ผู้ต้องขังชายเรือนจำกลางอุบลราชธานี ลุกฮือประท้วงเรียกร้องให้ย้ายผู้คุมตงฉิน หลังยึดยาไอซ์มูลค่ากว่า 2 ล้านบาท ตำรวจ สภ.เมืองอุบลฯ และ ตชด.กว่า 200 นาย เข้าควบคุมสถานการณ์...

วันที่ 12 ต.ค. 56 นายวิชัย โชติปฏิเวชกุล ผู้บัญชาการเรือนจำกลางสุรินทร์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการเรือนจำกลางอุบลราชธานี ได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่เรือนจำกลางอุบลราชธานี ว่ามีผู้ต้องขังกว่า 200 คน ลุกฮือประท้วง ในแดน 2 ภายในเรือนจำ จึงรีบประสานไปยัง พล.ต.ต.อภิชาติ เพรชประสิทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อขอกำลังตำรวจจาก สภ.เมืองอุบลราชธานี และตำรวจตระเวนชายแดนที่ 22 กว่า 200 นาย เข้าควบคุมสถานการณ์ โดยมี นายสุทธินันท์ บุญมี รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เข้าร่วมสังเกตการณ์

นายสุทธินันท์ เปิดเผยว่า เบื้องต้นจากการรายงานของเจ้าหน้าที่เรือนจำกลางอุบลฯ แจ้งว่า ผู้ต้องขังที่ก่อเหตุมีประมาณ 200 คน มีแกนนำราว 40 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้นำกำลังเข้าควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ โดยไม่มีเหตุปะทะ หรือได้รับบาดเจ็บ โดยนักโทษชาย (นช.) ชนะชัย โมฬีชาติ ผู้ต้องขังเครือข่ายยาเสพติด ซึ่งยังเหลือโทษจำคุกอีกกว่า 25 ปี ได้ยื่นข้อเรียกร้อง 2 ข้อ คือ ขอให้เรือนจำย้าย นายคมสัน วิจิตรวงศ์ เจ้าพนักงานราชฑัณฑ์ชำนาญการ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ซื่อตรงและสามารถตรวจยึดสิ่งของต้องห้ามได้อยู่เสมอ ออกจากแดน 2

ส่วนข้อที่ 2 ขอให้เจ้าหน้าที่ย้ายผู้ต้องขังซึ่งเป็นสาวประเภทสอง กลับเข้ามาแดน 2 ตามเดิม ซึ่งจากการเจรจา เจ้าหน้าที่เรือนจำแจ้งว่า สำหรับข้อเสนอทั้งสองข้อนั้น เจ้าหน้าที่จะรับเรื่องไว้ แล้วให้ผู้ใหญ่พิจารณาตัดสินใจอีกครั้ง ทั้งนี้ การเจรจาใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง ผู้ต้องขังทั้งหมดจึงยอมสลายตัวขึ้นเรือนนอนไป โดยไม่มีเหตุปะทะกับเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด

ด้านนายวิชัย กล่าวว่า จากการตรวจตราอย่างเข้มงวดของเจ้าหน้าที่เรือนจำกลางอุบลฯ จนสามารถตรวจยึดโทรศัพท์มือถือและยาเสพติดได้บ่อยครั้ง จึงทำให้ผู้ต้องขังไม่พอใจ ประกอบกับก่อนเกิดเหตุ ประมาณ 5 นาที เจ้าหน้าที่เรือนจำได้ตรวจยึดโทรศัพท์มือถือได้ 5 เครื่อง และยาไอซ์ อีก 163 กรัม รวมมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท จากเครือข่ายยาเสพติดที่จะใช้เครื่องยิงอัดแก๊ส ยิงเข้ามาในเรือนจำ แต่เกิดพลาด ห่อโทรศัพท์ตกไปโดนกันสาดหน้าต่างรถยนต์ ก่อนจะตกลงหน้าบ้านพักเจ้าหน้าที่เรือนจำ ส่วนเครือข่ายยาเสพติดได้ขับรถกระบะอีซูซุ สีแดง หลบหนีไปทางถนนโพธิ์ทองอย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นภายหลังเหตุการณ์สงบ เจ้าหน้าที่เรือนจำกลางอุบลราชธานี และเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 200 นาย จะเข้าตรวจค้นหาสิ่งของต้องห้าม รวมทั้งอาวุธต่างๆ ที่ผู้ต้องขังจะใช้ก่อเหตุ อีกครั้ง รวมทั้งแยกแกนนำทั้งหมด 40 คน ออกไปฝากขังยังเรือนจำจังหวัดใกล้เคียง ส่วนแกนนำหลักคือ นช.ชนะชัย เจ้าหน้าที่คาดว่าจะย้ายไปยังเรือนจำกลางคลองไผ่ จ.นครราชสีมา เพื่อเป็นการป้องกันการรวมตัวประท้วงอีก.