Avatar : โลกสีฟ้าที่ถูกรังแก (เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ)
แม้ไททานิค (1997) จะลอยลำอยู่ในหัวใจของผู้ชมมานานนับสิบปี แต่ผลงานสามมิติสุดไฮเทคอย่าง อวตาร ของเจมส์ คาเมรอน ก็ยังไม่อาจจมเจ้าเรือยักษ์นั่นได้สำเร็จ
ออสการ์ 11 ตัวที่ไททานิคพิชิตมา อาจไม่ได้พิสูจน์คุณภาพที่สมบูรณ์แบบของหนัง แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับว่าไททานิคทำได้และอวตารยังทำไม่ถึง นั่นคือความรุ่มรวยเสน่ห์และประเด็นที่สัมผัสใจ
พล็อตหลักของอวตารขาดความใหม่และง่ายแก่การคาดเดา ความนุ่มนวลของเรื่องละลายความขึงขังจริงจังให้อ่อนลง การบูรณาการประเด็นต่างๆ เข้าด้วยกันแม้จะดูลื่นไหลลงตัวแต่ก็ทำให้หนังขาดโฟกัสที่ชัดเจน การบรรลุวัตถุประสงค์ของพระเอกที่มีอยู่หลายระดับส่งผลข้างเคียงให้ climax ของเรื่องดูเลือนและไม่แรงอย่างที่ควรจะเป็น
แต่ถึงอย่างไร อวตารก็ยังสร้างความบันเทิงได้ในระดับที่น่าพอใจ เนื้อหาสาระที่มุ่งเสนอถือเป็นค่านิยมสูงส่ง ดีงาม ควรแก่การขบคิดและปรับประยุกต์ใช้ในโลกแห่งความเป็นจริง ส่วนตัวแล้วเห็นว่า เจมส์ คาเมรอน ควรภูมิใจกับอวตารในจุดนี้ยิ่งกว่าความก้าวหน้าทางประสาทสัมผัสที่ได้มอบให้กับผู้ชม
อวตารนิยามโลกในอนาคตเสมือนดาวที่กำลังโคม่า มนุษย์รุกรานธรรมชาติจนไม่หลงเหลือพื้นที่สีเขียว (จากคำวิงวอนของเจคต่อเอวาให้มองโลกมนุษย์ผ่านความทรงจำของเกรซ) มนุษย์ยึดมั่นต่อตรรกะเหตุผลเหนือกว่าคุณค่าทางจิตวิญญาณ เหยียดความเชื่อต่อสิ่งที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นเรื่องงมงายไร้สาระ สังคมวุ่นวายด้วยปัญหาเศรษฐกิจ (พี่ชายฝาแฝดของเจคถูกฆ่าชิงทรัพย์โดยโจรกระจอกข้างถนน) แหล่งพลังงานในโลกร่อยหรอจวนหมดสิ้นและถีบราคาขึ้นสูงลิบพอที่จะส่งให้มนุษย์ออกแสวงหาแหล่งทรัพยากรใหม่นอกโลก สงครามต่างๆ ที่ยืดเยื้ออาจยุติลงเมื่อไม่เหลือทรัพยากรให้แย่งชิง ทหารทั้งที่กระหายสงครามและประสงค์จะต่อชีวิตให้โลกหันมาสนับสนุนภารกิจล่าทรัพยากรบนดาวแพนดอร่า นำโดยชายที่ชื่อ ปาร์คเกอร์ นักธุรกิจซึ่งบูชาผลกำไรของบริษัทเป็นเป้าหมายสูงสุด
หนังให้ผู้ชมจินตนาการถึงโลกอนาคตผ่านคำบอกเล่าของเจคในช่วงต่างๆ โลกที่คงจะชำรุดเสียหายไม่ต่างไปจากร่างพิการของทหารผู้กรำศึก เจคมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะหลุดพ้นออกไปจากร่างที่ไม่สมประกอบ โลกที่ทรุดโทรมของเราก็คงจะปรารถนาสิ่งเดียวกันนั้น
หนังให้ภาพของดาวแพนดอร่าเหมือนสรวงสวรรค์หรือจินตนาการอันงดงามในเทพนิยาย (ชื่อ แพนดอร่า เป็นตำนานปรำปราว่าด้วยหญิงนางหนึ่งที่ต้องห้ามมิให้เปิดกล่องแห่งภัยพิบัติซึ่งเป็นบททดสอบความสามารถในการยับยั้งชั่งใจของมนุษย์) หลายสิ่งที่พบเห็นบนดาวแพนดอร่าดูคล้ายโลกในอดีตก่อนที่จะถูกมนุษย์ชำเราจนไม่เหลือความบริสุทธิ์ บนดาวดวงนี้มีชนเผ่าชาวนาวีอาศัยอยู่ วิถีชีวิตของชาวนาวีประสานสัมพันธ์อย่างแนบแน่นกับสิ่งแวดล้อม มีความเคารพระหว่างกัน และสามารถยินเสียงเจตนารมณ์ของธรรมชาติ (ผ่านการแปลความประสงค์ของ เอวา ) ชาวนาวีมองเห็นจิตวิญญาณแท้จริงที่สถิตอยู่ภายในสรรพสิ่ง (ฉากต้นไม้เรืองแสงยามค่ำคืนแสดงให้เห็นจิตวิญญาณที่ดำรงอยู่ภายใน) เกิดเป็นธรรมเนียมทักทายระหว่างกันว่า I see you ความตายตามทัศนคติของชาวนาวีไม่ใช่การดับสูญ แต่เป็นการเดินทางเข้าสู่เอวา หลอมรวมกับจิตวิญญาณสากลคล้ายปรมัตมันในศาสนาพรามณ์-ฮินดู ชาวนาวีไม่เห็นแก่ตัว ไม่สะสมทรัพยากรหรือบริโภคเกินจำเป็น เข้าใจระบบการหมุนเวียนพลังงานระหว่างชีวิต เช่น สัตว์กินพืชที่ถูกชาวนาวีล่าเป็นอาหาร ร่างกายของสัตว์จะเป็นหนึ่งเดียวกับชาวนาวี ส่วนจิตวิญญาณจะหลอมรวมอยู่กับเอวา เป็นการฆ่าเพื่อยังชีพ มีศิลปะและสะอาดหมดจด ต่อมาเมื่อชาวนาวีตายลง ตามประเพณีจะนำศพไปวางไว้ภายในอ้อมกอดของรากไม้ใหญ่ ส่งต่อพลังงานที่เคยยืมใช้ให้ผืนป่าได้สูบกินเพื่อผลิพืชพันธุ์เป็นอาหารของเหล่าสัตว์ต่อไป หนุนเนื่องเช่นนี้เป็นวัฏจักร
ชาวนาวีมีรูปแบบการปกครองที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่ใช้อาวุธข่มขวัญหรือแสดงแสนยานุภาพระหว่างกันแต่ใช้สายสัมพันธ์ทางจิตวิญญาณเป็นเครื่องมือในการปกครอง ทั้งการครองใจฝูงชนในเผ่าและการปฏิบัติต่อสัตว์ในควบคุม (ที่ขับเคลื่อนด้วยสายสัมพันธ์) แตกต่างจากการบังคับบัญชาในระบบทหารของมนุษย์ซึ่งปกครองกันด้วยกฎเกณฑ์ที่เข้มงวด ใช้กำลังบังคับและมีลักษณะหยาบกระด้างไม่ต่างจากการควบคุมจักรกล
ชนชาวนาวีมีศูนย์รวมใจอยู่ที่ต้นไม้แห่งจิตวิญญาณ (tree of soul) เป็นแหล่งเชื่อมโยงโครงข่ายของทุกชีวิตที่มีความลึกซึ้งและสลับซับซ้อน ศูนย์รวมใจแห่งนี้คล้ายเป็นศาสนสถานในการประกอบพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ หนังสร้างสัญลักษณ์ของต้นไม้แห่งจิตวิญญาณให้เป็นตัวแทนความเชื่อทางศาสนาและความล้ำลึกทางวิทยาศาสตร์ที่ยังไม่ได้รับการอธิบาย
หากไททานิคคือเรือเดินสมุทรข้ามทวีปเพื่อแสวงหาโอกาสในโลกใหม่อย่างอเมริกา อวตารก็เป็นการเดินทางฝ่าอวกาศด้วยจุดประสงค์เดียวกัน หนังให้ภาพชาวนาวีคล้ายกับอินเดียนแดงในยุคล่าอาณานิคมของยุโรป (โครงเรื่องถอดมาจากประวัติศาสตร์ของโพคาฮอนทัสอย่างชัดเจน) ผู้กำกับเสริมลักษณะให้ชาวนาวีดูแปลกแยกจากมนุษย์ ด้วยสรีระคล้ายสัตว์ตระกูลแมว ผิวหนังสีฟ้า รองรับประเด็นเรื่องการเหยียดชาติพันธุ์ว่าชาวนาวีมีศักดิ์ต่ำกว่ามนุษย์ ไม่ต่างไปจากยุคค้าทาสที่เคยมองมนุษย์ด้วยกันเป็นเพียงสัตว์ประเภทหนึ่ง บทหนังในส่วนนี้แสดงสัจธรรมได้ชัดเจน ที่ไม่ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนผ่านไปเพียงใด แต่วิธีคิดของมนุษย์ก็ยังคงติดอยู่ภายในกรอบเดิมเหมือนไม่เคยได้รับการพัฒนา
อวตารบูรณาการประเด็นที่หลากหลายเข้าด้วยกัน ผู้ชมอาจคุ้นเคยหรือผ่านตามาแล้วจากหนังเรื่องอื่นอย่าง 2001 : A Space Odyssey ในประเด็นการเดินทางเพื่อแสวงหาแหล่งพลังงานจากต่างดาว วิธีการจำศีลบนยาน การวิเคราะห์เชิงปรัชญาถึงธรรมชาติของมนุษย์ที่มีพฤติกรรมซ้ำเดิมในแต่ละยุคสมัย (บทหนังที่สร้างชาวนาวีให้คล้ายกับอินเดียนแดงตามประวัติศาสตร์อเมริกา ยังทำให้นึกถึงฉากจบของ 2001 : A Space Odyssey ที่หลอมรวมอดีตและอนาคตไว้ด้วยกัน )
ประเด็นเรื่องการรุกรานวัฒนธรรมท้องถิ่น เห็นได้ชัดจากหนังโพคาฮอนทัสทั้งฉบับการ์ตูนและฉบับของผู้กำกับ Terrence Malick ในชื่อ The New World (มีประเด็นที่ลึกซึ้งเรื่องแม่ผู้ให้กำเนิดสรรพสิ่ง) หรือหนังของผู้กำกับ Edward Zwick เรื่อง The Lagend of The Fall , The Last Samurai , Blood Diamond ที่ยกย่องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของชนพื้นเมืองในทุกท้องถิ่น
ประเด็นเรื่องการอวตารหรือการถ่ายโอนสัมปชัญญะจากหนังเรื่อง The Matrix หรือ Thirtteen Floor ฉากที่นักวิทยาศาสตร์คัดลอกข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ไปยังแผ่นบันทึกซึ่งดูเหมือนกระจกใส อธิบายถึงการทำงานของจิตว่าเป็นเสมือนข้อมูลซึ่งถูกนำไปบรรจุในร่างอวตาร ถือเป็นการบรรยายทางอ้อมที่ฉลาด กระชับและชัดเจน ประเด็นเรื่องการอวตารยังสื่อถึงปรัชญาว่าด้วยการเวียนว่ายตายเกิด การไหวเวียนของจิตจากที่หนึ่งสู่อีกที่หนึ่ง หนังให้ภาพหีบศพพี่ชายฝาแฝดของเจคคล้ายกับอุปกรณ์ในการอวตาร สื่อถึงการเดินทางออกจากร่างของจิตวิญญาณไปยังจุดอื่น ประกอบกับคำยืนยันของเกรซก่อนตายซึ่งเธอกำลังละร่างเดิมเข้าสู่จิตวิญญาณสากลที่เรียกว่า เอวา การเกิดใหม่ของเจคในฉากจบที่มีร่างเปล่า (เสมือนทารกในครรภ์) รอการบรรจุจิตวิญญาณเพื่อเติมเต็มชีวิตให้สมบูรณ์
อวตารยังเป็นหนังแนวอนุรักษ์ธรรมชาติ ยักษ์ใหญ่สำหรับประเด็นนี้คงหนีไม่พ้นการ์ตูนญี่ปุ่นของสตูดิโอจิบลิ อย่าง Laputa (มีภูเขาลอยได้เหมือนกัน) , Princess Mononoke (โดยเฉพาะฉากเรืองแสงของป่าที่อุดมสมบูรณ์และจิตวิญญาณธรรมชาติในรูปของเทพารักษ์) , Spirited Away
อวตารจำแนกคนในเรื่องออกเป็น 3 กลุ่ม หนึ่งคือทัพทหารของควอริชท์ซึ่งมีวิธีคิดเหมือนคนเหล็ก เย็นชา แข็งแกร่ง นิยมความรุนแรง ฉากที่ควอริชท์นั่งจิบกาแฟระหว่างการรบและสั่งการให้ทหาร ค้นหาและทำลาย ถือเป็นกิริยาของจักรกลอย่างเห็นได้ชัด ควอริชท์กระหายสงครามอยู่ตลอดเวลา ไม่เชื่อในสันติวิธีและมักเหยียดกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ว่าเป็นพวกหัวฟูกล้ามฝ่อและไร้ประโยชน์สำหรับภารกิจครั้งนี้
สองคือกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ผู้บูชาระบบตรรกะเหนืออื่นใด เป็นตัวแทนของมันสมองหรือความเฉลียวฉลาด มีทัศนคติรังเกียจความรุนแรงของทหารและไม่ศรัทธาอำนาจเหนือธรรมชาติหากยังไม่มีคำอธิบายอย่างเป็นวิทยาศาสตร์
สามคือกลุ่มชนชาวนาวีซึ่งเป็นตัวแทนของจิตวิญญาณ ความลึกซึ้งทางอารมณ์ ความบริสุทธิ์แห่งชีวิต
ทั้งสามส่วนที่กล่าวมาถือเป็นองค์ประกอบสำคัญในการสร้างมนุษย์ให้มีความสมบูรณ์ เจคพระเอกของเรื่องมีองค์ประกอบเหล่านี้อย่างครบถ้วน ด้วยอดีตที่เคยเป็นนาวิกฯ ได้เรียนรู้กับกลุ่มมิตรแท้นักวิทยาศาสตร์และกลายเป็นผู้นำของชาวนาวีในที่สุด ตอนต้นเรื่อง หนังสร้างตัวละครของเจคให้ดูเหมือนคนเขลา ทว่าบริสุทธิ์ไร้เดียงสาเหมือนเด็ก ชาวนาวีมีทัศนคติว่ามนุษย์ส่วนใหญ่คือพวกน้ำเต็มแก้ว ไม่สามารถเรียนรู้หรือเชื่อในสิ่งใหม่ ต่างจากเจคผู้มีจิตวิญญาณบริสุทธิ์เป็นพื้นฐาน
อีกตัวละครหนึ่งที่ผมชอบคือเกรซหรือ ดร. ออกัสทีน เธอเป็นหญิงแกร่งและเก่ง เป็นผู้ก่อตั้งโรงเรียนสอนชาวนาวี เกรซไม่ศรัทธาอะไรง่ายๆ หากยังไม่ได้รับการพิสูจน์ (อย่างการดูถูกความสามารถของเจคในตอนต้นและการไม่เชื่อความมีอยู่จริงของเอวาจนได้ประสบด้วยตนเอง) พัฒนาการที่น่ารักในตัวเกรซคือสัญชาตญาณของความเป็นแม่ที่เธอแสดงออกต่อเจค อย่างการพาเข้านอน ทำอาหารให้กิน จู้จี้เรื่องอาบน้ำ ความรู้สึกระหว่างแม่ลูกที่หนังสื่อออกมาเปรียบได้กับสายสัมพันธ์ของธรรมชาติ (หรือเอวา) ที่เอื้ออาทรและปรารถนาดีต่อทุกชีวิต ไม่ต่างไปจากจิตวิญญาณของความเป็นแม่ การที่ธรรมชาติถูกทำลายด้วยน้ำมือมนุษย์ก็ไม่ต่างไปจากลูกทรพีซึ่งฆ่าแม่ของตน
อวตารถือเป็นคำเตือนจากอนาคตของเจมส์ คาเมรอน ว่าหากมนุษย์ยังคงอหังการ์และข่มเหงธรรมชาติไม่ต่างไปจากที่กระทำต่อชาวนาวี โลกสีฟ้าที่เคยงดงามอาจกลายเป็นดาวที่น่ารังเกียจที่สุดในจักรวาล
มนุษย์อาจทะนงตนแทนโลกว่าอนาคตแบบนี้ไม่มีทางเกิดขึ้น และเพิกเฉยต่อคำเตือนเหมือนที่ไททานิคเคยได้รับ ดำเนินชีวิตเรื่อยไปอย่างที่เคยเป็นมา กระทั้งเริ่มมองเห็นเค้าลองของมหันตภัยซึ่งก็อาจสายเกินไปที่มนุษย์จะกลับตัวได้ทัน
Create Date : 22 ธันวาคม 2552 |
Last Update : 21 มกราคม 2553 19:11:10 น. |
|
14 comments
|
Counter : 3920 Pageviews. |
|
|
|
โดย: chabori วันที่: 22 ธันวาคม 2552 เวลา:15:30:24 น. |
|
|
|
โดย: หนุ่ม IP: 61.47.25.97 วันที่: 22 ธันวาคม 2552 เวลา:17:14:40 น. |
|
|
|
โดย: Sweet Top วันที่: 22 ธันวาคม 2552 เวลา:19:34:39 น. |
|
|
|
โดย: หยิน IP: 58.8.86.33 วันที่: 2 มกราคม 2553 เวลา:14:54:37 น. |
|
|
|
โดย: Seam - C IP: 58.9.204.9 วันที่: 4 มกราคม 2553 เวลา:11:17:05 น. |
|
|
|
โดย: บลูยอชท์ วันที่: 6 มกราคม 2553 เวลา:15:55:58 น. |
|
|
|
โดย: โทรุคมัคโต IP: 124.122.209.103 วันที่: 8 มกราคม 2553 เวลา:13:17:29 น. |
|
|
|
โดย: navagan วันที่: 8 มกราคม 2553 เวลา:13:37:58 น. |
|
|
|
โดย: cobaltblue IP: 202.176.110.87 วันที่: 20 มกราคม 2553 เวลา:23:28:59 น. |
|
|
|
โดย: wOOtts IP: 204.114.196.11 วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:10:22:50 น. |
|
|
|
โดย: Apple101 IP: 203.144.144.165 วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:15:04:26 น. |
|
|
|
โดย: Apple101 IP: 203.144.144.165 วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:15:07:37 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ขอให้มีความสุขนะคะ
ขอให้มีโชคหมดทุกข์โศกโรคภัย
พ้นเคราะห์ที่เลวร้าย พันภัยด้วยเทอญ