:: ความรู้รอบตัว :: โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ กับ ระเบิดนิวเคลียร์ เหมือนกันหรือต่างกันแค่ไหน ???
เนื่องจากช่วงนี้เรียนจบแล้วระหว่างเก็บข้าวเก็บของเก็บห้องเตรียมกลับบ้านก็พอมีเวลาให้เกิดความอยากรู้อยากเห็นสงสัยแล้วไปค้นหาข้อมูลมาดับความสงสัยหน่อยค่ะ ประกอบกับที่ญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 6 และ 9 สค ที่ผ่านมาก็มีถ่ายทอดพิธีรำลึกถึงเหตุการณ์ระเบิดนิวเคลียร์กันด้วย อ่านมาหลายข่าวหลายแหล่งก็สะท้อนและหดหู่ใจไม่แพ้กัน แต่ที่น่าสงสารที่สุดคือ ข่าวนี้ ที่พูดถึงคุณลุงชาวญี่ปุ่นท่านนึงปัจจุบันอายุ 85 ปี เมื่อ 66 ปีก่อนคุณลุงเค้าเป็นทหารอยู่ที่ฮิโรชิม่าที่โดนระเบิด หลังสงครามจบก็กลับบ้านเกิดที่ Minami-soma ใน Fukushima ตั้งรกรากประกอบอาชีพเลี้ยงวัว(เนื้อ)อยู่ที่ฟุคุชิมะแทน ผ่านมา 66 ปีเคราะห์ซ้ำกรรมซัดต้องมาเจอเหตุการณ์โรงไฟฟ้านี้เข้าอีกบ้านคุณลุงอยู่ในรัศมี 30 km จากโรงไฟฟ้า (ในรัศมีนี้คือ ไม่แนะนำให้ออกมาเดินร่อนนอกบ้านค่ะ) หลังจากเรื่องโรงไฟฟ้าผ่านมาสักพักจนดูเรื่องทรงตัวคุณลุงก็เริ่มเลี้ยงวัวอีกครั้ง แล้วก็มาเจอเหตุการณ์ตรวจพบรังสีในเนื้อวัวเมื่อเดือน กค (วัวไปกินหญ้าแห้งปนรังสี ที่ซื้อมาจากเกษตรกรที่ผลิตหญ้าแห้งพวกนี้)ทำให้เนื้อวัวจากจังหวัดฟุคุชิมะโดนสั่งแบนไปอีกค่ะ สำหรับเหตุการณ์วัวกินหญ้าปนรังสีนี้จะว่ายาวก็ยาวค่ะ เอาคร่าวๆที่เราเคยตอบไว้ใน กระทู้นี้ ก็ตามใน(หลายๆ)ภาพล่างนะคะ(คลิกดูภาพใหญ่ได้) แบบว่าตอนนี้ยังขี้เกียจพิมพ์สรุปเรื่องนี้ค่ะ อีกอัน ก็ด้วยเหตุการณ์โรงไฟฟ้าฟุคุชิมะนี่ล่ะค่ะที่ทำให้ช่วงนี้สนใจเกี่ยวกับเรื่องของนิวเคลียร์ จริงๆตั้งแต่สมัยเรียนม.ปลายก็สนใจอยู่แล้วแต่ไม่ได้สานต่อ มาตอนนี้พอมีเวลาก็เกิดคำถามในใจมากมาย อย่างกรณีโรงไฟฟ้าเชอร์โนบิล เห็นใน ข่าว ว่าต้องไปใช้เวลากันกว่า 20,000 ปีกว่าบริเวณโรงไฟฟ้าที่เกิดเหตุนั้นจะกลับมาอยู่อาศัยได้อย่างปลอดภัยเหมือนเดิม ... อ้าว ถ้างั้นทำไมเหตุระเบิดนิวเคลียร์ที่ฮิโรชิม่าและนางาซากิ เพิ่งผ่านมาประมาณ 66 ปี (เหตุเกิดเมื่อ สค 1945) ทำไมปัจจุบันทั้งสองเมืองนั้นกลายเป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญของทางแถบคิวชูไปแล้ว? ทั้งไทยทั้งเทศก็ไปเที่ยว ไปชมพิพิธภัณฑ์รำลึกเหตุการณ์ระเบิดนิวเคลียร์เอามารีวิวกันใหญ่ จากความสงสัยนี้ก็มาสู่คำถามสั้นๆ(แต่คำตอบแสนจะยาว)ที่ว่า "อันตรายและผลกระทบที่เกิดจากระเบิดนิวเคลียร์ แตกต่างกับ ที่เกิดจากอุบัติเหตุเหตุโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ยังไง ?" เพื่อแยกประเด็นให้ชัดเจนขอแยกการอธิบายเป็นหัวข้อต่างๆดังนี้นะคะ ใครรู้เรื่องไหนอยู่แล้วก็ข้ามๆไปได้ 1. ทำความรู้จักกับ Nuclear chain reaction หรือ ปฏิกิริยาลูกโซ่นิวเคลียร์ แบบง่ายๆ 2. โรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ กรณีเลวร้ายแบบสุดๆ? 3. โรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิดตู้ม ... เรื่องนี้มีมูลหรือแค่กังวลกันไปเอง? 4. ทำไมฮิโรชิม่าและนางาซากิที่โดนบอมบ์ สามารถกลับมาฟื้นฟูมีคนอยู่อาศัยปกติได้ในเวลาแค่ไม่กี่สิบปี? 5. เปรียบเทียบอุบัติเหตุโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ กับ อุบัติเหตุระเบิดนิวเคลียร์ ... อันไหนส่งผลร้ายแรงมากกว่ากัน? 6. รายชื่อข้อมูลอ้างอิง ก่อนจะเริ่มบรรเลง ต้องบอกเพิ่มเติมว่าในประวัติศาสตร์ของมนุษย์เรานั้นเหตุการณ์ระเบิดนิวเคลียร์ หรือ Nuclear bomb หรือ Atomic bomb นั้นมีแค่ 2 เหตุการณ์ที่เกิดที่ญี่ปุ่นเท่านั้นค่ะ เหตุการณ์แรก 6 AUG 1945 ระเบิด Little boy ลงที่ Hiroshima และ เหตุการณ์สอง 9 AUG 1945 ระเบิด Fat man ลงที่ Nagasaki ... นอกจากสองเหตุการณ์นี้แล้วก็ยังไม่มีเหตุการณ์อื่นให้ใช้เป็นกรณีศึกษาของระเบิดนิวเคลียร์ที่ถูกนำมาใช้จริงๆ(ไม่ใช่ในการทดลองอาวุธ)ได้ค่ะ บล็อคนี้ตัวหนังสือเป็นหลักแล้วก็ออกจะปนวิชาการและความรู้หนักๆมากสักหน่อย เป็นการสรุปข้อมูลตามความเข้าใจของเราจากหลายๆแหล่งที่อ่านมาค่ะ(เผื่อไว้ตัวเองกลับมาอ่านทีหลังด้วย จะได้ไม่ต้องไปไล่อ่านหลายๆที่อีก) ถ้ามีตรงไหนข้อมูลผิดไปหรือใครมีข้อมูลอยากเสริมก็บอกได้นะคะ แต่อยากขอแหล่งข้อมูลอ้างอิงนั้นๆประกอบด้วยค่ะ1. ทำความรู้จักกับ Nuclear chain reaction หรือ ปฏิกิริยาลูกโซ่นิวเคลียร์ แบบง่ายๆ ถ้าจะเอาง่ายที่สุดก็ต้องอ้างอิงดรากอนบอลเลยค่ะ ไอ้ที่ทำ fusion รวมร่างกันแล้วกลายเป็นสุดยอดซุปเปอร์ไซย่า(นับไม่ถูกแล้วค่ะว่าซุปเปอร์ไซย่าเค้ามีกี่ระดับขั้นกันแน่)นั่นล่ะค่ะ คำว่า fusion ที่ใช้พูดๆกันในการ์ตูนจริงๆแล้วก็คือชื่อของปฏิกิริยาลูกโซ่นิวเคลียร์แบบหนึ่งCredit ภาพจาก //eng.hebus.com/image-116110.html โดยย่อๆปฏิกิริยาลูกโซ่นิวเคลียร์นั้นมีสองแบบใหญ่ๆ fission และ fusion หลักการเกิดปฏิกิริยาจะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ... fission คือ การทำให้อะตอมใหญ่ แตกเป็นเล็กๆและปล่อยพลังงานออกมา ... fusion คือ การรวมอะตอมเล็กๆให้เป็นอะตอมใหญ่ขึ้นและได้พลังงานออกมาเช่นกัน ... จากความรู้สมัยมัธยมปลายของเรานะคะ การ fusion จะได้พลังงานจากปฏิกิริยามากกว่า fission แต่ fusion เป็นปฏิกิริยาที่มนุษย์ยังไม่สามารถสร้างหรือควบคุมได้ ดังนั้นการ fusion ปัจจุบันก็พบเกิดได้แต่ที่พื้นผิวของดวงอาทิตย์ค่ะ (ไม่งั้นคงต้องไปถามหงอคงดูว่าเค้าไปเจอคนสอนวิชา fusion นี้ที่ดาวดวงไหน )Credit ภาพจาก //love123abc.wordpress.com/2011/03/06/nuclear-energy/ กลับมาที่เรื่องของเรากันก่อน นอกจากชื่อจะมีคำว่า "นิวเคลียร์" เหมือนกันแล้ว อีกสิ่งที่เหมือนกันระหว่างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์และระเบิดนิวเคลียร์ก็คือ มันอาศัยปฏิกิริยา fission ค่ะ หลักการคร่าวๆของ Fission nuclear chain reaction ก็คือ การยิงนิวตรอนไปทำให้อะตอมใหญ่ของสารกัมมันตภาพเกิดการแตกตัวเป็นอะตอมกัมมันตภาพรังสีที่ขนาดเล็กลง ผลที่ได้นอกจากอะตอมกัมมันตภาพที่ขนาดเล็กลงแล้ว เราก็ยังได้พลังงานความร้อนและนิวตรอนอิสระเพิ่มออกมาเป็นของแถมด้วยค่ะ แล้วก็เจ้านิวตรอนอิสระที่ถูกปล่อยเพิ่มออกมานี่เองค่ะที่จะวิ่งไปชนอะตอมกัมมันตภาพรังสีอื่นๆต่อ ทำให้เกิดการแตกตัวต่อเนื่องเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่แบบ non-stop (สำหรับในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์จะมี control rod ใช้ช่วยดูดซับนิวตรอนที่วิ่งพล่านนั่น เพื่อหยุดปฏิกิริยาลูกโซ่ได้ค่ะ)Credit ภาพจาก //hiroshimabomb.free.fr/bombe_a.html ในเรื่องระเบิดนิวเคลียร์เราเองก็ไม่ค่อยรู้เรื่องละเอียดกว่านี้นัก แต่สำหรับในโรงงานผลิตไฟฟ้าเค้าจะเอาความร้อนสูงที่ได้จากปฏิกิริยาลูกโซ่นี้มาทำให้น้ำเกิดการระเหยเป็นไอจำนวนมหาศาล แล้วไอน้ำพวกนี้ล่ะค่ะที่เป็นตัวไปปั่นให้เกิดไฟฟ้าให้เราใช้กัน ... ลองจินตนาการว่าเราถือกังหันลมเล็กๆอันนึงไว้เหนือหม้อน้ำที่น้ำกำลังเดือดพล่านดูค่ะ ยิ่งน้ำเดือดแรงไอน้ำยิ่งพุ่งแรงจนเพียงพอจะทำให้กังหันอันเล็กๆของเราหมุนติ้วได้ แล้วพอกังหันหมุนได้มันก็ผลิตไฟได้เหมือนที่เราใช้พลังลมหมุนกังหันลมเพื่อผลิตไฟฟ้านั่นเอง ... แต่ในระบบไฟฟ้านิวเคลียร์ความร้อนที่เกิดมันมหาศาลมากกว่ากาต้มน้ำมาก แถมยังถูกควบคุมให้อยู่ในพื้นที่ที่จำกัด ไอน้ำที่เกิด และ ความดันของไอน้ำก็เลยยิ่งมากขึ้นจนเพียงพอจะหมุนให้เกิดพลังงานไฟฟ้ามหาศาลขนาดใช้อุปโภคกันได้ทั่วทั้งภูมิภาคอย่างที่เป็นอยู่ในโลกปัจจุบันนี้ล่ะค่ะCredit ภาพจาก //en.wikiversity.org/wiki/File:PressurizedWaterReactor.gif ข้อดีของพลังงานไฟฟ้านิวเคลียร์คือ สามารถผลิตไฟฟ้าได้สม่ำเสมอกว่าพลังลมหรือพลังน้ำ ด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่ามากโดยเฉพาะถ้าเทียบกับพลังงานแสงอาทิตย์ค่ะ กราฟทางขวามือในภาพด้านล่างเป็นต้นทุนการผลิตไฟฟ้าด้วยวิธีต่างๆต่อหนึ่งหน่วยการผลิตค่ะ คำแปลอยู่ใต้ภาพนะคะ สำหรับการถกเรื่องอื่นๆของพลังงานทางเลือกชนิดนี้เคยพูดไปแล้วใน บล็อคนี้ ค่ะ 太陽光 Taiyo-hikari พลังงานแสงอาทิตย์ 49 yen 風力 Fu-ryoku พลังลม 10-14 yen 水力 Sui-ryoku พลังน้ำ 8-13 yen 火力 Ka-ryoku พลังความร้อน 7-8 yen 原子力 Genshi-ryoku พลังนิวเคลียร์ 5-6 yen ปล. พลังความร้อนที่ว่าน่าจะหมายถึง การเผาไหม้ด้วยเชื้อเพลิงอย่างถ่านหิน น้ำมัน หรือ ก๊าซธรรมชาติ(มั้ง)นะคะ2. โรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ กรณีเลวร้ายแบบสุดๆ? สำหรับหัวข้อนี้ขอทิ้งเรื่องระเบิดนิวเคลียร์ไปก่อนค่ะ แล้วมาดูกันว่าสำหรับโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์นั้นอะไรคือ อุบัติเหตุที่ร้ายแรงสุดๆเท่าที่สามารถจะเกิดได้แล้ว เหตุร้ายสุดๆที่เกิดได้กับแกนปฏิกรณ์ในโรงไฟฟ้าคือสิ่งที่เรียกว่า meltdown ซึ่งก็แปลตรงตัวคือ แกนเชื้อเพลิงหลอมละลายกลายเป็นของเหลวนั่นเอง โดยในตอนแรกตัวแกนเชื้อเพลิงก็จะหลอมก่อน และถ้าหากความร้อนสะสมยังมีต่อไปไม่ถูกลดลงโดยระบบ cooling systems คราวนี้แม้แต่ตัววัสดุที่ห่อหุ้มอยู่ด้านนอกของแกนเชื้อเพลิงก็จะหลอมละลายตามไปด้วย ในกรณีที่การหลอมละลายเกิดมากๆเข้า ตัวแกนเชื้อเพลิงที่หลอมละลายก็จะไหลทะลุผ่านวัสดุห่อหุ้มที่ก็ร้อนจนหลอมละลายไปเช่นกัน พอไหลกันไม่มีตัวกั้นอย่างนี้เจ้าแกนเชื้อเพลิงหลอมเหลวนั้นก็สามารถซึมลึกลงไปได้ถึงประมาณ 50 feet ข้างใต้โรงไฟฟ้า ผลของการหลอมและซึมลงใต้ดินนี้ก็คือ ตัวเชื้อเพลิงที่หลอมละลายจะไปทำปฏิกิริยากับสายน้ำใต้ดิน(ที่ไม่รู้ไหลไปถึงไหนบ้าง) ทำให้เกิดการปนเปื้อนของรังสีส่งผลต่อเมืองใกล้เคืองและประชาชนที่อยู่อาศัยในบริเวณนั้นค่ะ (ไม่แน่ใจว่าที่ฟุคุชิมะมีท่อแตกรั่วเหมือนในภาพการ์ตูนด้านล่างหรือเปล่านะคะ แต่ที่ meltdown แล้วทะลุลงดินน่าจะเหมือน)Credit ภาพจาก //www.stop-hamaoka.com/ehon/four.html ปฏิกิริยาการเกิด meltdown นี้แม้ว่า nuclear chain reaction (ที่นิวตรอนวิ่งไปชนอะตอมกัมมันตภาพแตกตัวเป็นลูกโซ่) จะถูกหยุดไปแล้ว แต่ตราบใดที่ตัวแท่งปฏิกรณ์ยังมีความร้อนเหลืออยู่และไม่มีระบบการ cool down มาช่วยมันก็ยังเกิดการหลอมเหลวได้อยู่ค่ะ ซึ่งนี่ก็คือสิ่งที่เกิดในเคสฟุคุชิมะ เพราะทันที่ที่ตรวจจับแผ่นดินไหวได้ระบบก็ถูก shutdown ทำให้ nuclear reaction หยุดลง สิ่งที่เหลืออยู่คือความร้อนเพียงแค่ 7% (เทียบกับตอนเดินเครื่อง) ซึ่งเป็นเศษความร้อนที่หลงเหลือจากปฏิกิริยา fission ที่เพิ่งหยุดไป แต่แค่ 7% ที่ว่านี้ก็เพียงพอจะทำให้เกิดการหลอมละลายของแท่งเชื้อเพลิงปฏิกรณ์จนเป็นปัญหาอย่างในปัจจุบันแล้วค่ะ (ขนาดว่าตอนเกิดเรื่องแถบนั้นยังอากาศหนาวอยู่เลยนะคะเนี่ย) ตามหลักของการแผ่รังสีแล้ว ยิ่งอยู่ใกล้แหล่งกำเนิดรังสีมาก รังสีที่เจือปนก็จะยิ่งเข้มข้นและจะค่อยๆจางออกไปตามระยะทางและเวลาที่ผ่านไป ดังนั้้นเมื่อตอนที่เกิดเหตุเลยต้องมีการประกาศด่วนอพยพผู้คนออกจากรัศมีโรงไฟฟ้าทันทีค่ะ ภาพล่างนี้ตัวอย่างที่เค้าคาดการณ์กันว่าจะกระจายเมื่อวันที่ 12 มีค 2011 ที่ผ่านมาค่ะ จะเห็นว่ายิ่งไกลยิ่งจางลง ... ปัจจุบันทั้งสถานการณ์และทิศทางลมอะไรเปลี่ยนไปแล้ว คงไม่เหมือนในภาพนี้แล้วนะคะCredit ภาพจาก //www.naturodoc.com/blog/wp-content/uploads/2011/03/fallout1.jpg ในกรณีเลวร้ายสุดๆที่แท่งเชื้อเพลิงหลอมละลายหมดเกลี้ยงหรือ complete meltdown (ซึ่งเราก็ไม่แน่ใจว่าคอนเฟิร์มว่าเกิดขึ้นแล้วที่ฟุคุชิมะหรือยังนะคะ แต่เรื่องว่าเกิดการ meltdown ไปบ้างแล้วที่ฟุคุชิมะนี่ออกข่าวชัวร์แล้วค่ะ) พื้นที่ในวงรัศมีหลายสิบกิโลเมตรรอบโรงไฟฟ้าต้นเรื่องก็จะกลายเป็นพื้นที่ที่ไม่สามารถอยู่อาศัยหรือเพาะปลูกใดๆได้เลย เพราะรังสีปริมาณสูงเจือปนมาในพื้นดิน ในฝน และในน้ำอีกค่ะ แถมถ้ามัน complete meltdown จริงปริมาณรังสีใกล้จุดศูนย์กลางก็จะสูงขึ้นมากจนคนไม่สามารถเข้าไปซ่อมแซมอะไรได้ ต้องปล่อยทิ้งร้างรอเวลาไปเหมือนโรงไฟฟ้าเชอร์โนบิลนั่นล่ะค่ะ3. โรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิดตู้ม ... เรื่องนี้มีมูลหรือแค่กังวลกันไปเอง? จากข้อมูลอ้างอิงที่หามา เป็นไปไม่ได้ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์หรือเตาปฏิกรณ์ในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์จะระเบิดในลักษณะ Nuclear explosion เหมือนกับ Nuclear bomb ค่ะ การจะเกิด nuclear chain reaction ที่รุนแรงแบบควบคุมไม่ได้เหมือนในระเบิดนิวเคลียร์นั้นตัวเชื้อเพลิงปฏิกรณ์ที่ใช้จะต้องมีการใช้สารกัมมันตรังสีพวกยูเรเนี่ยมหรือพลูโตเนียมมาเสริมสมรรถนะของสารตั้งต้นกว่า 90% ซึ่งเอาแค่ตรงนี้ก็ไม่ผ่านแล้วค่ะ เพราะในเชื้อเพลิงปฏิกรณ์ที่ใช้ในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์นั้นไม่ได้ต้องการสารกัมมันตรังสีพวกนี้มากขนาดนั้น แต่ถ้าใครจำได้ บล็อคเก่าๆเราก็เคยหาข้อมูลมาว่าสมัยโรงไฟฟ้าเชอร์โนบิลสาเหตุที่มันรุนแรงมากก็เพราะ แกนปฏิกรณ์ที่บรรจุเชื้อเพลิงกัมมันตรังสีระเบิดโดยตรง อันนี้เราเองก็เพิ่งไปค้นมาถึงได้เจอในรายละเอียดนะคะว่าไอ้คำว่า "แกนปฏิกรณ์ระเบิด" ที่เชอร์โนบิลมันต่างกับ "การระเบิดของระเบิดนิวเคลียร์" ยังไงCredit ภาพจาก //justelectromusic.blogspot.com/2011/01/bucketheads-bomb-hausjacker-remix.html และ //www.tech-faq.com/logic-bomb.html ถ้าเอาคอนเซปต์แบบสั้นๆก่อน การระเบิดของระเบิดนิวเคลียร์เกิดเพราะ nuclear chain reaction ซึ่งเป็นปฏิกิริยาที่ไม่สามารถหยุดหรือควบคุมได้ ที่พอจะควบคุมได้ก็คงแค่ตอนสร้างระเบิดค่ะ ว่าจะให้ระเบิดนิวเคลียร์แต่ละลูกมีความรุนแรงแค่ไหน แต่ถ้าเลยไปถึงตอนที่มันระเบิดแล้ว ปฏิกิริยาลูกโซ่นิวเคลียร์ที่เกิดตอนระเบิดเป็นสิ่งที่เหนือการควบคุมแล้ว สมมติว่าระเบิดระเบิดตู้มกลางอากาศจะให้เอา control rod ไปหย่อนลดปฏิกิริยาเหมือนที่ทำในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ทุกอย่างเป็นระบบปิดก็คงไม่ได้น่ะนะคะ ส่วนการระเบิดของแท่งแกรไฟต์(ที่เป็นสารกัมมันตรังสี)ที่โรงไฟฟ้าเชอร์โนบิลนั้น เกิดจากแท่งแกรไฟต์ที่ meltdown ไปก่อนตามหลัก worst case ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่พูดไปแล้ว แต่คราวนี้ตอนเชอร์โนบิลมันมีปัจจัยอื่นๆมาประกอบ ทำให้วัสดุที่บรรจุแกรไฟต์ที่ว่าเกิดการระเบิดด้วย ตัวแกรไฟต์หลอมเหลวแทนที่จะซึมลึกลงไปใต้ดินอย่างเคสแย่สุดๆของการ meltdown ปกติ คราวนี้ก็กลายเป็นว่าโดนแรงดันระเบิดพาให้พุ่งกระจายออกไปถึงไหนต่อไหนเลยค่ะ ... ดังนั้นสรุปว่าการระเบิดที่เชอร์โนบิลไม่ใช่การระเบิดจาก nuclear chain reaction ไม่เหมือนกับการระเบิดของระเบิดนิวเคลียร์เลยนะคะ ลงรายละเอียดอีกนิดถึงสาเหตการระเบิดที่โรงไฟฟ้าเชอร์โนบิลนะคะ หลักๆเห็นว่าเกิดจากความผิดพลาดในระบบของโรงไฟฟ้าเองทำให้เกิดความดันสูงเกินกำหนด จนทำให้วัสดุที่บรรจุแท่งแกรไฟต์(ที่ meltdown ไปแล้วด้วย)เกิดการระเบิด แล้วแกรไฟต์หลอมเหลวพุ่งกระจายออกไป ... นอกจากเรื่องนี้แล้วสมัยเชอร์โนบิลยังมีปัจจัยอื่นๆเช่น การระเบิดของก๊าซไฮโดรเจน และ การแตกร้าวของโครงสร้าง อีกทั้งสมัยเชอร์โนบิลนั้นไม่มีการสร้าง containment structure (โดมที่ทำจากเหล็กหรือคอนกรีตที่สร้างครอบตัวเตาปฏิกรณ์ไว้เพื่อจำกัดให้รังสีอยู่แต่ในโรงงานในกรณีเกิดอุบัติเหตุอย่างนี้ขึ้น) ดังนั้นแท่งแกรไฟต์หลอมละลายที่โดนแรงระเบิดจากความดันที่สูงเกินไป ก็พุ่งกระจายออกมาสู่โลกกว้างได้ตรงๆนั่นเองค่ะ ตรงจุดนี้ถ้าเปรียบเทียบกับสถานการณ์ที่ฟุคุชิมะแล้ว ทางฟุคุชิมะจะเป็นการ meltdown ในระบบปิดมากกว่าเมื่อเทียบกับเชอร์โนบิลค่ะ เหตุการณ์ที่เชอร์โนบิลแม้สาเหตแรกๆจะมาจากการ meltdown เหมือนกับที่ฟุคุชิมะ แต่พอบวกเข้ากับการระเบิดจากแรงดันไอน้ำและไฮโดรเจน แถมด้วยเพลิงไหม้ที่เกิดเนื่องจากแกรไฟต์ซึ่งเป็นตัวหน่วงนิวตรอนลุกไหม้ติดไฟ ... ทั้งแรงระเบิดและควันไฟที่เกิดนั่นล่ะค่ะตัวการที่ทำให้สารกัมมันตรังสีถูกพัดพาไปไหนต่อไหน ทำให้เกิดการแพร่กระจายของสารกัมมันตรังสีครอบคลุมเป็นบริเวณกว้าง เทียบกับแล้วที่ฟุคุชิมะจะมีแต่การ meltdown เกือบล้วนๆดังนี้ค่ะ ที่ฟุคุชิมะ มีการสร้างโดมคลุมอาคารเพื่อจำกัดการแพร่กระจายของกัมมันตรังสีในกรณีอุบัติเหตุอย่างนี้ไว้แล้ว แต่เนื่องจากแรงระเบิดจากก๊าซไฮโดรเจนที่โดนปล่อยออกมาเป็นจำนวนมากในช่วงวันแรกๆที่เกิดเรื่อง ก็พลอยทำให้ตัวอาคารเสียหาย ดูแล้วตัวอาคารเปิดโล่งโจ้งพอควรเลยค่ะจากภาพข่าว แต่ไม่แน่ใจว่ายังมีชั้นที่คลุมเตาปฏิกรณ์ข้างในอีกชั้นหรือเปล่านะคะ การระเบิดที่ฟุคุชิมะ คือ ก๊าซไฮโดรเจนทำให้ตัวอาคารระเบิด ไม่ใช่วัสดุที่บรรจุแกนปฏิกรณ์ระเบิดเหมือนตอนเชอร์โนบิล และ ไม่ใช่การระเบิดเพราะ nuclear chain reaction เหมือนระเบิดนิวเคลียร์ค่ะ ตัวแกนปฏิกรณ์ที่ฟุคุชิมะอย่างเลวร้ายสุดๆก็คือ complete meltdown อย่างที่อธิบายในหัวข้อก่อนหน้าค่ะ ปัญหารังสีปนเปื้อนที่พบในกรณีฟุคุชิมะจนถึงปัจจุบัน หลักๆมาจากการรั่วไหลของรังสีบางส่วนตามรอยร้าวที่ตัวอาคารหรือรอบอาคาร จากน้ำทิ้งปนรังสีที่ใช้หล่อเย็นแกนปฏิกรณ์ที่โดนปล่อยลงทะเล รวมถึงจากสารรังสีบางส่วนที่เบาและลอยติดมากับอากาศได้ แต่สารรังสีหลักๆในแกนปฏิกรณ์ก็ยังคงอยู่ในบริเวณโรงไฟฟ้าที่เกิดเหตุไม่ได้พุ่งกระจายไปที่ไหน อ่านหัวข้อนี้จบแล้วน่าจะได้ไอเดียคร่าวๆนะคะ ทั้ง ระเบิดนิวเคลียร์ / โรงไฟฟ้าเชอร์โนบิล / โรงไฟฟ้าฟุคุชิมะ ต่างก็มีการ "ระเบิด" เกิดขึ้นเหมือนกัน แต่ในรายละเอียดของการระเบิดแล้วมันไม่เหมือนกันเลยค่ะ4. ทำไมฮิโรชิม่าและนางาซากิที่โดนบอมบ์ สามารถกลับมาฟื้นฟูมีคนอยู่อาศัยปกติได้ในเวลาแค่ไม่กี่สิบปี? มาถึงคำถามที่เราสงสัยมากที่สุดแล้วค่ะว่าทำไมในเมื่อระเบิดนิวเคลียร์มันรุนแรงกว่าเหตุการณ์โรงไฟฟ้า แต่หลังเหตุระเบิดแค่ 66 ปี (นับจนถึงปี 2011) สองจังหวัดของญี่ปุ่นที่โดนบอมป์แทบไม่เหลือความเสียหายให้เห็น แถมยังกลับมาเป็นที่อยู่อาศัยที่ท่องเที่ยวยอดฮิตได้แล้วด้วย ระดับรังสีที่วัดได้ในอากาศ ณ ขณะนี้ก็เรียกได้ว่าน้อยมากๆ ขอบอกว่าน้อยกว่าที่กรุงเทพเสียอีกค่ะ (กรุงเทพ = 0.05 microSv/hour, Nagasaki = 0.028 microSv/hour, Hiroshima = 0.046 microSv/hour) ... ในขณะที่โรงไฟฟ้าเชอร์โนบิลผ่านมา 25 ปี(นับจนถึงปี 2011) กลับยังไม่มีวี่แววว่าจะกลับไปฟื้นฟูหรือระดับรังสีต่ำลงจนคนสามารถกลับเข้าไปอยู่อาศัยได้อีกแต่อย่างใด หลายๆข่าว(ในหนัง Transformer3 Dark side of the moon ก็ด้วย)พูดกันว่าต้องรอกว่า 2 หมื่นปีเลยทีเดียวสำหรับเชอร์โนบิลกว่าคนจะสามารถกลับเข้าไปอยู่อาศัยหรือเพาะปลูกในบริเวณนั้นได้อีกครั้ง ก่อนอื่นต้องเข้าใจการทำงานของระเบิดนิวเคลียร์กันนิดนึงค่ะ ระเบิดนิวเคลียร์นั้นจะก่อให้เกิดรังสีกระจายสู่สิ่งแวดล้อมในสองระยะ คือ Initial และ Residual ... อันแรก คือ รังสีที่มาจากการระเบิดโดยตรง ... ส่วนอันหลัง คือ รังสีตกค้าง ทั้งที่ตกค้างโดยตรงจากการระเบิด และที่ถูกเหนี่ยวนำด้วยการระเบิดทำให้กลายเป็นสารกัมมันตรังสีด้วยค่ะ รังสีที่ปล่อยออกมาในช่วง initial นั้นมีปริมาณที่สูงมากๆ สูงในระดับที่ว่าสามารถส่งผลกระทบ(หรือทำให้เสียชีวิต)ได้ในระยะเวลาอันสั้นแค่ไม่กี่อาทิตย์ หรือ ไม่กี่เดือน ... แต่เนื่องจากรังสีในช่วง initial นี้ส่วนใหญ่มีครึ่งชีวิตที่สั้นมาก บางตัวอยู่ได้แค่ไม่กี่นาทีก็สลายตัวไปจนตรวจไม่พบแล้ว ... พอรวมสองเหตุผลนี้เข้าด้วยกันผลก็คือ ปริมาณรังสีในจุดที่โดนระเบิดอยู่ในเกณฑ์เป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ทันทีในช่วงเวลาหลายชั่วโมงหลังเกิดเหตุระเบิด แต่หลังจากนั้นไม่นานผลจากรังสีในช่วง initial นี้ก็สลายตัวไปอย่างรวดเร็ว ... คนที่ได้ผลกระทบจากรังสีในช่วงนี้เต็มๆก็คือคนที่อยู่ในพื้นที่หรือเข้าไปในพื้นที่ที่โดนระเบิดในช่วงระยะเวลาไม่กี่ชั่วโมงหลังเหตุระเบิดนั่นเองค่ะ ถ้าดูกราฟใน [2] เปรียบเทียบจะยิ่งเห็นชัดค่ะว่ารังสีที่ปล่อยออกมาโดยระเบิดนิวเคลียร์ในตอนแรกจะมากกว่ากรณีโรงไฟฟ้าเชอร์โนบิลหลายเท่า แต่ปริมาณเริ่มต้นที่มากนี้กลับลดลงด้วยอัตราที่รวดเร็วยิ่งกว่าทำให้ในเวลาไม่นานปริมาณรังสีที่เหลือจากระเบิดก็น้อยลงพอๆกับรังสีที่เหลือจากโรงไฟฟ้าเชอร์โนบิล (ที่เหลือๆก็คือรังสีในช่วง residual ที่จะพูดในย่อหน้าต่อไปค่ะ)Credit ภาพจาก //en.wikipedia.org/wiki/File:Chernobylvsbombfallout.png ส่วนรังสีที่ช่วง residual นั้นต่างกับช่วง initial เพราะหลายๆสารรังสีจะมีระยะเวลาการสลายตัวที่ยาวนานกว่าหรือก็คือสลายตัวช้านั่นเองค่ะ (พวกนี้รวมถึงสารที่แต่เดิมก็ปกติดีไม่ได้แผ่รังสี แต่มาเจอนิวตรอนจากระเบิดนิวเคลียร์พุ่งชนพลอยทำให้กลายเป็นสารแผ่รังสีไปกับเค้าด้วยค่ะ) ในกรณีของระเบิดที่ฮิโรชิม่าและนางาซากิบรรดา residual เหล่านี้ไม่ได้ปนอยู่ที่สองเมืองนี้นานนักเนื่องจากหลายๆสาเหตค่ะ หนึ่งคือ การระเบิดนี้เป็นการระเบิดกลางอากาศที่ระดับความสูง 500 เมตรเหนือพื้นดิน ซึ่งระเบิดกลางอากาศนี้ถือว่ามีระดับการปนเปื้อนน้อยที่สุดค่ะ ... ระดับการปนเปื้อนรังสีจากระเบิดนิวเคลียร์จะแตกต่างกันตามสถานที่ระเบิด เรียงลำดับจากมากไปน้อยคือ ระเบิดในอากาศ > ระเบิดในน้ำ > ระเบิดบนดิน > ระเบิดใต้ดิน สองคือ การระเบิดแบบของลูกระเบิดนี้ส่งผลให้บรรดาฝุ่นและดินที่ปนเปื้อนรังสีถูกดูดให้เข้ามารวมกันอยู่ในรูปของ mushroom cloud ผลก็คือฝุ่นดินเปื้อนรังสีลอยกระจายออกไปในวงกว้างแทนที่จะปนเปื้อนติดแน่นอยู่ในพื้นดินของเมืองทั้งสองนี้ แต่ก็นั่นล่ะค่ะผลของ mushroom cloud ก็ทำให้เกิดปรากฏการณ์จำพวก ashes of death และ black rain กระจายออกไปในวงกว้างเช่นกัน (ด้านล่างคือ mushroom cloud จากการระเบิดที่นางาซากิ)Credit ภาพจาก //www.hiroshima-remembered.com/photos/nagasaki/image1.html สรุปแล้วอาจพูดได้ว่าเหตผลที่สองเมืองที่โดนบอมบ์กลับมาปกติได้เร็วกว่าพวกเหตุการณ์โรงไฟฟ้าก็เพราะผลที่รุนแรงมากๆมันสำแดงเดชไปหมดในช่วงเวลาสั้นๆหลังเกิดเหตุไปแล้ว ส่วนผลที่ตกค้างได้ยาวนานก็กระจายออกไปแบ่งๆกันรับไปในหลายๆพื้นที่ ซึ่งพอกระจายไปแล้วระดับรังสีก็เลยถูกแบ่งออกไป ทำให้ทุกที่ที่ได้รับผลกระทบรวมถึงสองเมืองที่เกิดเหตุไม่มีระดับรังสีสูงกระจุกตัวอยู่ในระยะยาวนั่นเองค่ะ ... เทียบไปอาจเหมือนคนกินยานอนหลับ กินบ่อยๆกินมานานแล้ว แต่กินทีละเม็ดก็ไม่เห็นผลว่ามีอันตรายยังคงดำเนินชีวิตได้เหมือนคนปกติ แต่วันไหนเกิดครึ้มซัดยานอนหลับทีเดียวทั้งกระปุก ผลก็รู้ๆกันคือต้องโดนหามล้างท้องฉุกเฉินลูกเดียวค่ะ ... หรืออีกทีอาจจะคล้ายพวกระบบภูมิต้านทานของคนและสัตว์ อย่างการผลิตเซรุ่มแก้พิษงู เคยเรียนมาว่าใช้วิธีการค่อยๆฉีดพิษงูทีละน้อยเข้าไปในสัตว์อื่น(เช่น ม้า)ทุกวันๆ วิธีนี้นอกจากสัตว์ที่ว่าจะไม่ตายเพราะไม่ได้รับพิษงูเต็มๆแม็กซ์เหมือนตอนโดนงูกัดตรงๆ แถมร่างกายของสัตว์นั้นจะค่อยๆสร้างภูมิต้านทานพิษงูนั้นขึ้นมาได้ด้วย แล้วมนุษย์เราก็ค่อยสกัดเอาภูมิต้านทานนั้นมาทำเป็นวัคซีนนั่นเองค่ะ ... ภูมิต้านทานของสิ่งมีชีวิตนี่จะว่าไปก็เป็นเรื่องมหัศจรรย์นะคะ แม้แต่คนเองก็ตาม คนที่อยู่อาศัยในที่ๆปริมาณรังสีในสิ่งแวดล้อมสูงโดยปกติ (เช่นที่ดอยอินทนน ที่รังสีในอากาศสูงกว่าโตเกียวตอนนี้ 14 เท่า และสูงกว่ากรุงเทพ 20 เท่า) ก็จะมีการพัฒนาทำให้มีภูมิต้านทานต่อผลของรังสีมากกว่าคนที่ปกติอยู่อาศัยในที่ๆปริมาณรังสีในสิ่งแวดล้อมต่ำกว่า ... แต่จากสองเหตุการณ์ระเบิดนิวเคลียร์นี้ที่กลัวๆกันว่าจะทำให้เกิดมนุษย์กลายพันธ์ตัวฟ้าอย่างใน X-men หรือ พื้นดินกลายเป็นสีและรูปร่างประหลาดๆเหมือนมาจากดาวยูเรนัสอะไรอย่างนี้ก็เห็นว่าไม่มีนะคะ ขอตบท้ายหัวข้อนี้ด้วยข่าวจาก CNN ข่าวนี้ตั้งแต่เมื่อปีที่แล้วค่ะ Man who survived 2 atom bombs dies (January 6, 2010)//articles.cnn.com/2010-01-06/world/japan.bomb.victim.dies_1_nagasaki-atom-bombs-nuclear-weapons?_s=PM:WORLD เนื้อหาข่าวเป็นการรายงานการเสียชีวิตของนาย Tsutomu Yamaguchi ชาวญี่ปุ่นเพียงคนเดียวที่ได้รับการบันทึกว่าเป็นผู้รอดชีวิตจากระเบิดนิวเคลียร์ทั้งสองลูก โดยวันที่ 6 สค 1945 เค้าบังเอิญเดินทางไปทำงานที่ฮิโรชิม่าและเจอเจ้า Little boy ลูกแรกเข้าพอดี เค้ารอดชีวิตจากการระเบิดลูกนี้มาได้ แต่ก็มีแผลลวกและไหม้อย่างรุนแรงที่ร่างกายทางด้านซ้ายCredit ภาพจาก //articles.cnn.com/2010-01-06/world/japan.bomb.victim.dies_1_nagasaki-atom-bombs-nuclear-weapons?_s=PM:WORLD หลังจากประสบเหตุระเบิดลูกแรก เค้าก็เดินทางกลับไปบ้านของเค้าที่จังหวัดนางาซากิ แล้วก็ได้เจอเจ้า Fat man เข้าอีกลูกในวันที่ 9 สค 1945 เค้าสามารถรอดจากแรงระเบิดนิวเคลียร์มาได้อีกครั้งค่ะ แต่ผลจากการอยู่ในพื้นที่ระเบิดนิวเคลียร์ตกทั้งสองครั้ง นอกจากจะมีอาการบาดเจ็บรุนแรงจากแรงระเบิดรวมถึงไฟต่างๆ ผลที่ติดตัวเค้าไปตลอดชีวิตคือ เค้าสูญเสียการได้ยินของหูซ้าย เป็นลูคิเมีย(มะเร็งในเม็ดเลือดขาว) ต้อกระจก รวมถึงยังมีอาการอื่นๆที่เป็นผลข้างเคียงจากการได้รับรังสีในปริมาณสูงปรี๊ด ณ จุดระเบิด ด้วย สุดท้ายในเดือน มค 2010 เค้าก็เสียชีวิตค่ะ ด้วยสาเหตจากมะเร็งในกระเพาะอาหาร ... แต่ที่ทำให้เราอ่านข่าวแล้วตาโตคือ เค้าเสียชีวิตในขณะที่อายุ 93 ปีแน่ะค่ะ ... คนอื่นๆจะยังไงเราไม่รู้ แต่สำหรับตัวเราเองถ้ามีบุญ(เอ๊ะ หรือมีบาป?)อายุยืนแตะเลข 8X ปีได้นี่ถือว่าใช้ชีวิตได้คุ้มสุดๆแล้ว5. เปรียบเทียบอุบัติเหตุโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ กับ อุบัติเหตุระเบิดนิวเคลียร์ ... อันไหนส่งผลร้ายแรงมากกว่ากัน? อ่านจากหัวข้อที่แล้วหลายคนอาจสรุปในใจแล้วว่าเหตุระเบิดนิวเคลียร์เสียหายน้อยกว่าเหตุโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ แต่จริงๆมันไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ เพราะอะไรลองมาดูกัน ถ้าใครไปหาข้อมูลมาหน่อยอาจเถียงว่าเทียบระเบิดนิวเคลียร์กับโรงไฟฟ้าเชอร์โนบิลแล้ว ปริมาณรังสีที่เชอร์โนบิลปล่อยออกมา(รวมในระยะเวลากี่ปีแล้วก็ไม่รู้ค่ะเนี่ย)มันมากกว่ากันตั้ง 300 - 400 เท่าก็ต้องอันตรายกว่าระเบิดนิวเคลียร์สิ!! ... แต่อย่าลืมนะคะว่าการจะตัดสินว่าอะไรเป็นอันตรายมันไม่ได้ดูแค่ปริมาณเท่านั้น เหมือนกินยานอนหลับยี่สิบเม็ดแต่กินวันละเม็ดไม่ตายไม่ป่วยไม่เป็นอะไรเลย แต่เมื่อไหร่กินยี่สิบเม็ดพร้อมกันวันเดียวนี่ก็ส่งห้องล้างท้องลูกเดียวค่ะ เห็นมั๊ยคะ ปริมาณโดสที่รับไปคือ 20 เม็ดเท่ากันแต่อันตรายที่เกิดไม่เท่ากันCredit ภาพจาก //multiple.kcvs.ca/pictures/prescription%20drugs.jpg อุบัติเหตุนิวเคลียร์สองประเภทนี้มันมีตัวแปรอย่างอื่นอีกหลายอย่างค่ะ ดังนั้นข้อสรุปแบบกำปั้นทุบดินประเภทว่า "ปริมาณรังสีที่ปล่อยออกมาจากเหตุการณ์นึงมากกว่าอีกเหตุการณ์นึง XX เท่า ดังนั้นมันจึงอันตรายกว่า" จึงใช้ไม่ได้ จากตัวอย่างยานอนหลับจะเห็นว่านอกจากโดส(ปริมาณรังสี)ที่รับแล้ว เรายังต้องพิจารณาช่วงเวลาที่รับประกอบกันด้วยค่ะ ... รังสีที่ปล่อยจากเชอร์โนบิลมีครึ่งชีวิตที่ยาวนานกว่ารังสีที่ปล่อยออกจากระเบิดนิวเคลียร์ แถมปริมาณรังสีที่พูดกันว่าเยอะๆในกรณีของเชอร์โนบิลนี่คือ ปริมาณรังสีที่ถูกปล่อยกระจายครอบคลุมระยะเวลาหลายปีอีกด้วย ... ซึ่งนี่ก็เป็นเหตุผลค่ะว่าทำไมรังสีเชอร์โนบิล(รวมแล้ว)มากกว่าแต่กลับอันตรายน้อยกว่ารังสีในปริมาณน้อยกว่าที่ถูกปล่อยออกมาในช่วงเวลาสั้นๆเหมือนตอนระเบิดนิวเคลียร์ ... เอาจริงๆเราไม่แน่ใจด้วยค่ะว่า สถิติบอกว่ามากกว่ากัน 300 - 400 เท่านี่ได้รวมปริมาณรังสีมหาศาลที่ปล่อยจากระเบิดนิวเคลียร์ในช่วง initial ด้วยหรือเปล่า? หรือวัดเฉพาะปริมาณรังสีที่เป็น residual ที่กระจายไปตามพื้นที่ต่างๆ? เพราะรังสีมหาศาลช่วง initial มันมีอยู่แค่ในช่วงเวลาสั้นๆหลังระเบิด ซึ่งเป็นช่วงอันตรายสุดๆ ไม่น่ามีใครเสี่ยงเข้าไปนั่งวัดรังสีเก็บสถิติในพื้นที่ได้มั้งคะ (ย่อหน้านี้เป็นแค่ความเห็นส่วนตัวของเรานะคะ ไม่ได้ไปหาข้อมูลยืนยันต่อ เค้าอาจมีวิธีวัดหรือประมาณค่าที่เราไม่ทราบก็เป็นได้) นอกจากประเด็นเรื่องปริมาณรังสีและระยะเวลาแล้ว ยังมีอีกหลายอย่างค่ะที่เกิดเพราะระเบิดนิวเคลียร์แต่ไม่เกิดในเหตุโรงไฟฟ้า นอกจากเรื่องรังสีที่กลัวกันมากที่สุดแล้ว อย่าลืมว่าระเบิดยังไงๆมันก็คือระเบิดนะคะ เอาแค่ระเบิดปกติไม่ต้องนิวเคลียร์ ลงที่ไหนที่นั่นก็ราบเป็นหน้ากลองกันเห็นๆแล้ว ทั้งแรงระเบิด แรงสะท้อน คลื่นความร้อน เพลิงไหม้ พออัพเลเวลมาเป็นระเบิดนิวเคลียร์แล้วก็มีแถมเพิ่มรังสีนิวตรอน กับ กัมมันตภาพรังสีกระจัดกระจายอย่างที่รู้ๆกันอีกค่ะCredit ภาพ Hiroshima หลังระเบิดจาก //2.bp.blogspot.com/_dqm-I6fjefo/Sl3eAGWq0MI/AAAAAAAACVc/3d4fhQ-c9Pk/s1600-h/hiroshimadestruction.jpg ... สำหรับเราแล้วระเบิดนิวเคลียร์เป็นอาวุธที่เลวร้ายที่สุดประเภทนึงเท่าที่มนุษย์คิดค้นกันขึ้นมาได้เลยค่ะ ต่อให้สงครามจบ เซ็นสัญญาสันติภาพปล่อยนกพิราบสงบศึกกันแล้ว แต่ผลกระทบของมันไม่ได้จบตามไปด้วย ... เทียบไปแล้วให้อารมณ์เหมือนพวกหนังผีย้อนยุคน่ะค่ะ ตามจองล้างจองผลาญกันไปยันรุ่นลูกรุ่นหลาน ตายไปเกิดใหม่กันแล้วก็ยังอุตส่าห์ตามไปหลอกหลอนแก้แค้นกันต่ออีก ทั้งๆที่รุ่นลูกรุ่นหลานที่ว่าไม่ได้รู้เรื่องอะไรกะเค้าด้วยเลย ... แต่อย่างวิญญาณอาฆาตนี่ พอเค้าหายแค้นเมื่อไหร่เค้าก็เลิกจองเวรเราใช่มั๊ยคะ แต่ผลจากระเบิดนิวเคลียร์นี่แย่ยิ่งกว่า เพราะต่อให้คนปล่อยระเบิดหายโกรธหายแค้นแล้ว แต่เจ้าตัวเองก็ไม่สามารถจะไปแก้ไขหรือลบผลจากระเบิดนิวเคลียร์ที่จะเกิดในอนาคตออกไปได้อยู่ดี ถ้าพิจารณาถึงการแพร่กระจายของกัมมันตภาพรังสีรวมด้วย ทางระเบิดนิวเคลียร์ก็ยังกินขาดโรงไฟฟ้าค่ะ ... ถ้าจำได้ในหัวข้อที่แล้ว ระเบิดนิวเคลียร์ทำให้เกิดฝุ่นกัมมันตรังสีตอนระเบิด เกิดเป็นกลุ่มควันลอยสูงขึ้นฟ้าในลักษณะ Mushroom cloud ที่ภายหลังก็ถูกลมพัดกระจายออกไปเป็นบริเวณกว้าง ทำให้ฝุ่นกัมมันตรังสีไปตกยังที่ที่ห่างออกไป ... ดังนั้นยิ่งบริเวณ mushroom cloud นั้นมีซากปรักหักพังเยอะมากเท่าไหร่ ฝุ่นละอองกัมมันตรังสีก็จะยิ่งเยอะและพัดกระจายได้เป็นบริเวณกว้างมากขึ้นเท่านั้น ... ซึ่งตรงจุดนี้อุบัติเหตุโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ไม่ได้ระเบิด หรือที่ระเบิดแค่ตัวอาคาร(อย่างที่ฟุคุชิมะ) ความเสียหายจะเป็นวงแคบกว่าเยอะค่ะ ส่วนในหัวข้อเปรียบเทียบที่วิชาการสักนิด(ซึ่งเราเองก็ไม่เข้าใจดีนักนะคะ แค่สรุปจากที่อ่านมาจากคุณ zedth ใน [4] ) นิวเคลียร์จากโรงไฟฟ้าที่ได้ทำการปิดเตาปฏิกรณ์ไปแล้วอย่างที่ฟุคุชิมะจะไม่ปล่อยอนุภาคนิวตรอนออกมาเหนี่ยวนำให้ธาตุอื่นรอบข้างกลายเป็นธาตุกัมมันตรังสีอีก จะมีก็แต่รังสีแกมม่าที่สามารถทำให้ธาตุอื่นๆ กลายเป็นธาตุกัมมันตรังสีได้ แต่ความทะลุทะลวงก็ไม่เท่าอนุภาคนิวตรอน และก็ไม่ได้ผลิตออกมามากเหมือนอย่าง อัลฟ่า หรือเบต้า ดังนั้นการปนเปื้อนจึงน้อยกว่าระเบิดนิวเคลียร์ค่ะ สุดท้ายถ้าเทียบจากจำนวนผู้เสียชีวิต ทั้งผู้ที่เสียชีวิตโดยทันทีจากเหตุการณ์อุบัติเหตุ และ ผู้ที่คาดว่าจะเสียชีวิตในภายหลังเนื่องจากได้รับผลข้างเคียงจากอุบัติเหตุ(คาดเดาโดย WHO) ... ทั้งสองจำนวนตัวเลขผู้เสียชีวิตนี้ เหตุการณ์เชอร์โนบิลมีจำนวนน้อยกว่าของเหตุการณ์ระเบิดนิวเคลียร์อย่างเห็นได้ชัด (RIP แด่ผู้เสียชีวิตมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ) นิวเคลียร์ที่ฮิโรชิม่าส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 90,000166,000 คน และ เหตุนิวเคลียร์ที่นางาซากิมีผู้เสียชีวิตกว่า 60,00080,000 ราย (จริงๆระเบิด Fat man ที่ลงนางาซากิตัวระเบิดมีความรุนแรงมากกว่า Little Boy ที่ลงฮิโรชิม่านะคะ แต่เนื่องจาก Fat Man ไประเบิดในหุบเขาความเสียหายเลยน้อยกว่า) ในจำนวนนี้เกินกว่า 60% เสียชีวิตในวันแรกที่โดนระเบิดทันที ที่เหลือนั้นเนื่องจากอยู่ไกลจากศูนย์กลางแรงระเบิดออกไปจึงไม่เสียชีวิตทันที แต่ก็เสียชีวิตเพราะผลข้างเคียงของรังสีหลังจากนั้น 1-2 เดือน ส่วนอุบัติเหตุโรงไฟฟ้าเชอร์โนบิลนั้น จำนวนผู้เสียชีวิตในครั้งแรกช่วงเกิดเหตุใหม่ๆ 31 รายและอีกประมาณ 200 รายบาดเจ็บ นอกจากนั้นประชาชนอีกกว่า 135,000 รายต้องอพยพไปอยู่นอกรัศมี 30 km ของโรงไฟฟ้า แถมว่าสำหรับเหตุการณ์ที่ฟุคุชิมะ ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตหรือเจ็บป่วยจากรังสีในช่วงเกิดเหตุใหม่ๆแต่อย่างใดค่ะ จำนวนผู้อพยพหลังเกิดเหตุก็เป็นหลักแสนเหมือนกันแต่รวมผู้อพยพจากเหตุการณ์สึนามิเข้าไปด้วย เลยไม่แน่ใจว่าเฉพาะเรื่องโรงไฟฟ้ามีจำนวนผู้อพยพเท่าไหร่ ... ณ ตอนนี้ผ่านมาหลายเดือนก็เห็นข่าวที่ญี่ปุ่นรายงานว่ามีคนงานบางรายเริ่มได้รับรังสีเกินค่ามาตรฐานแล้ว สาเหตก็มาจากการที่เค้าต้องเข้าไปคลุกวงในเพื่อซ่อมแซมและตรวจสอบโรงไฟฟ้าที่เสียหายนั่นเองค่ะ ถ้าสรุปตามตัวเลขความเสียหายตามความเป็นจริงแล้ว เราว่าเรียงลำดับความเลวร้ายของสถานการณ์จากมากไปน้อยก็คือ ระเบิดนิวเคลียร์ > โรงไฟฟ้าเชอร์โนบิล (meltdown และที่บรรจุเชื้อเพลิงปฏิกรณ์ระเบิด) > โรงไฟฟ้าฟุคุชิมะ (meltdown และมีการระเบิดของตัวอาคาร) ค่ะ ... ถ้าใครจะมองว่าระเบิดนิวเคลียร์ดีกว่า ตู้มทีเดียวเสร็จๆไป ไม่กี่สิบปีก็กลับไปอยู่อาศัยได้แล้ว ไม่ส่งผลต่อเนื่องยาวหลายเจเนเรชั่น ก็อย่าลืมคิดเผื่อไว้ด้วยนะคะว่าถ้าระเบิดมันลงที่ๆเราอยู่บ้าง เห็นตัวเลขความเสียหายที่มากกว่ากันขนาดนี้แล้วยังจะว่าดีกว่าหรือเปล่า? แต่ถ้าจะมองในมุมคนที่อยู่ห่างๆ อะไรที่ไม่เกิดกับเรา ไม่เกิดใกล้เรา ไม่เกิดในที่ๆเราอยู่ มันก็คงดีกว่าเรื่องใหญ่น้อยกว่าแต่เกิดกับตัวเราตรงๆทั้งนั้นล่ะค่ะ6. รายชื่อข้อมูลอ้างอิง เนื่องจากไม่ได้เขียนเพื่อส่งเป็นงานวิจัยวิชาการอะไรดังนั้นลิงค์ต่างๆก็มาจากในเน็ตนะคะ ไม่ได้อยากยืนยันข้อมูลถึงขนาดไปหาอ่านเปเปอร์หรือวารสารทางวิชาการ บอกตรงๆว่าขี้เกียจแล้วค่ะ มันไม่ใช่ major ของเราด้วยมีอะไรต้องทำความเข้าใจอีกเยอะถ้าอยากรู้และเข้าใจแบบถ่องแท้ แต่เท่าที่อ่านมาข้อมูลทุกอันก็ดูสอดคล้องกันดีไม่ได้ขัดแย้งกันจนน่าสงสัยนะคะ ขอบคุณทุกความรู้จากทุกแหล่งอ้างอิงมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ [1] Nuclear Disasters and Accidents, //library.thinkquest.org/17940/texts/nuclear_disasters/nuclear_disasters.html[2] Chernobyl compared to other radioactivity releases, //en.wikipedia.org/wiki/Chernobyl_compared_to_other_radioactivity_releases[3] Fukushima Nuclear Accident a simple and accurate explanation, //bravenewclimate.com/2011/03/13/fukushima-simple-explanation/ [4] -- รั่ว กับ ระเบิด ผลต่างกันหรือไม่ (นิวเคลียร์) --, อ้างอิงเฉพาะความคิดเห็นของคุณ zedth, //topicstock.pantip.com/wahkor/topicstock/2011/04/X10454272/X10454272.html [5] If nuclear fallout lasts thousands of years, how did Hiroshima and Nagasaki recover so quickly?, //www.straightdope.com/columns/read/2466/if-nuclear-fallout-lasts-thousands-of-years-how-did-hiroshima-and-nagasaki-recover-so-quickly [6] What is the Difference Between an Atomic Bomb and a Nuclear Meltdown?, //www.associatedcontent.com/article/2801234/what_is_the_difference_between_an_atomic.html?cat=37 [7] Frequently Asked Chernobyl Questions, What caused the Chernobyl accident? //www.iaea.org/newscenter/features/chernobyl-15/cherno-faq.shtml >> คลิกเพื่อดูรายการบล็อคอัพใหม่ทั้งหมด
Create Date : 15 สิงหาคม 2554
Last Update : 1 พฤษภาคม 2556 0:21:30 น.
Counter : 7898 Pageviews.
@@@ รวบรวมอุบัติเหตุทางรถไฟครั้งสำคัญของญี่ปุ่น @@@
ห่างหายจากบล็อคและ multiply ไปสักระยะนึงแล้วเพราะช่วงนี้เป็นช่วงสำคัญจริงๆค่ะ ไม่อยากเสี่ยงมาเสียเวลาติดพันกับการเขียนบล็อคหรือนั่งทำภาพเยอะๆ อีกแค่อึดใจเดียวเท่านั้นก็จะรู้ผลชี้ชะตาชีวิตนักเรียนปริญญาเอกของเราแล้ว บล็อคนี้เกิดการจากการที่หาอ่านข่าวเกี่ยวกับรถไฟความเร็วสูงของจีนที่ตกรางไปเมื่อวันที่ 23 กค 2011 ที่ผ่านมาจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 39 รายค่ะ (อ้างอิงจาก BBC ) หาอ่านตามกระทู้แล้วเห็นมีคนพูดถึงว่ารถไฟที่ญี่ปุ่นก็เคยมีอุบัติเหตุใหญ่ๆเหมือนกัน ก็เลยเป็นเหตุให้เราสงสัยขึ้นมาว่ารถไฟญี่ปุ่น โดยเฉพาะชินคันเซนนี่มันเคยมีอุบัติเหตุอะไรมั่งรึเปล่านะ เพราะเท่าที่เราอยู่โตเกียวมาห้าปี ก็เจอแต่รถไฟวิ่งในเมืองหยุดวิ่งเพราะเกิดอุบัติเหตุคนกระโดดให้รถไฟชนตาย อันนี้นี่ได้ยินหนแรกๆยังไม่แน่ใจว่าตัวเองฟังผิดหรือเปล่า(เจอบ่อยด้วยค่ะ ไม่ใช่ว่าร้อยวันพันปีจะแจ๊กพ็อตเจอสักที) แต่นานวันเข้าก็เริ่มรู้ค่ะว่ามีคนญี่ปุ่นเลือกวิธีตายแบบนี้ไม่น้อยเหมือนกัน ขนาดว่าครอบครัวจะโดนปรับทีหลังนะคะเนี่ย (อ้างอิงเรื่องโดนปรับจาก wikipedia ค่ะ) จาก ข่าว NyTimes ตีพิมพ์ตั้งแต่ปี 2009 บอกไว้ว่าในปี 2008 มีคนญี่ปุ่นฆ่าตัวตายด้วยวิธีโดดให้รถไฟชน 2000 ราย คิดเป็น 6% ของจำนวนคนฆ่าตัวตายทั้งประเทศ และในข่าวนี้ก็บอกว่าทาง JR East ได้ทำการติด LED ไฟสีฟ้าเพิ่มในสถานีและในรถไฟ โดยเชื่อว่าไฟสีฟ้าจะช่วยผ่อนคลายจิตใจผู้คนได้บ้าง (แต่ไม่มีผลทางวิทยาศาสตร์รองรับตรงๆค่ะ เป็นผลทางจิตวิทยาซะมากกว่า) แต่เคสอุบัติเหตุรถไฟจากคนฆ่าตัวตายก็จะแค่ว่ารถไฟสายที่มีปัญหานั้นหยุดไปแป๊บนึง แต่เคลียร์ไม่นานก็วิ่งกันต่อได้ปกติแล้วค่ะ เราก็แค่เลือกไปสายอื่นแทน รถไฟในโตเกียวมีเยอะแยะไม่มีปัญหาในการเดินทางใดๆ ส่วนตัวเราไม่ชอบไอเดียการฆ่าตัวตายหรอกนะคะเพราะถ้าเราไม่ใช่คนตัวคนเดียว ฆ่าตัวตายไปคนรอบตัวที่เหลือทั้งครอบครัวทั้งเพื่อนฝูงนั่นล่ะที่จะเศร้าจะเสียใจจะลำบาก (ส่วนคนตายไปแล้ว อันนี้ไม่ทราบได้ค่ะว่าจะเป็นยังไงต่อ) แต่อย่างน้อยสำหรับเราให้อัตราการฆ่าตัวตายสูง ก็ยังดีกว่าให้อัตราการโดนฆาตกรรมหรือตายด้วยอุบัติเหตุสูงค่ะ อย่างน้อยคือเรายังได้ตัดสินใจเองว่าเราจะเลือกมีชีวิตอยู่ต่อหรือไม่ ไม่ใช่อยู่ๆโดนคนอื่นมาตัดสินให้แทน หรือ ตายแบบไม่ทันตั้งตัว . . . เข้าเรื่องแล้วค่ะ พอสงสัยเรื่องอุบัติเหตุทางรถไฟที่ญี่ปุ่นก็เลยจัดการไปเซิร์ชหามา ไหนๆแล้วก็แปะไว้เป็นเกร็ดความรู้ในบล็อคด้วยซะเลย นานๆจะมีสาระสักทีค่ะ ข้อมูลทั้งหมดแปลจากภาษาอังกฤษอาจตกหล่นไปบ้าง หรือแปลไม่ถูกเป๊ะบ้าง เพราะศัพท์รถไฟบางตัวก็ไม่แน่ใจค่ะว่าแปลไทยยังไงถึงจะเหมาะที่สุด 1. ::25 Feb 1947:: Hachikō Line derailment 2. ::24 April 1951:: Sakuragichō train fire (Keihin line) 3. ::3 May 1962:: Mikawashima train crash (Joban line) 4. ::9 Nov 1963::: Tsurumi rail accident (Tokaido main line) *** 5. ::14 May 1991:: Shigaraki train disaster (SKR, JR West) 6. ::25 Apr 2005:: Amagasaki rail crash (Fukuchiyama Line, JR West) *** 7. ::23 October 2004:: Shinkansen derailment (Joetsu shinkansen, JR East) *** ปล รวบรวมไว้เฉพาะที่เกิดความเสียหายต่อชีวิตมากพอควร (พอๆกัน หรือมากกว่า เมื่อเทียบกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดที่จีน) นอกจากที่รวมไว้ก็ยังมีเหตุการณ์อื่นที่ตกรางบ้าง หรือ เหตุจากก่อการร้ายที่ส่งผลมาถึงการทำงานของรถไฟบ้าง ที่ไม่ได้เขียนไว้ในบล็อคนี้ค่ะ (แต่พวกนั้นความเสียหายต่อชีวิตน้อยน่ะค่ะ เสียชีวิตไม่ถึงสิบราย หรือ 10+ นิดๆ) ------------------------------------1. ::25 Feb 1947:: Hachikō Line derailment //en.wikipedia.org/wiki/Hachik%C5%8D_Line_derailment เสียชีวิต 184 คน บาดเจ็บ 195 คน อุบัติเหตุทางรถไฟที่ร้ายแรงที่สุดของญี่ปุ่นนับตั้งแต่ WW2 สาเหตเกิดจากรถไฟวิ่งเร็วเกินไป ประกอบกับคนในโบกี้แน่น นอกจากนั้นตัวโบกี้ที่เป็นไม้ก็เสื่อมสภาพไปมากจากการใช้งานหนักในช่วงระหว่างสงคราม รวมกันจนเป็นเหตุให้รถไฟตกรางแหกโค้งไป จากเหตุการณ์นี้ส่งผลให้ Japanese Government Railways (JGR) สมัยก่อน ทำการเปลี่ยนรถไฟโบกี้ไม้ที่มีอยู่กว่า 3000 โบกี้ ณ ตอนนั้นเป็นโบกี้เหล็กแทนหลังจากอุบัติเหตุนี้ไม่กี่ปี ------------------------------------2. ::24 April 1951:: Sakuragichō train fire (Keihin line) //en.wikipedia.org/wiki/Sakuragich%C5%8D_train_fire เสียชีวิต 106 คน บาดเจ็บ 92 คน สาเหตจากการที่สายไฟ(บนเสาไฟฟ้าน่ะค่ะ)ขาดในระหว่างการซ่อมบำรุง ประจวบเหมาะรถไฟก็วิ่งมาพอดี โดนสายไฟที่ขาดห้อยอยู่ทำให้เกิดการติดไฟลุกไหม้ที่ตู้โดยสารแรกซึ่งสร้างจากไม้ ผู้โดยสารที่ติดอยู่ในตู้ที่ไฟไหม้ ไม่สามารถเปิดประตู electronic ออกได้ (เห็นว่าจริงๆมี manual override อยู่ใต้เบาะที่นั่ง แต่ทำป้ายอะไรบอกไม่ดีค่ะ) ประตูที่เชื่อมต่อไปตู้โดยสารที่สองก็เปิดจากด้านในไม่ได้ อีกทั้งหน้าต่างก็แคบเกินกว่าจะปีนหนีออกไปได้ สุดท้ายภายในเวลาแค่ 10 นาที ตู้โดยสาร(น่าจะหมายถึงตู้แรกมั้งคะ)ก็โดนไฟไหม้จนหมดไม่มีเหลือ ผู้โดยสารข้างในก็โดนไฟคลอกเสียชีวิตค่ะ จากเหตุการณ์นี้ทำให้มีการปรับปรุง fire-proofing ของตู้โดยสารขึ้น และมีการเพิ่มประตูเชื่อมระหว่างแต่ละตู้โดยสารด้วย (ก็คือตรงรอยต่อโบกี้ที่พื้นมันจะโยกเยก บิดไปมาได้เวลารถไฟเลี้ยวน่ะค่ะ ใครเคยนั่งพวก BTS ที่ไทยก็มีแบบนี้เหมือนกัน) ------------------------------------3. ::3 May 1962:: Mikawashima train crash (Joban line) //en.wikipedia.org/wiki/Mikawashima_train_crash เสียชีวิต 160 คน บาดเจ็บ 296 คน เหตุเกิดจากรถไฟขบวนส่งสินค้าที่พลาดฝ่าสัญญาณไฟแดงไป แม้ว่าระบบป้องกันภัย fail-safe จะทำการเบี่ยงขบวนสินค้านั้นออกไปข้างทางเพื่อป้องกันการพุ่งชนของขบวนรถไฟที่จะตามมาแล้วก็ตาม แต่รถไฟสินค้านี้วิ่งมาด้วยความเร็วที่สูงจนทำให้เกิดการตกราง และ หัวรถจักรรวมถึงโบกี้ก็ยังค้าง ขวางทางวิ่งบนรางรถไฟหลักอยู่ แทบจะในเวลาเดียวกับที่ขบวนขนสินค้าตกราง ก็มีรถไฟโดยสารวิ่งมาในจุดเดียวกันพอดีและชนเข้ากับขบวนสินค้าขบวนแรก(ที่ตกรางไปก่อนแล้ว) ส่งผลให้รถไฟโดยสารขบวนนี้ตกรางไปด้วย ชนครั้งนี้เป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บกว่า 25 ราย ผู้โดยสารที่เหลือก็หนีออกจากรถไฟทางทางออกฉุกเฉินและเดินเท้าเพื่อมุ่งหน้าไปยังสถานี ในช่วงเวลานั้นฝ่าย operator มัวยุ่งกับการจัดการกับเรื่องการชนและตกรางนี้ จนไม่ทันได้แจ้งเรื่องอุบัติเหตุที่เกิดให้กับรถไฟขบวนอื่นๆที่วิ่งในรางเส้นที่เป็นปัญหาอยู่ ประมาณแค่ 6 นาทีหลังจากขบวนขนสินค้าแรกตกรางไป รถไฟโดยสารอีกขบวนที่วิ่งตามมาก็พุ่งชนเข้ากับรถไฟโดยสารขบวนแรกที่เพิ่งตกรางไปซ้ำอีกรอบ การพุ่งชนหนนี้เกิดการเสียชีวิตและบาดเจ็บนับร้อย เนื่องจากเป็นช่วงระหว่างที่ผู้โดยสารในขบวนโดยสารแรกกำลังตะเกียกตะกายออกมาจากรถไฟที่เพิ่งชนกับขบวนขนสินค้าและตกรางไป จากเหตุการณ์นี้ทาง JNR ได้ทำการเปลี่ยนกฏจากเดิมที่บอกว่า "ห้ามหยุดรถไฟ ถ้าไม่มีความจำเป็นจริงๆ" มาเป็นการ play safe ไว้ก่อนโดย "ให้หยุดรถไฟทันทีที่มีอุบัติเหตุเกินขึ้น ไม่ว่าอุบัติเหตุนั้นจะเล็กหรือใหญ่ก็ตาม" นอกจากนั้นในปี 1966 ก็มีการเพิ่มระบบ Automatic train stop ที่จะทำการหยุดรถไฟทันที ถ้าเกิดการฝ่าสัญญาณไฟแดงขึ้น ------------------------------------4. ::9 Nov 1963:: Tsurumi rail accident (Tokaido main line) *** //en.wikipedia.org/wiki/Tsurumi_rail_accident เสียชีวิต 162 คน บาดเจ็บ 120 คน เหตุการณ์นี้ได้รับการอ้างอิงจากหลายๆแหล่งว่าเป็นอุบัติเหตุทางรถไฟที่ร้ายแรงที่สุดของญี่ปุ่น (เดาว่าหมายถึง เฉพาะระบบรถไฟสมัยใหม่มั้งคะ) เหตุเกิดจากรถไฟขบวนสินค้าเกิดการตกราง ทำให้โบกี้สองโบกี้พลิกคว่ำขวางทางรถไฟที่เป็นจุดเชื่อมต่อในทาง up-line ภายในเวลาไม่กี่วินาที รถไฟขนาด 12 ตู้โดยสารที่วิ่งมาทาง up-line ก็ชนเข้ากับขบวนสินค้าที่ขวางรางรถไฟไว้ส่งผลให้ 3 ตู้โดยสารแรกของชบวนโดยสารนี้ตกรางลงไปกระแทกโดนด้านข้างของตู้โดยสารที่ 4 และ 5 ของรถไฟขนาด 12 ตู้โดยสารอีกขบวนที่วิ่งมาใน down-line (น่าจะหมายถึงรถไฟรางที่อยู่ด้านบนตกรางลงมาโดนรถไฟขบวนที่วิ่งอยู่ในรางด้านล่างมั้งคะ) จากการสอบสวน ขบวนสินค้าที่ตกรางตอนแรกไม่ได้ใช้ความเร็วเกินแต่อย่างใด รวมถึงไม่พบว่าเป็นปัญหาของล้อรถไฟ หรือ รางรถไฟด้วย ต้องใช้เวลากันถึง 5 ปีในการจำลองสถานการณ์และทดสอบซ้ำแล้วซ้ำอีกจึงจะพบว่าสาเหตการตกรางมาจากการประจวบเหมาะ ในทั้งรูปแบบตัวล้อรถไฟ ตัวทางรถไฟ และ geometry ของราง ณ ตรงจุดเกิดเหตุเองด้วย เรียกว่าไม่มีส่วนไหนเลยที่เป็นปัญหาหากพิจารณาแยกเดี่ยวๆ แต่พอมารวมกันแล้วมันทำให้เกิดปัญหาตกรางได้ค่ะ ผลจากการตรวจพบในครั้งนี้ทำให้มีการเปลี่ยนจากระบบ static track inspection แต่เดิมมาเป็น dynamic inspection และ data collection แทน ------------------------------------5. ::14 May 1991:: Shigaraki train disaster (SKR, JR West) //en.wikipedia.org/wiki/Shigaraki_train_disaster เสียชีวิต 42 คน บาดเจ็บ 614 คน อันนี้เป็นเหตุรถไฟสองขบวน SKR และ JR West ที่วิ่งมาในทางตรงกันข้ามกันชนกันแบบประสานงาเลยค่ะ ปกติแล้วสองขบวนนี้จะสวนกันได้โดยปลอดภัยที่จุดส่งสัญญาณเพียงจุดเดียวเท่านั้น แต่ในตอนนั้นเกิดความผิดพลาดในการให้สัญญาณ (ไฟเขียวไฟแดง) ซึ่งจากที่เขียนไว้บอกว่าเป็นทั้งความผิดพลาดจากเจ้าหน้าที่ให้สัญญาณ และรวมถึง fault wiring ด้วย (เหมือนว่าสัญญาณของบริษัทรถไฟ SKR กับ JR มันไม่เหมือนกัน จนเจ้าหน้าที่ให้สัญญาณงง ปล่อยรถไฟออกมาผิดคิว) ผลจากเหตุการณ์นี้คือ Signal station ตรงที่เกิดปัญหานั้นถูกปิดทำการไป มีการลดจำนวนการให้บริการในเส้นทางนี้ลงเหลือครึ่งหนึ่ง โดยให้เป็นการสลับกันวิ่งในทางใดทางหนึ่งเท่านั้น ไม่ให้วิ่งสวนกันได้เหมือนเดิม หลังจากนั้น JR west ก็ยกเลิกการให้บริการใน Shigaraki line ที่เกิดเรื่องนี้ไป และ JR group อื่นๆก็มีการยกเลิกการใช้บริการ private and Third Sector railway lines (คงเพื่อกันสัญญาณสับสนกันในหลายๆบริษัทน่ะค่ะ หันมาใช้แต่รางของตัวเองอย่างเดียวเลย) ------------------------------------6. ::25 Apr 2005:: Amagasaki rail crash (Fukuchiyama Line, JR West) *** //en.wikipedia.org/wiki/Amagasaki_rail_crash เสียชีวิต 106 คน บาดเจ็บ 555 คน เหตุการณ์นี้ได้รับการอ้างอิงให้เป็นอันที่ร้ายแรงที่สุดอันดับ2 รองจากเหตุการณ์ปี 1963 รถไฟที่เกิดเหตุ คือ rapid train (เหมือนรถไฟวิ่งในเมืองทั่วไปค่ะ แต่จะมีการจอดป้ายน้อยกว่า) ส่วนสาเหตุเห็นว่าเกิดจาก ป้ายก่อนจอดนานไป คนขับคงกลัวว่าจะไปถึงป้ายต่อไปไม่ทันตามตารางเวลาเลยใช้ความเร็วที่สูงไปตอนที่เลี้ยวโค้ง จนเกิดการตกรางแล้วก็ไปพุ่งชนตึกแถวนั้นอีกทอดค่ะ ผลจากเหตุการณ์นี้ทำให้ทาง รมต ขอให้บริษัทรถไฟทุกแห่งในญี่ปุ่นทำการอัพเดตระบบ automatic stopping โดยให้รถไฟทำการเบรคและลดความเร็วลงอัตโนมัติเมื่อเข้าใกล้ทางโค้ง นอกนั้นอีกสาเหตหนึ่งน่าจะมาจากการกำหนดบทลงโทษของ JR West ในกรณีที่คนขับพลาดในการเทียบชานชาลาตามตารางเวลาด้วย จากอุบัติเหตุนี้ส่งผลให้ JR West advisor ที่เป็นที่ปรึกษาคนสำคัญใน JR West และเป็นคนผลักดันบทลงโทษนี้ แสดงความรับผิดชอบด้วยการขอลาออกในเดือน มิย ส่วน Chairman และ Presiden ของ JR West ก็ลาออกตามกันมาในปี 2005 เดียวกันกับที่เกิดเหตุ แต่เห็น note ไว้ว่าบรรดา senior officers เหล่านี้ หลังจากลาออกก็ไปได้รับ senior positions ในบริษัทอื่นที่เป็นสาขาหรืออะไรกัน แล้วบางคนก็ยังเป็นสมาชิกใน board ของ JR West อยู่ด้วย แต่ข้อมูลนี้ไม่มีแหล่งอ้างอิงคงต้องไปคุ้ยข่าวญี่ปุ่นคอนเฟิร์มกันเอาเองนะคะ ------------------------------------ ทั้งหกอันที่ว่าไปนี้เป็นอุบัติเหตุกับรถไฟธรรมดาที่ไม่ใช่ตระกูล shinkansen หมดเลยค่ะ พยายามหาอุบัติเหตุของ shinkansen ที่ญี่ปุ่นด้วยแต่เจอแค่การตกรางอันเดียวเท่านั้น (shinkansen ญี่ปุ่นเห็นว่ามีทั้งรุ่นที่วิ่งด้วยความเร็วสูงสุด 240-300 km/h และรุ่นที่ความเร็วสูงสุด 130 km/hr ค่ะ ส่วนของจีนที่เกิดอุบัติเหตุเป็นรุ่นที่ความเร็วเฉลี่ย 150 km/h)7. ::23 October 2004:: Shinkansen derailment (Joetsu shinkansen, JR East) *** //www.jreast.co.jp/e/investor/ar/2005/pdf/ar2005_17.pdf //www.uic.org/apps/presentation/rtishida.pdf สาเหตของอุบัติเหตุการตกรางครั้งเดียวของ shinkansen ญี่ปุ่นนี้เกิดจากแผ่นดินไหวขนาด M6.8 (2004 Chūetsu earthquake) ที่จังหวัด Niigata ผู้โดยสาร 154 คนไม่มีการบาดเจ็บหรือเสียชีวิต แต่รางรถไฟและอุโมงค์โดยรอบก็มีความเสียหายพอควรค่ะ หลังจากที่วิเคราะห์สาเหตการตกรางนี้แล้ว ก็มีการติดตั้งระบบ anti-derail ให้ shinkansen กันใหม่ ได้ผลแค่ไหนไม่แน่ใจ(เรายิ่งห่วยเรื่อง mechanic อยู่ด้วยค่ะ เห็นเอกสารชี้แจงแล้วมึนเลย) แต่อย่างน้อย The Great East Japan Earthquake ที่ผ่านมาเมื่อ 11 March 2011 นี้ แผ่นดินไหว M9.0 แรงมากกว่าปี 2004 มาก(ห่างกัน M0.1 คือ ความแรงของแผ่นดินไหว x2 นะคะ) แต่ไม่มีรายงานว่า shinkansen ที่ไหนตกรางหรือเกิดอุบัติเหตุแต่อย่างใดเลยค่ะ (แต่หยุดวิ่งกันไปเป็นวันๆ ผู้โดยสารตกค้างกลับบ้านไม่ได้ ไม่มีที่นอนเพียบ) ------------------------------------ ทั้งหมดนี้คือเท่าที่เราอ่านและรวบรวมมานะคะ นานๆจะเขียนบล็อคมีสาระสักทีนึง จากการอ่านทั้งหมดนี้อย่างแรกที่เรารู้คือ ถ้าเกิดอุบัติเหตุรถไฟไม่ควรไปมุงค่ะ ถ้าวิ่งทันพยายามเผ่นให้พ้นรัศมีไปให้ไกลที่สุด ไม่งั้นเดี๋ยวเกิดรถไฟขบวนอื่นตามมาแล้วชนกันซ้ำอีกเราจะกลายเป็นผู้ประสบเหตุทางรถไฟทั้งๆที่ไม่ได้นั่งรถไฟไปซะงั้น สอง คือ เรื่องอุบัติเหตุค่ะ เพิ่งรู้เหมือนกันว่ารถไฟญี่ปุ่นก็มีเกิดอุบัติเหตุกะเค้าเหมือนกัน ยิ่งอันปี 2005 นี่คือ ก่อนที่เราจะมาเรียนที่ญี่ปุ่นแค่ปีเดียวเอง อุบัติเหตุมันไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นอยู่แล้ว แต่ถ้าเกิดแล้วไม่ละเลยปล่อยหยวนปล่อยผ่าน รับผิดชอบตามที่ควรจะเป็น ค้นคว้าจนเจอสาเหต ปรับปรุงแก้ไข โดยเอาอุบัติเหตุเป็นบทเรียนอย่างนี้ก็ขอปรบมือให้ค่ะ ความจริงมันอาจโหดร้ายหน่อยแต่คำที่ว่า "ไม่มีคนที่ประสบความสำเร็จโดยไม่เคยล้มเหลวมาก่อน" หรือ "คนที่ไม่ประสบความสำเร็จใดๆ คือ คนที่ไม่เคยลงมือทำอะไรเลย" มันก็ใช้ได้จริงในทุกสถานการณ์นะคะ สุดท้ายขอบคุณแหล่งข้อมูลจากลิงค์ล่างนี้ด้วยค่ะ มีเขียนรวบรวมอุบัติเหตุรถไฟใหญ่ๆทั่วโลกไว้จนถึงปี 2009 //www.infoplease.com/ipa/A0001450.html ส่วนลิงค์ล่างนี้เป็นการรวมอุบัติเหตุรถไฟต่างๆของญี่ปุ่นที่มีการบันทึกไว้ สามารถไปหาอ่านค้นคว้าในรายละเอียดได้ต่อนะคะ เขียนภาษาอังกฤษค่ะ//en.wikipedia.org/wiki/Category:Railway_accidents_in_Japan >> คลิกเพื่อดูรายการบล็อคอัพใหม่ทั้งหมด
Create Date : 26 กรกฎาคม 2554
Last Update : 31 กรกฎาคม 2554 0:03:16 น.
Counter : 7099 Pageviews.
Location :
Bangkok Thailand / Tokyo Japan
[Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 35 คน [? ]
บล็อคนี้ถึงไม่ค่อยมีอะไรแต่ถ้าจะก๊อปปี้ข้อความหรือรูปอะไรไปโพสที่อื่น ก็รบกวนช่วยใส่เครดิตลิงค์บล็อคนี้ไว้ด้วยนะคะ เราไม่สงวนลิขสิทธิ์การนำภาพและข้อความในบล็อคไปเผยแพร่(ในแบบที่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์)แต่สงวนลิขสิทธิ์ความเป็นเจ้าของภาพถ่ายและเนื้อหาค่ะ