สืบเนื่องจากการไปดูหนังเทวากับซาตานมา จริงๆแล้วหนังเรื่องเทวากับซาตานอาจถูกมองว่า เป็นหนังที่ไม่ค่อยดีกับชาวคาทอลิกสักเท่าไหร่ เพราะเป็นผู้สร้างเดียวกับรหัสลับดาวินชี แต่พอไปดูก็ได้รู้ว่าหนังเรื่องนี้ แทบไม่ได้แตะต้องศรัทธาศาสนาเลยสักนิด อาจผูกเรื่องกับการตายของโป๊ปเท่านั้น และได้ถ่ายในวาติกัน และแวนค่อนข้างชอบคอนเซปต์ของเรื่องนะ วิทยาศาสตร์กับศาสนาเดินไปด้วยกันได้ จริง..จริง และเรื่องที่อยากรู้ก็พอดีกับมีงานที่ต้องพิมพ์เกี่ยวกับเรื่อง"บัลลังก์ว่าง" พอดี เลยอยากเอามาฝากให้อ่านเป็นความรู้ค่ะ บัลลังก์สมเด็จพระสันตะปาปาว่าง เมื่อกล่าวถึงบัลลังก์ว่างของพระสังฆราช ในทำนองเดียวก็อาจกล่าวถึงบัลลังก์ว่างของสมเด็จพระสันตะปาปา ที่เกิดขึ้นหลังจากการสิ้นพระชนม์ หรือการลาออกของสมเด็จพระสันตะปาปา พระคาร์ดินัลในพระศาสนจักรดรมันคาทอลิกมีหน้าที่จัดให้มีการเลือกตั้งพระสันตะปาปาตามกฎเกณฑ์ของกฎหมายพิเศษ จากศตวรรษที่ 20 จนถึงปัจจุบัน สิทธิในการเลือกตั้งพระสันตะปาปาเป็นของพระคาร์ดินัลทุกองค์แห่งพระศาสนจักร ด้วยวิธีนี้การเลือกแบบนี้ถือว่ายุติธรรมมากที่สุด เพราะพระศาสนจักรจะได้บุคคลที่เหมาะสมกับบัลลังก์เซนต์ปีเตอร์ เพราะในหมู่พระคาร์ดินัลนั้นถือว่าเป็นบุคคลที่มีคุณลักษณะโดดเด่น ทั้งคุณธรรมและความสามารถแตกต่างกันไป และที่สำคัญคือในคณะพระคาร์ดินัลปะปนกันจากต่างชาติ ต่างทวีปทั่วโลก ขั้นตอนต่างๆที่ต้องปฏิบัติเมื่อพระสันตะปาปาสวรรคต และการเลือกพระสันตะปาปาองค์ใหม่ (ในศตวรรษที่ 20-ก่อนวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 1996) ก. หน้าที่ของคาแมร์เล็งโก (Camerlengo) ในขณะที่พระสันตะปาปายังมีชีวิตอยู่ พระองค์จะเป็นผู้เลือกและแต่งตั้งพระคาร์ดินัลองค์หนึ่งให้ทำหน้าที่เป็นผู้บริหารดูแลทรัพย์สินสิทธิ และการคลังแห่งรัฐพระสันตะปาปา (Prefect of the Apostolic Camera of the Holy See) เมื่อพระสันตะปาปาสวรรคต พระคาร์ดินัลผู้นี้จะกลายเป็นหัวหน้าของบรรดาพระคาร์ดินัลทันที และมีบทบาทหน้าที่หลายอย่าง หน้าที่แรกที่สำคัญคือ เรียก พระคาร์ดินัลทั่วโลก เพื่อเข้า “คอนเคล็ฟ” เพื่อเลือกผู้สืบตำแหน่งสืบต่อบัลลังก์แห่งเซนต์ปีเตอร์ พระคาร์ดินัลผู้นี้เราเรียกท่านว่า “คาแมร์เล็งโก” ( The Cardinal Camerlengo of Holy Roman Chruch) ข. เมื่อพระสันตะปาปาสวรรคต พระคาร์ดินัลคาแมร์เล็งโก จะต้องชันสูตรศพของ พระสันตะปาปา และประกาศถึงความโศกเศร้านี้ด้วยคำว่า “พระสันตะปาปาสวรรคตแล้ว” และจากตรงนี้ ข่าวอย่างเป็นทางการจึงออกไปสู่ชาวโลก โดยเริ่มจากที่กรุงโรมก่อน ที่ซึ่งระฆังของวัดจะลั่นในลักษณะที่ผู้ได้ยินทราบทันทีว่าเป็นเสียงบอกถึงการสวรรคตของพระสังฆราช ขณะเดียวกันคาแมร์เล็งโกจะถอดแหวนออกจากพระหัตถ์ของพระสันตะปาปา และทำลายหรือทำให้ใช้การไม่ได้อีกต่อไป แหวนประจำตำแหน่งพระสันตะปาปาเรียกว่า “แหวนแห่งชาวประมง” (Fisherman’s Ring) ซึ่งเป็นตราประทับส่วนพระองค์ ธรรมเนียมดั้งเดิมเมื่อพระสันตะปาปาเซ็นเอกสารทางการต้องหยอดครั่ง และพระองค์จะประทับตราส่วนพระองค์ด้วยแหวนนี้ ด้วยเหตุนี้จำเป็นต้องทำให้แหวนอยู่สภาพที่ใช้การไม่ได้ เพื่อป้องกันการปลอมแปลงเอกสาร และเพื่อหลีกเลี่ยงการใช้แบบผิดกฎหมายในอนาคต นักบวชคณะฟรังซิสกัน (พวกที่สวมชุดนักบวชสีดำหรือOFM Conventuals) จะทำหน้าที่เป็นผู้อาบน้ำพระศพพระสันตะปาปา และชโลมด้วยเครื่องหอมที่ใช้กับพระศพ และสวมอาภรณ์ชั้นในให้แก่พระศพ จากนั้นวางพระศพท่าพระบรรทมที่วัดน้อยซิสทีน (The Sistine Chaple: เป็นโบสถ์ของพระสันตะปาปาสร้างโดยพระสันตะปาปาซิกตุส ที่ 4 ที่มีภาพฝาผนังและเพดานที่มีชื่อเสียง เขียนภาพโดยไมเคิล แองเจโล นักทัศนาจรทั่วโลกเข้าชมแน่นทุกวัน สามารถเข้าทางพิพิธภัณฑ์วาติกัน) สถานที่แรกที่วางพระศพพระสันตะปาปา คือ ซิลทีน ซาปเปิล จากนั้นจึงนำไปยังพระมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ พระศพพระสันตะปาปาจะถูกใส่ไว้ในโลงศพที่ทำจากไม้ไซเพรส (Cypress) เป็นต้นไม้ชนิดหนึ่งในอิตาลี ที่เป็นสัญลักษณ์ของความตายถือตามธรรมเนียมเก่าแก่ดั้งเดิม สิ่งที่ต้องใส่ลงไปในโลงศพด้วยก็คือ เหรียญกษาปณ์ และเหรียญที่ระลึกต่างๆที่ทำจาก ทอง เงิน ทองแดง ที่ถูกทำขึ้นในรัชสมัยของ พระสันตะปาปาที่สวรรคต จุดประสงค์ของการใส่เหรียญเหล่านี้ ก็เพื่อเป็นหลักฐานที่จะพิสูจน์ถึงตัวพระสันตะปาปาเอง เพราะหากมีความจำเป็นที่จะต้องเปิดหลุมศพ ร่างกายของพระองค์ จะเปื่อยเน่าไปแล้ว แต่เหรียญจะคงอยู่ จะเป็นเครื่องพิสูจน์เอกลักษณ์ พระบุคคลของพระสันตะปาปาเอง พระศพของพระสันตะปาปาส่วนใหญ่ จะถูกฝังไว้ในพระมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ หรือสถานที่ใกล้เคียงพระมหาวิหารนั้น ค. การเลือกพระสันตะปาปาองค์ใหม่ พระคาร์ดินัลคาแมร์เล็งโก เป็นผู้ตัดสินใจและประกาศวันเพื่อการเลือกตั้งพระสันตะปาปาองค์ใหม่ พระคาร์ดินัลทั่วโลกต้องเดินทางมายังกรุงโรม และพระคาร์ดินัลทุกองค์จะต้องไปยังพระราชวังแห่งอัครสาวก หรือเรียกว่า “อโปสโตลิค พาเลช” ไม่มีใครสามารถออกจากพระตำหนักนั้นได้ ยกเว้นผ่านทางประตูที่ถูกกำหนดไว้เพียงประตูเดียวเท่านั้น แน่นอนเครื่องมือสื่อสาร เช่น โทรศัพท์ต้องถูกตัดขาดอย่างเด็ดขาด ทั้งนี้เพื่อป้องกันการ “วิ่งเต้นหาเสียง” หรือล็อบบี้หรืออิทธิพลต่างๆจากภายนอกเข้ามาเป็นข้อต่อรอง การหาเสียงให้กับตัวเอง หรือหาเสียงให้เพื่อนคาร์ดินัลไม่อนุญาตให้กระทำได้ แต่การปรึกษาหารือกันเป็นสิ่งที่สามารถจะกระทำได้ในวันแรกของการประชุมกันของพระคาร์ดินัล คือการอธิษฐานภาวนาร่วมกัน และจากนั้นพระคาร์ดินัลแต่ละองค์จะต้องให้คำสาบานที่จะเก็บความลับในที่ประชุมอย่างสุดยอด ในวันที่สองของการประชุม หลังจากการอธิษฐานพร้อมกันที่ซิสทีน ชาปเปิล (วัดของพระสันตะปาปา) พระคาร์ดินัลแต่ละองค์ต้องไปประจำ ณ ที่ของตนที่ถูกจัดไว้ เป็นบัลลังก์เฉพาะซึ่งจัดไว้ขนานกับผนังของกำแพงโบสถ์ทั้งสองด้าน แต่ละบัลลังก์ยังมีปะรำเล็กๆยื่นออกมามีผ้าคลุมอย่างดี ปะรำเหล่านี้มีความหมายคือ เมื่อตำแหน่งพระสันตะปาปาว่างเว้นลงไป คณะพระคาร์ดินัลมีอำนาจสูงสุดเหนือฐานันดร ในศาสนจักร (ข้อสังเกตอีกอย่างคือ ปะรำหรือหลังคาเล็กๆที่อยู่เหนือบัลลังก์ของพระคาร์ดินัลแต่ละองค์จะถูกพับเก็บหรือลดไปทันที เมื่อการเลือกตั้งได้พระสันตะปาปาองค์ใหม่แล้ว) จากนั้นการลงคะแนนจะเริ่มขึ้น ง. พระคาร์ดินัลองค์ใดก็ได้สามารถได้รับเลือกให้เป็นพระสันตะปาปา ตามความเป็นจริงและตามกฎหมายพระศาสนจักร ผู้ชายทุกคนที่ได้รับล้างบาปเป็นคาทอลิก สามารถได้รับให้เป็น พระสันตะปาปาได้ แต่ตามปกติคณะคาร์ดินัลมักจะเลือกผู้หนึ่งผู้ใดในหมู่คณะของพระคาร์ดินัลเอง การเลือกนั้นมิใช่เน้นคุณลักษณะที่จะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญสาขาใดสาขาหนึ่ง หรือที่เรียกว่าระดับมือโปร แต่ว่าต้องพิจารณาประเด็นหลักๆตามาตรฐานของบุคคล เช่นโดดเด่นในความศักดิ์สิทธิ์และฉลาดรอบรู้ มีความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับภารกิจของพระศาสนจักร หรือทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับพระศาสนจักรในระดับสากล เมื่อลงคะแนนผู้นั้นต้องได้รับคะแนนจากส่วนใหญ่ สองในสามบวกหนึ่ง ถ้าหากการลงคะแนนด้วยบัตรลับสองครั้งผ่านไป แต่ยังไม่ได้ตัวพระสันตะปาปา บัตรลับทั้งหมดนั้นจะต้องถูกนำมาใส่ไว้ในเตา เจ้าหน้าที่จะใส่ฟางชื้นๆผสมด้วยน้ำมันดินหรือยางมะตอยและเผาบัตรลับทั้งหมด จากไฟที่เผานี้จะเกิดเป็นควันสีดำออกไปทางปล่องเหนือหลังคาโบสถ์ซีสทีน ประชาชนที่มารวมกันอยู่ที่ลานพระมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์จะใจจดใจจ่อมองดูควัน เมื่อเห็นควันสีดำลอยขึ้นมาก็มักจะมีเสียงพึมพำคล้ายกับผิดหวัง จากนั้นก็แยกย้ายกันไปและจะมารวมตัวรอดูผลการเลือกตั้งกันใหม่ในวันต่อมา ถ้าหากคณะพระคาร์ดินัลลงคะแนนแล้วได้บุคคลที่จะขึ้นบัลลังก์พระสันตะปาปา กระดาษคะแนนลับจะถูกเผาโดยไม่ต้องผสมอะไรเลย จะเกิดเป้นควันขาวบริสุทธิ์ พวยพุ่งออกไปยังปล่องไฟอันยาวเรียวนั้น ประขาขนที่รวมกันที่ลานมหาวิหารนั้นจะส่งเสียงร้องไชโยโห่ชัยกันอึกทึกไปหมดด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่าเป็นผู้ใดที่ได้รับเลือกเป็นโป๊ป จากนั้นพระสันตะปาปาองค์ใหม่ก็จะปรากฏพระองค์ที่เฉลียงมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ ผู้คนจะโห่ร้องต้อนรับและพระสันตะปาปาองค์ใหม่จะอวนพรแก่พี่น้องทุกคนที่โรมและทั่วโลก (Urbi et Orbi) ส่วนพิธีการขึ้นบัลลังก์อย่างเป็นทางการนั้น ตามปกติแล้วจะมีพิธีในวันอาทิตย์หลังจากวันที่ถูกเลือกตั้งพิธีนี้จะทำที่พระมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์   Create Date : 08 มิถุนายน 2552     0 comment Last Update : 8 มิถุนายน 2552 13:50:12 น.     Counter : 3219 Pageviews.   Share Tweet

สิ่งนี้ พระเยซูทรงท้าทายเรา เป็นเรื่องเล่าเคล้าปัญญา จากสารวัดมารีย์สวรรค์ค่ะ อ่านแล้วรู้สึกดี๊ดี แล้วเอามาฝากให้อ่านกันดูค่ะ สิ่งนี้ พระเยซูทรงท้าทายเรา (This Jesus Challenges Us) ข้าพเจ้า กำลังโกรธ แต่ พระองค์ กลับบอกว่า จงให้อภัย ข้าพเจ้า กำลังกลัว แต่ พระองค์ กลับบอกว่า จงกล้าหาญ ข้าพเจ้า กำลังสงสัย แต่ พระองค์ กลับบอกว่า จงมั่นใจ ข้าพเจ้า กำลังลุกลี้ลุกลน แต่ พระองค์ กลับบอกว่า จงนิ่งสงบ ข้าพเจ้าพอใจจะไปทางของข้าพเจ้าเอง แต่ พระองค์ กลับบอกว่า จงตามฉันมา ข้าพเจ้าเตรียมแผนงานด้วยตัวเอง แต่ พระองค์ กลับบอกว่า จงลืมแผนงานของเจ้าเสีย ข้าพเจ้ามุ่งเป้าผลงานทางด้านโลก แต่ พระองค์ กลับบอกว่า จงทิ้งมันไว้ข้างหลัง ข้าพเจ้าต้องการความมั่นคง แต่ พระองค์ กลับบอกว่า ฉันไม่ได้สัญญาจะให้เรื่องนี้ ข้าพเจ้าพอใจที่จะดำเนินชีวิตด้วยตนเอง แต่ พระองค์ กลับบอกว่า จงสละชีวิตของตน ข้าพเจ้าเชื่อว่าข้าพเจ้าเป็นคนดี แต่ พระองค์ กลับบอกว่า การเป็นคนดีนี้ ยังไม่เพียงพอ ข้าพเจ้าอยากเป็นนายคน แต่ พระองค์ กลับบอกว่า จงรับใช้คนอื่น ข้าพเจ้าชอบสั่งคนอื่น แต่ พระองค์ กลับบอกว่า จงนบนอบ ข้าพเจ้าต้องการความเข้าใจ แต่ พระองค์ กลับบอกว่า จงเชื่อ ข้าพเจ้าต้องการความกระจ่าง แต่ พระองค์ กลับเล่าเรื่องเป็นนิทานเปรียบเทียบ ข้าพเจ้าชอบคำกลอน แต่ พระองค์ กลับทรงตรัสเรื่องจริง ข้าพเจ้าชอบใจสงบเงียบ แต่ พระองค์ กลับให้ใจข้าพเจ้าแสวงหา ข้าพเจ้าโอนเอียงไปทางการใช้กำลัง แต่ พระองค์ กลับบอกว่า สันติสุขจงอยู่กับท่าน ข้าพเจ้าชักดาบออกฟาดฟัน แต่ พระองค์กลับบอกว่า จงเก็บดาบเข้าฝักเสีย ข้าพเจ้าคิดถึงการแก้แค้น แต่ พระองค์กลับบอกว่า จงยื่นแก้มอีกข้างหนึ่งให้ ข้าพเจ้าต้องการระเบียบ แต่ พระองค์ กลับบอกว่า พระองค์มาในโลกนี้พร้อมกับมีดดาบ ข้าพเจ้าเลือกความเกลียดชัง แต่ พระองค์ กลับบอกว่า จงรักศัตรู ข้าพเจ้าพยายามหว่านความสงบราบรื่น แต่ พระองค์ กลับบอกว่า พระองค์เสด็จมาเพื่อนำไฟ มาเผาผลาญชำระโลก ข้าพเจ้าชอบเป็นใหญ่ที่สุด แต่ พระองค์ กลับบอกว่า จงเรียนรู้ที่จะเป็นคนต่ำต้อย เหมือนเด็กเล็ก ๆ ข้าพเจ้าชอบหลบซ่อน แต่ พระองค์ กลับบอกว่า จงให้แสงสว่างของเจ้าฉายสู่คนอื่น ข้าพเจ้าเลือกที่นั่งที่ดีที่สุด แต่ พระองค์ กลับบอกว่า จงนั่งเก้าอี้ตัวท้ายสุด ข้าพเจ้าชอบโดดเด่นเป็นที่สังเกตให้แก่คนอื่น แต่ พระองค์ กลับบอกว่า จงภาวนาในห้องที่ปิดประตูลั่นกลอน ไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจ ข้าพเจ้าไม่เข้าใจพระเยซูองค์นี้ พระองค์ท้าทายข้าพเจ้าให้ครุ่นคิด ทำให้ข้าพเจ้าสับสนในพระองค์ และอย่างเช่นสาวกสานุศิษย์หลายคนของพระองค์ในอดีต ข้าพเจ้าเองก็เช่นกัน ในขณะนี้ข้าพเจ้า อยากจะติดตามพระอาจารย์คนอื่นที่ให้ข้อคำสอนที่ค่อนข้างแน่นอนกว่า ที่เรียกร้องน้อยกว่า แต่ข้าพเจ้าก็มีประสบการณ์ เช่นเดียวกันกับนักบุญเปโตร:- “ข้าพเจ้าไม่รู้จักคนอื่นใครเลยที่ มีพระวาจาทรงชีวิต เช่นพระองค์”   Create Date : 17 พฤศจิกายน 2551     1 comment Last Update : 17 พฤศจิกายน 2551 11:04:39 น.     Counter : 252 Pageviews.   Share Tweet

จะดีหรือจะชั่ว???? อันนี้เป็นผลงานการเขียนของ Double R เอามาฝากให้อ่านกันค่ะ ได้ข้อคิดดี ...จะดี หรือ จะชั่ว... ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม เพราะมันฟังไม่ขึ้น ถ้าใครสักคนจะพูดว่า "...เพราะฉันอยู่ในที่แย่ ๆ แบบนี้แหละ ฉันถึงได้ชั่วไง!!!..." ไม่ได้ขึ้นอยู่กับคนที่เราเกี่ยวข้อง เพราะมันฟังไม่ขึ้น ถ้าใครสักคนจะพูดว่า "...เพราะมันเลวไง เรื่องอะไรฉันต้องทำดีกับมัน ถ้ามันเป็นคนดีสิ ฉันถึงจะทำดีด้วยได้!!!..." ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความสามารถในการควบคุมตนเองของเรา เพราะตัวเราย่อมต้องรู้อยู่แก่ใจว่า มันคือความชั่ว ถ้าเรายิ้มให้ใครสักหนึ่ง แต่ตะโกนก้องในหัวใจว่า "...ฉันเกลียดแก!!!..." ความดีและความชั่วมีอยู่ก่อนแล้ว ก่อนที่คุณหรือผม หรือใครจะอุบัติขึ้นในโลกนี้ และจะคงอยู่ในโลกนี้ไปอีกนาน เกินกว่าคุณหรือผมหรือใครก็ตามจะสามารถมีชีวิต อยู่เพื่อรับรู้ถึงจุดสิ้นสุด ใครเล่าจะอวดอ้างว่า เขา "มี" ในสิ่งที่มีอยู่มานานแล้ว ก่อนที่เขาจะเกิดเสียอีก และ แม้เขาได้ตายไปแล้ว สิ่งนั้นจะยังดำรงอยู่ต่อไป ไม่ได้สูญสลายตามเขาไปด้วย ใครจะกล้าอ้างตนยิ่งใหญ่ขนาดนั้น ? มนุษย์เป็นได้แค่ส่วนเล็ก ๆ ส่วนหนึ่งของ ความดี หรือ ความชั่วเท่านั้น ไม่ใช่ว่า ความดีหรือความชั่ว เป็นส่วนหนึ่งของมนุษย์คนหนึ่งคนใด ไม่มีใครเป็น คนดี หรือ คนชั่ว มีเพียงแค่คนที่ตั้งใจจะ "ขอ" เป็น "ส่วนหนึ่ง" ของความดี หรือ คนที่ไม่คิดอะไร ไม่สนใจอะไร จนปล่อยให้ตนเองตกอยู่ในวังวนของ ความชั่ว เท่านั้นแหละ ไม่มีใครรู้ว่าความชั่วอยู่ที่ไหน เพราะมันไม่ประกาศตัว มันหลบซ่อน มันอยู่ในความมืด ความจริงแล้วหากใคร ต้องการจะเป็นส่วนหนึ่งของความชั่วเสียแล้ว ก็ง่ายมาก เพราะเพียงเขาอยู่เฉย ๆ เขาก็จะร่วงลงสู่ ความชั่วโดยธรรมชาติเองอยู่แล้ว ไม่ต่างกับวัตถุที่ย่อม ร่วงหล่นลงสู่ที่ต่ำเสมอหากไม่มีแรงยกหรือฉุดรั้งไว้ แต่ทุกคนรู้ว่าความดีอยู่ที่ไหน เพราะความดีได้รับการประกาศ และเป็นความสว่าง "... เพราะเรามิได้ประกาศเรื่องตนเอง แต่ประกาศว่า พระคริสตเยซูทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า ส่วนเราเป็น เพียงผู้รับใช้ท่านทั้งหลาย เพราะความรักต่อพระเยซูเจ้า พระเจ้าผู้ตรัสว่า “ให้แสงสว่างส่องออกมาจากความมืด” ก็เป็นผู้ทรงฉายแสงเข้าสู่จิตใจของเรา เพื่อส่องสว่างให้ เรามีความรู้ถึงพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้า พระสิริรุ่งโรจน์นี้ปรากฏอยู่บนพระพักตร์ ของพระคริสตเจ้า..." (2คร.4:5-6) จะดี หรือ จะชั่ว อยู่ที่คุณจะ " ข อ " เป็นส่วนหนึ่งของ " พ ร ะ เ จ้ า " หรือ ไม่   Create Date : 23 กันยายน 2551     2 comment Last Update : 23 กันยายน 2551 12:18:39 น.     Counter : 291 Pageviews.   Share Tweet

พรแห่งชีวิต ได้รับเมล์จากกัลยาณมิตรท่านหนึ่ง อ่านแล้วก็ชอบ เลยเอามาแปล (เท่านั้นยังไม่พอ ยังอยากแต่งกลอน (ประตู)อีกนะ) ยังไงก็ลองอ่านกันดูนะคะ Never blame a day in your life. Good Days Give u happiness. Bad days give u Experience. Both are essential in life! All are God's blessings! อย่าติบ่น ด่าทอต่อ ชีวิต โปรดพินิจ ดูวันคืน ให้ถ่องแท้ วันดีงาม มอบความสุข ให้เราแน่ วันแย่แย่ หยิบยื่น ประสบการณ์ ทั้งสองวัน ดี-ร้าย เราล้วนผ่าน มาผสาน เป็นแก่นแท้ แห่งวันวาร ช่วงชีวิต สั่งสม ประสบการณ์ อีกละลาน ล้านร้อย พรพระองค์ จะสิ่งดี สิ่งร้ายล้วน พระประสงค์ อาจยังงง ไฉนหนอ ร้ายจากองค์ เพื่อหล่อหลอม คุณความดี ให้เจ้าคง ยังดำรง มนุษย์งาม อย่างเรา(พระเจ้า)ปอง   Create Date : 05 กันยายน 2551     2 comment Last Update : 5 กันยายน 2551 12:32:11 น.     Counter : 336 Pageviews.   Share Tweet

นักบุญ...แบบไหน? ครูคือนักบุญ มีคนกล่าวไว้ว่า “ครูคำสอน คือ นักบุญ” ครูต้องเป็นเยี่ยงอย่างแก่ศิษย์ ยิ่งครูที่สอนศาสนาด้วยแล้ว ย่อมต้องประพฤติตนดีเลิศ ครูจะถูกพิพากษาอย่างเข้มงวดกว่าคนอื่น เพราะเราทุกคนต่างก็ผิดพลาดได้หลายเรื่อง (ยก.3.1-2) เมื่อใดที่มีใครมาชื่นชมเรา ราวกับว่าเป็นนักบุญ จงระวังไว้ สมัยพระเยซู พวกฟาริสีก็ถูกเรียกขานว่าเป็นนักบุญ เพราะปฏิบัติตามธรรมบัญญัติอย่างเคร่งครัด คนหน้าซื่อใจคดเอ๋ย ประกาศกอิสยาห์ได้กล่าวไว้อย่างถูกต้อง ถึงท่านทั้งหลายว่า ประชาชนเหล่านี้ ให้เกียรติเราแต่ปาก แต่ใจของเขาอยู่ห่างไกลจากเรา เขานมัสการเราอย่างไร้ความหมาย เขาสั่งสอนบัญญัติของมนุษย์ เหมือนกับเป็นสัจธรรม (มธ.15.7-9)ขณะเราเป็นครู เราสั่งสอนผู้อื่นเพื่อความถูกต้อง เราติเตียนเขาเพื่อให้กลับมาเดินในทางตรง แล้วตัวเราล่ะ เดินในทางไหนอยู่ ท่านคนหน้าซื่อใจคดเอ๋ย จงเอาท่อนซุงออกจากดวงตาของท่านก่อนเถิด แล้วจะได้เห็นชัดก่อนไปเขี่ยเศษฟาง ออกจากดวงตาของพี่น้อง (มธ.7.5)center> มีคนบอกว่าเดี๋ยวนี้ เราโชคดี มีกระจกบานใหญ่และเห็นชัด ไม่ต้องใช้กะโหลก (มาชะโงกดูเงา)อีกแล้ว ลองสำรวจตัวเราเองดี ดีเสียก่อน เพื่อจะได้แน่ใจว่า เราจะได้เป็นนักบุญ ในแบบฉบับความศักดิ์สิทธิ์ เยี่ยงพระเยซู ไม่ใช่ นักบุญ ตามแนวทาง แห่งฟาริสี ที่เป็นเพียงนักบุญของคนทั่วไป แต่สุดท้าย เป็นแค่เพียง “เจ้าคนหน้าซื่อใจคด” ต่อหน้าพระเจ้าเท่านั้น   Create Date : 08 กรกฎาคม 2551     1 comment Last Update : 8 กรกฎาคม 2551 12:58:42 น.     Counter : 444 Pageviews.   Share Tweet