W H I T E A M U L E T
Group Blog
 
All blogs
 

[[อัพเดต]] โตเกียวข้าวมันไก่ @Kanda Station


อัพเดตข้อมูลร้านข้าวมันไก่แบบไทยๆที่ทำโดยคนญี่ปุ่น(ที่ไปร่ำเรียนมาจากร้านข้าวมันไก่แถวประตูน้ำ)กันสักนิด หลังจากที่ไปตามรอยคุณ T-E-N-A คราวนั้น(รายละเอียดและวิธีไปอ่านได้ ที่นี่)ก็ยังไม่มีโอกาสได้แวะไปอีกเลย เมื่อวานสบโอกาสเหมาะต้องนั่ง JR ไป Shinagawa เพื่อต่อวีซ่าพอดีเลยแวะลงไปกินที่สถานี Kanda สักหน่อย

โล่งใจไปได้เปราะนึงว่าร้านยังอยู่มาไม่เสียเที่ยว (คือ ร้านอาหารไทยเล็กๆที่เคยเปิดในแถบอาเมโยโกะ ผ่านไปเดี๋ยวเดียวปิดร้านเก็บของหายไปเสียแล้ว) ตอน จขบ เข้าไปในร้านยังไม่มีลูกค้าเลย (ตอนนั้นราวๆหกโมงเย็น ร้านอื่นๆแถวนั้นเห็นมีลูกค้านั่งกันเยอะแล้ว) ก็นึกอยู่ว่า "เอ ขายไม่ดีหรือเปล่านะ" "อีกหน่อยจะปิดร้านหรือเปล่าหนอ" แต่นั่งไปสักพักลูกค้าก็เข้าร้านมาเรื่อยๆก็ค่อยยังชั่วหน่อย ร้านนี้เล็กๆคนทำก็คนเดียวลูกค้าก็เลยแนวมากินคนเดียวซะมาก จะให้คนนั่งเยอะแยะเป็นโต๊ะใหญ่ๆเหมือนร้านอื่นๆที่มีพนักงานหลายๆคนก็คงไม่ได้อ่ะนะ

การตกแต่งในร้านยังเหมือนเดิมกับหนก่อนที่มากิน แต่เมนูของร้านนี่เปลี่ยนไปเยอะเลย จากหนก่อนจานหลักเน้นแต่ข้าวมันไก่ แล้วก็มีขนมหวานนิดๆหน่อยๆ มาคราวนี้แทบจะกลายเป็นร้านอาหารตามสั่งย่อมๆแล้ว มียำวุ้นเส้น ส้มตำ ผัดผักบุ้ง ผัดไทย ปูนิ่มผัดผงกะหรี่ ลาบ ไข่เจียว ข้าวแกงเขียวหวาน ข้าวผัดกะเพรา และที่สำคัญคือตอนนี้เมนูข้าวมันไก่แบบ mix มีให้สั่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 555 (ไปกินหนก่อนไม่มีการ mix แต่ จขบ ลองสั่งดูเค้าก็ทำให้นะ เพิ่มเงินนิดหน่อยเอง)


เนื่องด้วยเจ็บคอนิดหน่อย วันนี้เลยสั่งเฉพาะไก่ต้มอย่างเดียว ไก่มาเต็มๆจานเนื้อๆเน้นๆเลย กลับไทยไปหนนี้ไม่มีโอกาสได้แวะกินข้าวมันไก่ที่ไหนเลย แต่อ่านกระทู้ได้ยินมาเยอะว่าเดี๋ยวนี้ร้านข้าวมันไก่(โดยเฉพาะตาม food court)มักชอบตบไก่ให้แบนๆเป็นกระดาษ A4 ก่อนหั่นเสริฟ แต่ยังไม่เคยเจอกับตัวก็เลยพูดไม่ได้นะว่าปริมาณไก่มันน้อยลงมากหรือเปล่า เอาเป็นว่าร้านนี้ที่โตเกียวยังโอเคอยู่ละกัน (จขบ สั่งแบบไม่เอาแตงกวาและผักชี เลยมาหน้าตาโล้นๆแบบนี้)


อุตส่าห์แวะมาทั้งทีต้องเอาให้คุ้ม ซื้อแบบ mix กลับบ้านไว้กินวันพรุ่งนี้อีกกล่อง ได้ไก่มาเพียบอีกเช่นเคยกินกันให้หายอยากไปเลย ประหยัดเวลาทำกับข้าวไปได้อีกตั้งมื้อนึง

บล็อคนี้สั้นๆ จบการอัพเดตร้านแต่เพียงเท่านี้เท่าที่เห็นก็น่าจะไปได้เรื่อยๆนะ อาจดูไม่คึกคักเท่าร้านใหญ่อื่นๆที่อยู่รอบๆเพราะมีคนทำคนเสริฟแค่คนเดียว แต่ก็(น่าจะ)เจาะกลุ่มเป้าหมายมาคนน้อยๆได้โอเคอยู่ เมนูอื่นนอกจากข้าวมันไก่ยังไม่เคยลองกิน แต่เห็นคนญี่ปุ่นคนอื่นๆก็สั่งกินกันอยู่ (ส่วนตัวอยากลองปูนิ่มผัดผงกะหรี่อ้ะ ที่ตลาดอาเมโยโกะหาปูนิ่มไม่ได้เลย) แต่อย่างน้อยเท่าที่เห็นถือว่าราคาค่อนข้างถูกเลยล่ะเมื่อเทียบกับร้านอาหารไทยในโตเกียวร้านอื่นๆ เจ้าของร้านก็เคยร่ำเรียนมาจากไทยน่าจะทำได้รสชาติแบบไทยๆพอตัว(ล่ะมั้ง)

-------------------------------------------

ภาพทั้งหมดถ่ายจาก iPhone 3GS ย่อและปรับแสงนิดหน่อยด้วย PS

>> คลิกเพื่อดูรายการบล็อคอัพใหม่ทั้งหมด




 

Create Date : 28 สิงหาคม 2553    
Last Update : 28 สิงหาคม 2553 11:48:43 น.
Counter : 3504 Pageviews.  

เดินเที่ยวช้อปปิ้งฤดูร้อนประสาคน(นานๆจะ)ว่างงาน


ปล่อยบล็อคของดองเล็กน้อย ภาพถ่ายตั้งแต่ปลายเดือน กค ตอนที่ว่างๆช่วงก่อนกลับไทยโน่นแน่ะ ณ ตอนนั้นค่อนข้างว่างงานเลยได้ใช้ชีวิตเที่ยวสบายๆช่วงหน้าร้อนกะเค้ามั่ง ไหนๆถ่ายรูปมาแล้วก็เอามาเก็บไว้เป็นไดอารี่ที่ระลึกสักหน่อย หน้าร้อนปีหน้าจบปุ๊บก็จะเรียนจบกลับไทยแล้ว

ช่วงหลังๆที่เปลี่ยนมาช้อปปิ้งแถวบ้านแทนเลยไม่ค่อยจะได้ไปชิบุยะกะเค้าเลย พอแวะไปแล้วก็อดแวะ Beard Papa เจ้าเก่าไม่ได้และก็ไม่ผิดหวัง มาสาขานี้ทีไรต้องเจอชูครีมรสใหม่ๆทุกทีเลย หน้าร้อนนี้เป็นชูครีมรสคาลปิส คนคิดก็เข้าใจคิดรสแปลกๆนะลองกินแล้วก็อร่อยดี ให้รสหวานอ่อนๆอมเปรี้ยวนิดๆของคาลปิสในไส้ครีมพอช่วยให้หายอึดอัดจากอากาศร้อนตับแล่บของญี่ปุ่นปีนี้ได้


ไหนๆมาแถวนี้แล้วก็แวะ Disney Store ว่าจะหาซื้อของฝากที่บ้านสักหน่อยแต่เดินไปเดินมาหาที่ถูกใจไม่ได้เลย มัวแต่ไปเดินวนเวียนอยู่หน้าตุ๊กตาหมีพูห์ตัวยักษ์นี่ล่ะ ตัวใหญ่ๆน่าร๊ากกกกก น่ากอดมากๆ หยิบแล้ววาง หยิบแล้ววาง แบบอาลัยอาวรณ์สุดๆ แต่หนนี้ก็ตัดใจซื้อไม่ได้อีกตามเคย(เล็งมาตั้งกะปีที่แล้วแน่ะ) แบบว่าห้องที่ญี่ปุ่นมันเล็ก แถมนึกถึงความยุ่งยากตอนขนกลับไทยแล้วเลยทำใจซื้อไม่ได้สักที


ซุ้มของ Toy Stories 3 นี้เจอโดยบังเอิญใน Disney Store นี่แหล่ะ แอบถ่ายภาพโปสเตอร์โปรโมทเวอร์ชั่นญี่ปุ่นมาใบนึง ตั้งแต่รู้ข่าวครั้งแรกก็หมายมั่นปั้นมือไว้เลยว่าจะต้องดูให้ได้ ในบรรดาการ์ตูนของ Pixar ทุกเรื่อง(ที่ดูมาแล้วเรื่องละหลายสิบรอบ) ส่วนตัวแล้วชอบ Woody ของ Toy Stories มากที่สุด ภาคสามนี้ท่าจะเศร้าเพราะ Woody ต้องจากกับ Andy ซะแล้วคงเป็นการปิดตำนานของ Toy Stories อย่างสมบูรณ์สักที(มั้ง)


ที่ด้านหลังโปสเตอร์เค้าจัดเป็นฉากห้องของ Andy แบบที่เห็นในสองภาคแรกไว้ด้วย จากการดูหนังมาหลายสิบรอบบอกได้เลยว่าจัดได้เหมือนจริงๆ ทั้งโต๊ะทั้งทีวีและวีดีโอเกมส์ แถมยังภาพวาดที่ติดไว้บนบอร์ดอีก ภาพในทีวีก็เป๊ะเลยเป็นตอนภาคสอง ตอนท้ายๆที่ Buzz ไปช่วย Woody ที่อยู่ในกระเป๋าลำเลียงสายพานของสนามบิน


สรุปว่าจบ Disney Store ไปแบบไม่เสียเงิน (ส่วนหนังนั้นได้ดูเรียบร้อยแล้วที่ไทย ชวนที่บ้านไปดูกันตั้งแต่วันแรกที่มันเข้าโรงเลย แล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆ) ไหนๆมาถึงนี่แล้วก็แวะ 109 เจ้าเก่าเสียหน่อยกำลังเซลล์เสื้อผ้าหน้าร้อนกันใหญ่เลย ปีหลังๆที่อยู่ญี่ปุ่นมานี้เริ่มรู้สึกว่าสไตล์เสื้อผ้าของ 109 ไม่ค่อยจะถูกใจเสียแล้ว เดินวนๆผ่านๆแล้วก็ออกไปแบบไม่ได้ขอลองเลยสักตัว


ช้อปปิ้งหน้าร้อนก็หมดแค่นี้เงินแทบจะไม่หายไปจากกระเป๋าสตางค์เลย อยู่มาเกือบสี่ปีก็คงเริ่มชินกับแฟชั่นที่นี่พอควรแล้วล่ะ ซื้อเสื้อผ้าน้อยลงเยอะเมื่อเทียบกับตอนมาใหม่ๆที่อะไรๆก็สวยแปลกตาไปหมด ขากลับนั่ง JR Yamanote ขนาดว่าเป็นวันธรรมดาช่วงเย็นๆคนก็ยังเยอะเลย สายวิ่งวนแบบนี้เสียอย่างคือไม่มีสถานีต้นสาย จะขึ้นจากตรงไหนก็มีคนอยู่ตลอด ช่วงเวลาเร่งด่วนก็เลยยิ่งหาที่นั่งยาก ต้องรอเสียบหลังผ่านสถานีใหญ่ๆอย่างเดียว


ปิดท้ายการช้อปปิ้งด้วยอาหารเย็นที่ร้าน 天丼てんや TendonTenya แถวๆสถานี Okachimachi ร้านนี้คุณพี่ชายที่มาเที่ยวหนก่อนๆเดินมาเจอโดยบังเอิญ (ออกทาง South Exit จะเห็นร้านอยู่ตรงหน้าเลย) จากนั้นมาก็กลายมาเป็นหนึ่งในร้านโปรดของเราไปด้วย พวกชุบแป้งทอดของร้านนี้ทำได้อร่อยดี ยิ่งช่วงหน้าหนาวที่มีเมนูพิเศษพวกหอยนางรมหรือเห็ด Matsutake อะไรด้วยยิ่งอร่อย >.< (หน้าร้อนเมนูพิเศษจะเป็นพวกผักทอดซะมาก)


ตอนนี้ปลายสิงหาแล้วก็เข้าสู่ปลายของหน้าร้อนแล้ว แต่อากาศก็ยังร้อนอยู่เลยแต่รู้สึกอึดอัดน้อยลงกว่าเมื่อช่วงต้นๆเดือนเยอะ (ก่อนนี้ร้อนแบบร้อนชื้น เหนียวหนึบอึดอัดมากๆ) ตอนที่กลับไทยไปนี่รู้สึกว่าที่ไทยเย็นสบายกว่าที่ญี่ปุ่นเสียอีก แถมญี่ปุ่นปีนี้ยังไงไม่รู้แมลงและยุงอย่างเยอะ จขบ ยิ่งแพ้แมลงอยู่ด้วยโดนแมลงกัดเป็นวงแดงใหญ่ๆเต็มขาเลยเนี่ย รอยโดนกัดก็รักษากันอีกนานกว่าจะหาย T_T

--------------------------------------------------------

ภาพทั้งหมดถ่ายจาก iPhone 3GS แล้วเอามาแต่งสีสันใน PS อีกนิด

>> ดูรายการบล็อคอัพใหม่ทั้งหมด




 

Create Date : 25 สิงหาคม 2553    
Last Update : 25 สิงหาคม 2553 16:40:16 น.
Counter : 1971 Pageviews.  

Ueno Summer Festival Parade 2010 @Tokyo


>> คลิกเพื่อดูอัลบั้มภาพใน OneDrive

หลังจากทำงานชิ้นสุดท้ายของเทอมนี้เสร็จแล้วจากยุ่งๆก็กลายเป็นคนว่างงานทันที (ค่อยจะเริ่มงานจริงจังอีกทีหลังจากกลับจากไปเยี่ยมบ้านที่ไทย) ช่วงว่างๆนี้เลยได้ใช้ชีวิตชิวๆในญี่ปุ่นกะเค้าบ้างอย่างที่ไม่ค่อยจะได้ทำเลยตั้งแต่เข้าโทและเอกมา เสียดายว่าช่วงว่างไม่ยาวพอจะไปเที่ยวไหนจริงจังได้

แพลนถ่ายรูปพาเหรดนี้มาเสิร์ฟกันถึงหน้าบ้านเลย มีป้ายเบ้อเริ่มแปะบอกไว้ว่าวันพรุ่งนี้ (24 กค) จะมีการปิดถนนตั้งแต่ 17:00 - 20:30 เพื่อพาเหรดนี้ จังหวะเหมาะเหม็งคนกำลังว่างงานอยากหาอะไรทำพอดี ว่าแล้ววันรุ่งขึ้นก็รีบออกไปเก็บภาพเลย เมื่อปีที่แล้วบังเอิญได้ภาพพาเหรดนี้มาแบบแว้บๆตามประสากล้องมือถือ (ที่นี่) ปีนี้ขอจริงจังหน่อยแบกไปเต็มที่(เท่าที่มี)และเก็บรูปมาเพียบ(เท่าที่จะถ่ายไหว)

เนื่องจากหน้าร้อนญี่ปุ่นปีนี้ร้อนมาก(เห็นมีข่าวว่ามีคนร้อนตายไปหลายคนแล้ว) วันไหนมีแดดก็แดดแรงแบบเดินไปรู้สึกเหมือนผิวจะไหม้ วันไหนแดดร่มลมตกก็ความชื้นสูงร้อนอบอ้าว เดินไปเหนียวตัวไปอารมณ์เหงื่อซึมๆทั่วตัวแต่ไม่สามารถกลั่นตัวมาเป็นหยดเหงื่อได้(เพราะรอบข้างความชื้นสูงอยู่แล้ว) สรุปคือร้อนอึดอัดหนึบหนับสุดๆ งานนี้เลยไปแบบเน้นๆถ่ายรูปเลย เสื้อผ้าหน้าผมอย่าได้ใส่ใจ เพราะรับประกันได้ว่ากว่าจะถ่ายเสร็จทั้งหน้าทั้งผมเละไม่มีเหลือ

ประมาณ 5 โมงเย็นก็ไปยืนรอประจำการที่สี่แยก Ueno-hirokoji ตรงข้ามห้าง Matsuzakaya เป็นที่เรียบร้อย อุตส่าห์เลือกมุมถนนเลยกะว่าไม่มีรั้วกั้นเกะกะ พาเหรดจะเริ่มตอน 17:30 ระหว่างนี้ก็ซ้อมมือถ่ายบรรยากาศก่อนเริ่มงานไปก่อน รูปแรกเป็นรั้วตรงที่ยืนรออยู่ เพิ่งสังเกตว่าเป็นสัญลักษณ์ใบแปะก๊วย(ใบอิโจ)ด้วย เดินผ่านมาสี่ปีไม่เคยสังเกตเลย


ช่วงครึ่งชั่วโมงที่ยืนรออยู่ เหล่าคุณตำรวจก็เริ่มมารวมตัวกันที่สี่แยกและคอยช่วยตอบคำถามผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาเกี่ยวกับกำหนดการของพาเหรด


ใกล้ได้เวลาแล้ว แดดอ่อนลง คุณตำรวจก็เริ่มทำการกั้นรั้วไม่ให้รถวิ่งผ่านถนนหลักของพาเหรด


เหล่านักแสดงของพาเหรดเริ่มเดินไปประจำการ ณ จุดสตาร์ท(ที่อยู่ตรงไหนก็ไม่รู้)


เหล่าสตาฟของงานเริ่มมาประจำตามจุดต่างๆ และพูดคุยรายละเอียดกับคุณตำรวจให้เป็นที่เรียบร้อย


ในที่สุดก็ได้เวลาเริ่ม ได้ยินมาว่าปีนี้มีพาเหรดทั้งหมด 27 ขบวน(ใช้เวลาสองชั่วโมงครึ่ง) เปิดพาเหรดกันด้วยขบวนจากสถานีตำรวจกับป้ายรณรงค์จราจรปลอดภัย


ที่เดินตามป้ายนำเป็นเหล่าคุณป้าคนญี่ปุ่น แต่ละคนก็ถือป้ายรณรงค์ต่างๆเพื่อการจราจรที่ปลอดภัย เช่น เมาไม่ขับ (ที่ญี่ปุ่นได้ยินว่าปรับจริงอะไรจริง อาจารย์ที่แล็บถ้าวันไหนมีกินเลี้ยงดื่มเบียร์และเหล้า จะไม่เอารถมาเลยขนาดว่าไม่ได้เมานะเนี่ย เห็นว่าถ้าโดนจับมีสิทธิโดนไล่ออกจากมหาลัยได้) และ ลดอุบัติเหตุจากการขี่จักรยาน (ที่โตเกียวนอกจากรถไฟแล้วก็เดินกับจักรยานกันเป็นหลัก)


ถัดจากขบวนนำก็เป็นขบวนการแสดงรุ่นเยาว์ เต้นและควงคทาต่างๆ (สังเกตว่าตอนนี้สองข้างทางคนเนืองแน่นไปหมดแล้ว)


ถัดมาเป็นขบวนจากสวนสัตว์อุเอโนะ มีมาสคอตซากุระแพนด้าสัญลักษณ์ของสวนสัตว์นี้นั่งสบาย(รึเปล่า? ชุดนั้นท่าจะร้อนแย่)มาในรถ


ขบวนพาเหรดถัดไปเป็นการเต้นรำแบบดั้งเดิมจากเหล่าราษฏรอาวุโสชาวญี่ปุ่น


อากาศร้อนเหนียวหนึบหนับมาก แต่คุณป้าคนแสดงก็ยังท่าทางชิวๆนิ่งๆกันอยู่ไม่ออกอาการหลุกหลิกเพราะอากาศร้อนเลย นักแสดงชุดนี้นิ่งได้ใจจริงๆ


ต่อจากขบวนรุ่นเดอะ มาที่ขบวนชุดอลังการกันบ้าง แค่คนนำขบวนก็เด่นเด้งมาแต่ไกลแล้ว


คนอื่นๆในขบวนนี้ก็ชุดเว่อร์ไม่แพ้หัวขบวน งานนี้ได้เห็น(แนว)บิกินี่แบบเต็มตาและเต็มกล้องยิ่งกว่าเวลาไปทะเลเสียอีก (ที่ทะเลไม่กล้าเอากล้องไปส่องเค้า)


คนปิดท้ายขบวนนี้ ก็ยังคงไม่แตกคอนเซ็ปชุดหรูเริ่ด (ดูไม่ทันว่าธงของขบวนนี้เป็นสัญลักษณ์จากบริษัท หรือ ห้าง หรือ ร้านไหน คุ้นๆตาอยู่แต่นึกไม่ออก)


พักจากขบวน(ชุด)สุดอลังการมาที่ขบวนน่ารักแบบซิมเปิ้ลๆกับขบวนกุ๊กไก่กุ๊กๆ


ขบวนจาก Cafe ที่ไหนสักแห่ง พร็อบในการเต้นจะเป็นพวกช้อน ส้อม และ มีด (ของปลอมอันใหญ่ๆที่ห้อยอยู่ข้างหลัง) ก็น่ารักดี


ขบวนนี้ท่าจะมาจากร้านขายผลไม้(มั้ง) คอนเซปต์ tropical มาเลยทาหน้าสีเข้มอย่างเห็นได้ชัด (บางคนที่ทาหน้าละลายมาเป็นปื้นดำๆที่คอด้วยเพราะอากาศร้อนจัด)


ในระหว่างขบวนก็จะเห็นมีคนคอยเอาน้ำไปให้นักแสดงดื่มกันด้วย อากาศร้อนมากถ้าไม่มีเติมพลังระหว่างขบวนเลยอาจได้เห็นคนเป็นลมกลางพาเหรดเอาได้


ขบวนถัดไปที่เคยเห็นแว้บๆมาแล้วเมื่อปีที่แล้ว รถพร้อมกลองจาก Yushima Tenjin (ศาลเจ้าที่นี่มีชื่อเสียงในด้านการขอพรให้สอบเข้ามหาวิทยาลัยโตเกียวได้ ตอนปีใหม่คนที่มาขอพรเห็นมีแต่เด็กๆนักเรียนทั้งนั้นเลย)


ลีลาการตีกลองแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมจากคนของศาลเจ้า


ถัดมาดูไม่ทันว่าเป็นของขบวนไหนหรือใครส่งมา(ขบวนของศาลเจ้าหรือเปล่าก็ไม่รู้) เป็นขบวนแห่หุ่นรูปปั้นตัวใหญ่ (จำได้ว่าปีที่แล้วก็มี แต่รูปปั้นคนละอันกันหมดเลย) ตัวในภาพนี้ไม่รู้เหมือนกันว่าคืออะไร เดาว่าเป็นหงอคงมั้ง


รูปปั้นตัวที่สองก็ดูไม่ออกอยู่ดีว่าหมายถึงอะไร แต่ไม้พายสีน้ำตาลๆนั่นเหมือนจะเป็นทัพพีตักข้าวที่มีเม็ดข้าวติดอยู่นะ (คนที่แห่มานี่ยังดูหนุ่มๆสาวๆกันอยู่เลย อากาศร้อนๆแต่ก็ยังคึกคักกันน่าดู)


รูปปั้นอันสุดท้ายไม่รู้ว่าเป็นเทพหมาจิ้งจอกที่ไหนหรือเปล่า (สรุปว่างานนี้ถ่ายรูปมาอย่างเดียว ไม่รู้รายละเอียดอะไรของงานหรือของแต่ละขบวนแห่เลย)


ขบวนถัดๆมากลองเริ่มจะเยอะ และเริ่มมีแพทเทิร์นเพลงที่ร้องในพาเหรดเหมือนๆกัน มีสเต็บการเต้นคล้ายๆกัน ตอนยืนถ่ายรูปอยู่ถึงกับร้องตามได้เลยเพราะขบวนช่วงนั้นร้องเพลงนี้กันหมด (แต่ตอนนี้ลืมไปแล้ว) ในภาพด้านล่างขบวนจากไหนอ่านเอาได้จากป้ายบนกลองเลย (จขบ อ่านไม่ออกอ่ะขี้เกียจไปหาคำอ่าน)


ขบวนกลองอีกขบวนจาก NTT


ชอบคนปิดท้ายขบวนของ NTT เป็นพิเศษ แต่งตัวแบบนี้ใส่หน้ากากแบบนี้เหมือนในการ์ตูนญี่ปุ่นเก่าๆเปี๊ยบเลย


ถัดมาอีกกี่ขบวนจำไม่ได้(เริ่มหลงแล้ว นับไม่ถูกว่าขบวนไหนเป็นขบวนไหน)เป็นขบวนพาเหรดจากโรงเรียนประถม ยังคงร้องเพลงเดียวๆกันกับขบวนก่อนหน้านี้ แต่พอเป็นพาเหรดของเด็กๆก็บรรยากาศแปลกไปอีกแบบ นึกถึงตอนเรียนอยู่ที่ไทยพอคุณครู(วิชาภาษาอังกฤษ)เข้าห้องมาปุ๊บทุกคนก็ต้องพร้อมใจกันยืนและพูดทำความเคารพเสียงเนือยๆยานๆว่า Gooood moooorningggg teeeeacherrrrrr นี่ก็อารมณ์คล้ายๆกัน เด็กๆพร้อมใจกันตะโกนร้องเพลงเหมือนโดนโปรแกรมมา ร้องพร้อมกันบ้างไม่พร้อมกันบ้างก็ว่าไป คนไหนที่เต็มที่กับชีวิตหน่อยก็จะออกอาการโก่งคอตะเบ็งเสียงร้องเพลงแบบใส่แรง 120% กันให้เห็นชัดๆ


กลองอีกแล้ว(ชักเริ่มเบื่อกลอง) จากขบวนไหนไม่รู้ดูป้ายกันเอาเองละกัน


ฟ้าเริ่มมืดลงแสงเริ่มเน่า เลนส์นี้ไม่ไวแสงซะด้วย ถ่ายภาพคนเคลื่อนไหวเร็วๆแบบนี้ IS ช่วยอะไรไม่ค่อยได้เลยต้องหาทางเพิ่มสปีดอย่างเดียว ตอนอย่างนี้นี่อยากได้เลนส์เทเลไวแสงมาใช้มั่งจัง ภาพนี้เป็นคนนำขบวนจาก Asahi (แต่อันนี้ไม่น่าใช่บริษัทเบียร์นะ) สงสัยมากๆเป็นการส่วนตัวว่าน้องหมาที่ตั้งใจจูงมานี่มีความหมายอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า


นอกจากเรื่องแสงเน่าสปีดถ่ายภาพไม่ค่อยพอแล้ว คนถ่ายเองก็เริ่มเหนื่อย(อากาศร้อนอ่ะ ยืนถ่ายไปนี่เหงื่อท่วมตัวเลย) ประกอบกับขบวนกลองเยอะจัดเลยเริ่มถ่ายภาพมาน้อยลง ดูท่า จขบ คงยังฝึกความอึดมาไม่พอสู้คุณป้าคนญี่ปุ่นก็ไม่ได้ ดูสิเค้ายังเต้นกันในพาเหรดได้อยู่เลย


เริ่มเข้าสู่ช่วงท้ายๆของพาเหรดแล้ว ขบวนนี้มีแต่คนต่างชาติหน้าตาประมาณละตินอเมริกาไม่รู้ว่าเป็นขบวนจากที่ไหนกัน


ขบวนนี้ก็ชุดเหมื๊อนเหมือนชุดเกาหลีเลยแฮะ (หรือจะเป็นขบวนจากเกาหลีจริงๆหนอ?)


รถพาเหรดอีกหนึ่งขบวน รูปทรง(ภายนอก)แบบดั้งเดิมมีทำเป็นเชือกเส้นใหญ่ๆแล้วมีคนลากอยู่ด้านหน้าด้วย (แต่คงไม่ได้ลากจริงๆหรอก หนักตายเลย)


ขบวนหลังๆได้ยินแว่วๆเหมือนจะเป็นการแสดงจากจังหวัดต่างๆ เห็นนุ่งน้อยห่มน้อยประมาณนี้ขอเดาว่าน่าจะเป็นจังหวัดจากทางใต้ที่อากาศร้อนๆ(มั้ง)


จากที่อุตส่าห์มาจองที่ได้อยู่หน้าสุด แต่ยังไงก็ไม่รู้ยืนถ่ายไปถ่ายมาทำไมมีคนมายืนบังข้างหน้าเยอะแยะต้องคอยหลบหัวคนเวลาถ่ายรูป ไม่พอโลเกชั่นตรงสี่แยกที่เลือกกลับไม่ดีอย่างที่คิด เพราะตำรวจต้องคอยปล่อยคนข้ามถนนไปเป็นระยะๆทำให้จุดนี้เป็นจุดที่พาเหรดรีบเดินผ่านไปให้เร็วที่สุด พอเลยจุดนี้ไปค่อยไปหยุดเต้นกันต่อที่ด้านหน้า ผลก็คือ จขบ เห็นแต่หลังนักแสดงซะงั้น -*-

ลงท้ายช่วงใกล้ๆจบพาเหรด จขบ เลยวิ่งย้ายที่ไปอีกฝั่งนึงห่างออกไป แต่ไปทีหลังก็ติดคนข้างหน้าเต็มไปหมดถ่ายไม่ค่อยได้อยู่ดี ภาพสุดท้ายนี้มาจากขบวนสุดท้ายปิดงานจากจังหวัดโอกินาว่า พาเหรดนี้จะเป็นแนวขึงขัง เต้นแบบแรงๆเน้นๆ (สังเกตดีๆ จะเห็นตัวขนฟูๆด้านหลังเป็นมาสคอตซีซ่าร์สัญลักษณ์ของโอกินาว่า)


ช่วงที่ยืนถ่ายตอนท้ายๆนี้เห็นคุณลุงคนญี่ปุ่นข้างหน้าใช้กล้องตัวเล็กๆถ่ายภาพอยู่ เทียบกับกล้องและเลนส์ของ จขบ แล้วกล้องเค้าเล็กจิ๋วไปถนัดเลย แต่ภาพที่เห็นในจอ LCD เค้านี่สิทำเอา จขบ อายไปเลย หนึ่งคือกล้องเค้าตัวเล็กแต่ซูมได้ไกลมากๆ กล้อง(และเลนส์)ของ จขบ นี่ซูมสุดแล้วก็ยังเจาะขบวนพาเหรดไม่ค่อยจะได้อย่างใจอยากเลย สองคือ ภาพที่แสดงบน LCD ของเค้ามันดูสวยสว่างมากเลยอ่ะ ภาพใน LCD ของ จขบ นี่สิมื๊ดมืด ขนาดดัน ISO3200 แล้วก็ได้สว่างแค่นี้เอง จะลดสปีดก็ไม่ได้เดี๋ยวภาพเค้าเต้นๆกันมันจะเบลอ แอบเล็งกล้องเค้าอยู่นานจนเห็นว่าเป็นกล้อง CX3 (Ricoh) ถ้าคุณภาพภาพเวลาดูในจอคอมสวยเหมือนที่เห็นในจอ LCD เค้าก็น่าสนอยู่นะเนี่ย ตัวเล็กแต่ซูมได้เยอะถ่ายเคลื่อนไหวเร็วๆแสงน้อยก็ได้ด้วย เล่นเอา DSLR อย่าง จขบ อายไปเลย

พาเหรดสุดท้ายจบที่ประมาณสองทุ่มมีอีกครั้งก็ กค ปีหน้าไปเลย พองานจบปุ๊บผู้คนสองฝั่งถนนก็แยกย้ายหายกันไปเร็วปานลมพัด เท่าที่เห็นคือรีบตรงเข้าห้างหรือร้านหาแอร์เย็นๆมาคลายร้อนกัน จขบ เองก็แวะซื้อข้าวแล้วรีบเผ่นกลับไปนอนตากแอร์ที่บ้านเลย งานนี้ไม่มีอะไรผิดคาดถ่ายเสร็จเหงื่อโชกตั้งแต่หัวจรดเท้า หนึบๆเหนียวๆไปทั้งตัว แถมเมื่อยแขนไม่เบา สรุปแล้ว จขบ คงไม่อึดพอจะมาถ่ายงาน event จริงจังแบบนี้ งานรับปริญญา(ที่ไทย)ยิ่งไม่ต้องพูดถึงดูท่าทางแล้วทำไม่ไหวแน่นอน

บล็อคนี้จบเพียบเท่านี้ สำหรับหน้าร้อนปีนี้ยังมีเรื่องอยากเขียนอีกสองสามเรื่องแต่ขอติดไว้ในบล็อคถัดๆไป

----------------------------------------------

ภาพในบล็อคนี้ถ่ายจาก Canon EOS Kiss X3 + EF-S 15-85mm f/3.5-5.6 IS USM ใช้ PS เพื่อย่อ USM ใส่ลายน้ำและปรับแสงสีตามสมควร

>> คลิกเพื่อดูอัลบั้มภาพใน OneDrive
>> ดูรายการบล็อคอัพใหม่ทั้งหมด




 

Create Date : 01 สิงหาคม 2553    
Last Update : 31 ธันวาคม 2557 4:08:38 น.
Counter : 1446 Pageviews.  

อัพแก้เบื่อ....บรรยากาศหน้าร้อนกับต้นไม้เขียวๆและดอกอาจิไซ (@โตได (อีกแล้ว))


>> คลิกเพื่อดูอัลบั้มภาพใน OneDrive

ห่างหายจากการเขียนบล็อคมาสักเดือนนึงได้แล้ว พอเริ่มไปใช้ Multiply ก็เริ่มเกิดอาการขี้เกียจเขียนบรรยายขึ้นมา เน้นๆทำอัลบั้มรูปทางนั้นเก็บไว้ดู(เอง)ซะมาก ประกอบกับช่วงนี้มีงานมาตลอด เสร็จอันนึงอีกอันก็เข้าคิวจ่อมา แถมอากาศร้อนๆบรรยากาศคล้ายที่ไทยก็ไม่ค่อยมีอะไรให้ถ่ายรูปด้วย (ไอ้ที่มีก็ขี้เกียจออกไป แบบว่ามันร้อนอ้ะ)

สำหรับหน้าร้อนปีนี้ก็สรุปได้ว่าแห้วทริปชมดอกไม้ที่ฮอกไกโดไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แพลนไปแพลนมาสรุปว่าแพลนพังตั้งแต่ยังไม่ทันจะเริ่ม ไม่รู้จะไปช่วงไหนดี(เพราะต้องโดดแล็บ จะไปหลายวันก็ไม่ได้) ไปคนเดียวขับรถไม่เป็นนึกการเดินทางไม่ค่อยออก (คนขี้เกียจหาข้อมูลก็งี้ล่ะ หนก่อนตอนหน้าหนาวฮอกไกโดมีคุณพี่ชายหาข้อมูลให้หมดเลย) ก็เลยเหลือแพลนถ่ายรูปสำหรับหน้าร้อนแค่อย่างเดียวคือ Hanabi (花火 เทศกาลดอกไม้ไฟ) ซึ่งช่วงนี้เริ่มมีจัดกันแล้ว แล้วก็มีเรื่อยๆยาวไปถึงประมาณกลางๆสิงหาเลย

ตารางเวลาและสถานที่การจัด Hanabi ทั่วประเทศหาดูได้จากเว็บ //hanabi.walkerplus.com/ ก่อนไปจริงควรเช็คเว็บให้ชัวร์อีกที เพราะถ้าถึงวันแล้วฝนตกก็อาจมีเลื่อน ส่วนรายละเอียดว่างานดอกไม้ไฟที่ญี่ปุ่นนั้นอลังการงานสร้าง(และผู้คนมหาศาล)แค่ไหนลองดูเป็นน้ำจิ้มได้ที่สองบล็อคเก่าจากเมื่อปีก่อน ตรงนี้ กับ ตรงนี้

ปีนี้กะว่าคงแค่แบกกล้องไปเก็บบรรยากาศงานและสาว+หนุ่มยูกาตะ แต่คงไม่สามารถเน้นดอกไม้ไฟได้ เพราะขี้เกียจไปแย่งจองโลเกชั่นถ่ายรูปกะเค้า (ถามน้องๆที่แล็บเค้าจะไปกันอีกงานนึงที่ สนทญ มีโควต้าจุดนั่งชมดีๆไว้ให้ แต่ช่วงนั้น จขบ กลับไทยพอดีเลยอด) อีกเหตุผลหนึ่งที่สำคัญมาก คือ หาเรื่องใส่ชุดยูกาตะที่เมื่อตอนปลายหน้าร้อนปีที่แล้วซื้อลดราคามาด้วย เดี๋ยวจะอดใช้ ;P

เนื่องด้วยวันนี้เป็นวันหยุดของญี่ปุ่น (วันทะเลอะไรนี่ล่ะ 海の日) แต่คุณแฟนไม่อยู่แถมข้างนอกแดดร้อนเปรี้ยงไม่อยากไปไหน เลยมาอัพบล็อคแก้อารมณ์เซ็งๆกันหน่อยนึงค่อยทำงานต่อ หัวข้อสิ้นคิดของ จขบ ก็ไม่พ้นรูปถ่ายที่มหาลัย ซึ่งก็เป็นที่แน่นอนอยู่แล้วเพราะชีวิตที่นี่ถ้านับกันเฉพาะเวลาที่ตื่นอยู่ อยู่มหาลัยมากกว่าอยู่บ้านตัวเองเสียอีก

บรรยากาศช่วงหน้าใบไม้เขียวที่หอนาฬิกาหน้า 正門 Seimon ก็จะเป็นประมาณนี้ ภาพแบบนี้จะลากยาวไปจนถึงประมาณ ตค เลยกว่าต้นแปะก๊วยพวกนี้จะเริ่มมีผล พอผลร่วงหมดใบไม้ก็เริ่มเปลี่ยนสีเป็นสีเหลืองทอง แล้วใบก็ร่วงเหลือแต่ต้นกิ่งโกร๋นๆในหน้าหนาว ก่อนจะผลัดกลับมามีใบสีเขียวอีกครั้งในฤดูใบไม้ผลิวนเป็นวัฏจักรอย่างนี้ไปทุกปีๆ


ต้นแปะก๊วยตอนใบเขียวๆนั้นบอกตามตรงว่าไม่สวยเลย ใบสีเขียวดูแข็งๆถ่ายรูปออกมาไม่ค่อยสวย รูปด้านบนกับรูปด้านล่างนี้ต้องอาศัยรีทัชเปลี่ยนสีใบไม้นิดนึงถึงดูสีนุ่มๆขึ้นหน่อย


จุดที่ จขบ คิดว่าใบไม้เขียวๆแล้วสวยก็มีอยู่เหมือนกัน (แต่ภาพพวกนี้ถ่ายตั้งแต่ตอนปลายๆใบไม้ผลิโน่นแน่ะ แดดยังไม่แรงมากแสงในภาพเลยไม่แข็งเป๊ก) ตรงนี้เป็นซุ้มต้นไม้แถวๆหน้าตึก Engineer 2 ที่แล็บของ จขบ อยู่ หรือว่าง่ายๆก็คือ เดินเข้า Seimon มาเลี้ยวซ้ายก็จะเจอถนนคู่ขนานกับถนนหน้าหอนาฬิกาอันนี้


ซุ้มต้นไม้ที่ว่านี้ จขบ เล็งมาหลายอาทิตย์เพราะเดินผ่านทีเห็นใบไม้เขียวดูนิ่มๆได้บรรยากาศสดชื่นสบายๆดี


อีกสักภาพกับซุ้มต้นไม้ตรงนี้ ตอนที่ใบเขียวๆตรงนี้ดูสวยกว่าตรงซุ้มต้นแปะก๊วยเยอะเลย (ไม่ต้องรีทัชภาพให้เลยเนี่ย)


แต่ไม่ว่าจะฤดูอะไร สิ่งที่มหาลัยนี้ไม่เคยเปลี่ยนก็คือคนที่มาทัวร์หรือมาทัศนศึกษา จะหน้าไหนมหาลัยนี้ก็มีคณะทัวร์ต่างๆมาลงอยู่ตลอด เด็กๆมาทัศนศึกษาก็เป็นอีกเรื่องที่เห็นจนชินตา เห็นมาจนครบจากโรงเรียนทั่วทุกภาคของญี่ปุ่นแล้วเนี่ย


ที่ลานหญ้าหน้าหอนาฬิกาเอาที่กั้นออกได้สักระยะแล้ว ไว้ให้คนไปนั่งกินข้าว นั่งปิคนิคกันได้ ถ้าช่วงพักกลางวันจะเห็นได้บ่อยๆว่าคนในมหาลัยชอบซื้อข้าว(หรือเอาเบนโตะมา)มานั่งกินบนลานหญ้านี่ หรือไม่ก็นั่งกินกันตรงที่นั่งรอบๆลานหญ้านี้ ช่วงที่แดดอ่อนๆลมเย็นๆก็โอเคอยู่นะบรรยากาศดี แต่ถ้าร้อนหรือหนาวเกินไปแล้วเนี่ยคงไม่ไหว(แต่ก็ยังเห็นมีคนมานั่งกินแถวนี้กันอยู่เลย)


จริงๆบล็อคนี้ก็ไม่มีอะไรแล้วจบเพียงเท่านี้ แต่ไหนๆเขียนแล้วเลยขอแถมอีกอย่างนึงอ่านเจอในกระทู้ ชมสวน ของพี่จอยว่าน่าสนใจดี เป็นอีกกิจกรรมหนึ่งสำหรับหน้าร้อน(ที่ จขบ ก็เพิ่งจะรู้จักเอาปีนี้เอง)

กิจกรรมที่ว่าคือ あじさい祭 หรือ เทศกาลดอก Hydrangea ที่อ่านมาว่าจะมีเยอะในช่วงหน้าฝน (ก็เดือน มิย-กค จะเป็นเดือนที่ฝนตกชุกที่โตเกียว) พี่จอยบอกว่าช่วง มิย ถึง ต้นๆ กค ที่จังหวัดไหนๆก็มีเทศกาลนี้กันทั้งนั้น ตัว จขบ เองไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนแต่พอเห็นกระทู้พี่จอยปุ๊บก็นึกขึ้นได้ปั๊บเลยเอามาเขียนเก็บไว้เสียหน่อย

จำไม่ได้ว่าตั้งแต่เดือนไหน(เดาว่าน่าจะ มิย) แต่ที่แน่ๆคือเป็นช่วงที่ซากุระหมดเกลี้ยงใบเขียวอื๋อหมดแล้วแน่นอน (ในภาพด้านล่าง ต้นไม้ใหญ่ข้างบนคือต้นซากุระ) วันนึงเดินไปมหาลัยก็เห็นอยู่ๆมีต้นอาจิไซสองสามต้นถูกเอามาปลูกใหม่ๆอยู่ริมทาง (ปลูกแยกห่างกันไปคนละที่เลย ไม่ได้ปลูกแบบกระจุกรวมกันนะ) ตัวเองก็จำไม่ได้ว่ารู้ได้ยังไงว่าไอ้ดอกนี้ชื่อดอกอาจิไซ เคยอ่านมาจากการ์ตูนเล่มไหนก็ไม่รู้ ที่รู้คือเห็นปุ๊บรู้ชื่อปั๊บ (ช่อสีฟ้าๆเล็กๆที่เห็นในรูปด้านล่างนี่ล่ะ สถานที่ถ่ายทำ อยู่ตรงข้ามที่รอรถบัสหน้าโรงพยาบาลโตไดเลย)


อาจิไซพันธ์ที่เจอเป็นดอกสีฟ้าๆเกาะกันเป็นช่อกลมๆ บางดอกก็จะแซมสีม่วงนิดๆด้วยสีสวยน่ารักดี เล็งๆไว้ว่าจะมาถ่ายรูปสักหน่อยแต่ก็ผลัดมาเรื่อยจนผ่านมาเป็นเดือน เพราะเห็นกระทู้พี่จอยเนี่ยแหล่ะเลยได้ฤกษ์เอากล้องไปถ่ายเสียที ดอกก็เลยโรยๆไปบ้างแล้วไม่สวยปิ๊งปั๊งเหมือนตอนที่เห็นใหม่ๆ


เพิ่งมานึกเสียดายว่าไม่น่าช้าเล้ยยยยย ดูสิส่วนใหญ่ดอกไม่ครบเต็มช่อเลย แหว่งๆยังไงก็ไม่รู้ ต้องอาศัยเล่นกะโบเก้ด้านหลังเติมอะไรๆให้ภาพนิดนึง (เลนส์นี้ได้โบเก้กลมเหมือนกันนะเนี่ย)


ภาพอาจิไซที่สวยที่สุดที่ถ่ายมาได้คงจะเป็นรูปนี้ล่ะ เล็งช่อนี้อยู่นานมาก(เพราะไม่แหว่งอยู่ช่อเดียว) ตอนถ่ายอยู่มีลมพัดแรงช่อดอกไม้เลยไหวไปมา กว่าจะถ่ายนิ่งๆมาได้คุณลุงที่โบกรถให้คนข้ามถนนอยู่ใกล้ๆหันมามองตั้งหลายที (คงมองว่าพิลึกนั่นแหล่ะ มีดอกอยู่แค่นั้นถ่ายอะไรซะตั้งนาน)


ภาพดอกอาจิไซก็มีแค่นี้เอง เพราะเท่าที่เห็นตามทางผ่านไปมหาลัยมีอยู่แค่ 3-4 ต้นเท่านั้นและต้นที่ยังดอกสวยๆอยู่ก็เหลือต้นนี้ต้นเดียว เล่นอยู่ซะใต้ร่มต้นซากุระ(ใบเขียวอื๋อ)แสงไม่ค่อยจะมีถ่ายยาก บล็อคนี้ก็ถ่ายเก็บไว้เป็นที่ระลึกให้เข้ากับเทศกาลดอกอาจิไซ(ที่หมดไปก่อนนี้แล้ว)ของหน้าร้อน(ตอนฝนชุก)ซะหน่อย ใครสนใจภาพเยอะกว่านี้แนะนำให้เข้าไปดูกระทู้ ชมสวน ของพี่จอยเพราะมีมากมายหลากหลายพันธ์มากๆ

บล็อคแก้เบื่อนี้จบลงเพียงเท่านี้ หนหน้าคงเป็นบล็อค Hanabi ก่อนจะหนีร้อนที่ญี่ปุ่นกลับไปร้อนที่ไทยสักระยะนึง สรุปแล้ว ณ ตอนนี้ก็ได้บล็อคบรรยากาศสี่ฤดูที่มหาลัยครบเรียบร้อยแล้ว ขอลงรูปสรุปซ้ำหน่อยเพื่อเป็นการเปรียบเทียบบรรยากาศ

Spring (ประมาณ มีค ถึง พค แต่ช่วงซากุระจะสั้นๆอยู่ประมาณปลายๆ มีค ถึง ต้นๆ เมย ) ภาพแรกถ่ายเสยหอนาฬิกา ส่วนภาพสองถ่ายหน้าโรงพยาบาลมหาลัยโตได



Summer (ประมาณ มิย ถึง สค) ภาพถนนหน้าหอนาฬิกา(ถูกต้นไม้บังอยู่)ตรง Seimon (ภาพนี้รีทัชสีใบไม้ให้นุ่มขึ้น ของจริงจะเขียวอื๋อกว่านี้)


Autumn (ประมาณ กย ถึง พย ช่วงใบไม้เหลืองจะประมาณกลาง พย ถึง ต้น ธค) ภาพถนนหน้าหอนาฬิกา(ถูกต้นไม้บังอยู่)ตรง Seimon



Winter (ประมาณ ธค ถึง กพ) ภาพถนนหน้าหอนาฬิกา ประตูที่เห็นอยู่คือ Seimon



-----------------------------------------------------------------------------------------

ภาพในบล็อคนี้(ไม่นับภาพจากบล็อคเก่า)ถ่ายด้วย Canon EOS Kiss X3 ภาพใบไม้เขียวๆใช้ EF 50mm f/1.4 ส่วนภาพดอกอาจิไซใช้ EF-S 15-85mm f/3.5-5.6 IS USM ภาพถูกโพรเซสบ้างตามสมควร

>> คลิกเพื่อดูอัลบั้มภาพใน OneDrive
>> ดูรายการบล็อคอัพใหม่ทั้งหมด




 

Create Date : 19 กรกฎาคม 2553    
Last Update : 31 ธันวาคม 2557 4:11:43 น.
Counter : 6565 Pageviews.  

Todai May Festival (五月際)...งานเทศกาลเดือนห้า ณ โตได @Tokyo


>> คลิกเพื่อดูอัลบั้มภาพใน OneDrive

ช่วงนี้งานรัดตัวนั่งหน้าคอมทั้งวัน เซ็งมากๆอยากจะไปหาถ่ายรูปอะไรสวยๆบ้างแต่ก็ปลีกตัวไปไกลๆไม่ไหว โชคดีว่าพอมีเรื่องมาให้ถ่ายรูปแก้เซ็งที่มหาลัยเมื่อตอนอาทิตย์ปลายเดือน พค ที่ผ่านมาที่เป็น May Festival 五月際 (Go-gatsu-sai) คล้ายๆงานเทศกาลออกร้านขายอาหารมีการแสดง ซึ่งทั้งหมดจัดโดยนักศึกษาของมหาลัยเอง

เนื่องจากมหาลัยใกล้บ้านไม่เหนื่อยนักถ้าต้องออกมาเลยมาถ่ายรูปไหว เดินๆมาจนถึงสนามฟุตบอลแล้วเพิ่งจะเริ่มเห็นผู้คนก็ตรงต้นไม้นี่ล่ะ(งานจัดวันเสาร์และอาทิตย์ ซึ่งปกติมหาลัยแทบจะร้าง) เด็กๆทั้งนั้นเลยปีนกันใหญ่ สังเกตดีๆนี่เป็นต้น Maple (Momiji) ด้วยไว้เดี๋ยวตอนใบไม้เปลี่ยนสีค่อยมาถ่ายตรงนี้อีกทีนึง


เดินผ่านสนามฟุตบอลมาจนเข้าถึงโซนหอนาฬิกา คราวนี้ล่ะคนมาจากไหนไม่รู้เพียบเลย เต๊นท์ที่เห็นมาเตรียมๆไว้ตั้งแต่เมื่อวันศุกร์วันนี้ก็เปิดขายกันพร้อมเพรียงเป็นที่เรียบร้อย


ลานด้านหลังตู้กด ATM ที่ปกติจะว่างๆมีเก้าอี้อยู่้ไม่กี่ตัว วันนี้ก็ได้ใช้ประโยชน์เต็มที่ไว้เป็นที่ให้นั่งดื่มเบียร์กัน สำหรับคนญี่ปุ่นนี่ No Beer, No Fes(tival) ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจเพราะเห็นดื่มเบียร์กันเก่งจริงๆทั้งผู้หญิงและผู้ชาย


แต่ จขบ จะมาถ่ายรูปไม่ได้กะมากินเลยเดินส่องต่อหาอะไรถ่ายรูป แล้วก็เจอพอดีเลยตรงที่ว่างด้านซ้ายของหอนาฬิกากำลังมีการแสดงของ T.U. Dancing Club WISH อยู่พอดี มาช้าไป(เยอะ)แทบไม่มีที่ให้แทรกเข้าไปถ่ายรูปเลยเนี่ย ผู้คนล้นหลาม


งานนี้ก็ถ่ายเอาตามมีตามเกิด มีมุมแค่ไหนก็ถ่ายได้แค่นั้น ซูมได้แค่นี้ก็ต้องทำใจอาศัยคร๊อปภาพเอายังพอช่วยได้


เผอิญว่า Staff เค้ามาบอกให้ลอดเชือกเข้าไปเพื่อจะได้ไม่ยืนขวางทางคนเดินเข้าออก(จากที่ๆนั่งดูกันอยู่เยอะๆนั่นแหล่ะ) ดูเหมือนว่าจะได้เข้าใกล้ขึ้นนิดนึงนะแต่มุมก็ยังไม่ดีอยู่นั่นล่ะต้องคอยเล่นซ่อนแอบกับหัวที่ผลุบโผล่มาบังเลนส์เป็นระยะๆ


การแสดงชุดถัดไปนี่แดนซ์กันระเบิดเถิดเถิง ทั้งชุดทั้งเพลงและท่าเต้นดูแล้วมันส์ดี แต่ปัญหาคือถ่ายมาแล้วสั่นสนิทเนี่ยสิ -"-


จขบ ก็ไม่ค่อยมีประสบการณ์ถ่ายอะไรยังงี้จริงจังเสียด้วย ยังกะสปีดไม่ถูกว่าต้องใช้เท่าไหร่ถึงจะพอดี มัวแต่คิดเดี๋ยวจะเต้นกันจบก่อนก็เลยถ่ายๆมาก่อนแล้วกัน บางภาพก็พอดูได้อยู่


จบเต้นชุดนี้แล้วก็เหมือนจะจบการแสดงที่ตรงนี้พอดี นักแสดงก็แสดงความยินดีกันเองที่การแสดงจบไปด้วยดี (เห็นการแสดงเต้นแล้วนึกออกเลยว่าช่วงก่อนหน้านี้เดินในมหาลัยจะเห็นมีซ้อมเต้นกันเป็นกลุ่มๆตรงโน้นตรงนี้) ฉากอย่างในภาพด้านล่างนี้เห็นบ่อยๆในการ์ตูนนะ แต่เพิ่งเคยเห็นของจริงก็วันนี้นี่ล่ะ คนญี่ปุ่นทำอย่างนี้กันจริงๆด้วยแฮะ


ภาพเหล่านักแสดงรวมตัวกันก่อนจะจบแบบจริงๆและผู้คนแยกย้ายกันไปเดินงานต่อ (จขบ มาช้าเลยได้ยืน แต่ถ้ามาเร็วก็อาจได้ไปนั่งยองๆกับพื้นอย่างสาวๆในภาพนี่ล่ะ ไม่ทันได้เตรียมตัวนั่งพื้นมา งานนี้ได้ยืนเลยถือว่าโชคดีไป)


จบการแสดงที่ตรงตะกี้แล้วก็มีการแสดงอีกอย่างที่เวทีหลักหน้าหอนาฬิกา(หน้า Seimon) กำลังจะเริ่มพอดี ทางนี้ใส่ชุดญี่ปุ่นพร้อมรองเท้าเกี๊ยะเต็มยศ


ดูเผินๆเหมือนทางนี้จะเข้าใกล้เวทีได้มากกว่า แต่ด้วยความที่เป็นที่ราบก็ถ่ายหลบหัวคนด้านหน้าแทบไม่พ้นเลยสักภาพ เฮ้อ ทำไงได้ล่ะนะ อยากไม่มาจองมุมถ่ายล่วงหน้าเอง (ผู้ชายด้านขวาในภาพนี่หน้าคมเข้มผิดกับหนุ่มญี่ปุ่นปกตินะเนี่ย ดูคล้ายๆคนไทยอยู่เหมือนกัน เอ รุ่นน้องหรือเปล่าเนี่ย)


การแสดงชุดนี้ก็สนุกดี ชุดญี่ปุ่นก็จริงแต่เต้นกันได้มันส์สะใจ แถมไม่ใช่แค่ท่าเต้นนะ แต่หน้าตาแต่ละคนมันไปกับเพลงด้วย หลักฐานตามในรูปเลย


เห็นแดนซ์กันระเบิดเถิดเทิงอย่างนี้ก็อดเหลือบมองที่รองเท้าเกี๊ยะเค้าไม่ได้ว่าทำได้ไงเนี่ย ก็สังเกตว่าส่วนใหญ่จะมีคล้ายๆผ้าสีขาวๆเส้นเล็กๆพันไว้เพื่อยึดรองเท้าเกี๊ยะให้อยู่ติดเท้า ไม่งั้นนี่คงได้เต้นไปแจกเกี๊ยะกระเด็นกระดอนให้ผู้ชมที่หน้าเวทีไปด้วยแหงๆ


จบการแสดงชุดนี้แล้วจะมีช่วงพัก เลยอาศัยเวลานี้ไปเดินดูส่วนอื่นๆในงานสักหน่อย วันที่ไปเป็นวันสุดท้ายงานกำลังจะเลิกอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าแล้ว ภาพด้านล่างนี้คือภาพจากหน้าเวทีตะกี้ถ่ายไกลๆ ถ้าแค่อยากดูบนเวทีก็ดูจากจอไกลๆได้ แต่ถ้าอยากจะถ่ายรูปนี่ต้องหาวิธีแทรกซึมไปหน้าๆลูกเดียว


งานนี้ก็ไม่ต่างจากงานเทศกาลปกติของญี่ปุ่น มีการออกร้านอาหารต่างๆ ถ้าจะต่างก็เพียงแค่ว่าคนขายเป็นนักศึกษาล้วนๆก็เท่านั้นเอง (คนทางขวานี่ ลายเสื้อชวนให้หันกลับมามองดีนะเนี่ย)


บางร้านอย่างร้านขาย イカフライ Ika-furai (ปลาหมึกทอด) นี้ก็มีแต่งชุดหมีสีชมพูมาคอยเรียกแขกเป็นสีสันเล็กๆน้อยๆให้งาน


มาดูภาพอีกทีถึงรู้สึกว่า เออ นะ วันนั้นเห็นผู้ชายแนว(ผิว)เข้มๆหลายคนเหมือนกันหนิ ปกติไม่ค่อยเจอเท่าไหร่ แนวนี้(คิดเอาเองว่า)น่าจะเป็นแนวนักกีฬาน่ะนะ


มาสคอตอีกสักตัวในงาน อันนี้นี่ของร้านไหนหรือเป็นของงานเองก็ไม่อาจทราบได้ เดินๆไปเห็นกำลังเดินเด่นอยู่ที่ทางเดินหน้า Seimon พอดีเลยถ่ายมา


อาหารเบสิคอีกอย่างของเทศกาลญี่ปุ่น ยากิโซบะ แต่ทำไมถึงต้องมีรูปโคนันแปะไว้ด้วยนี่ไม่เข้าใจเหมือนกัน จขบ ไม่ชอบกินยากิโซบะอยู่แล้วเลยไม่คิดจะแวะเข้าไปดู


การแสดงแบบอนุรักษ์นิยมก็มีเหมือนกัน เดินไปเจอพอดีกำลังรำกันอยู่หน้าประตูใหญ่เลย แต่ยังไม่ทันจะได้ภาพชัดๆการแสดงจบซะแล้ว โธ่ ได้ดีที่สุดประมาณนี้ล่ะที่เหลือเบลอสนิท


สามหนุ่มรุ่นใหญ่นี้เป็นใครโปรดอย่าถามเหตุเพราะคนถ่ายมายังไม่รู้เลย เดินๆถ่ายรูปอยู่ดีๆเค้ามาแอ็คท่าให้ถ่ายรูปเฉย ก็เลยถ่ายมาแบบงงๆใครก็ไม่รู้สิเนี่ย รุ่นพี่ศิษย์เก่าหรือเปล่าหนอ


ในงานเจอเต๊นท์ของประเทศมาเลเซียอยู่ด้วย แต่ไม่ยักเห็นของประเทศอื่น ไม่รู้ จขบ เดินไม่ทั่วเองหรือว่ามันไม่มีกันแน่


หลักๆแล้วงานจะมีอยู่แค่รอบๆหอนาฬิกาเท่านั้นถ้าเลยไปแล้วก็ไม่มีอะไร เดินวนรอบพอเป็นพิธีแล้วก็กลับมาที่เวทีหลักหน้าหอนาฬิกาอีกครั้ง คราวนี้มุมแย่ยิ่งกว่าเดิม แค่มองด้วยตายังต้องมองลอดผ่านหัวใครต่อใคร(ที่สูงกว่าเราทั้งนั้น)ไปกว่าจะเห็นเวที ช่วงที่อยู่ตรงนี้แทบไม่ได้ภาพเลยไม่มีมุมไหนหลบหัวคนได้จริงๆ ทุกภาพมีหัวคนกินมามากกว่าครึ่งภาพ


สุดท้ายต้องขยับขยายไปมุมด้านข้างๆเวทีแทน ไม่ชัดแจ๋วแต่ก็ยังถือว่าถ่ายได้ล่ะนะ ภาพบรรยากาศหน้าเวทีจากตรงที่ยืนอยู่ซะหน่อย ยืนซะห่างเวทีเลยเลนส์ก็ซูมได้แค่ 85mm มางานนี้เห็นเลนส์บ้องใหญ่ๆของสารพัดค่ายๆเต็มไปหมด ถ้ารักจะเอาดีทางด้านการถ่ายงานแสดงบนเวทีก็คงต้องอย่างนั้นล่ะนะ แต่ถ่ายเล่นๆอย่าง จขบ คงไม่เอาด้วยหนักแย่เลย


ย้ายมุมแล้วค่อยเริ่มถ่ายแบบจริงจังขึ้น(นิดนึง) ผู้หญิงทางขวานี้เป็นคนนึงที่ดูแล้วชอบ เค้าเต้นเก่งดีนะ ^^


การแสดงรอบนี้เหมือนเป็นคอมโบ คือจะมีอันต่อไปต่อไปขึ้นมาเรื่อยๆ แต่คนแสดงก็จะเป็นชุดเดิมๆ มีผลัดกันอยู่ไม่กี่ชุด ยืนดูอยู่เนี่ยจำหน้าได้หลายคนเลยล่ะ อีกคนนึงที่ชอบ(เพราะเค้าน่ารักดี)คือ คนเสื้อชมพูตรงกลางในภาพข้างล่างนี้ เป็นช่วงที่เค้ามารอรอบแสดงของเค้าที่อีกด้านหนึ่งของเวที


นักแสดงจะเปลี่ยนชุดขึ้นเวทีผลัดกันมาเรื่อยๆ ชุดนี้ดูจะแต่ง X มากที่สุดในบรรดาการแสดงทั้งหมดที่เห็นวันนี้แล้ว (แต่การแสดงชุดนี้เฉยๆนะ ชุดอื่นๆสนุกกว่า)


คนหน้านี้จำได้ว่าพึ่งลงเวทีไปไม่นาน แป๊บเดียวเปลี่ยนชุดกลับมาเต้นเพลงใหม่อีกแล้ว ส่วนใหญ่ชุดจะไม่รกรุงรังกันมาก คาดว่าคงดีไซน์กันเอาเอง อแด๊บจากเสื้อผ้าพื้นฐานแล้วใส่เอกลักษณ์บางอย่างให้โดดเด่นและมี unity ในการแสดงแต่ละชุด เช่นในภาพนี้ theme เป็นเสื้อยืดขาว แจ๊กเก็ตไม่มีแขนสีดำ และผ้าคาดเอวสีทอง


อีกสักภาพจากการแสดงชุดเดิม ชอบที่ว่าเวลาเค้าเต้นแล้วหน้าตาเค้าดูสนุกสนานและอินไปกับเพลงด้วยนี่ล่ะ จะ entertain คนได้มันก็ต้องยังงี้ล่ะนะ ไม่งั้นคนเต้นทำหน้าซังกะตายคนดูคง build อารมณ์ให้สนุกด้วยไม่ลง


มีเต้นเพลงนี้ล่ะที่ดูลงทุนกับเสื้อผ้ามากหน่อย คงต้องตัดกันมาโดยเฉพาะเลย (แอบสงสัยอยู่ว่านักศึกษาตัดกันเองเปล่า เห็นในการ์ตูนญี่ปุ่นบ่อยๆทำนองว่าต้องตัดเสื้อผ้ากันเองเพื่อใช้ในงานเทศกาลต่างๆ)


ถ่ายเสียไปเยอะกว่าจะกะสปีดได้ ทีแรกใช้ 1/125 sec แต่ก็ไม่พอจะหยุดการเคลื่อนไหวได้ ไปๆมาๆต้องตั้งสปีดไว้ที่ 1/320 sec เลยถึงจะโอเค แต่กว่าจะตั้งอะไรได้พอดีก็พลาดไปเยอะแล้ว มาถึงนี่เป็นการเต้นรวมตัวกลุ่มนักแสดงทั้งหมดแล้วเนี่ย


การโค้งให้ผู้ชมครั้งสุดท้ายก็มีบางส่วนที่ลงจากเวทีมาด้วย เพื่อให้ใกล้ชิดกับผู้ชม และเปิดโอกาสให้ถ่ายรูปกันได้ชัดๆ


ในระยะที่เลนส์ส่องถึง คนนี้น่ารักสุดเลยขอเจาะมาเป็น subject ของภาพเสียหน่อย ^^ ผิวขาวสว่างจริงๆไม่ต้องรีทัชอะไรให้เลยเนี่ย


จบการแสดงชุดนี้ก็จบการแสดงที่เวทีใหญ่แล้ว งานก็ใกล้ได้เวลาเลิก หลายๆร้านก็เริ่มทยอยเก็บข้าวเก็บของ ทิ้งขยะ ทำความสะอาดกันแล้ว ไว้ปีหน้าค่อยมาจัด May Festival กันใหม่นะ


จริงๆที่แล็บของ จขบ ก็มีร่วมงานกะเค้าเหมือนกัน แต่ด้วยความที่เป็นแล็บทำงานวิจัยไม่ได้เป็นชมรมกิจกรรมก็เลยมีแค่ทำ demo งานวิจัยเท่านั้น ซึ่งจากที่ถามคนที่อาจารย์ขอให้ไปเฝ้า demo (โดยจ่ายเงินเป็นค่าทำงานพิเศษให้) ได้ข่าวว่าสองวันมีคนเข้าตึกไปดูไม่ถึง 20 คน ก็ไม่น่าแปลกใจนะเพราะ จขบ ก็เดินๆดูงานยังนึกอยู่เลยว่าใครเค้าจะเข้าตึกไปดูล่ะเนี่ย เห็นเดินกันอยู่แต่งานด้านนอกทั้งนั้น แต่ก็นะแล็บก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของงานเหมือนกันยังไงก็ต้องมีคนไปทำ demo เพราะมีการสัมภาษณ์และถ่ายทอดทางทีวีภายในมหาลัย

บล็อคเทศกาลคั่นเวลาเซ็งๆจบแต่เพียงเท่านี้ ถ่ายเสร็จงานนี้แล้วรู้สึกเลยว่าเราคงไม่เหมาะกับการถ่ายอะไรแบบนี้เท่าไหร่ รู้สึกว่ามันถ่ายยาก หามุมยาก แถมพลาดนิดนึงนี่ลากยาวไปเลย แต่ก็ถือว่าฝึกๆเอาไว้เผื่อวันใดวันหนึ่งมีคนรู้จักขึ้นเวทีกะเค้ามั่ง จะได้พอรู้ตัวไว้ล่วงหน้า

--------------------------------------------------------------------

ภาพในบล็อคนี้ถ่ายจาก Canon Kiss X3 + EF-S 15-85mm f/3.5-5.6 IS USM ภาพผ่าน PS มาหมดแล้วแต่โดยรวมแล้วไม่ได้แต่งอะไรมากมายเหตุเพราะขี้เกียจค่ะ

>> คลิกเพื่อดูอัลบั้มภาพใน OneDrive
>> คลิกเพื่อดูรายการบล็อคอัพใหม่ทั้งหมด




 

Create Date : 08 มิถุนายน 2553    
Last Update : 31 ธันวาคม 2557 4:13:50 น.
Counter : 2002 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  

White Amulet
Location :
Bangkok Thailand / Tokyo Japan

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 35 คน [?]




บล็อคนี้ถึงไม่ค่อยมีอะไรแต่ถ้าจะก๊อปปี้ข้อความหรือรูปอะไรไปโพสที่อื่น ก็รบกวนช่วยใส่เครดิตลิงค์บล็อคนี้ไว้ด้วยนะคะ

เราไม่สงวนลิขสิทธิ์การนำภาพและข้อความในบล็อคไปเผยแพร่(ในแบบที่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์)แต่สงวนลิขสิทธิ์ความเป็นเจ้าของภาพถ่ายและเนื้อหาค่ะ

ค้นหาทุกสิ่งอย่างในบล็อคนี้

New Comments
Friends' blogs
[Add White Amulet's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.