Welcome to v@n v@n's life
 
จากบันทึกน้ำตา 1 ลิตร

ละครเรื่องบันทึกน้ำตา 1 ลิตร
จบไปแล้ว แต่ยังติดใจน่าดู
สนุก ประทับใจมากเลยนะเรื่องนี้
ขนาดเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ยังเป็นเพลงตอนจบของเรื่องเลย
แวนประทับใจในตัวอายะมากๆๆๆๆๆ
นักแสดงหน้าตาน่ารักมาก
แล้วแสดงดีมากเลยนะ ยิ่งตอนที่เดินไม่ค่อยได้แล้ว
ท่าเดินแบบนั้น คงยากมากสินะ
อายะเป็นคนเข้มแข็ง ถึงละครจะเศร้าแต่ดูแล้ว
ก็สร้างกำลังใจได้ดีมากๆ
ไปเจอฟอร์เวิร์ลเมล์ที่เอาคำคมทั้ง 10 ตอน
มาลงไว้ ประทับใจ
จนอยากส่งต่อมากกว่าจะเก็บไว้ซึ้งคนเดียว
ลองอ่านดูนะคะ
คำคมในเรื่อง

ตอนที่ 1 เริ่มต้นสู่วัยรุ่น
“ชีวิตของฉันก็เปรียบเหมือนดอกไม้ที่ยังตูมอยู่ ช่วงเริ่มต้นวัยรุ่นของฉัน อยากใช้ชีวิตอย่างที่ไม่ต้องมานั่งเสียใจภายหลัง”

ตอนที่ 2 อายุ 15 ปี โรคปิศาจที่แฝงมา
“แม่คะ ในใจของหนูมีคุณแม่ที่คอยเชื่อในตัวหนูอยู่ตลอด หลังจากนี้ก็ขอฝากตัวด้วยนะคะ ขอโทษที่ทำให้ลำบากอยู่เสมอ”


ตอนที่ 3 โรคนี้…ทำไมถึงเลือกฉันนะ
“โรคนี้ทำไมถึงเลือกฉันนะ ถึงจะบอกว่าก็เพราะโชคชะตา แต่ก็ยังทำใจให้ยอมรับไม่ได้”

ตอนที่ 4 ความโดดเดี่ยวของสองคน
“ฉันอยากสร้างเครื่องย้อนเวลาและกลับไปในอดีต ถ้าไม่ได้เป็นโรคนี้ก็คงจะมีความรักได้ อยากจะคุกเข่าขอร้องให้ใครสักคนมาช่วย ฉันจะทนต่อ…ไม่ไหวแล้ว”

ตอนที่ 5 หนังสือประจำตัวคนพิการ
“จะไม่พูดว่าอยากกลับไปวันนั้นอีกแล้ว จะยอมรับตัวเองตอนนี้และมีชีวิตอยู่ต่อไป”

ตอนที่ 6 สายตาที่เย็นชา
“บางครั้งรู้สึกเหมือนถูกสายตาที่เย็นชาทำร้าย แต่ก็ได้รู้ว่ายังมีสายตาที่อ่อนโยนอยู่ด้วยเหมือนกัน เพราะฉะนั้น ฉันจะไม่หนีเด็ดขาด ถ้าเป็นอย่างนั้น สักวันหนึ่งก็คง…”

ตอนที่ 7 ที่อยู่ของฉัน
“ถึงแม้ว่าจะเป็นอย่างนั้น แต่ฉันก็ยังอยากอยู่ที่นี่ เพราะนี่คือที่ที่ฉันอยู่”

ตอนที่ 8 1 litre of tears
“ถึงจะล้มกี่ครั้งก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็ลุกขึ้นใหม่ได้ ถ้าล้มแล้วมองไปบนท้องฟ้าที่สดใส ฟ้าก็ยังคงกว้างอย่างหาที่สุดมิได้เหมือนเดิม และยังคงยิ้มให้กับเราเสมอ…ฉันยังมีชีวิตอยู่”

ตอนที่ 9 ชีวิตในตอนนี้
“คงไม่ใช้ใช้ชีวิตในอดีต แต่ต้องใช้ชีวิตในตอนนี้เท่าที่จะทำได้ก็พอ”

ตอนที่ 10 Love Letter
“ความเป็นจริงช่างโหดร้ายเหลือเกิน แม้แต่จะฝันก็ยังทำไม่ได้ และเมื่อคิดถึงอนาคต น้ำตาก็จะไหลออกมาอีก”

ตอนสุดท้าย ไปแสนไกล สู่ที่น้ำตาเลือนหาย
“มีชีวิตอยู่ต่อไปนะ”

ส่งท้ายกันด้วย คำไว้อาลัยให้กับอายะจากคุณแม่ของอายะ

“…แต่ว่านะอายะ เป็นเพราะหนูทำให้
มีคนคิดเรื่องมีชีวิตอยู่ได้หลายคน
มีความสุขที่ได้ใช้ชีวิตอยู่แบบธรรมดาทุกวัน
และได้รู้สึกถึงความอบอุ่น
ได้รู้ถึงความมีน้ำใจของคนที่อยู่ใกล้ตัวเอง

คนที่เป็นโรคเดียวกันแล้วทรมาน
ก็ได้รู้ว่าไม่ใช่มีแต่ตัวเองคนเดียวเท่านั้น
ที่หนูเสียน้ำตาไปมากมายนั้น
และคำพูดของหนูที่เกิดจากสิ่งนั้น
ได้ส่งไปถึงใจของคนหลายๆคน

อายะ…
อยู่ที่โน่น ไม่ได้ร้องไห้แล้วนะ
แม่น่ะ อยากเห็นลูกตอนที่ยิ้มอีกครั้ง…”



Create Date : 18 มิถุนายน 2551
Last Update : 18 มิถุนายน 2551 12:39:38 น. 0 comments
Counter : 944 Pageviews.  
 
Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

vandasung
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ยังไม่แก่มาก แต่ความจำหัววุ้นขนานแท้
วันๆถ้าไม่จมอยู่กะโลกไซเบอร์ ก็จะบ้าๆบอๆ
หาเรื่องกิน เที่ยว ถ่ายรูปกะแก๊งค์ลูกหมูบรรดาสมาชิกพรรคที่ทำงานนี่ล่ะจ๊ะ
มีแม่คนเดียวจึงรักเป็นอันดับหนึ่ง
ผู้ชายอื่นๆมาเป็นที่สอง
เหตุฉะนี้ตอบได้อย่างไม่ต้องสงสัย
ตั้งใจจะครองโสดไปตลอดชาติ ว่ะฮาฮา
[Add vandasung's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com