Group Blog
 
<<
เมษายน 2559
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
15 เมษายน 2559
 
All Blogs
 
หัวใจสุด Strong! "ชมพู่" สวยสู้ชีวิต ดีกรี "มิส วีลแชร์"



หัวใจสุด Strong! ชมพู่ สวยสู้ชีวิต ดีกรี มิส วีลแชร์
"ไม่ต้องสงสารก็ได้นะ เพราะตอนนี้หนูไม่ได้เศร้าแล้วค่ะ เข้มแข็งแล้ว ก็แค่เดินไม่ได้ ไม่เป็นไรเลย" เป็นคำพูดอันทรงพลังที่ออกมาจากปากของสาวสวยดีกรี "ดาวคณะ-มิสวีลแชร์ 2012" เมื่อครั้งที่เคยให้สัมภาษณ์กับผู้จัดการออนไลน์ในปี 2555 หลังต้องต่อสู้กับโชคชะตา และความโศกเศร้าเสียใจที่สุดในชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนซึ่งเปลี่ยนชีวิตเธอไปตลอดกาล เพราะขาทั้งสองข้างใช้งานได้

ทว่า "ชมพู่-ภัทราวรรณ พานิชชา" กลับลุกขึ้นสู้ ก้าวเดินด้วยหัวใจที่มุ่งมั่นจนสำเร็จการศึกษาจากคณะสังคมสงเคราะห์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเข้าสู่ชีวิต "คนทำงาน" ที่มีความสามารถ และศักยภาพไม่น้อยไปกว่าคนที่มีร่างกายสมบูรณ์ ปัจจุบันพิธีกรร่วม "รายการ 7 สีช่วยชาวบ้าน" ทางช่อง 7 และนักวิเคราะห์ในองค์กรด้านธุรกิจเคมีภัณฑ์ของกลุ่มบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่

ใช้สิ่งที่ "มี" ให้เกิดประโยชน์


"ตอนนี้ทำงานอยู่ 2 ที่ค่ะ เป็นพิธีกร 7 สีช่วยชาวบ้านทางสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 แล้วก็เป็นนักวิเคราะห์อยู่ที่ พีทีที โกลบอล เคมิคอล เพิ่งเริ่มทำงานเมื่อต้นเดือนเมษายนนี่เองค่ะ ซึ่งจะเป็นงานหลัก ส่วนพิธีกรช่อง 7 ทำมาได้ 5-6 เดือนแล้ว ส่วนตัวรู้สึกโชคดีมากๆ และดีใจมากๆ (เน้นเสียง) เพราะเป็นงานที่ใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็ก




พอทางช่อง 7 สีเปิดโอกาสให้ชมพู่ได้เข้าไปเทสต์หน้ากล้องจนถูกเลือกให้เข้าไปทำงานร่วมกันกับผู้ดำเนินรายการมากความสามารถอย่างพี่จีรนันท์ เขตพงศ์ ชมพู่รู้สึกดีใจมาก อย่างแรกคือได้ทำความฝันของตัวเองให้เป็นจริงขึ้นมาได้ แม้ร่างกายจะไม่พร้อม เรายังมีมือ มีสมอง มีหัวใจที่สามารถทำงานออกมาได้ดี อีกอย่างหน้าที่หลักๆ ไม่ได้ลงพื้นที่ก็เลยไม่มีอุปสรรคในการทำงานค่ะ" อดีตมิสวีลแชร์วัย 24 ปี เล่าถึงหน้าที่การงานที่ทำอยู่ เป็นการพิสูจน์ให้เห็นชัดว่า ถึงจะพิการแต่สามารถทำงาน และทำตัวให้มีประโยชน์ได้

หยุดคิด "ทำไมต้องเป็นฉัน"


"สุขภาพตอนนี้ก็ปกติค่ะ ก็แค่เดินไม่ได้เหมือนเดิม (หัวเราะ)" เธอพูดติดตลกถึงความพิการที่ชินชาไปแล้ว "ถ้ามัวแต่ไปโทษตัวเอง โทษโชคชะตา หรืออิจฉาชีวิตคนอื่น สุดท้ายก็ยังเดินไม่ได้อยู่ดี เอาเวลาที่เสียไปจากการนั่งน้อยใจชีวิตมาทำชีวิตให้มีความสุขดีกว่า"เธอบอก และอยากให้ทุกคนเปลี่ยนความคิดจาก "ทำไมเรื่องแย่ๆ ต้องเกิดขึ้นกับเรา" มาคิดรับมือกับปัญหาดีกว่า


"ส่วนตัวไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองมองโลกในแง่บวกหรือเปล่านะ (หัวเราะ) แต่ชมพู่จะมองในความเป็นจริงของชีวิต ถ้าเกิดเหตุการณ์แย่ๆ ขึ้นกับเรา เราจะดำเนินชีวิตต่อไปอย่างไรมากกว่า ไม่ใช่มองให้มันเลวร้ายลงไปอีก อย่างชมพู่เจออุบัติเหตุจนเดินไม่ได้ เราก็มองว่า โอเค มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตของเราแล้ว




ต่อจากนี้เราจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร มันสำคัญมากกว่าที่จะไปโฟกัสว่าสิ่งเลวร้ายต่างๆ มันทำให้ชีวิตเราแย่อย่างไร ทำไมต้องเป็นเรา ซึ่งมันเป็นคำถามที่หลายคนชอบพูดเสมอว่า ทำไมต้องเป็นฉัน ทำไมฉันต้องเป็นผู้โชคร้าย แรกๆ ยอมรับนะคะว่าชมพู่ก็เคยตั้งคำถามกับตัวเองแบบนี้เหมือนกัน

       สุดท้ายมันก็ไม่ได้มีคำตอบให้เราว่า ทำไม เพราะอะไร มันอาจจะเป็นเพราะโชคชะตา หรือความโชคร้ายจากอะไรก็ตาม แต่ถ้ามัวแต่โทษนั่น โทษนี่ ชีวิตก็ไม่ได้มีอะไรดีขึ้นมา สู้ใช้ชีวิตกับสิ่งที่มันเป็นไปแล้วดีกว่า อย่างชมพู่พอคิดได้ มองชีวิตตามความเป็นจริง เราก็ใช้ชีวิตให้มันดีที่สุด"


แม้การทำใจยอมรับความจริงกับเรื่องร้ายๆ จะยากสำหรับใครบางคน แต่ชมพู่มองว่า ถึงจะยาก แต่ก็ไม่ยากจนเกินไป


       "ชมพู่เริ่มทำใจยอมรับมาตั้งแต่วันที่อยู่ในห้องไอซียูแล้วค่ะ แต่ยังไม่เต็มร้อย เพราะชมพู่อยู่ด้วยความหวัง หวังว่าวันหนึ่งมันจะหาย บอกกับตัวเองว่า ตอนนี้กำลังเจ็บหนักอยู่ แต่ถ้ารักษาดีๆ เราอาจจะกลับมาเดินได้ สุดท้ายฝันสลายค่ะ หมอบอกรักษาได้แค่นี้นะ ชมพู่นี่น้ำตาแตกเลย แต่ก็ร้องไห้แค่วันนั้นวันเดียว วันรุ่งขึ้นก็เดินหน้าต่อไป อาจเป็นเพราะเราอยู่กับสภาพแบบนี้มาหลายเดือนแล้ว มันก็เลยรู้สึกว่า ไม่เป็นไร ชีวิตมันมีอะไรดีๆ รออยู่ข้างหน้าอีกตั้งเยอะ แค่เดินไม่ได้เอง ซึ่งมันไม่ได้หมายความว่าชีวิตจะจบลงแค่นี้ซะเมื่อไร




ส่วนตัวเข้าใจนะคะ การยอมรับต่อเรื่องร้ายๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของแต่ละคนมันไม่เท่ากัน ชมพู่ในฐานะคนที่เคยผ่านมันมาแล้ว อยากจะบอกว่า ถ้ามีเรื่องเลวร้ายเข้ามาแล้วยังยอมรับความจริงไม่ได้ คุณไม่ผิดหรอกค่ะ ของแบบนี้มันต้องใช้เวลา ใช้กำลังใจจากคนรอบข้าง รวมไปถึงกำลังใจจากตัวเอง คือสิ่งที่สำคัญมากๆ เลยนะ เพราะแม้หลายๆ คนจะบอกให้เราสู้ๆ ถ้าใจเรามันไม่สู้ มันก็เปล่าประโยชน์"

อุบัติเหตุ เปลี่ยนนิสัย

       ไม่เพียงแต่อุบัติเหตุในครั้งนั้นจะเปลี่ยนชีวิตเธอไปตลอดกาลแล้ว ยังเปลี่ยนนิสัยไม่ดีๆ หลายอย่างให้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดด้วย


       "เมื่อก่อนอาจจะด้วยความเป็นวัยรุ่น หรืออาจจะเป็นนิสัยของชมพู่เอง (หัวเราะ) ตอนนั้นไม่ค่อยแคร์ใครค่ะ เพราะมองว่า คนอื่นไม่ได้มีอิทธิพลกับชีวิตเรา แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไปก้าวร้าว หรือทำนิสัยไม่ดีกับใครนะคะ ชมพู่แค่รู้สึกว่า เราไม่เห็นจำเป็นต้องแคร์เขา จริงๆ ก็นิสัยไม่ดีแหละค่ะ (ยิ้ม)

พอเรามาเป็นแบบนี้ บางครั้งจำเป็นต้องให้คนรอบข้าง รวมไปถึงคนในสังคมช่วยเหลือเรา เพราะบางเรื่องเราไม่สามารถทำอะไรได้เอง ถ้ายังเป็นคนที่ไม่แคร์ใคร คิดว่าฉันทำทุกอย่างด้วยตัวเองคนเดียวได้ ชมพู่ก็คงอยู่ในสังคมลำบาก

หลังจากเกิดอุบัติจนเดินไม่ได้ ชมพู่รู้สึกว่าตัวเองค่อยๆ มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีขึ้น ซึ่งพอลองกลับมาคิดทบทวน เออเนอะ (ยิ้ม) การที่เดินไม่ได้ มันเปลี่ยนให้เราเป็นคนยิ้มแย้ม แจ่มใส เจอใครก็ยิ้มให้ สิ่งเหล่านี้เลยทำให้มีคนรัก เอ็นดู ใครเห็นก็จะอยากจะช่วยเหลือ ซึ่งก็ต้องขอบคุณความพิการที่เปลี่ยนนิสัยให้ดีขึ้น"


"ความสุข" อยู่รอบๆ ตัว


       ถ้ารู้ว่าอะไรทำให้มีความสุข อย่างน้อยๆ ก็น่าจะพอรู้วิธีที่จะทำให้ตัวเองมีความสุขมากขึ้น เช่นเดียวกับ "ชมพู่" ที่รู้ว่าการกิน อาหารอร่อยๆ และการวางปัญหาที่หนักอึ้งไว้ชั่วคราวก่อน คือวิธีทำให้ชีวิตมีความสุข




"ถ้าตอบไปมันจะดูตลกมั้ยอ่ะคะ ชมพู่ชอบกินค่ะ (ยิ้มเขินๆ) เวลาชมพู่เศร้าๆ เครียดๆ มักจะหาอะไรอร่อยๆ คลายทุกข์ คลายเครียด โดยเฉพาะเมนูเย็นๆ หวานๆ ที่ช่วยให้รู้สึกสดชื่น อารมณ์ดีขึ้น หรือวันไหนอยากออกไปชิลนอกบ้านกับเพื่อน ชมพู่เป็นคนชอบสรรหาร้านอาหารอร่อยๆ เช่น ร้านอาหารญี่ปุ่น แต่ถ้าเจอความเครียดหนักๆ พู่จะใช้วิธีวางมันไว้ก่อน หลายคนมองว่าเป็นการทิ้งปัญหาหรือเปล่า ไม่ใช่ค่ะ แค่วางไว้ก่อนค่ะ พอใจเย็นขึ้น ผ่อนคลายขึ้นค่อยกลับไปลุยกับมันใหม่" อดีตมิสวีลแชร์เผยวิธีทำให้ชีวิตมีความสุข

       อย่างไรก็ดี แม้ความสุขเกิดขึ้นเพราะการได้กินอาหารอร่อยๆ แต่เธอก็เปรยให้ฟังถึงน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นจนเริ่มรู้สึกว่าตัวเองอ้วนขึ้นมาก "ตอนนี้รู้สึกอ้วนขึ้นมากเลย ชมพู่กำลังกินอาหารคลีนอยู่ค่ะ" เธอบอก ก่อนจะเผยถึงการออกกำลังกายที่แม้จะมีไม่มาก แต่ก็จะพยายามให้มากขึ้น "ทำได้แค่ออกกำลังแขนค่ะ ทุกวันนี้ก็เหมือนได้ออกกำลังกายไปในตัวนะ (ยิ้ม) เพราะต้องใช้แขน ใช้มือออกกำลังในการเข็นวีลแชร์ (ยิ้ม)"


       นอกจากนั้น ความสุขยังเกิดขึ้นเมื่อเป็นผู้ให้ "ชมพู่มีโอกาสได้เชิญไปเป็นวิทยากรตามเวทีต่างๆ ส่วนใหญ่ไปพูดให้กำลังใจ บอกเล่าชีวิตของเราที่ผ่านความพิการมาได้อย่างไร นอกจากนั้นก็จะเป็นเรื่องความพิการกับสิทธิในสังคม เช่น การศึกษา การปรับพื้นที่ให้เหมาะสมกับคนพิการ เป็นต้น ส่วนการให้ในลักษณะช่วยเหลือสังคมก็เคยไปทำกิจกรรม เลี้ยงขนม เลี้ยงอาหารกลางวันที่บ้านพักคนชราค่ะ"


เราไม่ได้อยู่คนเดียวอยู่คนเดียว




"เราไม่ได้อยู่คนเดียวอยู่คนเดียว" เป็นชื่อหนังสือของนักเขียนคนโปรด "จิรเบลล์ (JIRABELL)" ที่ทำให้ "ชมพู่" รู้สึกว่า ชีวิตยังมีใครหลายคนที่อยู่คนเดียวเหมือนๆ กัน ซึ่งเป็น 50 ทวีตจริงที่อ้างอิงจากชีวิต 50 คนรอบตัว เขียนออกมาในรูปแบบความเรียงรวบรวมประสบการณ์ที่พบเจอในแต่ละวันของผู้เขียน ทำให้ใครหลายคน รวมไปถึงตัวเธออยากยกระดับความสำคัญให้กับทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต โดยเฉพาะคนธรรมดาที่พบเจอในแต่ละวัน

"มีหนังสือที่อ่านเพราะเป็นนักเขียนในดวงใจชื่อจิรเบลล์ (JIRABELL) เป็นหนังสือที่รวมหลายๆ เรื่องราวไว้ในเล่ม ซึ่งจะเป็นเรื่องของผู้เขียนที่จะเขียนบอกเล่าให้อ่าน เป็นความประทับใจในแต่ละช่วงชีวิตของเขา เช่น ตอนหนึ่งเขียนว่า บางคนผ่านเข้ามาแค่มาบอกเราว่าทับทิมกรอบเจ้านี้อร่อยนะ มันเป็นหนังสือฟิวกู้ด ทำให้ชมพู่ใส่ใจคนรอบๆ ตัวมากขึ้น จำได้ว่า อ่านเสร็จโทร.ไปหายายเลยค่ะ (ยิ้ม) แล้วก็ถามยายว่ากินข้าวหรือยัง ทำอะไรอยู่" เธอเผยถึงสิ่งที่ได้จากการอ่านหนังสือเล่มนี้ ก่อนจะย้ำว่า "เราไม่ได้อยู่คนเดียวอยู่คนเดียว"


เรื่องรักๆ ฉบับ "ชมพู่"


"ยังไม่มีแฟนค่ะ" เธอบอกทันทีเมื่อถูกถามเรื่องของหัวใจ "แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่มีคนเข้ามานะคะ (ยิ้ม) ที่ผ่านมาก็มีมาจีบ มาชอบ ส่วนตัวยังไม่พร้อมจะคบกับใครมากกว่า มันเจ็บอ่ะค่ะ เวลาเราชอบใครสักคน ทั้งๆ ที่ถูกจีบก่อน สุดท้ายคนที่เข้ามาจีบก็เป็นฝ่ายทิ้งเราไปก่อน ดังนั้น เวลาจะคบกับใครมันก็เลยคิดหนักหน่อย เพราะไม่อยากเสียใจซ้ำๆ หรือเจ็บแบบซ้ำๆ เหมือนที่ผ่านๆ มาแล้ว (น้ำเสียงเศร้าๆ)"




ดังนั้น บทเรียนความรักที่ผ่านมา สอนให้รู้ว่า "เวลาจะตัดสินใจคบใครสักคนหนึ่ง เราและเขาต้องเรียนรู้นิสัยใจคอของกันและกันให้ดีเสียก่อน อย่าไวในการตัดสินใจ เพราะอาจจะเสียใจในภายหลังได้ ตอนนี้ก็ยังไม่ตัดสินใจคบใครค่ะ เพราะต้องดูก่อนว่าคนที่เข้ามาจะรัก และอยากดูแลเราจริงๆ มั้ย

เมื่อถามถึงการแต่งงาน "รู้สึกว่าเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับชมพู่มาก" เธอเอ่ยขึ้น "ด้วยความที่ชมพู่ยังไม่มีแฟนที่คบกันมาหลายๆ ปี มันก็เลยเลือนลางในเรื่องนี้ แต่ชมพู่ก็เหมือนผู้หญิงทั่วไปที่อยากจะแต่งงานนะ อยากสวมชุดเจ้าสาว แต่ตอนนี้ยังหาคนมาแต่งด้วยไม่ได้เลยค่ะ" พูดจบก็หัวเราะยาว

       สุดท้ายนี้ ในฐานะคนเคยผ่านเรื่องแย่ๆ ที่สุดในชีวิตมาแล้ว คำพูดเล็กๆ น้อยๆ ต่อจากนี้ น่าจะช่วยให้ความทุกข์ของใครหลายคนกลายเป็นแค่เรื่องชั่วคราวได้ "ถ้าวันนี้มันเป็นวันที่โชคร้ายของเรา พรุ่งนี้มันต้องดีกว่าวันนี้สิ ไม่ใช่เราคนเดียวซะหน่อยที่เจอเรื่องแบบนี้ ปัญหาคนอื่นอาจจะใหญ่กว่าเราด้วยซ้ำ แต่เขายังผ่านมันมาได้ ดังนั้นหากมีปัญหาหนักๆ เข้ามา ไม่ไหวก็วางไว้ก่อน อารมณ์ดีแล้วค่อยลุยต่อ"


       ทั้งหมด คือมุมคิดของ "ชมพู่" ที่แม้จะพิการ เดินไม่ได้ แต่สิ่งที่ไม่พิการเลยก็คือ "หัวใจ" ที่มุ่งมั่น ใช้สิ่งที่ "มี" ดึงศักยภาพทั้งหมดออกมาอย่างเต็มที่ โดยไม่คิดว่า "เราขาดอะไรไป" แต่กลับเปลี่ยนเป็นว่า "เรามีอะไรบ้าง" ซึ่งการมองแบบนี้ทำให้เธอทำงาน และทำประโยชน์ให้สังคมได้แม้ร่างกายไม่สมบูรณ์

แม้จะเป็นการคุยกันสั้นๆ แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดคือ ดวงตาที่สดใสมองเห็นโลกในด้านบวก แถมยังมีหัวใจที่มุ่งมั่น กล้าหาญมากกว่าใครหลายคนที่เดิน เหินได้ดีเสียอีก


Create Date : 15 เมษายน 2559
Last Update : 15 เมษายน 2559 11:09:55 น. 1 comments
Counter : 2237 Pageviews.

 
เยี่ยมจริงๆ สาวน้อยหัวใจแกร่ง สวย ฉลาดคิด หัวใจงาม ผมเชื่อว่ามีผู้ชายอีกจำนวนมากที่อยากดูแลเธอ


โดย: ลูกผู้ชาย IP: 171.4.249.165 วันที่: 15 เมษายน 2559 เวลา:14:13:32 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ลูกโป่งลอยฟ้า_ชิงช้าสวรรค์
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 63 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ลูกโป่งลอยฟ้า_ชิงช้าสวรรค์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.