (แม้จะเป็นเพียงรายละเอียดยิบย่อยก็ยังต้องเกี่ยวกับการเลือกและการถูกเลือกนี้อยู่ดี) คล้ายกับการซื้อขายสินค้าที่ต้องตัดสินใจเลือกให้ตรงใจและถูกใจที่สุด แต่หนังเรื่องนี้ยังแสดงให้เห็นถึงอารมณ์ของผู้ที่ถูกเลือกอีกด้วย ทั้งในแง่ของการเลือกคู่นอนและคู่รัก ที่บ้างก็ตื้นเต้นแทบครองสติไม่อยู่ บ้างก็ปลื้มปิติ แตกต่างกันออกไป หนังเรื่องนี้ไม่ทอดทิ้งบุคคลชายขอบอีกบางกลุ่มที่แทบไม่มีทางเลือกในชีวิตนั่นคือกลุ่มคนรักร่วมเพศในบริบทของสังคมอนุรักษ์นิยม

งานด้านภาพถ่ายโดยใช้กล้องมือถือ ที่ให้ภาพดิบ ไม่ประดิดประดอย แต่ก็ดูจริงใจและตรงไปตรงมาคล้ายงานสารคดี ภาพที่ส่ายไปมาในบางครั้งเหมาะสมกับแนวหนังที่กล่าวถึงอารมณ์อันไม่เที่ยงของคน ทั้งความตื้นตูม ตื้นเต้นและอยากจู่โจม ภาพนิ่งของกล้องแช่บางครั้งก็สื่อให้เห็นชัดถึงความเปลี่ยวเหงาและเดียวดาย ดนตรีประกอบมีให้ได้ยินเท่าที่จำเป็นแต่ก็ล้วนได้ผลตรงตามความต้องการของผู้สร้าง ฉากจบตัดห้วนและไม่ปราณีอารมณ์ผู้ชมในสไตล์คล้ายงานของ เป็นเอก รัตนเรือง แต่เนื้อหาก็ถือว่าครบถ้วนและสมบูรณ์ทุกประการแล้ว เมื่อฉากจบที่รวดเร็วนั้นมาถึง

ในแง่เจตนารมณ์ของผู้สร้าง โรงงานอารมณ์ไม่ได้คิดส่งเสริมธุรกิจลักษณะนี้ แต่ก็ไม่ได้มองเยี่ยงผู้ที่ตั้งแง่รังเกียจ ความสุขชั่วครั้งชั่วคราวในชีวิตบางทีมันก็เป็นเสมือนไอศกรีมสีสวยที่สาวชาวจีนในเรื่องเลือกทาน มันไม่ได้มีประโยชน์อะไรมากมายนัก ไม่ได้จีรังยั่งยืน เพราะแค่ชั่วครู่ก็จะละลายกลายเป็นน้ำเหลวๆ หากแต่ไอศกรีมเย็นๆ ซักคำหนึ่งนั้นก็สร้างวินาทีแห่งความสุขให้เกิดขึ้นแก่มนุษย์ได้เช่นกัน หญิงสาวได้ลิ้มลองรสชาติอันหอมหวานของไอศกรีมและนั่ง อมยิ้มอย่างเป็นสุขตามลำพังในค่ำคืน

ฉากจบของเรื่องคือการหลุดพ้นออกจากวังวนของธุรกิจนี้ หนังใช้ภาพการตักปลาสวยงามออกจากตู้กระจกมาใส่ในอ่างที่ปรากฏปลาตัวเล็กๆ 2 ตัวว่ายเคียงกัน ทางเลือกที่ดีกว่าในชีวิตสำหรับบางคนกำลังเริ่มต้น ไม่ว่ามันจะเคยอยู่ในแหล่งที่เสื่อมโทรมสักเพียงใด

เราไม่อาจไปพิพากษาใครได้ว่าความสุขแบบไหนต่ำต้อย ความสุขแบบไหนสูงส่ง ผู้เขียนเชื่อแต่เพียงว่า สมองซีกซ้ายช่วยให้เราเอาตัวรอด สมองซีกขวาช่วยให้เรามีชีวิต ผู้กำกับหนังเรื่องนี้ก็ไม่ได้พิพากษาการหาความสุขของใครเช่นกัน หนังเดินเรื่องอย่างเป็นธรรมให้ผู้ชมได้ซึมซับ กับความเป็นจริงมากที่สุด อะไรจะผิดจะถูก ผู้ที่มีวิจารญาณแล้วย่อมแยกแยะได้



หนังเรื่องนี้จบลง End Credit ทยอยลอยขึ้นขอบจอเบื้องบน ผู้เขียนลุกจากเบาะเพื่อให้ ผู้ชมรอบถัดไปได้เข้ามานั่ง ไม่ว่าเก้าอี้ตัวนี้จะเคยผ่านการใช้งานมาแล้วกี่ร้อยกี่พันครั้ง หวังว่าทุกครั้งของผู้ที่นั่งอยู่บนมันคงจะมีความสุขเช่นเดียวกับผู้เขียนในครั้งนี้ ขอบคุณโรงหนังลิโด้ที่ผลิตอารมณ์ดีๆ แบบนี้ให้ได้สัมผัสอยู่เสมอไม่ต่างไปจากโรงงานผลิตความพึงใจหรือ Pleasure Factory เรื่องนี้เลยจริงๆ

อารมณ์เสพติดความสุขแบบนี้ของผู้เขียนจะถือว่าหมกมุ่นไปหรือเปล่าน่ะ





 

Create Date : 12 พฤศจิกายน 2550
2 comments
Last Update : 13 มีนาคม 2553 0:19:01 น.
Counter : 8755 Pageviews.

 

ยังไม่มีโอกาสได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่เมื่อได้อ่านงานของคุณแล้วชักอยากจะดูแล้วซิ .. ที่แน่ๆ เห็นแล้วแหละว่าน้องผู้หญิงในภาพเธอหน้าคล้ายปลาในตู้จริงๆ ด้วย ช่างสังเกตจริงนะคุณ beer

 

โดย: aon IP: 124.121.17.193 15 พฤศจิกายน 2550 7:59:17 น.  

 

่เาิวบมอ้กัยกกวฝาบวง

 

โดย: ชวนบ่่่่่ยากนย่รยฝรยรย่จนนกา IP: 223.207.245.185 1 กรกฎาคม 2560 16:37:04 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


beerled
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
 
พฤศจิกายน 2550
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
12 พฤศจิกายน 2550
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add beerled's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.