ชาวอีสานได้อะไร จากโครงการ 2 ล้านล้าน (วิภาวี จุฬามณี)
ชาวอีสานได้อะไร จากโครงการ 2 ล้านล้าน
วิภาวี จุฬามณี
โรดโชว์ "สร้างอนาคตไทย 2020" สุดสัปดาห์นี้เปิดฉากที่จ.นครราชสีมา เป็นแห่งที่ 2 วันที่ 11-13 ต.ค. ต่อเนื่องจากจ.หนองคาย เมื่อสัปดาห์ก่อนที่ควันหลงความคึกคักยังตลบอบอวลอยู่
กระทรวงคมนาคม ในฐานะเจ้าภาพใหญ่ของการจัดงาน ตั้งใจจะนำข้อมูลเกี่ยวกับแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางด้านคมนาคมและขนส่งของไทย มาเสิร์ฟให้คนในพื้นที่ได้ศึกษา พร้อมๆ กับเปิดช่องทางรับฟังความคิดเห็นด้วยว่า ประชาชนต้องการอะไร และระบบคมนาคมขนส่งไทยจะเดินไปทางไหนกันดี
ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคมกางแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้าน ดูว่าชาวอีสานจะได้อะไรบ้างจากโครงการนี้
หนึ่ง รถไฟทางคู่ 4 โครงการ เริ่มประมูลได้ทันทีปี 2557 จำนวน 2 สาย คือ สายมาบกะเบา-ชุมทางจิระ และ สายชุมทางจิระ-ขอนแก่น
ส่วนขอนแก่น-หนองคาย และสายชุมทางจิระ-อุบลราชธานี อยู่ระหว่างเตรียมศึกษาโครงการ
สอง เส้นทางรถไฟสายใหม่จากบ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ผ่านมหาสารคาม ร้อยเอ็ด มุกดาหาร ถึงนครพนม กำลังศึกษารายละเอียดโครงการ
สาม รถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพฯ-หนองคาย เฟสแรกกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ภายในเดือนพ.ย.นี้ จะยื่นอีไอเอ และเริ่มประมูลคัดเลือกระบบได้ในปี 2557 เปิดบริการปี 2562
ส่วนเฟส 2 จาก นครราชสีมา-หนองคาย ปัจจุบันได้งบประมาณปี 2557 จำนวน 199 ล้านบาท มาศึกษารายละเอียดโครงการแล้ว
สี่ โครงข่ายทางหลวงเชื่อมโยงระหว่างประเทศ 7 โครงการ 6 จังหวัด ได้แก่ บึงกาฬ มุกดาหาร นครพนม ศรีสะเกษ หนองคาย และสุรินทร์
ห้า โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา
หก โครงการขยายถนน 4 ช่องจราจร ในจ.กาฬสินธุ์ ชัยภูมิ ขอนแก่น ร้อยเอ็ด ยโสธร อุบลราชธานี สุรินทร์ หนองบัวลำภู เลย อุดรธานี สกลนคร และนครราชสีมา
เจ็ด โครงการบูรณะทางหลวงสายหลักระหว่างภาค 18 โครงการ 4 จังหวัด ได้แก่ หนองคาย ขอนแก่น อุดรธานี และนครราชสีมา
แปด โครงการก่อสร้างสะพานและอุโมงค์ข้ามทางรถไฟ จ.นครราชสีมา อุบลราชธานี ขอนแก่น และศรีสะเกษ
นอกจากนี้ยังมีการก่อสร้างสถานีขนส่งสินค้าใน 5 จังหวัด คือ หนองคาย มุกดาหาร ขอนแก่น นครราชสีมา และอุบลราชธานี เริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ทันทีปี 2557-2558
รัฐมนตรีชัชชาติยังกล่าวในช่วงหนึ่งของการปาฐกถาพิเศษหัวข้อ "เชื่อมภาค เชื่อมชีวิต บูรณาการทุกทิศสู่ความเจริญ" ว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยลงทุนด้านคมนาคมขนส่งเพียง 4 เปอร์เซ็นต์ น้อยกว่าสิงคโปร์และมาเลเซีย ถ้าเราพัฒนาช้า นักลงทุนอาจตัดสินใจไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านแทน
สำหรับเส้นทางรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-หนองคาย จะสร้างตามเส้นทางเดิมของรถไฟ ส่วนตำแหน่งสถานี ขณะนี้อยู่ระหว่างทำประชาพิจารณ์ คุยกับประชาชนว่าตรงไหนเหมาะสมที่สุด
ส่วนการเสวนาในหัวข้อ "เมืองใหม่ ชีวิตใหม่ ประตูการค้าเชื่อมไทย-ลาว-จีน" ที่จ.หนองคายนั้น มีวิทยากรบนเวทีที่ข้อมูลและข้อคิดน่าสนใจ ได้แก่ นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าฯ รฟท. ดร.กริช แรงสูงเนิน คณบดีคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยขอนแก่น วิทยาเขตหนองคาย นายอนุชิต สกุลคู กรรมการบริหาร บริษัทเจียงอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และ กฤษฎา ตันเทอดทิศ ประธานสภาอุตสาหกรรม จ.หนองคาย
ผู้ว่าฯ รฟท. กล่าวว่า จ.หนองคาย จะได้ประโยชน์มากจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพราะจะเป็นจุดเชื่อมต่อสำคัญ เชื่อมจีน ไทย ลาว และไปถึงทางใต้ เพราะจีนกำลังจะสร้างรถไฟความเร็วสูงผ่านไทยลงไปที่สิงคโปร์ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา
ดังนั้นสิ่งที่ จ.หนองคาย จะได้แน่ๆ คือเรื่องการท่องเที่ยว การจำหน่ายสินค้า และความเจริญของเมือง ต่อไปคนหนองคายจะไม่ต้องไปหางานที่กรุงเทพฯ ได้ทำงานอยู่ที่บ้าน ครอบครัวจะได้อบอุ่นมากขึ้น 
วิทยากร ประภัสร์ จงสงวน - ดร.กริช แรงสูงเนิน - อนุชิต สกุลคู - กฤษฎา ตันเทอดทิศ
|
ด้านนายอนุชิตมองว่า ปัจจุบันหนองคายเป็นเมืองหน้าด่าน เป็นประตูสู่เวียงจันทน์ เมืองหลวงของลาว ทำให้มีนักท่องเที่ยวเยอะมาก ที่ผ่านมาภาคเอกชนเริ่มปรับตัวเพื่อรองรับการเป็นประตูสู่อาเซียนแล้ว โดยสอนภาษาต่างประเทศให้ประชาชน และผู้ประกอบการ เพื่อให้สื่อสารกับชาวต่างชาติได้
ในฐานะที่เป็นนายกสมาคมส่งเสริมธุรกิจการท่องเที่ยวหนองคายด้วย เชื่อว่าถ้าถนนหนทางดีจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว ภายใน 1 วัน นักท่องเที่ยวอาจแวะไปชมได้หลายที่ เช่น เช้าไปดูน้ำตกที่ อ.สังคม จ.หนองคาย ตกเย็นไปดูบั้งไฟพญานาคที่ อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี ก่อนไปแวะพักค้างคืนที่ จ.บึงกาฬ เป็นต้น
"ต่อไปจะมีธุรกิจใหม่ที่โรงงานไม่จำเป็นต้องตั้งอยู่ใกล้แหล่งวัตถุดิบ จ.หนองคาย มีพื้นที่ 210 ก.ม. ติดแม่น้ำโขง ดินดีมาก คนก็ไปเพาะปลูกมะเขือเทศบ้าง ใบยาสูบบ้าง หรืออ้อยเขียวบ้าง ต่อไปเราอาจจะไปเจออ้อยเขียวที่หาดใหญ่ โดยที่ราคาไม่ได้หนีจากแหล่งที่ผลิตมาก"
ตัวแทนนักธุรกิจยกตัวอย่าง แต่ก็ยังกังวลเรื่องความคับแคบของสะพานมิตรภาพไทย-ลาว หากรถยนต์ รถไฟทางคู่ และรถไฟความเร็วสูง มาบรรจบพร้อมกันในอนาคต จึงอยากให้มีสะพานคู่ขนานกับสะพานมิตรภาพไทย-ลาวด้วย อีกเรื่องที่สำคัญ คือการเวนคืนที่ดินสร้างทางรถไฟ จะต้องให้ความรู้กับประชาชนก่อน ไม่ใช่จู่ๆก็มาเวนคืนแบบฟ้าผ่า
ส่วน ดร.กริช บอกว่า คนหนองคายดีใจที่จะมีทั้งรถไฟทางคู่ และรถไฟความเร็วสูง แต่ยังตั้งคำถามว่า สถานีที่เป็นจุดเชื่อมต่อจะอยู่ตรงไหน และจะเกิดการเคลื่อนย้ายของคนหรือไม่ สิ่งที่น่ากังวลอีกประการ คือการเติบโตของเมือง ขณะนี้หลายจังหวัดบนถนนมิตรภาพเติบโตแข่งขันกัน จ.หนองคาย ก็ต้องคิดด้วยว่า เราจะเติบโตกันไปในทิศทางใด
ขณะที่นายกฤษฎาให้ความเห็นว่า จ.หนองคาย มีตัวเลขการค้าชายแดนเป็นอันดับ 1 ของประเทศ และยังเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการพูดคุยกับทูตพาณิชย์จากเวียดนาม ทราบว่าสนใจที่จะดึงคนเวียดนามมาลงทุน แต่หนองคายต้องตอบโจทย์ให้ได้ว่า ทำอย่างไรจะไม่ให้เป็นเมืองผ่าน ต้องให้การลงทุนหยุดอยู่ที่นี่ สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของจังหวัด ที่อยากดันเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งจะทำให้เมืองเจริญเติบโตขึ้น
"สิ่งที่อยากได้เพิ่มเติมคือโรงเรียนแพทย์ เพื่อดึงนักเรียนจากลาว หรือจีนตอนใต้เข้ามา เพราะตอนนี้คนลาวเข้ามาใช้สถานพยาบาลในไทยหมด และจะสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้ไทยเป็นเมดิคัลฮับด้วย ส่วนเรื่องที่จะต้องเวนคืนที่ดินนั้น ต้องเข้าใจว่า ประชาชนเสียสละให้ประเทศ รัฐบาลก็ต้องให้คืนเขาด้วย" ภาคธุรกิจหนองคายให้ความเห็น
สำหรับข้อเสนอแนะต่างๆ และคำถามจากคนในพื้นที่ ผู้ว่าฯ รฟท. ชี้แจงอีกครั้งว่า คำถามที่ได้ยินกันมาก คือ ค่าโดยสารรถไฟความเร็วสูงจะเป็นเท่าใด เบื้องต้นจะต้องให้แข่งขันกับเครื่องบินได้ เพื่อให้เกิดทางเลือก
ส่วนเรื่องผังเมืองใหม่ ขณะนี้กระทรวงคมนาคมอยู่ระหว่างหารือกับกรมโยธาธิการและผังเมือง เพื่อให้เกิดประโยชน์กับคนทุกกลุ่ม ไม่ใช่แค่คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง จากนั้นจะมาคุยกับทางจังหวัด และเริ่มทำประชาพิจารณ์
ถ้ากฎหมายผ่านเรียบร้อย จะเริ่มโครงการรถไฟความเร็วสูงได้ประมาณต้นปีหน้า เบื้องต้นจะพยายามใช้เขตทางของการรถไฟ เพื่อให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนน้อยที่สุด หากมีการเวนคืนจะยึดตามกฎหมายเวนคืน คือคิดจากราคาซื้อขายที่ดิน ณ วันที่เข้าไปเวนคืน ไม่ใช่กำหนดราคาเดียวตายตัวอย่างในอดีต
| Create Date : 11 ตุลาคม 2556 |
| Last Update : 11 ตุลาคม 2556 2:29:54 น. |
|
0 comments
|
| Counter : 1209 Pageviews. |
 |
|
|
|
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 96 คน [