Bloggang.com : ลูกโป่งลอยฟ้า_ชิงช้าสวรรค์ : "เอมมี่"เปลือยหัวใจรัก ฝากชีวิตไว้กับ"ไฮโซเจมส์"

"เอมมี่"เปลือยหัวใจรัก ฝากชีวิตไว้กับ"ไฮโซเจมส์"

เป็นอีกหนึ่งสาวผู้โชคดีรับปีแพะ หลังแฟนหนุ่มคุกเข่าขอแต่งงานสุดโรแมนติกหน้าหอไอเฟล สำหรับสาว "เอมมี่"มรกต กิตติสาระ

แม้ที่ผ่านมาจะไม่ค่อยมีใครเห็นหน้าตาของ "เจมส์"จิรยุทธ แสงทวีป หรือ "หนุ่ม" หุ้นส่วนบริษัท Triton เอเยนซี่โฆษณา แฟนของสาวมรกตก็ตาม แต่ทั้งคู่ก็มีรูปแสนสวีตออกมาอวดให้เห็นอยู่ร่ำไป โดยจะมีมือหรือสิ่งของบดบังใบหน้าชายหนุ่มทุกครั้งจนกลายเป็นเอกลักษณ์

วันนี้ โอกาสดี เทศกาลวันแห่งความรัก เลยนัดว่าที่เจ้าสาวมาเปิดหัวใจรักกันแบบส่วนตั๊วส่วนตัวที่โรงแรมหรู "เดอะ แกรนด์ โฟร์วิงส์ คอนเวนชั่น โฮเตล แบงค็อก" ย่านศรีนครินทร์

ย้อนชีวิตรักไป 9 ปีก่อนหน้า จุดเริ่มต้นความรักเกิดขึ้นได้ยังไง?

เอมมี่ - "เป็นความบังเอิญ ตอนนั้นมีโฆษณาแชมพูสระผมติดต่อให้ไปแคสต์ แต่คนที่ติดต่อมาไม่อยู่เลยให้พี่หนุ่มมาดูให้ เจอกันครั้งแรก ถามว่าปิ๊งเลยไหม ไม่รู้สึกแบบนั้น แต่แอบมีประทับใจจากครั้งแรกที่คุยกัน ดูภูมิฐาน เนี้ยบ เท่ มีรายละเอียด พูดคุยมีเสน่ห์ ตอนแรกคุยกันเรื่องงานซึ่งจบไปตั้งแต่ 20 นาทีแรกแล้ว หลังจากนั้นก็เริ่มคุยเรื่องทั่วไป เชื่อไหมคุยกันไป 4 ช.ม. คือถ้ามี่ไม่ ติดงานคงคุยกันต่ออีก ก่อนจากก็มีแลกเบอร์ ตอนนั้นยังไม่คิดอะไร แค่รู้สึกเหมือนมีผีเสื้อบินอยู่ในท้อง ทำไมคนนี้คุยด้วยแล้วดีจัง ถามว่าแล้วพี่เขาส่งสัญญาณอะไรมาไหม พี่หนุ่มเป็นสุภาพบุรุษจนมี่ไม่อยาก เข้าข้างตัวเอง แต่ที่รู้สึกคือตอนมี่มาทำงานต่อ เขาส่งข้อความมาขอบคุณที่คุยกัน แล้วเขาก็โทร.มาคุยตั้งแต่มี่ขับรถจนแต่งหน้าทำผมเดินแบบเสร็จก็คุยกันต่อ คุยแบบไม่หลับไม่นอนอยู่ 3 วัน จนผ่านไป 10 วันเขาถึงชวนไปเดตแรก"

นานแค่ไหนถึงตกลงเป็นแฟน?

เอมมี่ - "ไม่นานเพราะมี่คุยกับเขาคนเดียว แต่ก็ไม่ได้บอกว่าเป็นแฟน กันนะ ทุกอย่างรู้สึกกันเอง อย่างหนึ่งที่รู้สึกคือก่อนและหลังเป็นแฟนไม่มีอะไรแตกต่าง เขาเสมอต้นเสมอปลาย ดีมาตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ ค่อนข้างสมบูรณ์ในสิ่งที่ผู้หญิงต้องการ"

เคยถามเขาไหมว่าอะไรที่ทำให้มาจีบเรา?

เอมมี่ - "จริงๆ เขาชอบมี่ก่อนเจอมี่ด้วยซ้ำ เห็นมี่จากตอนเป็นพิธีกรประกวดมิสยูนิเวิร์ส ปี 2005 ตอนนั้นพี่ดู๋(สัญญา) เป็นพิธีกรที่พูดภาษาไทย ส่วนมี่พูดภาษาอังกฤษ เขารู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ดูไม่ธรรมดา ตอนแรกไม่คิดว่ามี่เป็นคนไทย คิดว่าเป็นคนฟิลิปปินส์เพราะดูคล่องแคล่วมาก แล้วพอได้เจอตัวจริงก็รู้สึกเคมีเข้ากันได้ ทัศนคติในการใช้ชีวิตคล้ายๆ กัน เพราะมี่โตที่อังกฤษ ส่วนพี่หนุ่มโตที่อเมริกา"

ระหว่างทาง 9 ปี เคยคิดอยากแต่งงานมาก่อนหน้านี้ไหม?

เอมมี่ - "เอาจริงๆ ถ้าพี่หนุ่มขอแต่งงานก่อนหน้านี้มี่อาจไม่โอเค เขาทำถูกจังหวะ มี่กับพี่หนุ่มคล้ายกันตรงที่จะทำตามความรู้สึก จริงๆ ความรู้สึกแบบนี้สัมผัสได้ทั้งในด้านของพี่หนุ่มที่เขาอยากมีชีวิตไปอีกก้าว และด้านมี่ที่อิ่มกับงานในวงการระดับหนึ่ง เชื่อว่าพี่หนุ่มสัมผัสได้ อย่างบางคนชอบถามว่าทำไมถึงเพิ่งมาเปิดตัวว่าคบกัน ด้วยจังหวะอาชีพของมี่กำลังไปในทิศทางนี้ เขาก็คิดถึงมี่ว่าถ้ายังไม่เปิดตัวมากน่าจะดีกว่า เพราะหลายๆ คู่พอเปิดตัวไปแล้วคนจะไปโฟกัสเรื่องความรัก ซึ่งตรงนั้นจะไปกดดันกันและกันเอง เขาเลยรู้สึกว่าถ้าให้คนมาสนใจเรื่องงานของมี่ก่อน แล้วพออิ่มตัวแล้วค่อยมามองเรื่องความรัก เราทั้งคู่จะรู้สึกภูมิใจในจุดยืนของเรามากกว่า"

จากวันที่ถูกคุกเข่าขอแต่งงาน จนผ่านมาเดือนหนึ่ง ยังรู้สึกหวิวๆ อยู่ไหม?

เอมมี่ - "ยังรู้สึกค่ะ ทุกวันนี้ก็ยังจำความรู้สึกในวันนั้นได้อยู่ จำลมปลิว จำเสียงเพลง จำคนที่เดินผ่านได้อยู่ แล้วยิ่งพอมีรูปที่ถูกถ่ายเอาไว้ด้วยทุกครั้งที่เห็นมันก็เหมือนเตือนใจมี่ ตลอดเวลา แต่เชื่อว่าอีกสักพักหนึ่งก็คงไปมุ่งเรื่องการเตรียมงานแต่งมากกว่า"

รู้สึกเหมือนฝันไหม?

เอมมี่ - "ไม่ขนาดนั้น รู้ว่ามันเป็นเรื่องจริงแล้ว แต่จะมีอารมณ์ของการเป็นแฟนกับคนที่ถูกขอแต่งงานและถูกสวมแหวนมันคนละอย่าง กัน มี่รู้สึกว่ามีความมั่นคงทางจิตใจและปลอดภัยมากขึ้น ถึงจะงอแงแค่ไหนก็รู้ว่ายังไงเขาก็ต้องอยู่ กับมี่ เอาง่ายๆ ทุกวันนี้วันไหนลืมใส่แหวนจะรู้สึกโหวงๆ แปลกๆ แต่พอได้ใส่ก็จะรู้สึกสบายใจค่ะ"

ตอนนี้การเตรียมงานแต่งคืบหน้าถึงไหนแล้ว?

เอมมี่ - "ยังไม่ถึงไหนเลย ฤกษ์ก็ยังไม่ได้ แต่น่าจะปลายปี โรงแรมก็ยัง ชุดแต่งงานวัดตัวแล้วแต่ยังไม่สรุปว่าจะเอาแบบไหน แต่เดี๋ยวจะบินไปดูชุดที่ฮ่องกงปลายเดือนนี้ บอกได้ว่าไม่ได้เว่อร์วังอะไรเลย อาจจะมีชุดเดียวที่ต้องอยู่กับผู้ใหญ่ ส่วนชุดแถลงข่าวคงไม่ได้เป็นชุดจริงจังเพราะยังคุยอยู่ว่าอาจจะไม่ได้แถลง ข่าวเป็นเรื่องเป็นราว อันนี้พูดจริงๆ คือมี่อยากให้ทุกคนทำความเข้าใจกับเขาว่าเขาไม่ได้ชินกับการออกสื่อ ออกจะเขินอายกับหน้ากล้องมาก อย่างมานั่งแถลงข่าวเชื่อว่าเขาคงไม่ทำเพราะด้วยความเป็นเขา หรือที่หลายคนชอบถามว่าทำไมเขาชอบปิดหน้า เพราะมันเป็นสไตล์เขา แล้วมี่ก็รักเขาเพราะเขาเป็นเขา ฉะนั้นเลยไม่ได้รู้สึกว่าจะต้องไปบีบบังคับให้เขาต้องเปิดหน้าหรืออะไร ถ้าเขาอยากทำเดี๋ยวเขาทำเองค่ะ"

การที่พี่หนุ่มเป็นคนติสต์ๆ แต่พอมาคบกับเอมมี่ซึ่งเป็นคนของประชาชน เขามีอึดอัดในการวางตัวบ้างไหม?

เอมมี่ - "เขาไม่อึดอัดเพราะมี่ปล่อยให้เขาป็นตัวเขาเต็มที่ แล้วถ้ามีอะไรก็จะถามก่อนว่าถ้ามีอีเวนต์ติดต่อมาให้ออกคู่กันโอเคไหม ถ้าไม่โอเคก็ไม่เป็นไรเพราะจะไม่กดดันกัน"

คำพูดไหนจากปากพี่หนุ่มที่ทำให้รู้สึกว่าสามารถฝากชีวิตไว้กับผู้ชายคนนี้ได้?

เอมมี่ - "เขาจะชอบพูดว่าถ้าเขาให้อะไรมี่ได้เขาก็จะให้ทั้งหมดที่เขาให้ได้ ตรงนี้ทำให้รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้รักมี่จริงๆ แล้วเขาไม่เคยเอาตัวเองมาก่อน แต่จะคิดถึงมี่ ครอบครัว และเพื่อนๆ ซึ่งเพื่อนมี่ทุกคนจะรักเขามาก ตรงนี้ยิ่งทำให้รู้สึกว่าเขาเป็นคนที่ใช่"

ได้ข่าวว่าความรักครั้งนี้ขอพรจากหินให้ช่วยด้วย?

เอมมี่ - "(หัวเราะ) มันมีช่วงขึ้นๆ ลงๆ ทั้งในการทำงานและความสัมพันธ์ แล้วมี่จะเป็นคนที่พึ่งหินมากๆ มีอะไรก็ขอให้ช่วย รวมถึงความรักก็ขอไปว่าถ้ามันจะใช่ก็ขอให้ใช่เลย เพราะอยากให้มันดีมากๆ แล้วก็โหยหาอะไรที่เป็นของมี่และดีๆ บ้าง อย่างที่บอกคือเมื่อมี่เต็มที่กับการทำงานแล้ว อีกอย่างที่อยากให้มันดีคือเรื่องชีวิตรัก เลยมาขอให้พลังหินช่วย นอกจากตัวเองจะใส่แล้วก็มีแอบไปซื้อแล้วเอาไปวางบนโต๊ะทำงานเขาด้วยเพื่อได้ เสริมพลังของเขา มี่จำชื่อหินไม่ได้แต่เป็นหินสีม่วง สีเขียว และสีเหลือง ซึ่งพอไปวางได้ไม่กี่เดือนเขาก็มาขอแต่งงาน รวมถึงงานของเขาก็ดีขึ้นเรื่อยๆ เรียกว่าเสริมหนุนไปทุกเรื่องเลยค่ะ"

ประคองความรัก 9 ปียังไงให้มาจนถึงวันที่ใกล้จะได้ลงเอย?

เอมมี่ - "มันต้องผ่านร้อนและผ่านหนาวมาด้วยกันเยอะ เห็นกันและกัน และเห็นว่าที่สุดแล้วปรับตัวเข้าหากันยังไง สำหรับมี่คิดว่ามันต้องรับเขาได้ในทุกๆ อารมณ์และมุมมองของเขา เมื่อก่อนมี่เอาแต่ใจมาก มาช่วงหลังเริ่มดีขึ้น เพราะที่ผ่านมาเขาให้อะไรมี่เยอะ บางทีเขาเหนื่อยมี่ก็เหนื่อย ฉะนั้นถ้าคนหนึ่งขึ้น คนหนึ่งก็ต้องลง ต้องไม่ร้อนพร้อมๆ กัน แล้วต้องมองว่าสิ่งที่ไม่เพอร์เฟ็กต์ของเขามี่รับได้ไหม ยอมรับว่าช่วง 9 ปีมันมีช่วงที่ห่างกันเลิกกันไปบ้าง แต่อะไรที่มันใช่ มันก็จะวนกลับมาเป็นของเราจนได้"

คิดว่าตัวเองพร้อมกับการมีสามีแค่ไหน?

เอมมี่ - "(หัวเราะ) ถ้าด้านความรู้สึกคิดว่าตัวเองพร้อม ไม่อย่างนั้นคงไม่เซย์เยส แต่น่าจะประมาณ 85 เปอร์เซ็นต์ อีก 15 เปอร์เซ็นต์ยังงงๆ ปรับสภาพชีวิตตัวเองอยู่ค่ะ แต่ในมุมปฏิบัติอาจจะยังไม่พร้อม จริงๆ เป็นคนทำกับข้าวเป็น แต่พอไม่ได้ทำนานก็ลืม รีดผ้าก็รีดได้แต่ไม่ชอบรีด แต่ในด้านการดูแลเอาใจใส่มี่คิดว่าตัวเองไม่แพ้ใครนะคะ"

อยากรู้ว่าถ้าแต่งงานแล้วมีแพลนมีน้องเลยไหม?

เอมมี่ - "อยากมีเลยค่ะ เห็นอย่างนี้มี่เป็นคนรักเด็กนะคะ ทุกวันนี้ก็ช่วยเลี้ยงหลาน พาไปเที่ยว ป้อนนม เรียกว่าสัญชาตญาณความเป็นแม่พร้อมมากค่ะ บางคู่อาจจะอยากใช้ชีวิตคู่กันไปก่อนสองคน แต่ที่อยากมีเลยเพราะด้วยวัยเราสองคนไม่ใช่เด็กๆ แล้ว อีกอย่างเดี๋ยวนี้ไม่ใช่ว่าใครจะมีลูกก็มีได้ มีมาเลยก็ถือว่าเป็นเรื่องดีมาก แต่ถ้า 1-2 ปีแรกยังไม่มีก็อาจจะล้มเลิกเรื่องการมีลูกไปเลยก็ได้ เพราะไม่คิดจะใช้วิธีทางแพทย์มาช่วยให้มี อยากให้าเขามาแบบธรรมชาติมากกว่า แต่อันนี้คือความคิดในตอนนี้ ไม่แน่ว่าถึงตอนนั้นอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้ค่ะ"

มาถึงตอนนี้ มุมมองความรักของเราเป็นอย่างไร?

เอมมี่ - "มี่มองว่าความรักต้องเป็นความรู้สึกที่ไม่กั๊ก เวลารักใครสักคนถ้ามัวแต่ไปหวังว่าจะเป็นแบบนี้หรือหวังจากเขาฝ่ายเดียวมัน จะไม่มีความสุขและความสำเร็จหรอก แต่เมื่อใดที่รักใครสักคนต้องเอาทุกอย่างที่ตัวเราให้ได้ มาวางบนโต๊ะ แล้วเมื่อเราให้ทั้งหมดแต่ไม่ประสบความสำเร็จก็ต้องมานั่งคิดแล้วว่ามันอาจ จะไม่ใช่"

เปรียบคู่ของตัวเองเหมือนอะไร?

เอมมี่ - "พริกกับเกลือค่ะ มี่เป็นพริกเพราะมีความซ่าๆ เว่อร์วัง จี๊ดๆ ตามแบบฉบับตัวเอง ส่วนพี่หนุ่มเป็นเกลือเพราะเขาดูแข็งๆ ตามแบบผู้ชาย โอเคว่านิสัยเราอาจจะคล้ายกัน แต่มุมมองบางอย่างก็ไม่เหมือนกัน แต่ที่สุดแล้วเรื่องๆ หนึ่งจะสมบูรณ์ได้ต้องมีความคิดเห็นของทั้งสองฝ่าย แล้วอยู่ๆ ไปมันก็จะขาดกันไม่ได้ สังเกตว่าบนโต๊ะอาหารมันมีเกลืออย่างเดียวไม่ได้ แต่มันจะต้องมีพริกมาวางด้วย คือมันเป็นของคู่กันเหมือนที่มี่กับพี่หนุ่มเป็นคู่กันค่ะ"

เรียกว่าเป็นพริกกับเกลือที่ผสมกันลงตัว

(โดย...จิรณัฏฐ์ จงประสพมงคล)

Create Date : 17 กุมภาพันธ์ 2558

Last Update : 17 กุมภาพันธ์ 2558 10:39:39 น.

0 comments

Counter : 1203 Pageviews.