พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวไทยทั้งชาติ
พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวไทยทั้งชาติ
พระปฐมบรมราชโองการ เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม ที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงให้คำมั่นไว้ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ณ พระที่นั่งไพศาลทักษิณ เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2493 เป็นดุจคำมั่นสัญญาที่ทรงให้กับพสกนิกรชาวไทยว่า จะทรงใช้ความดีในการครองแผ่นดิน โดยตลอดระยะเวลาหลายทศวรรษแห่งการครองราชย์ ไม่มีวันใดที่จะทรงละ ทิ้งประชาชนของพระองค์ ไม่มีพื้นแผ่นดินใดในประเทศไทย ที่พระองค์มิได้เสด็จฯไปเยี่ยมเยือน ไม่ว่าจะลำบากยากเย็นสักเพียงไร ก็ทรงทุ่มเท ทั้งจิตใจและร่างกาย ด้วยพระวิริยอุตสาหะอย่างหนัก เพื่อแสวงหาทางขจัดทุกข์สร้างสุขให้กับประชาชน
เราจะครองแผ่นดินโดย ธรรม เป็นหลักสำคัญในการครองแผ่นดินของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งคือหลักธรรมาภิบาลทรง ประกาศว่าจะทรงใช้ธรรมะเป็นฐานหลักในการครองแผ่นดินของพระองค์ ธรรมะที่ทรงใช้คือ ทรงใช้ความดีในการครองแผ่นดิน นอกจากนั้น พระองค์ยังได้ทรงกำหนดเป้าหมายในการครองแผ่นดินเพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชน ชาวสยาม โดยทรงทุ่มเทพระองค์อย่างมิรู้จักเหน็ดเหนื่อย เพื่อนำมาซึ่งประโยชน์สุขของปวงประชาราษฎร์เป็นสำคัญ ผ่านโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริมากมายนับไม่ถ้วน รวมถึงโครงการส่วนพระองค์ ซึ่งเป็นการค้นคว้าวิจัยทดลอง เพื่อพระราชทานเผยแพร่ความรู้และเทคโนโลยีนั้นๆไปสู่ประชาชนทั่วทุกภูมิภาค
ตาม หลักทั่วไปแล้ว พระมหากษัตริย์ในระบอบประชาธิปไตยตั้งอยู่บนรากฐานการเมืองที่ว่า อำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชน และพระมหากษัตริย์ผู้เป็นประมุขของปวงชนทรงใช้อำนาจนั้นเท่าที่บัญญัติไว้ใน รัฐธรรมนูญ ผ่านองค์กรต่างๆของรัฐ เช่น ทรงใช้อำนาจนิติบัญญัติโดยคำแนะนำและยินยอมของรัฐสภา ทรงใช้อำนาจบริหารทางคณะ รัฐมนตรี ทรงใช้อำนาจตุลาการทางศาล โดยมี บุคคลในองค์กรดังกล่าวเป็นผู้ลงนามสนองพระ บรมราชโองการ และเนื่องจากพระมหากษัตริย์ทรงเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ จึงเท่ากับเป็นการป้องกันมิให้พระมหากษัตริย์ถูกวิพากษ์วิจารณ์ทางการเมือง กระนั้น นอกจากพระราชอำนาจตาม กฎหมายแล้ว พระมหากษัตริย์ยังมีพระราชอำนาจทางสังคมด้วย ซึ่งขึ้นอยู่กับความจงรัก ภักดีของประชาชน
อย่างไรก็ดี สำหรับพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวแล้ว มิได้ทรงใช้พระราชอำนาจบริหารตามรัฐธรรมนูญเท่านั้น แต่หากยังทรงใช้ความเพียรพยายามและความอดทนอย่างยิ่ง เพื่อแสวงหาทางขจัดทุกข์สร้างสุขให้ประชาชน ตลอดจนสร้างความอุดมสมบูรณ์แก่แผ่นดินไทย แม้ขณะนี้ที่ยังทรงพระประชวรอยู่ ณ โรงพยาบาลศิริราช ก็ยังทรงติดตามงานในทุกเรื่องและทุกด้านตลอดเวลา
พระ บาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงนับเป็นพระมหากษัตริย์ที่ครองราชย์ยาวนานที่สุด ในโลก โดยพระองค์ทรงเป็นพระประมุขของประเทศ ภายใต้รัฐธรรมนูญที่ประกาศใช้มา 18 ฉบับ ตลอดรัชกาลของพระองค์ มีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลมาแล้ว 60 ชุด และนายกรัฐมนตรีผลัดเปลี่ยนมาทำหน้าที่ถึง 23 คน
นายกรัฐมนตรีและ รัฐบาลในรัชสมัยของพระองค์ทุกชุด ที่เข้ามาทำหน้าที่บริหารประเทศ จะต้องเข้าเฝ้าฯพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพื่อถวายรายงานอย่างต่อเนื่อง โดยการปฏิบัติงานถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และการทูลขอพระราชทานคำปรึกษาในทุกเรื่องจะต้องเป็นเรื่องส่วนพระองค์ที่ นายกรัฐมนตรีไม่พึงนำออกมาเปิดเผย นอกเหนือไปจากเรื่องที่ทรงมีพระราชกระแสรับสั่งเกี่ยวกับแนวทางนโยบายต่างๆ
พระ มหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ ย่อมมีพระราชอำนาจและหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญกำหนด แต่ขณะเดียวกัน ตามจารีตประเพณีและ การยึดถือปฏิบัติ พระองค์ทรงดำรงไว้ซึ่งสิทธิ์ 3 ประการ คือ ทรงมีสิทธิ์ที่จะได้รับการปรึกษา ทรงมีสิทธิ์ที่จะพระราชทานกำลังใจ และทรงมีสิทธิ์ที่จะตักเตือน ดังที่อดีตนายกรัฐ มนตรีอานันท์ ปันยารชุน เคยกล่าวไว้ในหนังสือเอกกษัตริย์ใต้รัฐธรรมนูญว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่เคยมีกระแสรับสั่งใดๆในเรื่องที่รัฐบาล หรือนายกรัฐมนตรี ไม่ได้ขอพระราชทานคำแนะนำหรือปรึกษาแต่ประการใด... พระองค์ท่านไม่เคยมีบทบาทที่จะชี้ว่า อันนี้ผิด อันนี้ถูก คนนี้ดี คนนี้ไม่ดี คนนี้ทำถูก หรือทำผิด ไม่เคยมี พระองค์ท่านทรงระมัดระวังเรื่องพวกนี้มาก พระองค์ท่านทรงเป็นนักประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
ในฐานะพระประมุขของปวงชนชาวไทย ตลอดเวลาหลายทศวรรษที่ผ่านมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงทำทุกสิ่งทุกอย่างโดยคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นหลัก โดยเฉพาะเมื่อบ้านเมืองต้องเผชิญกับวิกฤติรุนแรง พระองค์ท่านก็ทรงขจัดปัดเป่าให้เหตุการณ์คลี่คลายลง และทรงนำพาประเทศชาติกลับคืนสู่ความสงบสุขอีกครั้ง โดยผ่านการใช้พระราชอำนาจ สำรองคือ อำนาจที่ต้องทรงลงพระปรมาภิไธย เช่น เรื่องแต่งตั้ง ปลด ยุบ หรือตั้งรัฐบาล การ ใช้พระราชอำนาจสำรองจะใช้เมื่อกษัตริย์ไม่ ทรงยินยอมยุบสภาตามคำขอของนายกรัฐ-มนตรี หรือโปรดเกล้าฯให้ยุบสภาโดยรัฐบาล มิได้ร้องขอ หรือขอให้รัฐบาลยุบสภาก่อนเพื่อให้สภาใหม่ผ่านร่างกฎหมาย และอีกหลายๆเรื่องที่ไม่ทรงลงพระปรมาภิไธยในพระราชบัญญัติ จนกว่ารัฐบาลจะแก้ไขร่างกฎหมาย
อดีตนายกรัฐมนตรีอานันท์ ปันยารชุน ยังชี้ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงได้ รับพระราชอำนาจสำรองนั้น มาจากการที่พระองค์ทรงมีพระราชอุตสาหะดำเนินกิจการต่างๆ เพื่อประโยชน์สุขในระยะยาวของประชาชน ทำให้พระองค์ทรงเป็นที่รักและเทิดทูนของปวงชนชาวไทยเป็นอย่างยิ่ง ถึงขั้นที่ว่าไม่มีพระมหากษัตริย์พระองค์ใดในโลกทรงได้รับความไว้วางใจและ ศรัทธาจากประชาชนเทียบเท่ากับพระองค์ ทุกครั้งที่พระองค์ทรงมีพระราชดำรัสในโอกาสต่างๆจึงได้รับความสนใจ อย่างกว้างขวางจากประชาชนชาวไทยทั้งประเทศ
กระนั้น ทุกครั้งที่เกิดวิกฤติในบ้านเมือง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเลือกใช้พระราชอำนาจสำรองอย่างระมัดระวัง เฉพาะยามที่มีความจำเป็นเท่านั้น ด้วยพระบารมีส่วนพระองค์ ที่ทรงได้รับความรักความภักดีจากประชาชน ซึ่งเคารพเทิด ทูนพระองค์ไว้เหนือเกล้า สม กับที่ทรงเป็นศูนย์รวมแห่งความถูก ต้องในจิตใจประชาชน ผู้ทรงขจัดปัดเป่าวิกฤติของประเทศชาติ ทรงเป็นศูนย์กลางของความถูกต้อง ยุติธรรม ความดีงาม และยังทรงเป็นศูนย์รวมพลัง ของประชาชนชาวไทย ที่มิอาจหาใครเสมอเหมือนได้...ใครประกาศตัวเป็นศัตรูกับพระองค์ ก็เท่ากับเป็นศัตรูกับประชาชนทั้งประเทศ!!
ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้าทีมข่าวสตรีไทยรัฐ
-
-
วันพ่อแห่งชาติ | วันที่ 5 ธันวาคม | 5 ธันวาคม | 5 ธันวามหาราช
Create Date : 05 ธันวาคม 2555 |
Last Update : 5 ธันวาคม 2555 12:02:08 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1069 Pageviews. |
|
|