พนักงานสอบสวนสรุปสำนวน 2 แฟ้มกว่าพันหน้าส่งอัยการจังหวัดเพชรบุรีพิจารณาส่งฟ้อง "หมอสุพัฒน์-ภรรยาคนที่ 3" คดีกักขังหน่วงเหนี่ยว ลักทรัพย์หรือรับของโจร สัปดาห์หน้าพร้อมแจ้งข้อหาฆ่าแรงงานพม่าในเรือนจำ...
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 2 พ.ย. ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบุรี พนักงานสอบสวนในคดีการสูญหายของสองสามีภรรยาชาว ต.กลัดหลวง อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี ทั้งหมดได้เดินทางมาสรุปสำนวนคดีกักขังหน่วงเหนี่ยว ลักทรัพย์หรือรับของโจร ที่มี พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ อดีตอายุรแพทย์รพ.ตำรวจ และนางสาววิลสา จันทรบัญชร ภรรยาคนที่สามเป็นผู้ต้องหา ต่อมาเวลา 10.00 น. นายสว่าง นุ่มจุ้ย บิดาของนายสามารถ นุ่มจุ้ย ได้เดินทางมาถึงและร่วมลงนามในเอกสารสำนวนส่งฟ้องคดีเพื่อเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานสอบสวนในชั้นสุดท้าย
พล.ต.ต.พีรชาติ รื่นเริง ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี เปิดเผยว่า วันนี้เป็นการสรุปสำนวนในคดีแรกที่มี พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ และนางสาววิลสา จันทรบัญชร เป็นผู้ต้องหา เนื่องจากใกล้จะครบกำหนดอำนาจในการฝากขังของพนักงานสอบสวน ซึ่งทางเราต้องส่งสำนวนให้กับทางอัยการจังหวัดพิจารณา และมีความเห็นอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งหากทางอัยการจังหวัดมีความเห็นพ้องกับพนักงานสอบสวนก็สามารถยื่นส่งฟ้องต่อศาลได้ทันที ส่วนในคดีอื่นๆ พนักงานสอบสวนยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง เรื่องการสูญหายของสองสามีภรรยาพนักงานสอบสวนก็ยังคงเดินหน้าติดตามค้นหาร่องรอยและหลักฐานจนกว่าจะพบ ซึ่งหากมีหลักฐานหรือเบาะแสใดเพิ่มเติม พนักงานสอบสวนก็สามารถขอหมายค้นจากศาลเข้าขุดค้นหาได้ตามหลักฐานที่ปรากฏ ส่วนในคดีฆ่าแรงงานชาวพม่าตายนั้น คาดว่าในสัปดาห์หน้า ก็จะเข้าแจ้งข้อกล่าวหากับ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ได้
จากนั้นเวลา 13.45 น. พล.ต.ต.พีรชาติ พ.ต.อ.สมเดช พ.ต.อ.พิชัย พร้อมด้วยพนักงานสอบสวนได้นำสำนวนคดีจำนวน 2 แฟ้มกว่าพันหน้า เดินทางไปส่งให้กับนายวรวิทย์ สัมพัฒนวรชัย อัยการจังหวัดเพชรบุรี ซึ่งได้มีการนัดหมายไว้ล่วงหน้าแล้วที่สำนักงานอัยการจังหวัดเพชรบุรี
นายวรวิทย์ สัมพัฒนวรชัย อัยการจังหวัดเพชรบุรี เปิดเผยหลังรับการส่งมอบสำนวนคดีจากพนักงานสอบสวนว่า คดีนี้ตนเองจะตั้งคณะทำงานเพื่อตรวจสำนวนคดีที่ได้รับซึ่งมีจำนวน 2 แฟ้มกว่าพันหน้า ซึ่งคาดว่าจะตั้งคณะทำงานจำนวน 3 คนโดยมีตนเองเป็นหัวหน้า และจะเริ่มทำการตรวจสำนวนตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ซึ่งจะเร่งตรวจให้เสร็จ โดยคาดว่าคงไม่เกิน วันที่ 10 พ.ย. ซึ่งจะเป็นวันครบกำหนดฝากขังผลัด 4 โดยพนักงานอัยการจะตรวจการทำคำให้การทั้งพยานบุคคล พยานวัตถุว่าครบถ้วนหรือไม่ หากส่วนใดขาดก็จะให้พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนเพิ่มเติม ซึ่งคงต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง
แต่อย่างไรก็ดี เชื่อมั่นว่าสามารถทำได้ทัน อีกทั้งคดีนี้ถึงแม้จะเป็นคดีทั่วไป แต่เป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ อีกทั้งสื่อมวลชนนำเสนอข่าวนี้อย่างต่อเนื่อง โดยระเบียบแล้วให้ถือว่าเป็นคดีสำคัญ ที่ตนเองจะต้องส่งรายงานและสำนวนคดีไปยังอธิบดีอัยการภาค 7 ตามลำดับชั้นอีกด้วย แต่ก็มั่นใจว่าสามารถมีความเห็นส่งฟ้องได้ทันตามกำหนด.