W H I T E A M U L E T
Group Blog
 
All blogs
 
[[รีวิวแรกรับใบไม้ร่วง2010@Japan]] ปฐมบทก่อนเดินทาง: สัปดาห์แห่งพายุ+อะไรเอ่ยสีแดงๆแต่ไม่ใช่ใบไม้แดง


>> คลิกเพื่อดูในรูปแบบรีวิวที่ pantip@blueplanet

รีวิวทริปโกเบและโอซาก้าเมื่อตอนหน้าร้อนยังค้างแหง็กไม่เสร็จเสียที แต่ไหนๆมันก็ของดองอยู่แล้วก็ขอดองต่อไปอีกหน่อย(ไว้ช่วงไหนว่างๆค่อยมาต่อ) ตอนนี้เห่อรูปจากทริปหนึ่งวันล่าสุดนี้มาก อยากอัพบล็อคแบบสดๆทันสถานการณ์กะเค้าซะหน่อยเลยเป็นที่มาของบล็อคนี้

ณ ตอนนี้ที่โตเกียวก็เรียกได้เต็มปากเต็มคำว่าเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงแล้ว ไม่มีวันไหนที่จะอากาศร้อนหลงฤดูมาอีกแล้ว ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาเป็นอีกหนึ่งอาทิตย์ที่อากาศวิปริตผิดปกติของโตเกียวไปมาก นอกจากฝนจะตก(ตกไม่เบาด้วย)ได้ทุกวี่ทุกวันแล้ว อากาศก็เย็นยะเยือกขึ้นมาอย่างกับตอนช่วงฤดูหนาว คนไทยคนญี่ปุ่นบ่นกันระงมว่าหนาวๆๆๆ เป็นเดือนตุลาคมที่หนาวที่สุดที่ จขบ เคยเจอมาเลย

ถึงแม้อากาศจะหนาวแต่เท่าที่สังเกตคนส่วนใหญ่ยังใส่ชุดแนวหน้าใบไม้ร่วงกันอยู่ ถ้าไปเอาชุดเสื้อนวมช่วงหน้าหนาวมาใส่ก็คงไม่หนาวล่ะนะ แต่เดาว่าคงยังไม่มีเวลาไปขุดเสื้อผ้าหน้าหนาวออกจากกรุกัน (จขบ ก็เหมือนกัน เสื้อนวมและโค้ตหน้าหนาวถูกแพ็คใส่ถุงเก็บอยู่ลึกสุดๆไปเลย) อยู่ประเทศที่มีสี่ฤดูพอเปลี่ยนฤดูทีนึงก็ต้องเก็บเสื้อผ้าฤดูที่ผ่านไปเข้ากรุไว้รอใช้ปีหน้า และขุดเสื้อผ้าของฤดูใหม่ออกมาแขวนเพื่อใช้งานแทน ซึ่งก็ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆจะหยิบมาใช้กันได้ง่ายๆนะของเก็บมาตั้งเกือบปีหนิ พออากาศเปลี่ยนกะทันหันแบบนี้ส่วนใหญ่เลยยังไม่มีเสื้อกันหนาวใส่กันฉะนี้แล (อีกอย่างใส่เสื้อนวมมาก็เด่นอยู่ เพราะคนอื่นก็ยังไม่ใส่กัน)

ส่วนสาเหตของอากาศหนาวผิดปกตินี้มาจากเจ้าพายุหมายเลข 14 นี่เอง อาจารย์คนไทยที่สอนภาษาญี่ปุ่น จขบ สมัยก่อนมาญี่ปุ่นเคยบอกไว้ว่าที่ญี่ปุ่นนี่ในแต่ละปีถ้าพายุเข้าไม่ถึง 20 ลูก จะมีน้ำจืดไม่พอใช้ในประเทศ จริงแค่ไหน จขบ ก็ไม่เคยไปค้นดูนะเผอิญไม่ได้สนใจเรื่องนี้เป็นพิเศษ ณ วันนี้วันเสาร์ตามพยากรณ์จะเป็นวันที่พายุผ่านโตเกียวแล้ว ฝนและลมจะแรงมากที่สุดในวันนี้(ดังนั้น จขบ ไม่ออกไปไหนแน่นอน) แล้ววันอาทิตย์ก็จะเหลือฝนไล่หลังอีกหน่อย (ลมพัดแรงตั้ง 11 m/s นี่ไม่อยากจะคิดเลย ร่มเริ่มพังหมดแน่ๆ แค่ 7 m/s ก็พัดจนหัวจะหลุดแล้ว)

Credit: ภาพพยากรณ์อากาศแถวบ้าน จขบ แค็ปมาจาก //weather.yahoo.co.jp/weather/jp/13/4410/13105/1130034.html

หลังจากพายุผ่านไปอากาศก็(ดูเหมือนจะ)อุ่นขึ้นกลับเป็นปกติของโตเกียวในช่วงตุลาและพฤศจิกาอีกครั้ง เฮ้อ ค่อยยังชั่ว

Credit: ภาพพยากรณ์อากาศแถวบ้าน จขบ แค็ปมาจาก //weather.yahoo.co.jp/weather/jp/13/4410/13105/1130034.html

ไม่ได้ดูข่าวมาละเอียดแต่จากอากาศที่ผ่านมาพายุลูกนี้พัดพาความหนาวเย็นมามากจริงๆ ที่คนบ่นๆกันว่าหนาวๆนี่ไม่ได้คิดไปเองด้วยนะ เพราะข่าวออกมาแล้วว่าวันพฤหัสที่ผ่านมาเป็นวันที่โตเกียวหนาวที่สุดในรอบ 72 ปีเลย(หมายถึง หนาวที่สุดในช่วงเวลาเดียวๆกันนี้นะ ไม่ใช่ว่าหนาวที่สุดโดยเทียบจากทั้งปี ช่วงหน้าหนาวยังไงก็ยังหนาวกว่า) จำได้ว่าวันนั้นอุณหภูมิอยู่เรี่ยๆประมาณ 10 องศาแต่ฝนตกค่อนข้างหนักและมีลมแรงด้วย เมื่อ 10องศา+ลม+ฝน ผลก็คือ ความหนาวสุดๆไปเลย รู้สึกเหมือนตัวเองอยู่กลางฤดูหนาวยังไงหยั่งงั้น ต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะขุดตัวเองออกจากเตียงและฝ่าฝนไปมีตติ้ง(แต่เช้า)ที่มหาลัยให้ทัน

ร่ายมาซะยาวยังไม่เริ่มรีวิวทริปเสียที ทริปนี้ จขบ ลุยเดี่ยวอีกแล้ว ก็แบบว่ามันไปกะทันหันอ่ะนะ วันจันทร์เพิ่งรู้เรื่องและตัดสินใจว่าจะไป วันอังคารซื้อตั๋วและเช็คการเดินทาง ถึงวันพุธก็ออกเดินทางทันที กะทันหันอย่างนี้แล้วจะไปชวนใครที่ไหนไปด้วยได้ล่ะ แถมเป็นวันธรรมดาอีก

สืบเนื่องมาจากเห็นรูปใน Facebook ของคนในแล็บเค้าไปเที่ยวมา (สำหรับ จขบ นี่ FB มีประโยชน์ในการรวบรวมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆเอาไว้ไปเที่ยวตามคนอื่น) จขบ เห็นแล้วก็หายจากอาการอัลไซเมอร์แบบฉับพลัน นึกขึ้นได้ทันทีว่าเมื่อปีที่แล้วมีรีวิวในห้อง @Japan ถึงเจ้าต้นไม้แดงๆนี่มาก่อน(พยายามขุดหากระทู้นั้นแล้วแต่หาไม่เจอ) ตอนนั้นก็หมายมั่นปั้นมือว่าปีนี้จะไปให้ได้ แต่นานๆไปก็ลืมไปซะสนิทเพิ่งจะนึกได้ตอนเกือบสายไปแล้วนี่เอง(โอกาสสุดท้ายท้ายสุดเลยจริงๆ)

เฉลยหัวบล็อคก่อนว่าต้นแดงๆที่ว่าคืออะไร มันคือต้น コキア Kokia หรืออีกชื่อหนึ่งของญี่ปุ่นก็คือ ほうきぐさ Hoki-gusa (แปลเองตรงตัวว่า หญ้าไม้กวาด) ส่วนชื่ออังกฤษก็รู้สึกจะมีทั้ง Kochia, Summer cypress และ Kochia scoparia (แต่ถ้ากูเกิ้ลด้วยคำว่า KOKIA จะเจอแต่เว็บเกี่ยวกับนักร้องหญิงชาวญี่ปุ่นขึ้นมาเต็มไปหมด เค้าใช้ชื่อว่า KOKIA พอดี ให้เซิร์ชด้วยตัวอักษรญี่ปุ่นแทนจะดีกว่า)

หน้าตาของต้นหญ้าชนิดนี้จะเป็นคล้ายๆพุ่มไม้ที่มีแต่กิ่งแต่ก้าน ไม่มีลำต้นหนาๆและไม่มีใบใหญ่ๆ ดูๆไปเหมือนไม้กวาดทางมะพร้าวพุ่มกลมๆตามชื่อญี่ปุ่นของมันเลยล่ะ ช่วงชีวิตของต้นไม้ชนิดนี้จะมีอยู่สามช่วงสามสี ในช่วงหน้าร้อนจะเป็นกิ่งสีเขียวๆตามภาพ

Credit: ภาพหาจาก google.co.jp

ในช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วงก่อนหน้าที่ใบไม้เหลืองและแดงจะออกมาโชว์ตัวกันเต็มที่ เจ้า KOKIA ก็ชิงตัดหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงทั้งต้นก่อน

Credit: ภาพหาจาก google.co.jp

แล้วหลังจากนั้น KOKIA ก็ค่อยเริ่มโรยกลายเป็นสีน้ำตาล เปิดทางให้เหล่าใบไม้เหลืองและใบไม้แดงได้ออกมาวาดลวดลายแทน เรียกว่าร่วมมือกันทำงานอย่างดี ทำให้เรามีอะไรให้ดูให้เที่ยวได้ตลอดทั้งปีเลย (ภาพด้านล่างดูๆไปหยั่งกะซังข้าวเลย ไม่แน่ใจ แต่ตามรูปเหมือนว่าพอมันกลายเป็นสีน้ำตาลแล้ว เอาไปมัดทำไม้กวาดได้ด้วยมั้งเนี่ย ก็ดีนะเอาไว้ดูก็ได้ เอาไว้ใช้ประโยชน์ก็ดี ปลูกแล้วไม่เสียเปล่า)

Credit: ภาพหาจาก google.co.jp

ถ้าเห็นเจ้า KOKIA นี่ถูกปลูกอยู่ในกระถางเดี่ยวๆธรรมดาๆจะว่าไปมันก็ไม่ได้สะดุดตาอะไรเป็นพิเศษเลยด้วยซ้ำ(โดยเฉพาะถ้าเลี้ยงมันไม่ดี โตมาไม่กลมไม่ฟูสวย) ใครจะยอมเสียเงินเสียเวลานั่งรถไฟข้ามจังหวัดมาดูกันล่ะ แต่การ add value ให้อะไรสักอย่างดูจะเป็นสิ่งที่ชาวญี่ปุ่นเค้าถนัดกัน ถ้าดูดีๆ KOKIA มันก็มีความน่ารักของมันอยู่ที่เป็นพุ่มกลมๆ ดู フワフワ、モコモコ (Fuwafuwa, mokomoko = ดูเป็นก้อนๆฟูๆนิ่มๆ) แถมมีการเปลี่ยนสีตามฤดูเหมือนพวกใบไม้เหลืองใบไม้แดงด้วย

ว่าแล้วก็ใส่ความครีเอตเข้าไปอีกนิด จับมาปลูกเรียงกันเป็นทุ่งซะเลย พอมันอยู่รวมกันเป็นทุ่งแล้วประกอบกับใส่หน้าตาให้มันอีกนิด จขบ คนนึงล่ะที่เห็นแล้วตาลุกวาวและกำหนดเป็น The Must อีกอย่างนึงของฤดูใบไม้ร่วงเลย (หน้าร้อนปีหน้ากะจะไปอีกด้วย ไปดูตอนมันสีเขียวๆกลมๆน่าร๊ากกกกกก เอ...หรือจะไปตอนที่กึ่งๆมีทั้งเขียวทั้งแดงในต้นเดียวกันก็ดีเหมือนกันน้า เวลายังมีเอาไว้ปีหน้าค่อยตัดสินใจละกัน)

Credit: ภาพหาจาก google.co.jp

พอเห็นจาก FB ปุ๊บ จขบ ก็รีบเช็คทันทีเลย ทีแรกนึกว่าจะแห้วแล้วเพราะ コキアカーニバル KOKIA carnival (18 SEP ~ 24 OCT, 2010) ของที่ๆจะไปมันเพิ่งจบไปเมื่อวันอาทิตย์ ถามคนที่ไปมาก็บอกว่ามีบางส่วนเริ่มสีน้ำตาลแล้ว และที่สำคัญคือพอหมดเดือนตุลานี้ปุ๊บ KOKIA ทั้งหมดจะถูกถอนออกจากสวนเพื่อเตรียมพื้นที่ปลูกดอกไม้อย่างอื่นรอรับใบไม้ผลิปีหน้าแทน (กำหนดการถอนออกนี้ในแต่ละปีจะไม่เหมือนกันนะ เช็คจากหน้าเว็บหรือโทรถามเลยจะชัวร์สุด)

งานนี้เรียกได้ว่า now or never ถ้าไม่ไปภายในอาทิตย์นี้ก็คืออดไปเลย(ปีหน้าตอนช่วงที่มันแดงนี้ จขบ น่าจะกลับไทยไปแล้วอ่ะ) แถมด้วยเคราะห์หามยามร้ายเจ้าพายุหมายเลข 14 พัดกระหน่ำพยากรณ์แถบคันโตก็มีแต่ฝนตกทุกวี่ทุกวัน ถึงจะอยากไปดูแค่ไหน แต่ก็ใช่ว่าอากาศแย่ๆฝนตกๆก็ยังจะไปน่ะนะ

แต่แล้วโชคก็เข้าข้าง จขบ วันเพียงวันเดียวในสัปดาห์เส้นตายนี้ที่อากาศดีฝนไม่ตก พอดี๊พอดีเป็นวันที่ไม่มีมีตติ้งและคลาส สามารถแอบแว่บโดดแล็บไปวันนึงได้พอดี แผนเที่ยวฉุกละหุกก็เลยเกิดขึ้นดังฉะนี้เอง (มาสคอต KOKIA ของงานน่ารักอีกแล้วอ้ะ เขียนในด้านบนของป้ายแปลไทยง่ายๆแบบ จขบ ว่า "มาลองดู มาลองจับสิ")

Credit: ภาพจาก //www.hitachikaihin.go.jp/fair/aki/index.htm

เช็คพยากรณ์แล้วก็โทรถามที่สวนเพื่อความชัวร์กลัวไปเสียเที่ยว พอเค้าคอนเฟิร์มมาว่า KOKIA ยังอยู่ก็จองตั๋วรถไฟทันที จริงๆมันก็ไม่ไกลจากโตเกียวนัก มีพวกรสบัสด่วน 高速 Kosoku ไปด้วยจากโตเกียวใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงนิดๆเพื่อไปที่ 勝田 Katsuta ราคานั่งต่อขาประมาณ 2000 กว่าๆเยน (รายละเอียดรถบัสมีใน ลิงค์นี้ เส้นทางวิ่งอยู่ในรูปด้านล่างคลิกดูรูปใหญ่ได้ และ ลิงค์นี้ จะเป็นตารางเวลารถบัสที่วิ่งไปจากโตเกียว ทั้งหมดนี้เป็นภาษาญี่ปุ่นล้วนๆ)

Credit: ภาพแค็ปมาจากเว็บ //www.ibako.co.jp/

แต่ฉุกละหุกอย่างนี้ จขบ ขอไปด้วยรถไฟก่อนมันง่ายๆดี ตารางรถไฟก็ยืดหยุ่นกว่ารถบัสเพราะมีรถออกอยู่ตลอดเวลา ขาไปขอไปด้วยรถด่วนเบาะนิ่มๆ(แบบ 自由席 Jiyu-seki หรือ unreserved) ส่วนขากลับค่อยนั่งหวานเย็นธรรมดากลับ เดินทางสายกลางประหยัดค่าตั๋วไปอีกหน่อย สนนราคาค่าตั๋วรถไฟไปกลับที่จ่ายไปคือ 4820 เยน (ราคานี้ได้ลดแล้ว 20% ด้วย student discount)

ส่วนสถานที่ไปดูนั้นไม่ต้องหาให้เหนื่อยแรงเพราะใน FB ที่เจอมีระบุชื่อสถานที่เรียบร้อยที่ 国営ひたち海浜公園 Kokuei-hitachi-kaihin-koen (URL) เป็นสวนตั้งอยู่ริมทะเลที่จังหวัด Ibaraki 茨城県 ไม่ห่างจากโตเกียวนัก จาก Ueno ข้ามจังหวัด Chiba 千葉県 ก็เข้าเขต Ibaraki แล้ว นั่งรถไฟไปเช้าเย็นกลับได้สบายๆไม่ต้องไปค้างคืนเหมาะกับ จขบ เป็นยิ่งนัก (เปิดเทอมแล้วมีมีตติ้งมีคลาส โดดหลายวันไม่ค่อยได้) นิดนึงคือเพิ่งสังเกตว่า Hitachi นี่มันสะกดเหมือนกับยี่ห้อเครื่องใช้ไฟฟ้าเลย ที่ไทยก็ได้ยินเรียกแต่ ฮิตาชิ ฮิตาชิ จนชินหูเพิ่งจะรู้ว่าจริงๆแล้วมันออกเสียงญี่ปุ่นว่า ฮิตาจิ ตะหาก

Credit: ภาพแค็ปมาจากหน้าเว็บ ณ ขณะปัจจุบันของ //www.hitachikaihin.go.jp

จะไปสวนนั้นให้ลงสถานีรถไฟที่ 勝田 Katsuta แล้วออกทาง 東口 Higashi-guchi (East exit) เพื่อต่อรถบัสในเมืองสั้นๆอีกต่อนึง ป้ายรถบัสเบอร์1 หาไม่ยาก(ดูได้ในบล็อครีวิวถัดไป) ค่ารถบัส 390 เยนต่อขา นั่งประมาณ 20 นาทีก็ถึง ส่วนตารางเวลารถบัสไปสวนนี้ดูได้ที่ ลิงค์นี้ (มีแต่ภาษาญี่ปุ่นนะ)

ค่าเข้าสวนราคาผู้ใหญ่ 400yen ต่อวัน (ถ้าอยู่ใกล้จะไปบ่อยๆก็ซื้อตั๋วปีไปเลย) เวลาเปิดปิดสวนแตกต่างกันไปในแต่ละเดือนดังนี้
1 MAR ~ 16 JULY (2010) 9:30~17:00
17 JULY ~ 31 AUG (2010) 9:30~18:00
1 SEP ~ 31 OCT (2010) 9:30~17:00
1 NOV ~ 28 FEB (2010~2011) 9:30~16:30
เวลานี้เป็นวาระของปี 2010 เริ่มตั้งแต่ใบไม้ผลิยันไปถึงจบหน้าหนาวที่ปี 2011 ถ้าวาระของปีถัดไปคงมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง ติดตามได้จากเว็บของเค้า ที่ หน้านี้ จะมีบอกเวลาเปิดปิดทำการและวันหยุดของสวน ที่ด้านล่างสุดมีบอกวันพิเศษที่สวนเปิดให้เข้าชมฟรีไม่เสียเงินค่าเข้าด้วย

ขอจบบล็อคปฐมบทดื้อๆไว้แค่นี้ก่อน ยังไม่ทันออกเดินทางเลยร่ายซะยาวยืดยาด บล็อคถัดไปจะเริ่มขึ้นรถออกเดินทางจริงๆแล้วค่าาาาา

--------------------------------------------------------------------------------

รวมบล็อคทั้งหมดของทริป

1. [[รีวิวแรกรับใบไม้ร่วง2010@Japan]] ปฐมบทก่อนเดินทาง: สัปดาห์แห่งพายุ+อะไรเอ่ยสีแดงๆแต่ไม่ใช่ใบไม้แดง
2. [[รีวิวแรกรับใบไม้ร่วง2010@Japan]] ทุ่งKOKIAกลมๆแดงๆรับใบไม้ร่วงในวันฟ้าใสท่ามกลางสัปดาห์แห่งพายุฝน

--------------------------------------------------------------------------------

>> คลิกเพื่อดูรายการบล็อคอัพใหม่ทั้งหมด



Create Date : 30 ตุลาคม 2553
Last Update : 21 มิถุนายน 2554 14:45:27 น. 1 comments
Counter : 7853 Pageviews.

 
รวมกันเป็นทุ่งแล้วมันสวยจริงๆนะครับ


โดย: kirofsky วันที่: 2 พฤศจิกายน 2553 เวลา:15:11:15 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

White Amulet
Location :
Bangkok Thailand / Tokyo Japan

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 35 คน [?]




บล็อคนี้ถึงไม่ค่อยมีอะไรแต่ถ้าจะก๊อปปี้ข้อความหรือรูปอะไรไปโพสที่อื่น ก็รบกวนช่วยใส่เครดิตลิงค์บล็อคนี้ไว้ด้วยนะคะ

เราไม่สงวนลิขสิทธิ์การนำภาพและข้อความในบล็อคไปเผยแพร่(ในแบบที่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์)แต่สงวนลิขสิทธิ์ความเป็นเจ้าของภาพถ่ายและเนื้อหาค่ะ

ค้นหาทุกสิ่งอย่างในบล็อคนี้

New Comments
Friends' blogs
[Add White Amulet's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.