Group Blog
 
<<
มีนาคม 2551
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
12 มีนาคม 2551
 
All Blogs
 

พระสุรินทฦๅไชยฯ (ขุนช้าง-ขุนแผน ฉบับนิทานข้างกองฟาง) ตอนที่ ๓๖ ท้ารบ

ขุนช้างขุนแผน ฉบับนิทานข้างกองฟาง
ตอนที่ ๓๖ ท้ารบ

พ่อแม่พี่น้องที่เคารพขอรับ เมื่อคราวที่แล้วกระผมได้เล่าไปถึงตอนที่ ขุนแผนได้พาพลายงามเข้าไปในเมืองเชียงใหม่ แล้วแก้เชลยไทยและล้านช้างออกมาได้จนหมดสิ้น มิหนำซ้ำยังปล้นช้างปล้นม้าของเขามาจนหมดโรงเสียด้วย

คราวนี้พอรุ่งเช้าขึ้น ก็เกิดเรื่องละสิขอรับ เราลองมาดูผลของอิทธิฤทธิ์ ที่พ่อ ขุนแผนของเรากระทำไว้ในคุกของเมืองเชียงใหม่ดูบ้างสิขอรับ

ครั้นรุ่งรางสางแสงพระสุริเยนทร์
เยื้องพระเมรุเลื่อนล่องส่องแสงใส
พวกพนักงานลาวชาวเวียงชัย
จะเบิกไขคนโทษไปทำงาน

ถึงประตูจู่เดินมาดุ่มดุ่ม
เห็นผู้คุมหัวขาดอยู่กลาดย่าน
ต่างตกใจไปค้นวิ่งลนลาน
พบซมซานยังไม่ตายก็หลายคน

เรือนนายตรวจหักแหกของแตกหาย
กระจัดกระจายไปทุกเรือนออกเกลื่อนกล่น
เข้าไปในตะรางที่ข้างบน
เห็นผู้คนหายไปทั้งไทยลาว

นายร้อยพะทำมะรงลงกลิ้งกลาด
บ้างหัวขาดเหลือกตาดูหน้าขาว
โซ่ตรวนหลุดกองทั้งสองราว
คาขื่อมือเท้าเกะกะไป

โซ่พันยังลั่นกุญแจติด
ตรวนก็ชิดหาเห็นรอยตัดไม่
ขื่อลิ่มก็ยังดีนี่อย่างไร
ประหลาดใจโดดตะรางวางวิ่งมา

ฝ่ายอ้ายลาวเฝ้าม้าทั้งผัวเมีย
ลุกขึ้นนั่งงัวเงียยังแก้ผ้า
ครั้งสร่างมนตร์เหลียวคว้างเห็นว่างตา
หมอนมุ้งกระบุงตะกร้าก็หายไป

เมียแลดูผัวเห็นตัวเปล่า
เอ๊ะใครเอาผ้านุ่งไปเสียไหน
ผัวแลดูเมียเสียน้ำใจ
ผ้าผ่อนล่อนกระไรไม่ติดกาย

ผัวเมียตีอกตกประหม่า
นางเมียไม่มีผ้าคว้าเสื่อหวาย
ผัวขยุ้ม กุมจุ่นอยู่วุ่นวาย
ฉวยกระสอบสวมกายคล้ายกางเกง

ทั้งโรงเหนือโรงใต้ไม่มีม้า
พวกคนเลี้ยงวิ่งร่ามาเหยงเหยง
อ้ายบางคนแก้ผ้ามาโทงเทง
โรงกูเองก็หายตายแล้วเรา

กำลังพวกเลี้ยงม้าจ้าละหวั่น
ก็พบกันกับอ้ายพวกนายคุกเข้า
พูดกันฟั่นเฟือนเหมือนกับเมา
พออ้ายเฒ่าเลี้ยงช้างวางวิ่งมา

พบกันเข้าทุกคนที่ต้นทาง
เล่าคดีถี่ห่างกันพร้อมหน้า
จะพากันเข้าไปในศาลา
มาพบหลักอักขราเข้ากลางทาง

ก็รู้ว่าหนังสือฝีมือไทย
ตรงเข้าไปถอนชักหลักทองหลาง
อ่านดูรู้แจ้งไม่แคลงคลาง
ก็แบกวางเข้ามาศาลาใน ฯ


โอ้โฮ...ทีแรกกระผมคิดว่าจะปล่อยเชลย และปล้นม้าปล้นช้างเฉย ๆ นะขอรับ นี่ปรากฎว่า...ผ้าผ่อนท่อนสไบ หมอนมุ้งยุ้งฉาง...พ่อเก็บเรียบ...

พวกนายคุก นายม้า และนายช้าง ต่างก็หอบขี้โครงแล่นกันไปชิงกันแจ้งความที่ ศาลาลูกขุนใหญ่ กันเป็นการใหญ่ทีเดียว

ครานั้น เพี้ยกวาน ผู้เป็นนายใหญ่อยู่ ณ ศาลาลูกขุนใหญ่นั้นเห็นพวกนั้นผ้าผ่อนหลุดลุ่ยแบกท่อนไม้ทองหลางอันเบ้อเริ่ม วิ่งมาชิงกันฟ้องเป็นการโกลาหลดังนั้นก็ตกใจ ถามไถ่ความกันให้วุ่นวาย พออ่าน สาส์นท้ารบ จากไม้ทองหลางถากได้ความแล้ว ก็แห่กันไปเข้าเฝ้าในทันที

พระเจ้าเชียงใหม่พอได้ฟังความ ก็ร้อนพระทัยเป็นยิ่งนัก แล้วก็โปรดว่าเฮ้ย...อ้ายพวกไทยมันเขียนหนังสือมาว่ากระไร

อิทธิฤทธิ์ ของพ่อขุนแผนเรา ก็เป็นที่ประจักษ์ในท่ามกลางท้องพระโรงชัยเมืองเชียงใหม่ ใน ณ บัดนั้น

ฝ่ายว่าพันจามล่ามพนักงาน
คลานมารับจับอ่านหาช้าไม่
ว่าพระจอมนครินทร์ปิ่นกรุงไทย
บัญชาใช้ให้ทหารพระกาฬมา

เราฤาชื่อพระยาแผนพิฆาต
คุมพวกไพร่อาทมาตสามสิบห้า
กับพลายงามลูกรักอันศักดา
ยกมาจะประหารผลาญบุรี

ด้วยลาวชิงสร้อยทองของท่านไว้
แล้วจับไทยจองจำทำป่นปี้
เราเข้ามาแก้ไขไทยเหล่านี้
กับพวกที่ล้านช้างส่งนางไป

ให้พวกเรารอดพ้นทนทุกข์ก่อน
จะหลบลี้หนีซ่อนนั้นหาไม่
จะรอเราให้เข้ามาชิงชัย
ฤๅจะตามก็ไปที่บึงบัว

ถ้ารักชีวิตคิดถึงซึ่งพวกพ้อง
จงทูนนางสร้อยทองไปบนหัว
ส่งให้แล้วคำนับรับว่ากลัว
จึงจะปลอดรอดตัวไม่มรณา ฯ


พระเจ้าเชียงใหม่ก็ทรงพระพิโรธเป็นยิ่งนัก ปรึกษาบรรดาข้าราชการแล้วก็เห็นว่า ควรจะส่งม้าเร็วไปสืบข่าวที่ บึงใหญ่ ที่ขุนแผนว่าไว้นั้น หากเป็นจริงดังสาส์นที่นายทัพไทยท้าเอาไว้ คือมีกำลังพลอาทมาตเพียงสามสิบห้าคน กับทั้งเชลยไทยเชลยล้านช้างอีกราวไม่กี่ร้อยคนเท่านั้นจริง จะได้ยกกองทัพใหญ่ไปขยี้ให้แหลกเสียเป็นจุณ

แต่ทั้งนี้แหละทั้งนั้น พระเจ้าเชียงใหม่คงจะทรงพระโทโสเสียจนลืมไปว่า ถ้าเขาไม่ดีจริง เขาคงไม่สามารถที่จะมา ปล้นเงียบกริบ แบบนี้ได้หรอก จนกระทั่งเขาแค่ปล้นคุกไปเฉย ๆ แล้วมารวมพลท้ารบอยู่แบบนี้ คิดดูในมุมกลับอีกทีหนึ่งว่า ถ้าเขาสามารถ ปล้นคุก ได้ถึงขนาดนี้แล้ว การที่จะบุกเข้าไป เอาหัว พระเจ้าเชียงใหม่เอง ก็คงจะไม่ยากเย็นอะไรนัก

พระเจ้าเชียงใหม่ จึงส่ง แมวมอง ที่ชื่อ มุงกะยอง ออกไปสืบข่าวได้ความมาว่า กองทัพไทยยังชุมนุมกันอยู่ที่บึงใหญ่นั้นจริง โดยมีกำลังพลทั้งไทยและชาวล้านช้างราวเจ็ดร้อยคนเศษ

พระเจ้าเชียงใหม่ก็ทรงพระพิโรธหนัก ว่าอ้ายกองทัพแค่หยิบมือแค่นี้ยังมีหน้ามาข่มขู่ แล้วก็จึงมีพระโองการโดยทันใด

ครานั้นพระองค์ได้ทรงฟัง
แผดเสียงเปรี้ยงดังสนั่นลั่น
เหม่เหม่อ้ายไทยใจฉกรรจ์
เจ็ดร้อยน้อยหรือนั่นมาขันรบ

ไม่พอครือมือลาวชาวเชียงใหม่
สักอึดใจก็จะมัดดังรัดกบ
เพียงหักไม้คนละกิ่งทิ้งสมทบ
ก็จะกลบเสียได้ไม่คณนา

ดำรัสตรัสประภาษอยู่ฉาดฉาน
สั่งท้าวกรุงกาฬตรีเพชรกล้า
จงเร่งพหลพลโยธา
ไปจับจิกหัวมาให้หนำใจ

อัน เพี้ยปราบเมืองแมน แสนกำกอง
ทั้งสองเคยเคี่ยวเข็ญผู้เป็นใหญ่
ยกเป็นปีกซ้ายขวาคลาไคล
ให้ กรุงกาฬ นั้นไซร้เป็นแม่ทัพ

แสนตรีเพชรกล้า ขี่ม้าคล่อง
เคยทำนองหักโหมเข้าโจมจับ
เป็นแม่ทัพสินธพไปรบรับ
ให้พร้อมสรรพพรุ่งนี้สี่โมงปลาย ฯ


ครานั้น ท้าวกรุงกาฬ เมื่อได้รับพระโองการให้เป็นแม่ทัพก็กลับมาจัดแจงแต่งตัว แต่ก็ทำท่าจะไปไม่รอด เพราะเห็น ลางร้าย ดังนี้ขอรับ

ภาวนาเขม้นเห็นนิมิต
วิปริตเป็นรูปคนหัวหาย
จะยกต่อคอแขนไม่ติดกาย
เป็นลางร้ายวิปริตก็ผิดใจ

ครั้นจะทูลขอรั้งรออยู่
ก็อดสูโยธาบรรดาไพร่
เกิดเป็นคนใครจะพ้นที่บรรลัย
ก็แข็งใจไปตามแต่เวรา

ขาขยับไสช้างพอย่างกราย
เห็นลูกนกตกตายลงต่อหน้า
นกแสกแถกเสียดศีรษะมา
แร้งกาบินจับสัปทน

วันนั้นท้าวกรุงกาฬสะท้านจิต
โอ้ชีวิตกูนี้คงปี้ป่น
จำใจได้ฤกษ์ให้เลิกพล
ขานโห่สามหนแล้วยกไป

ดูชายธงตรงลิ่วไม่ปลิวสะบัด
ลมก็จัดวิปลาสไม่หวาดไหว
ทั้งเสียงโห่ก็ไม่ก้องให้หมองใจ
สะทึกสะท้อนถอนฤทัยมาในดง ฯ


พ่อแม่พี่น้องที่เคารพขอรับ ได้ฟังอย่างนี้แล้ว ก็คงจะพอทราบถึงชะตากรรมล่วงหน้าของท่านแม่ทัพใหญ่ ท้าวกรุงกาฬ ได้เป็นอย่างดีแล้วสินะขอรับ..ไม่รอดแน่ขอรับ...งานนี้...

ครั้นทัพเชียงอินทร์ยกมาถึงที่ตั้งของกองทัพกรุงศรีอยุธยา ไพร่พลก็โห่ร้องเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ขุนแผนก็บอกกับ พระท้ายน้ำ และ กึงกำกง ว่าจงคุมไพร่พลรออยู่ที่นี่ก่อน เราจะไปเอง

ครานั้นขุนแผนแสนทหาร
ได้ยินลาวโห่ขานสะท้านไหว
ร้องประกาศบอกกันนั่นเป็นไร
ลาวยกทัพใหญ่มาคั่งคับ

เรากับลูกรักอันศักดา
จะยกพลโยธาออกเคี่ยวขับ
ท่านทั้งสองคอยดูอยู่ในทัพ
เราจะรับมือลาวชาวเชียงอินทร์

แต่บรรดาพวกลาวบ่าวของท่าน
ประจำการอยู่ในค่ายวงสายสิญจน์
แต่บรรดาพวกไทยใจทมิฬ
จงขี่ม้ามาสิ้นให้ครบกัน

เจ้าพลายงามยกไปเป็นทัพหน้า
คุมพวกสามสิบห้าล้วนแข็งขัน
เราจะยกทัพใหญ่หนุนไปพลัน
ถ้าได้ทีตีตะบันบุกเข้าไป

ถ้าพลลาวเหลือล้นพ้นประมาณ
เราจะไสคชสารเข้าลุยไล่
จะรบราฆ่ามันให้บรรลัย
จงตั้งใจอย่าประมาทต้องอาจอง ฯ


แล้วกองทัพหน้าของพลายงามก็เข้ารบกับทัพหน้าของเชียงอินทร์อันมี แสนตรีเพชรกล้า เป็นแม่ทัพ ผลปรากฎว่ากองทัพเชียงอินทร์แตกพ่ายยับเยินไปจนถึงกองทัพหลวงของ ท้าวกรุงกาฬ

ฝ่ายว่าขุนแผนแสนสะท้าน
เห็นกรุงกาฬเข้าด้วยช่วยทัพหน้า
ก็ขับกุญชรต้อนโยธา
ไสช้างขวางหน้าเจ้ากรุงกาฬ

จึงร้องว่าฮ้าท่านฤาทัพหลวง
จึงเลยล่วงขับช้างมากลางทหาร
ดูช้างม้ารี้พลพ้นประมาณ
นี่จะไปรบราญบ้านเมืองใด ฯ


ฝ่ายท้าวกรุงกาฬได้ฟังดังนั้นก็จึงโต้ตอบไปว่า

ครานั้นกรุงกาฬชาญกำแหง
ได้ฟังคำเสียดแทงให้หมั่นไส้
สูนี้พระยาแผนแล้วแม่นใจ
มายกความถามไถ่ไม่มีอาย

เข้ามาลักช้างม้าพาคนหนี
แล้วเข่นฆ่าราตีคนทั้งหลาย
ซ้ำปักหนังสือท้าว่าหยาบคาย
ตัวไม่เป็นผู้ร้ายดอกฤาไร

อยุธยาช้างม้าไม่มีฤา
จึงดึงดื้อมาปล้นจนเชียงใหม่
เรายกพลมาประจญจับโจรไพร
ถ้าคืนของกลางให้จะรอดตัว ฯ


แล้วก็มีการเจรจาตีฝีปากประคารมกันตามธรรมเนียมของการรบในสมัยนั้น แต่ผลสุดท้ายก็รบกันจนได้

ครานั้นกรุงกาฬชาญชัยศรี
ไสพลายพลิกธรณีมาง่านง่าน
กรายของ้าวรำด้วยชำนาญ
คชสารสองปะทะเข้าประงา ฯ


ก็ผลัดกัน รุก รับ สับ แทง กันจนกระทั่งช้างของขุนแผน ได้ล่าง (ศัพท์พระราชพงศาวดาร) ขุนแผนได้ทีจึงฟาดง้าวลงไป

ขุนแผนเห็นได้ทีไม่รีรอ
รำของ้าวฟาดลงฉาดผาง
ถูกกรุงกาฬซานซบทบคอช้าง
ไม่เข้าคอพอเป็นยางออกช้ำช้ำ

กรุงกาฬฟื้นคืนลุกขึ้นมาได้
ขุนแผนไสช้างกระชั้นไล่ฟันร่ำ
จนตีนหลัดจากชนักหัวปักปำ
ขุนแผนซ้ำลงอีกฉาดฟาดตกตึง

ขุนแผนไสช้างเข้าร้องเอาพ่อ
ช้างก็ปร๋อปราดแปร้นแล่นเข้าถึง
ม้วนงวงหลับตาลงงาดึง
ตีตะบึงแทงตะบันดันจนแบน

พอถอนงาคว้าผีขึ้นโยนขวับ
ตกลงมางารับแล้วร้องแปร้น
ไส้ทะลักหักแหกหัวแตกแตน
ช้างลาวแล่นหนีออกนอกโยธา ฯ


ก็จะไปเหลืออะไรเล่าขอรับ พ่อแม่พี่น้อง ทีแรกก็ว่า เหนียว แล้วนะขอรับ โดนง้าวเป็นแค่ยางบอน แต่โดนช้าง ตื้บ น่ะ ให้เหนียวเท่าเหนียวก็เละไม่เป็นท่าเหมือนกัน

กองทัพไทยเห็นนายลาวเสียทีดังนั้น ก็มีกำลังใจรุกไล่จนข้าศึกแตกพ่ายไปจนหมดสิ้น ทีเหลือตายก็วิ่งเข้าเมือง ไปรายงานเจ้าเชียงอินทร์ปากคอสั่นทีเดียวว่า บัดนี้กองทัพท้าวกรุงกาฬที่ยกไปรบกับพวกไทย แตกพ่ายสิ้นหมดแล้วพระเจ้าข้า

เจ้าเชียงอินทร์ได้ฟังก็ตกพระทัยเป็นอันมากแต่ด้วยขัตติยะมานะก็แข็งใจสั่งไพร่พลให้ขึ้นเชิงเทินเตรียมทำศึกในเชิงรับบ้างละ

ครานั้นเจ้าเชึยงอินทร์ปิ่นนคเรศ
ได้ฟังเหตุว่าทัพนั้นยับป่น
ดังพระกาฬจะผลาญให้วายชนม์
พระพักตร์หม่นหมองสลดระทดใจ

แต่มานะกษัตริย์ตรัสประภาษ
ประกาศสั่งเสนาทั้งน้อยใหญ่
ให้เร่งรัดจัดรักษาซึ่งเวียงชัย
ให้ตั้งค่ายรายไปรอบพารา

ปิดทวารทั้งนั้นให้มั่นคง
ลงเขื่อนไม้แก่นให้แน่นหนา
ปืนหามแล่นเอาจุกทุกเสมา
คาบศิลาใส่ตับลำดับไว้

ที่ขอบค่ายนั้นให้รายปืนจ่ารง
ทีช่องตรงประตูกลางวางปืนใหญ่
เอาปะขาวกวาดวัดทั้งฉัตรชัย
จุกใส่ให้ทุกช่องทวารา

บนกำแพงทวารข้างด้านใต้
จงเอาซุงแขวนไว้ให้หนักหนา
แม้นข้าศึกฮึกโหมโจมเข้ามา
เอามีดพร้าตัดทับให้ยับไป

ในกำแพงถากถางหนทางเดิน
แถวถนนบนเชิงเทินให้กว้างใหญ่
ที่ตรงหว่างวางปืนกองฟืนไฟ
คั่วกรวดทรายไว้ให้ทุกกองฯ


ด้านนอก ให้เข้ามาอยู่ภายในกำแพงพระนครจนหมดสิ้น ทั่งข้าวปลาเสบียงอาหารก็ให้ขนมาให้หมด เพื่อสะสมไว้เป็นกำลังต่อสู้กับกองทัพไทย ให้จัดเวรยามรอบกำแพงเมืองอย่างแข็งขันตลอดเวลาทั้งกลางวันและกลางคืน

เอาละสิขอรับ เมื่อทางเมืองเชียงใหม่เตรียมการตั้งรับไว้พร้อมสรรพดังนี้แล้ว กองทัพไทยของขุนแผน ต่อให้เหนียวเท่าเหนียวก็เถอะ แต่ก็มีกำลังพลแค่เจ็ดร้อยกว่าคนเท่านั้นเอง ขุนแผนจะคิดการอย่างไรต่อไปดีล่ะงานนี้

คงจะต้องไว้เฉลยกันในคราวหน้าเสียแล้วแหละขอรับ.
##############################







 

Create Date : 12 มีนาคม 2551
0 comments
Last Update : 12 มีนาคม 2551 14:20:55 น.
Counter : 461 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


พจนารถ๓๒๒
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add พจนารถ๓๒๒'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.