ทันทีที่เจอกันเราทักเธอทันที "โอ้โหผอมลงมาก" เธอหัวเราะเสียงใสตอบกลับมาว่า "ใช่ค่ะ(ยิ้มกว้าง) แต่ยังไม่สุดต้องผอมอีกตอนนี้จ้างเทรนเนอร์อย่างจริงจังเลยค่ะ จ้างเองเลย(หัวเราะ) ฝ้ายบอกพี่เทรนเนอร์ว่าพี่คะหนูอยากผอมให้เร็วที่สุด แต่ไม่ได้ผอมแบบแห้งๆ ขอผอมแบบเฟิร์มๆ พี่ช่วยหนูหน่อย(หัวเราะ) ส่วนเรื่องอาหารการกินก็เปลี่ยนเลยค่ะ ทานอาหารคลีนๆ เน้นคุณประโยชน์ของอาหารให้ครบ 5 หมู่ เลี่ยงอาหารรสจัด อาหารปรุงมันเกิน เค็มเกิน หวานเกิน"

วัยเด็กของด.ญ.เวฬุรีย์ เป็นยังไงบ้าง
"ตอนเด็กฝ้ายเป็นเด็กกิจกรรม ฝ้ายอยู่ที่เมืองกาญจน์ตั้งแต่ป.1-ม.6 ฝ้ายอยู่กับแม่ทำกิจกรรมทุกอย่างโดยมีแม่สนับสนุนตั้งแต่ประกวดเต้นของโรงเรียน เป็นเชียร์ลีดเดอร์ เป็นดรัมเมเยอร์ แต่พอเข้ามัธยมก็ทำกิจกรรมน้อยลง เน้นการเรียนมากขึ้น แต่ก็ยังมีกิจกรรมควบคู่ไปด้วย ฝ้ายมีชีวิตแบบเด็กต่างหวัดเลยค่ะ เที่ยวเล่นตามประสาเด็ก แต่ก็ไม่ได้เฮี้ยวนะ เน้นสนุกสนาน ทะโมนๆ มากกว่า(หัวเราะ) แต่ด้วยปัจจัยที่ว่าตอนเรียนมัธยมอยู่ห้องศักยภาพพิเศษวิทย์-คณิตที่เน้นการเรียนมาก ทำให้ไม่มีเวลาซ่ามาก (หัวเราะ) ต้องตั้งใจเรียน

แต่ถ้าถามถึงวีรกรรมมีเยอะมาก (หัวเราะ) อย่างช่วงเรียนม.ปลาย ห้องฝ้ายจะมีผู้หญิงน้อย 8 คน ผู้ชายจะ 10 กว่าคน ผู้หญิงทุกคนก็จะดูแมนๆ เล่นกับผู้ชาย พวกหนูก็จะแกล้งเพื่อนผู้ชายเอาน้ำปลาใส่ถุงแล้วยัดเข้าไปในรองเท้าเพื่อนผู้ชาย ซึ่งมันเป็นรองเท้าผ้าใบ (หัวเราะ) ซึ่งพอผู้ชายใส่เข้าไปมันก็จะแตกแล้วก็เหม็นติดเค็มกันไปตั้งแต่เช้า แต่ตอนเย็นก็โดนเอาคืนพวกผู้ชายเอารองเท้าหนูไปฝังในกองทรายกลบด้วยกองขี้หมา (หัวเราะ)"

ได้ยินมาว่า "ฝ้าย" เป็นเด็กเรียนเก่งมาก
"เรียกว่าเป็นเด็กเรียนกลางๆ ในห้องเด็กเก่งดีกว่าค่ะ แต่ฝ้ายเป็นคนค่อนข้างตั้งใจเรียนเน้นจดเพื่อให้เราเข้าใจง่ายยิ่งขึ้น ด้วยความที่ชอบจดเวลาอาจารย์สอนฝ้ายก็จะจดตลอด พอใกล้สอบเราก็มานั่งอ่านที่เราจด ซึ่งฝ้ายว่ามันได้มากกว่าการที่เราแค่นั่งฟังอาจารย์ในคาบนะคะ เพราะถึงเราตั้งใจฟังแค่ไหนแต่พอถึงวันที่สอบฝ้ายว่าเราก็ลืมนะถ้าเราไม่ได้จดเอาไว้เพื่อทบทวน"

ฉายา "เวฬุรีย์" สาวกาญจน์ดาวตลาดล่ะ
"(หัวเราะ) ไม่ได้ถึงกับเป็นดาว ไม่ได้เด่นดังอะไร แต่ด้วยความที่แม่เราเป็นแม่ค้าขายนมปั่นในตลาดอำเภอ เลิกเรียนหนูก็จะไปช่วยแม่ขาย คนก็จะรู้จักเยอะว่าน้องคนนี้ขายนมปั่น (เรียกว่าเป็นดาวตลาด) จะเรียกอย่างงั้นก็ได้(หัวเราะ)"

จากข่าว "ฝ้าย" ดูเป็นสาวแรงๆ แรงอย่างนี้ตั้งแต่เด็กหรือเปล่า
"ไม่ใช่เลยค่ะทุกวันนี้ก็ไม่ใช่ คนที่รู้จักหนูจะรู้ค่ะว่าหนูเป็นคนยังไงไม่ได้แรงอย่างที่หลายคนเข้าใจ เรารู้กาลเทศะว่าเราจะต้องทำอะไรในตอนไหน ข้อเสียของฝ้ายคือเป็นเด็กไม่ค่อยมีความมั่นใจด้วยซ้ำ เวลาเรียนไม่เข้าใจบางทียังไม่กล้ายกมือถามครูเลย"

เห็นว่าเป็นเด็กที่ติดแม่มาก
"ใช่ค่ะเพราะพ่อจะอยู่กรุงเทพฯ ฝ้ายเลยอยู่กับแม่ตลอดเป็นคนติดแม่มาก ยิ่งตอนเด็กยิ่งติดต้องนอนกับแม่ทุกคืน พอโตขึ้นมาหน่อย ด้วยความที่คุณแม่ขายของในตลาด ตกเย็นฝ้ายก็จะออกมาช่วยแม่ตั้งร้าน พอค่ำก็ช่วยขายช่วยเสิร์ฟ ไม่อยากให้เขาเหนื่อยมาก ทุกช่วงชีวิตฝ้ายโตกับแม่เลยค่ะ"

แล้วตอนนี้คุณแม่ยังขายนมปั่นที่ตลาดอยู่มั้ยคะ
"ไม่ได้ขายแล้วค่ะ เพราะแม่เพิ่งไปผ่านิ่วในถุงน้ำดี แล้วการผ่าตัดของแม่ไม่สามารถผ่าตัดแบบเล็กได้เพราะมีพังพืดแม่เลยต้องผ่าตัดใหญ่ ทำให้ตอนนี้ถ้าทำอะไรที่ต้องออกแรงมากๆ แล้วจะเจ็บท้อง ก็เลยไม่อยากให้เขาทำ"

นี่คือเหตุผลที่ "ฝ้าย" ก้าวเข้ามาอยู่ในวงการหรือเปล่า
"ใช่ค่ะเป็นส่วนหลักเลย ฝ้ายอยากให้แม่สบายเหนื่อยมานานแล้ว แต่เรื่องงานฝ้ายก็ทำตั้งแต่ก่อนเข้ามาอยู่ตรงนี้แล้ว ไม่ว่าจะขายของของในอินเทอร์เน็ต ขายของตามตลาด อะไรที่จะเป็นช่องทางขายของได้ฝ้ายไปหมด เราต้องกอบโกย(หัวเราะ) ไม่ใช่หรอกค่ะการค้าขายมันเป็นอาชีพที่สุจริต เราเองก็สามารถทำได้ดี อาจจะเพราะฝ้ายเห็นแม่ขายของมาตั้งแต่เด็กๆ เราก็คงติดความเป็นแม่ค้ามามั้งค่ะ แม่ก็เห็นฝ้ายหาของมาขาย แม่ก็บอกอะทำไปๆ ถ้าเกิดเธอบริหารได้เธอก็ทำของเธอไป(หัวเราะ)"

ถามถึงตอนเข้าประกวดบ้าง ตอนแรก "ฝ้าย" ก็เข้ามาในวงการบันเทิงแล้ว ทำอยู่ๆ ถึงเข้าประกวดอีก
"หลายๆ คนเชียร์ค่ะว่าน่าจะไปนะ แล้วด้วยความที่ฝ้ายก็หมดสัญญาจากสตอเบอร์รี่ชีสเค้กแล้ว เราก็มานั่งคิดว่าเอ๊ะแล้วเราจะทำอะไรต่อไปดี ก็เลยเข้ามาประกวด เราก็เห็นว่าเป็นเวทีอันทรงเกียรติหนูก็เลยเข้ามาสมัคร คนรอบข้างก็ผลักดัน เชียร์ให้มาประกวด ตอนแรกก็คิดว่าจะไม่มา เพราะหนึ่งเลยเราก็ยังอวบอยู่ แต่ก็เห็นว่าเป็นโอกาสที่ดีที่จะลอง เราเองก็ไม่ได้คิดว่าเราจะได้ ถามว่ามันเป็นฝันมั้ย ใช่ค่ะเป็นหนึ่งในฝันของฝ้ายที่อยากเป็นนางสาวไทย อยากเป็นมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส"

ได้ตำแหน่งแล้วกลับต้องเจอมรสุมเยอะมาก "ฝ้าย" ผ่านตรงนั้นมากได้ยังไง
"ใช่ค่ะมรสุมเยอะมากมาย แต่ฝ้ายมีพ่อ แม่และเพื่อนค่อยให้กำลังใจตลอด ทุกคนจะค่อยบอกว่าไม่เป็นไรนะ เราอยู่เฉยๆ เราไม่ได้ทำอะไร อย่าไปฟังเสียงคนอื่นมาก เราทำตัวของเราให้ดีแล้วสักวันหนึ่งคนจะรู้เองว่าเราเป็นยังไงเราไม่ได้เป็นอย่างที่เขามองด้านเดียว"

แล้วทำไมอยู่ๆ ถึงออกมาประกาศสละตำแหน่ง
"ตอนที่โดนหนักๆ ความรู้สึกเหมือนเราต้องอยู่ในกรอบที่เราไปไหนไม่ได้เลย เรากลัวว่าเราออกไปเจอคน คนเขาจะเกลียดเรามั้ย เขาคิดยังไงเพราะเราโดนแอนตี้หนัก ยิ่งในสังคมโซเชียลมีเดียทุกอย่างกระจายเร็วมาก ตอนนั้นฝ้ายกลัวการออกไปข้างออกเลย ความรู้สึกอย่างนี้ทำให้ฝ้ายรู้สึกว่ามันไม่ใช่แล้ว

ตัวฝ้ายเองพยายามทำความเข้าใจว่ามีคนรักก็ต้องมีคนเกลียด แต่หนูเองก็ยังไม่มีความสบายใจอยู่ดี คือลำพังแค่ตัวเราน่ะยังสู้ไหวสามารถป้องกันความรู้สึกตัวเองไหวอยู่ แต่ฝ้ายหันไปเจอแม่ แม่ดูเหมือนผอมลง บางทีแม่ก็บ่นว่าแม่นอนไม่หลับ แม่ไม่สบายใจเลย ฝ้ายก็เลยนั่งคุยกับแม่ ว่าแม่เอาอย่างนี้ดีมั้ย ฝ้ายจะสละตำแหน่งแม่คิดว่ายังไง แล้วก็ไปปรึกษากับคุณพ่อคุณย่า ทุกคนก็โอเคถ้าฝ้ายอยากสละตำแหน่ง ทุกอย่างเป็นการตัดสินใจกันภายในครอบครัวฝ้าย ฝ้ายไม่ได้ถูกกองประกวดบีบให้อย่างที่เป็นข่าว ทั้งหมดฝ้ายตัดสินใจเอง"

ตอนนี้สบายใจขึ้นเยอะหรือยัง
"มาก(ลากเสียง) คุณแม่ก็สบายใจไปไหนมาไหนได้ ถามว่าเสียดายมั้ย แรกๆ ก็มีเสียดายนิดนึง คือในมุมมองของฝ้ายรางวัลทั้งหมด สิ่งของ ชื่อเสียงเกียรติยศเราก็ต้องเสียดายเป็นธรรมดา แต่ถ้าเทียบกับการใช้ชีวิตต่อไปของเรา ฝ้ายว่าการเป็นมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ของฝ้ายก็จะอยู่ในตำแหน่งแค่ปีเดียว แต่ชีวิตฝ้ายยังต้องดำเนินต่อไปอีกไกลทั้งชีวิต

จริงๆ มีคนบอกฝ้ายเหมือนกันนะว่าทำไมไม่อยู่เงียบๆ เดียวเรื่องก็เงียบไปเอง แต่สำหรับฝ้ายไม่รู้สิถึงรอให้เรื่องซาจนผ่านไปเอง แต่เราก็ยังมีความทุกข์อยู่ในใจ ตลอดเวลาที่เรายังไม่สละตำแหน่งเราไม่มีความสุขเลย ฝ้ายก็เลยคิดว่าเราเลือกทำอะไรที่เรามีความสุขดีกว่า เงินทองเราหาวันอื่นได้ไม่จำเป็นที่จะต้องมาหวังทางนี้ทางเดียว ชีวิตหนูไม่ได้มีทางนี้แค่ทางเดียว หนูยังมีอย่างอื่นอีกเยอะแยะที่หนูอยากทำ"

ดูพื้นฐาน "ฝ้าย" เป็นคนใจเด็ดนะ
"หนูคิดว่ามีปัญหามันก็ต้องแก้ ฝ้ายว่าช่วงนั้นฝ้ายอยู่อย่างไม่มีความสบายใจ เราก็เครียด พอเครียดความเครียดมันก็ออกมาทางหน้าตา ตอนนั้นทุกคนทักว่าหน้าหมอง ฝ้ายเลยลุกขึ้นมาเผชิญหน้า ฝ้ายไม่หนี หนีไปทุกอย่างก็ตามทันเราอยู่ดีเพราะฉะนั้นเราต้องแก้"

ตอนนี้ "แอลลี่" มารับตำแหน่งแทนอยากฝากอะไรถึง "แอลลี่" มั้ย
"ฝากให้กำลังใจแอลลี่ค่ะ ตอนนี้แอลลี่พร้อมมากแล้วในทุกด้าน แต่ฝ้ายเอาใจช่วยขอให้แอลลี่พัฒนาศักยภาพตัวเองให้ดียิ่งๆ ขึ้นไปให้มีความพร้อมที่จะเป็นตัวแทนชาวไทยไปประกวดที่บราซิล อยากให้แอลลี่สู้ๆ ไม่ต้องไปฟังคำคนอื่นมากมาย มีคนรักก็ต้องมีคนไม่ชอบเรา แต่ฝ้ายมั่นใจค่ะว่าคนรักแอลลี่มากมายอยู่แล้ว"

วางแผนอนาคตไว้ยังไงโดยเฉพาะในวงการบันเทิง
"ตอนนี้สิ่งแรกคือลดความอ้วน(หัวเราะ) ทำให้ร่างกายเฟิร์ม ฝ้ายอยากเป็นตัวอย่างของการดูแลตัวเอง ดูแลสุขภาพร่างกายให้เฟิร์มมากขึ้น อยากให้คนเห็นว่าฝ้ายที่เคยหุ่นไม่ดี ไม่สมส่วนสามารถพัฒนาปรับปรุงตัวเองได้ ฝ้ายเชื่อว่ามีหลายคนมองฝ้ายอยู่ ถ้าฝ้ายสามารถปรับปรุงและพัฒนาตัวเองได้หลายคนก็จะหันมาดูแลสุขตัวเองแบบฝ้าย ส่วนเรื่องงานในวงการบันเทิงตอนนี้ฝ้ายเซ็นสัญญากับค่ายจันทร์ 25 ของคุณแดง-สุรางค์ เปรมปรีดิ์ (มีข่าวว่า "ฝ้าย" ได้เป็นนางเอก "อังกอร์3" ที่ "คุณแดง" ดึง "อาหลอง-ฉลอง ภักดีวิจิตร" มาทำให้ช่อง 3) ตรงนี้ฝ้ายยังไม่ทราบเรื่องนะคะ อันนี้คุณแดงยังไม่ได้เรียกฝ้ายเข้าไปคุยค่ะ"

สวยๆ อย่างงี้หัวใจเป็นไงบ้าง มีคนดูแลหัวใจหรือยัง
"ไม่มีค่ะ ไร้คนดูแล(หัวเราะ) ทุกวันนี้ฝ้ายไปกลับบ้านฟิตเนสๆ ทุกวัน (หัวเราะ) ไม่มีใครเลยค่ะ ประกาศเลยค่ะว่าไม่มี ทุกวันนี้ไม่ได้เจอผู้คนเลยค่ะ เจอแต่เทรนเนอร์ฟิตเนส (หัวเราะ)"

ชีวิตบางครั้งก็อยู่ที่เราจะเรียนรู้ ยอมรับและอยู่กับมัน...รอยยิ้มของ "ฝ้าย-เวฬุรีย์" ในวันนี้ตอกย้ำคำพูดเหล่านี้ได้ดี

Create Date : 20 กรกฎาคม 2557
Last Update : 20 กรกฎาคม 2557 0:42:11 น.		0 comments
Counter : 2968 Pageviews.
Share Tweet