W H I T E A M U L E T
Group Blog
 
All blogs
 
Hokkaido Winter 2010 @2nd day: หนาวๆกับ Yuki-daruma ที่ Otaru แวะกินข้าวปลาดิบสุดโปรด



เครดิตภาพ Kitsune จาก //image.blog.livedoor.jp/japminwa/imgs/c/a/cadd9f26.JPG

--------------------------------------------------------------------------------

เสร็จจากโรงงานช็อคโกแลตก็ไปต่อทันที ทริปนี้เที่ยวหนักแบบไม่มีพักกลางวันกันเลย สังเกตว่าแต่ละที่ๆไป พอออกจากซัปโปโรแล้วก็หิมะตกกันได้ตลอดขาวโพลนกันไปซะทุกที่


รูปนี้แอบแคนดิตมา เห็นคุณแม่ยังสาวกำลังใส่หมวกแต่งตัวให้ลูกอยู่ น่าร๊ากกกกกกก


เป้าหมายต่อไปวันนี้คือ Otaru (อีกครั้ง) แต่วันนี้มาเร็วไม่มีพลาด แล้วก็กะอยู่นี่ถึงเย็นเลย ดูการประดับเทียนตามริมแม่น้ำอันลือชื่อแล้วค่อยกลับ(กลับไปเที่ยวต่อที่สถานีซัปโปโรนะ ยังไม่กลับไปนอนที่โรงแรม)


ส่วนตัวถ้าไหนๆหิมะจะตกก็ชอบให้ตกเต็มที่ให้มันขาวไปเลย ดีกว่าตกนิดๆหน่อยๆแล้วละลายดูแฉะๆสกปรกๆยังไงไม่รู้ เหลือบไปเห็นแท็กซี่แถวนั้นผ่านมาเลยแชะซะหน่อย ดูจากน้ำแข็งที่จับตัวย้อยลงมาหน้ารถนี่ก็ชวนสงสัยนะว่า หิมะมันตกมาเจอความร้อนรถแล้วละลาย แล้วตอนที่กลายเป็นน้ำกำลังจะหยดลงมาก็จับตัวแข็งได้ทันทีอย่างนี้เลยเหรอ ??? อืม อยากดูเป็นวีดีโอแฮะว่ามันเปลี่ยนกันปุ๊บปั๊บเลยหรือเปล่า


เป้าหมายแรกที่โอตารุคือไปหาอะไรกินกันก่อน เค้กเมื่อเช้านี่ไม่อยู่ท้องเลยแป๊บเดียวหิวอีกแล้ว เดินๆไปผ่านตามหน้าร้านจะเจอไอ้อย่างในรูปกองหน้าร้านต่างๆเป็นระยะๆ ไม่รู้เรียกว่าอะไรแต่เดาได้ว่าเตรียมเอาไว้ครอบเทียนตอนกลางคืน มีหลายๆสีสวยดี


พอมาดูรูปดีๆแล้ว ตึกรามบ้านช่องที่ฮอกไกโดเนี่ยจะออกแนวฝรั่งหมดเลย ก็เป็นไปตามประวัติศาสตร์น่ะนะที่ช่วงนึงเกาะนี้ถูกปกครองโดยอเมริกามาก่อนก็เลยได้รับอิทธิพลหลายๆอย่างจากทางนั้นมาด้วย


ระหว่างทางก็จะเห็นคนปั้นตุ๊กตาหิมะเป็นระยะๆ เท่าที่สังเกตน่าจะเป็นเจ้าของร้านนั้นๆแหล่ะ มาปั้นตุ๊กตาหน้าร้านไว้เป็นการประดับร้าน เสื้อนวมน้ำตาลคนนี้แน่มาก มือเปล่าๆปั้นตุ๊กตาหิมะท่ามกลางอากาศแบบนี้ จขบ แต่งหนาเลยไม่หนาวก็จริง แต่ถ้าถอดถุงมือเหลือมือเปล่าๆเมื่อไหร่นี่ไม่ถึงสองนาทีเย็นจนชาไปหมดเลย งานนี้ต้องขอคารวะ


ดูเค้าปั้นตุ๊กตาหิมะก็น่าสนุกดี จริงๆก็ไม่ต้องใช้อุปกรณ์อะไรมากมายเลยนะเนี่ย อแด๊ปเอาของใกล้ตัวมาช่วยตกแต่งรายละเอียดอย่างคนนี้ก็ได้


จากที่ถามมาแถวนี้ก็แนะนำเป็นพวกอาหารทะเล แต่อย่าลืมว่าตอนนี้อยู่ประเทศญี่ปุ่น แถมมาถึงฮอกไกโดหน้าหนาวมาเดินย่านที่ขึ้นชื่อเรื่องอาหารทะเลสดๆ งานนี้ไปร้านไหนๆก็เจอแต่ปลาดิบเจอแต่ของดิบๆสดๆทั้งนั้น ตัว จขบ กะพี่ชายน่ะสบายเพราะชอบกินปลาดิบอยู่แล้ว แต่คุณแม่ไม่ชอบทานปลาดิบเลย ลองเดินหากันกี่ร้านๆก็หาร้านที่มีแบบสุกๆเป็นชิ้นเป็นอันไม่ได้สุดท้ายก็ลงเอยต้องเลือกมาร้านนึง งานนี้คุณแม่ไม่ค่อย happy

แถวนี้อาหารน่าจะสดอร่อยอยู่แล้วเลยเลือกร้านไหนก็ได้ไม่ได้เจาะจงเท่าไหร่ จขบ สั่งเป็นชามนี้ สีสันสดใสน่ากิ๊นน่ากิน >.< เทียบกับอุนิ(ไข่หอยเม่น)ที่เคยกิน(ครั้งนึง)ที่ร้านดังที่อาเมโยโกะ รู้สึกว่าอุนิที่นี่จะหวานกว่านะเนี่ย หรือว่าแค่อุปทานหนอ อยากบอกว่าระยะหลังนี่ไงไม่รู้เกิดอาการเสพติดปลาดิบ(อยู่มาสามปีครึ่งเพิ่งจะเริ่มเป็น) อาทิตย์ไหนไม่ได้กินปลาดิบนี่ชักจะเกิดอาการลงแดง เดี๋ยวนี้ต้องซื้อติดบ้านไว้เผื่อกินตลอดเลย (แล้วอีกหน่อยกลับไทยจะทำไงล่ะเนี่ย)


ส่วนของคุณพี่ชายเป็นชามนี้ เน้นๆแซลมอลไว้ก่อน ก็น่ากินเหมือนกันแต่แบบนี้ จขบ กินบ่อยๆที่โตเกียวอยู่แล้ว


กินกันอิ่มอร่อยมีแรงแล้วก็พร้อมเดินต่อ เป้าหมายถัดไปคือ Otaru Orgel House เดินไกลอยู่เหมือนกันกว่าจะเจอ ระหว่างนี้ก็เลยถ่ายเก็บตุ๊กตาหิมะแบบต่างๆรายทางมาด้วย อย่างตัวนี้ไม่รู้เจ้าของร้านตั้งใจทำเป็นหน้าตัวเองหรือเปล่า แต่เราดูแล้วว่าเหมือนผู้พัน Sandler จาก KFC มากกว่า


คนนี้ก็กำลังแกะตกแต่งอยู่เลย ที่โตเกียวไม่ค่อยได้เห็นตุ๊กตาหิมะเท่าไหร่ ที่เห็นก็ตกแต่งด้วยกิ่งไม้ใบไม้ซะมาก(เพราะเดี๋ยวๆก็ละลาย) เพิ่งจะได้มาเห็นแต่งตัวแต่งหน้าให้ตุ๊กตาหิมะกันจริงๆจังๆก็ที่นี่นี่ล่ะ


อันนี้เป็นรูปคิตตี้ซะหน่อย เสียดายตรงตัวน่าจะตกแต่งอีกหน่อยนะเนี่ย ดูเรียบไปนิดนึง


อันนี้เป็นรูปหมีขาวแม่ลูก จะเรียกว่าเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของฮอกไกโดก็คงได้มั้ง จะมีสวนสัตว์ในญี่ปุ่นสักกี่แห่งกันที่คนจะได้มาเห็นหมีขาวเดินอยู่ข้างนอกกันตัวเป็นๆไม่ใช่นอนอยู่แต่ในตู้แคบๆ


เจ้านี่ก็เจอนะ อิๆ นึกว่าจะไม่เจอซะแล้วตัว Marimokkori มาสคอตดังของฮอกไกโด ที่มาของชื่อมาจาก Marimo ที่เป็นสาหร่ายเขียวรูปร่างกลมๆมีอยู่แต่ในแถบฮอกไกโด คราวนี้ไม่รู้ใครเป็นต้นคิดเอาคำว่า Marimo มาฟิวชั่นกับคำว่า Mokkori กลายมาเป็นเจ้าตัวนี้เลย คำว่า Mokkori แปลว่าอะไร สังเกตได้จากแถวๆเป้าเจ้าหัวกลมหน้าลามกๆในรูป (จะว่าไปร้านนี้มันร้านอะไรแฮะ ไอ้รูปที่เขียนอยู่เหนือเจ้าหน้าลามก Hokkaido no Oppai-do อืมนะ ใครกันช่างคิดมาได้)


เดินๆมาจนถึงแถวนี้ไม่รู้เรียกว่าอะไรเหมือนกันแต่เห็นตึกสวยดี ณ จุดนี้หัวหน้าทัวร์คุณพี่ชายเกิดงงทางขึ้นมา เลยได้ยืนถ่ายรูปอยู่แถวนี้แป๊บนึง


ยิ่งเย็นคล้อยลงหิมะก็ดูจะตกหนักขึ้นเรื่อยๆ จขบ ใส่เสื้อนวมขาวเลยมองไม่ชัด แต่คนใส่เสื้อหนาวสีดำเนี่ยเห็นหิมะทับกันบนเสื้อชัดเลย (ว้า รู้งี้ใส่สีดำดีกว่า)


หิมะตกกันหนัก ถ้าอีกหน่อยมีอินเทรนด์แฟชั่นชุดมนุษย์อวกาศแบบปิดหมดมิดชิดก็คงจะดีนะ เสื้อ กางเกง รองเท้า ถุงเท้า ผ้าพันคอ ก็ใส่กันเต็มที่แล้ว ไอ้จุดที่เหลือๆก็หูกับหน้านี่ล่ะ สองจุดหลังนี่ถ้าไม่หนาวจริงๆ จขบ ก็ปล่อยมันไว้โล่งๆนี่ล่ะ ถ้าไม่ไหวแล้วจะปิดหูก่อน ใช้ที่ปิดหูหรือหมวกหรือฮู้ดครอบครัวก็ช่วยได้ แต่ปิดหน้านี่ จขบ ขอบายกลัวสิวขึ้นหน้าอ่ะ แถมถ่ายรูปออกมาดูเผินๆนึกว่าจะรวมกลุ่มกันไปปล้นแบงค์ที่ไหนเสียอีก


แถวๆตรงที่คุณพี่ชายมองหา Orgel House อยู่ข้ามถนนมาเจอตุ๊กตาหิมะน่ารักตรงนี้เข้า


ชอบเป็นพิเศษเลยลำเอียงลงรูปให้เยอะหน่อย ปั้นเรียงกันเป็นแถวตกแต่งหน้าตาต่างๆกัน ตลกน่ารักดี


ส่วนตัวชอบเจ้าตัวอ้าปากนี่ ดูเหมือนแต่งตัวให้เด็กทารกตัวเล็กๆเลยเนี่ย น่ารักมากๆ (จขบ เป็นโรคแพ้เด็กๆตัวเล็กๆซะด้วย แพ้ที่ว่าคือเห็นทีไรเหลียวมองคอเอียงทู๊กกกกที)


คุณพี่ชายก็พาไปเดินเข้าๆออกๆซอกซอยแถวนั้นหาทางไปอยู่แป๊บนึง


แต่สรุปแล้ว Orgel House น่ะมันอยู่ฝั่งถนนตรงข้ามตึกสวยๆตะกี้ที่พวกเราไปยืนกางแผนที่กันเลย เห็นคุณพี่ชายบอกว่าเค้ามองหานาฬิกาเรือนใหญ่ๆที่ควรจะตั้งอยู่ด้านหน้า Orgel House อยู่ อ่านรีวิวมานึกว่ามันจะใหญ่เบ้อเร่อที่ไหนได้เล็กแค่เท่าที่เห็นในรูปนี้เอง


เนื่องจากที่ต่อๆไปก็รูปเยอะ เลยขอตัดจบบล็อคนี้ไว้ก่อนแต่เพียงเท่านี้ เฮ้อ กว่าจะจบเฉพาะที่เที่ยวของวันนี้วันเดียวหนทางยังอีกยาวไกลนัก

--------------------------------------------------------------------------------

ภาพส่วนใหญ่ถ่ายจาก Canon Kiss X3 และเลนส์ EF-S 15-85mm F/3.5-5.6 IS USM มีบางภาพจาก Nikon Coolpix P5100 เป็นคอมแพ็คของพี่ชาย ภาพ(เกือบ)ทั้งหมดถูก คร็อป/ปรับแสงและสี/ย่อUSM/ใส่โลโก้ ด้วย PS

อย่าแปลกใจไปว่าทำไมบางภาพสปีดชัตเตอร์เร็วขนาดนั้น แบบว่าตั้งแต่จับกล้องมา ถ่ายที่โตเกียวตลอดแดดไม่ค่อยจะมี ใช้ ISO800 ได้นี่หรูแล้ว เลยติดแบบนั้นมาว่าตั้งโหมด Av รูรับแสงกว้างสุดและ ISO800 ยืนไว้ก่อนถ้าภาพเบลอค่อยเพิ่มอีก แต่มานี่แดดก็ไม่มีเหมือนกันแต่คงเพราะหิมะมันขาวโพลนสปีดเลยพุ่งกระฉูด กว่า จขบ จะเริ่มรู้ตัวเรื่องนี้แล้วปรับ ISO ลดลงมาก็หลังจากนี้ไปอีกล่ะค่า


เครดิตภาพ Kitsune จาก //image.blog.livedoor.jp/japminwa/imgs/c/a/cadd9f26.JPG

--------------------------------------------------------------------------------

รวมลิงค์บล็อคทั้งหมดของทริป

1. Hokkaido Winter 2010 @1st day: จาก Haneda สู่ Shin-chitose เหนื่อยๆมาแวะกินราเม็งแล้วพักกันเดี๋ยวนึง
2. Hokkaido Winter 2010 @2nd day: Ishiya Chocolate Factory มาดูวิธีทำ Shiroi Koibito Chocolate กัน
3. Hokkaido Winter 2010 @2nd day: หนาวๆกับ Yuki-daruma ที่ Otaru แวะกินข้าวปลาดิบสุดโปรด
4. Hokkaido Winter 2010 @2nd day: Otaru Orgel House แหล่งรวมหีบเพลงสารพัดชนิด
5. Hokkaido Winter 2010 @2nd day: Famous candle light in Otaru
6. Hokkaido Winter 2010 @2nd day: แวะไป Sapporo TV Tower กับ Odori Snow Festival แล้วเข้านอน
7. Hokkaido Winter 2010 @3rd day: รถไฟขบวนพิเศษสวนสัตว์ Asahiyama และพาเหรดเพนกวินที่รอคอย >.<
8. Hokkaido Winter 2010 @3rd day: สัตว์โลก(ฤดูหนาว)น่ารัก นำเสนอโดยสวนสัตว์ Asahiyama ^^
9. Hokkaido Winter 2010 @3rd day: Nanda Biking บุฟเฟ่ต์สุดอลังการ และ Ice festival @Susukino
10. Hokkaido Winter 2010 @4th day: เก็บตก Sapporo Clock Tower และ Odori Snow Festival แบบ full version
11. Hokkaido Winter 2010 @4th day: หิมะขาวโพลนที่ Kaitaku-no-mura และ Mt. Moiwa ที่อดขึ้นไปดูวิวกลางคืน
12. Hokkaido Winter 2010 @5th day: สุดท้ายกับ Government Office Building และ Thailand, the champion ^_^
13. Hokkaido Winter 2010: รวบรวมผลงานแกะสลักหิมะจากการแข่งขันที่ Odori Snow Festival

>> ดูรายการบล็อคอัพใหม่ทั้งหมด



Create Date : 20 มีนาคม 2553
Last Update : 2 เมษายน 2553 22:02:01 น. 8 comments
Counter : 4862 Pageviews.

 
รูปสวยดีคับ อ่านแล้วเพลินดี แต่ว่า15-85 ถือนานๆเมื่อยมั้ยคับ พอดีสนใจตัวนี้อยู่นะคับ


โดย: Tommy IP: 203.144.144.165 วันที่: 21 มีนาคม 2553 เวลา:10:41:27 น.  

 
--> Tommy

ขอบคุณที่แวะมาชมนะคะ

จะว่าไปมันยังไม่ทันเมื่อยเลยค่ะ มัวแต่วิ่งไปวิ่งมาลืมคิดเรื่องเมื่อยไปซะสนิทเลย แล้วก็คงเพราะเรายกถ่ายอยู่ตลอดเวลาด้วยมั้งคะ (แต่ถ้าหนักกว่านี้นี่ท่าจะแย่เหมือนกันค่ะ)

อีกอย่างเราถือกล้องแปลกๆด้วยค่ะ ไม่ได้คล้องคอแต่เอาสะพายไหล่ข้างนึงเหมือนผู้หญิงสะพายกระเป๋าสะพายน่ะค่ะ ถ้าเมื่อยๆขึ้นมาก็หิ้วสายกล้องมือเดียวเอาเหมือนถือถุงกับข้าวน่ะค่ะ

แต่โดยรวมแล้วก็ชอบเลนส์ตัวนี้นะคะ วิวก็ได้ซูมก็ได้สะดวกดีค่ะ ถ้าได้สัก 2.8 ตลอดช่วงนี่คงจะเริดเลย (แต่คงหนักกว่านี้อีกหลายเท่า)


โดย: White Amulet วันที่: 21 มีนาคม 2553 เวลา:11:31:10 น.  

 
เข้ามาดูวิว และงานเทศกาลหิมะค่ะเกด พี่ก็รออยู่นะ เพราะจำได้ว่าเกดสัญญาว่าเดือนมีนา

วันนี้ไล่อ่านหมดตั้งแต่วันแรกเลย ภาพสวยสดใส ทำให้น่าไปเที่ยว หรือจะมองอีกมุมนึงคือ หิมะขาวๆและอากาศหนาวๆนี่มันเหมาะสำหรับคนไปเที่ยวแล้วใส่เสื้อกันหนาสสีสดๆใสๆเนาะ แต่สำหรับคนที่ต้องมีชีวิตจริงๆอยู่กับเจ้าสิ่งนี้ชั่วนาตาปี พี่ว่ามันคงจะไม่สวยงามเท่าไรนัก (คลับคล้ายคลับคลาว่าสีขาวนี่สามารถทำให้คนบ้าได้...แล้วบวกกับอากาศหนาวสุดขั้วอีก ไม่อยากนึกเลย...ขอบคุณพระเจ้าที่เราเกิดมาบนแผ่นดินไทยสีแดงๆเหลืองๆ อากาศร้อนๆ) ฮ่าๆ เกี่ยวกันมั้ยเนี่ย

ภาพสวยคมชัดมากๆ ตอนแรกคิดว่าจะเมนท์ถามว่า จำเป็นต้องใช้ไอโซสูงถึงขนาดนี้เลยเหรอ (บางภาพถึงสามพันสองร้อย...พี่ตกใจนิดหน่อย) ทำให้สปีดกระโดดไปมา

แต่อ่านมาจนจบเลยเข้าใจพอดี...

เกดคงปลื้มเลนส์ตัวนี้มาก เพราะช่วงดีมากๆเลย

ถ่ายมาฝากเยอะๆนะจ๊ะ เดี๋ยวจะเข้ามาอ่านตอนต่อไป พี่ยังไม่เคยไปงานหิมะที่ซัปโปโรเลย อยากไปหลายทีแล้วแต่ก็ยังไม่มีโอกาส ดูภาพของเกดไปพลางๆก่อน


โดย: tukuta วันที่: 21 มีนาคม 2553 เวลา:21:38:24 น.  

 
--> tukuta

สวัสดีค่ะ ช่วยแวะมาชมอีกแล้ว บล็อคนี้ก็มีคนมาดูอยู่ไม่กี่คนนี่เองล่ะค่า

เรื่องกล้องนี่ ก็ยังประสามือใหม่น่ะค่ะ ชอบลืมค่าโน่นนี่อยู่เรื่อยเลย ทริปนี้ขนาดระวังสุดๆแล้วในที่สุดก็ลื่นล้มจนได้ค่ะ ดีว่ากล้องปลอดภัย (ไ่ม่งั้นถ้าพังจนซ่อมไม่ไหวขึ้นมา ได้สอย 550D ตัวใหม่แทนแน่นอนค่ะ 555)


โดย: White Amulet วันที่: 22 มีนาคม 2553 เวลา:1:45:00 น.  

 
แล้วถ้าเทียบกับตัว kitty ละคับ หนักมั้ยคับ ถ้าถือไปนานเที่ยวนานๆ เพราะถ้าถือเดี๋ยวเดียว ก็เหมือนจะไม่หนัก(ไปลองเล่น15-85ที่ร้านขายน่ะคับ) พอดียังใช้kitty อยู่เลยคับ

ปล. อากาศเย็นขนาดนั้นกล้องยังถ่ายปกติเลยเหรอคับ เยี่ยมเลย พอดีจะเอากล้องไปเกาหลีน่ะคับ


โดย: Tommy IP: 180.210.216.68 วันที่: 22 มีนาคม 2553 เวลา:8:27:08 น.  

 
--> Tommy

เทียบกับคิตตี้ก็หนักกว่าสองเท่าเกือบครึ่งเลย ถือแรกๆก็อาจหนักอยู่ค่ะ ถ้าไม่ได้ถ่ายรูปอะไรแบบต้องการความยืดหยุ่นมากๆ หลังๆเราเอาแต่เลนส์ fix 50 1.4 เบาๆไปเลยค่ะ ตัวซูมนี้ถือเฉพาะงานสำคัญๆ

อากาศหนาวไม่เป็นปัญหาเลยค่ะ ทริปนี้ -9 องศาเจอพายุหิมะพัดถล่ม กล้องโดนหิมะคลุมซะขาว(เดี๋ยวบล็อคหลังๆจะมีรูปกล้องตอนถูกหิมะถมค่ะ ^^) มันยังไม่เป็นไรเลยค่ะ

เราไม่ได้คลุมกล้องอะไรเลยนะคะ ถือไว้ข้างนอกเปล่าๆตลอดเลย กลับเข้าโรงแรมก็วางไว้เฉยๆ(ในห้องโรงแรมเปิดฮีตเตอร์อยู่แล้วค่ะ) สรุปถ้ามือเรายังสามารถกดถ่ายไหวล่ะก็ กล้องไหวแน่นอนค่ะ


โดย: White Amulet วันที่: 22 มีนาคม 2553 เวลา:11:59:16 น.  

 
ตามมาเกาะขอบจอชมภาพสวยๆกะฮอกไกโดหน้าหนาว เผื่อจะหาโอกาสไปบ้างจ้า พี่ไม่เคยไปตอนหน้าหนาวเลย ละก้อยังไม่เคยไป Otaru ด้วย นี่ดูๆที่เกดเล่ามาพี่สนใจ Orgel House มากสุดเลย แต่เกดจบรีวิวไปแล้วอ่ะ(มาต่ออีกนิดได้มะ นะๆๆๆ) ข้างในเค้าให้ถ่ายรูปได้มั๊ย ละเกดได้ไปลองทำกล่องดนตรีเองด้วยรึเปล่า แห่ะๆแบบว่าสนใจมากออกนอกหน้าไปมั๊ย...

ดีเนอะทริปนี้มีพี่ชายกับคุณแม่เที่ยวด้วย เวลาไปกับครอบครัวพี่ว่าเที่ยวสนุกสุดแล้วล่ะ เพราะใครหรือจะรู้ใจเราเท่าคนบ้านเดียวกัน ชอบอะไรก้อเหมือนๆกัน อยากไปไหนก้อตามใจกัน พี่ชายเกดดูเหมือนจะเชี่ยวชาญการท่องเที่ยวมากเลย ว่าแต่คุณแม่ทานปลาดิบได้หรือ แม่พี่ล่ะได้อยู่สองอย่างคือแซลมอนกับกุ้ง

อุนิน่าทานมากเลย พี่เชื่อว่าอร่อยจริงไม่ใช่อุปทานเพราะสีสวยมากไม่มีหมอง อุนิบางทีร้านเดียวกันก้อมีทั้งอร่อยและไม่อร่อยนะขึ้นอยู่กับฤดูกาลด้วยล่ะ

แล้วมาต่อเร็วๆเด้อ(ขอโทษด้วย พี่ช่วยรีวิวภาพไม่ได้เลยเพราะพี่ไร้ฝีมืออย่างแรง 555)

ปล. ลุงหิมะที่เกดว่าเหมือนผู้พัน Sandler พี่ว่าเหมือนลุงคาร์ลเรื่อง カールじいさんの空飛ぶ家(การ์ตูนของ Pixar)นะ ที่ญี่ปุ่นเพิ่งฉายไปปลายปีที่แล้วนี่เอง ถ้าเกดหารูปดูในเวปแล้วจะอ๊อออ そっくり!!! ทันทีเลยจ้ะ อิอิ


โดย: enjoymiracle วันที่: 22 มีนาคม 2553 เวลา:20:06:12 น.  

 
--> enjoymiracle

อุ้ยๆ ยังไม่จบค่าเหลือรูปอีกเป็นหลัก(หลาย)ร้อยเลย กำลังทำรูปไว้ก่อนแล้วทยอยเขียนตามทีหลังน่ะค่ะ

ที่ Orgel house ให้ถ่ายรูปหรือเปล่านั้น เดี๋ยวก็รู้ค่า แต่เรื่องทำกล่องดนตรีเองไม่ทันสังเกตน่ะค่ะว่ามีไหม (เหมือนได้ยินพี่ชายพูดแว่วๆว่ามีมั้งคะ)

คุณแม่เกดทานไม่ได้เลยค่ะของดิบทุกอย่างเลย มาฮอกไกโดก็ลำบากไม่เบาเหมือนกัน

ปล เรื่อง Up จำได้ว่าดูตอนนั่งเครื่องไปลอนดอนค่ะ พอพี่จอยพูดเลยนึกได้ เออเนอะ เหมือนจริงๆค่า


โดย: White Amulet วันที่: 22 มีนาคม 2553 เวลา:20:44:03 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

White Amulet
Location :
Bangkok Thailand / Tokyo Japan

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 35 คน [?]




บล็อคนี้ถึงไม่ค่อยมีอะไรแต่ถ้าจะก๊อปปี้ข้อความหรือรูปอะไรไปโพสที่อื่น ก็รบกวนช่วยใส่เครดิตลิงค์บล็อคนี้ไว้ด้วยนะคะ

เราไม่สงวนลิขสิทธิ์การนำภาพและข้อความในบล็อคไปเผยแพร่(ในแบบที่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์)แต่สงวนลิขสิทธิ์ความเป็นเจ้าของภาพถ่ายและเนื้อหาค่ะ

ค้นหาทุกสิ่งอย่างในบล็อคนี้

New Comments
Friends' blogs
[Add White Amulet's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.