โลกนี้มีเรื่องราวดีๆ ไว้ให้แบ่งปันกันมากมาย

ศรัทธาในการทำงาน

กริ๊งๆ กริ๊งๆ… แกรกๆ

บ่ายวันนั้น เสียงกระดิ่งจากรถถีบสองคันแหวกความสงบของซอยอินทามาระเข้ามาอย่างเอื่อยเฉื่อย ชาวบ้านที่เห็นพวกเขาก็คงเข้าใจว่า ฝรั่งผมทองตาสีฟ้าสองคนนี้คงปั่นจักรยานไปทำงานกับบริษัทต่างชาติที่ไหนสักแห่งซึ่งตั้งสาขาอยู่ในเมืองไทยตามปกติวิสัยที่ชาวต่างชาติรวมถึงคนไทยบางคนชอบทำในยุคน้ำมันแพง

แต่การปั่นในแง่ที่ว่านั้น…เป็นการปั่นเพื่อทำมาหาเลี้ยงชีพ
กลับกัน...ฝรั่งสองคนที่เราพบวันนั้นกลับปั่นด้วยแรง "ศรัทธา" ในบางสิ่ง
โดยไม่เกี่ยวกับการเลี้ยงชีพแต่อย่างใด…

- 1 -

ก่อนกล่าวถึงพวกเขา เราคงต้องล้างและลบภาพพฤติกรรมที่บางศาสนาหรือบางความเชื่อพยายามยัดเยียดสู่ผู้คนโดยการจู่โจมและสร้างความน่ารำคาญโดยอาศัยความเกรงใจของคนไทยเป็นจุดอ่อนออกเสียก่อน เพราะชายทั้งสองคนซึ่งมีความเชื่ออีกแขนงนี้ กลับสุภาพอ่อนโยนกว่าที่เราคาดคิด

พวกเขาเรียกตัวเองว่า Elder มีวัตรปฏิบัติเยี่ยงนักบวชทั้งในชีวิตส่วนตัวรวมถึงชีวิตประจำวัน

พวกเขาเดินทางไปในที่ซึ่งชะตากรรมลิขิตและเชื่อว่าการกระทำนั้นก็คือการรับใช้ผู้อื่น และสร้างความสุขให้กับจิตวิญญาณของตนเอง

พวกเขาไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มน้ำชา กาแฟ…รวมไปถึงชาเขียวของเสี่ยตัน โออิชิ

และทุกวันตั้งแต่สายๆ พวกเขาจะใช้เวลาออกขี่จักรยานตระเวนประกาศศาสนาตามตรอกซอกซอยคล้ายดั่งมิชชันนารีในคริสต์นิกายอื่นเมื่อหลายร้อยปีก่อนกระทำ
ทุกเช้า Elder Parker และ Elder Van จะตื่นขึ้นเพื่อทำกิจวัตรประจำวันตั้งแต่หกโมงครึ่ง นั่งท่องสวดศึกษาคัมภีร์ตามหลักศาสนาจนถึง 10 โมง ก่อนหนังสือจะเปลี่ยนเล่มเป็นภาษาไทย และพวกเขาจะใช้เวลากับบทเรียนอีกราว 30 นาทีแล้วปิดประตูที่พำนักจับจักรยานคู่ใจถีบออกไปทำหน้าที่ "รับใช้" ผู้คน ก่อนจะกลับที่พำนักในเวลา 3 ทุ่มตรง และเข้านอนในเวลา 4 ทุ่ม ซึ่งทั้งหมดนี้พวกเขาปฏิบัติโดยเคร่งครัดอย่างยิ่ง

กว่าจะถึงวันนี้ที่ Elder Parker และ Elder Van ปั่นรถถีบอยู่ในท้องถนนของ บางกอก ไทยแลนด์ ใครจะเชื่อบ้างว่าพวกเขาเตรียมตัวทำเรื่องเหล่านี้มาตั้งแต่อายุ 14-15 ปี

"ผมเป็นสมาชิกของศาสนจักร (มอรมอน:พระเยซูคริสต์แห่งสิทธิชนยุคสุดท้าย) ตั้งแต่เกิด ผมปรารถนาจะพิสูจน์ว่าศาสนจักรนี้ถูกต้องหรือไม่ เลยลองสมัครมาสอนศาสนา ผมมาจากรัฐยูท่าห์ ในสหรัฐอเมริกา ศาสนานี้มีกฎเข้มพอสมควร ผมจึงอยากรู้ว่าควรต้องรักษากฎนี้หรือไม่…" เอลเดอร์ พาร์เกอร์ เล่าอดีตก่อนมาสอนศาสนาในเมืองไทย

เช่นเดียวกัน ห่างไปทางเหนือหลายพันไมล์ในแคนาดา...ที่เมืองชาร์ลดีล จังหวัดแอลเบอร์ตา (เอลเดอร์) แวนซ์ (เจ้าตัวสะกดชื่อของเขาเป็นภาษาไทยแบบนี้)ซึ่งอาศัยอยู่ที่นั่นก็มีความรู้สึกไม่ต่างกัน

"ผมเป็นสมาชิกของศาสนจักรนี้ตั้งแต่เกิด พ่อแม่ก็เป็น ที่มาเพราะผมต้องการพิสูจน์ พ่อแม่บอกศาสนจักรนี้ถูกต้อง แต่ผมเองยังไม่แน่ใจจึงทดลองมา"

สองคนเล่าว่าชีวิตวัยเด็กโดนปลูกฝังจากศาสนจักรและพ่อแม่ ให้มีความรักในครอบครัว และโดยส่วนตัว พวกเขามีความหวังทำงานเก็บเงินสักก้อนขณะนั้นเพื่อออกเดินทางทางจิตวิญญาณเมื่อพวกเขาอายุ 19-20 ปี
เป็นการไปใช้ชีวิตในต่างแดนในแบบที่ต่างจาก Backpacker ที่ฮิตทั่วโลกโดยสิ้นเชิง…

- 2 -

ทั้งสองคนเล่าว่าถูกส่งไปอบรมเป็นเวลา 10 อาทิตย์ เพื่อเรียนภาษาของประเทศที่พวกเขากำลังจะถูกส่งไป วิธีการสอนศาสนา รวมถึงรับฟังประสบการณ์จากครูสอนศาสนาที่เคยมาอยู่ในประเทศนั้นก่อน

"เราสมัครกับทางศาสนจักรแล้วเขาจะส่งรายละเอียดไปที่ศูนย์ใหญ่ ศาสนจักรเราจะมีคนๆ หนึ่งที่เป็นศาสดาผู้พยากรณ์ เป็นประธานของศาสนจักรนี้ ผู้นั้นจะได้รับการเปิดเผยจากพระเจ้าและจะบอกว่าคุณจะได้ไปที่ไหน ประเทศไหน แล้วเราก็จะรับการอบรมก่อนไป ไม่จำเป็นว่าผมต้องเก่งในการสอนศาสนา ทั้งหมดเกี่ยวกับความปรารถนาที่จะรับใช้คนอื่น เก่งภาษาหรือไม่ก็ได้ ภาษาไทยยากนะครับ(ยิ้ม) ผมเคยเรียนภาษาเยอรมันมาก่อนก็ยังจำไม่ได้เลย นี่ก็เป็นภาษาที่ต่างออกไปอีก การเรียนภาษาอื่นมันยาก อาจเหมือนเวลาคนไทยเรียนภาษาอังกฤษ ผมไม่สามารถบอกว่าที่เรียนภาษาไทยได้เพราะทักษะของผม ผมขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าที่จะพูดภาษาไทยได้บ่อยๆ"

เอลเดอร์ พาร์เกอร์ เปิดเผยถึงสิ่งที่พวกเขาต้องฝึกฝนก่อนมาซึ่งหนึ่งในนั้นรวมถึง "ศรัทธา" ในทำงานที่พวกเขาจะต้องมาทำอีกด้วย

ถึงบรรทัดนี้ ต้องย้อนทำความเข้าใจกันสักนิดว่า "ศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งสิทธิชนยุคสุดท้าย" หรือที่เรียกง่ายๆ ว่า "มอร์มอน" ที่เอลเดอร์แวนซ์ กับพาร์เกอร์ สังกัดอยู่นั้นเข้ามาเมืองไทยนานร่วม 30 ปีได้แล้ว

มอร์มอนก่อตั้งโดยโจเซฟ สมิธ ที่สหรัฐเมื่อปี 1830 (พ.ศ.2373) ในหลักการเบื้องต้นซึ่งพาร์เกอร์เล่าให้คนต่างศาสนาอย่างเราฟังคือพวกเขาเชื่อว่านอกจากคัมภีร์ไบเบิลแล้วยังมีคำสอนอีกเล่มคือพระคัมภีร์มอร์มอน ซึ่งพระเจ้าได้แสดงต่อโจเซฟ สมิธ ผ่านจารึกต่างๆ และพวกเขาเชื่อว่านี่คือศาสนาของพระเจ้าที่ได้รับการฟื้นฟูในยุคปัจจุบัน

มอร์มอนไม่มีบาทหลวง แต่มีผู้เผยแผ่ที่เรียกว่าเอลเดอร์ (ผู้ชาย) และ ซิสเตอร์ (ผู้หญิง) ซึ่งไม่ใช่แม่ชีในมโนภาพที่เรารู้จักผ่านศาสนาคริสต์นิกายใหญ่ๆ อย่างโรมันคาทอลิกแต่อย่างใด

"ศาสนจักรเราไม่มีบาทหลวง และคนที่มาไม่มีใครมีรายได้อะไรจากการทำตรงนี้ ทุกคนสมัครใจมา คนสอนศาสนาอย่างผมมีหัวหน้าคือ "ประธานคณะเผยแพร่" (สำหรับใน 1 ประเทศ) ส่วนสาขาแต่ละเขตจะมี "ประธานสาขา"คอยช่วยเหลือ แต่ละโบสถ์มีคนสอนศาสนา 2-6 คน ที่นี่ (สุทธิสาร) มี 6 คน ยังมีคนสอนสูงอายุที่เขารับใช้เต็มเวลาด้วย"

พาร์เกอร์ ขยายความต่อว่า "ที่ใช้คำว่า 'รับใช้' เพราะเราไม่มีรายได้ ทำด้วยความเต็มใจ เราไม่สอนศาสนาอย่างเดียว สอนภาษาด้วยอาทิตย์ละ 2 ครั้ง ซึ่งทำทั่วประเทศ ผมเชื่อว่าคริสต์นิกายอื่นและทุกศาสนาสอนให้คนเป็นคนดีทั้งนั้นครับ เราต่างออกไปเพราะมีความเชื่อว่ามีศาสดาผู้พยากรณ์ ซึ่งเป็นผู้ได้รับการเปิดเผยจากพระเจ้าอยู่บนโลกนี้แล้วเท่านั้น" พาร์เกอร์อธิบาย

มอรมอนถือเป็นอีกความเชื่อหนึ่งซึ่งก็มีวิถีของตนเองและก็มีการเผยแผ่ในแบบเฉพาะ เอลเดอร์ทั้งคู่บอกผมว่าเขาไม่ได้ถูกใครบังคับให้เดินทางมาเพื่อใช้ชีวิตคล้ายนักบวชและเผยแผ่ศาสนาในสังคมและประเทศที่เขาไม่เคยรู้จักไกลจากบ้านเกิดเป็นพันไมล์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะที่มีอายุเพียง 19-20 ปี ซึ่งควรจะเป็นวัยสนุกสนานมากกว่า

"ผมทำงานตั้งแต่อายุ 15 ปี เก็บเงินเพื่อจะมาเป็นผู้สอนศาสนา ที่เดินทางมานี่ค่ากินค่าอยู่ ศาสนจักรไม่ได้สนับสนุนครับ พ่อแม่หรือญาติสามารถช่วยเรื่องเงินทองได้ แต่นี่เป็นการตั้งเป้าหมายของตัวผมเองมานานแล้วที่อยากออกมาทำอย่างนี้สักครั้ง
ผมเห็นคนที่มาสอนกลับไปเล่าประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่ในการรับใช้คนต่างประเทศ อาจมีสัก 10 คนที่รับความสุขไป เราอยากได้ความสุขแบบนี้บ้าง แน่นอนในอนาคตเราต้องมีการเก็บเงินเพื่อตัวเอง เพื่อที่จะมีอาหาร ที่พัก แต่ช่วงหนึ่งของชีวิตเราเชื่อว่าความสุขจะหาได้ในการรับใช้คนอื่น ผมเชื่อว่าระยะเวลา 2 ปีจะช่วยให้ผมมีความสุขมากกว่าที่เคยมีมาในวัยหนุ่มที่หายไป"

แวนซ์ เองก็รู้สึกไม่ต่างกัน "ผมเริ่มเก็บเงินตอนอายุ 17 ปี เพื่อมาสอนศาสนา ผมจ่ายทั้งหมดเองครับ คิดว่าเรื่องนี้สำคัญ แม้ศาสนจักร(มอร์มอน)จะไม่ว่าอะไร และมีกฎเปิดทางว่าพ่อแม่หรือญาติสามารถช่วยเหลือในเรื่องนี้ได้ การเดินทางมาแบบนี้มีคุณค่าบางอย่างสำหรับผมมาก"

- 3 -

ชีวิตเอลเดอร์ต่างแดนของผู้ถือนิกายมอรมอนแต่ละคน จะมีช่วงเวลาสั้นๆ คือไม่เกิน 2 ปี สำหรับผู้ชาย และ 18 เดือนสำหรับผู้หญิง เพราะมอรมอนเป็นศาสนจักรที่ให้ความสำคัญกับสถาบันหลักคือครอบครัว ซึ่งนั่นทำให้พาร์เกอร์และแวนซ์ไม่ค่อยคิดถึงบ้านมากนักและสามารถเก็บเกี่ยวความสงบสุขและทำหน้าที่ตรงหน้าได้อย่างเต็มที่

"ผมไม่เสียดายที่ช่วงนี้ไม่อยู่บ้าน ผมรู้ว่า 2 ปี เราก็จะกลับไป อยู่มากกว่า 2 ปี ไม่ค่อยได้ครับ มอร์มอนแนะนำให้เราคิดถึงครอบครัว ครอบครัวคือสิ่งที่เราให้ความสำคัญมากทั้งปัจจุบันและนิรันดร"

"ตอนแตะพื้นครั้งแรกหลังออกจากเครื่องบิน ความรู้สึกแรกคืออากาศร้อน (หัวเราะ) ผมตื่นเต้นมากก่อนจะมา ที่ผ่านมาผมเคยได้ยินแต่คำว่าบางกอก จังหวัดอื่น ภาคอื่นของไทยไม่เคยได้ยินเลยครับ เคยคุยกับคนที่มาที่นี่เขาว่าดีมาก คนไทยใจดี ให้น้ำให้ดื่มทุกครั้ง ไม่ว่าจะสนใจหรือไม่สนใจในสิ่งที่เผยแผ่หรือไม่ก็ตาม ด้านไม่ดีของที่นี่ผมยังไม่เจอครับ นอกจากเรื่องรถติด คนไทยใจเย็นมากที่อเมริกาถ้าติดขนาดนี้เขาบีบแตรกันระงมแล้ว"

และสำหรับเมืองไทยโดยเฉพาะในเมืองใหญ่ การขี่จักรยานอาจจะเหมาะกับการจราจรที่ติดขัดและเข้าถึงบ้านผู้คนมากกว่า ซึ่งในแต่ละประเทศไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นแบบนี้เสมอไป แวนซ์ยังเสริมถึงการใช้พาหนะของเหล่าเอลเดอร์ในพื้นที่ทั่วโลกว่า "เราขี่จักรยานทั่วโลก ที่ยุโรปอาจมีขับรถด้วย อเมริกามีจำนวนมากขับรถเผยแผ่ครับ"

พาร์เกอร์ยังเปรียบเทียบชีวิตคนธรรมดาและคนสอนศาสนาที่ถือนิกายมอร์มอนให้ฟัง"วันอาทิตย์ผมต้องมาโบสถ์เรียก Sabbath เป็นวันที่เข้าร่วมพิธี เหมือนวันพักผ่อนทางวิญญาณหลังทำงานทั้งอาทิตย์ วันนั้นโบสถ์จะเริ่ม 9.00-12.00 น. หลังจากนั้นสมาชิกจะทานอาหารร่วมกัน แล้วกลับบ้านตอนบ่ายโมงเพื่อไปเยี่ยมเพื่อนหรือครอบครัว สำหรับนักบวชมีวันหยุดอีกคือวันพุธ เร่าจะหยุดงาน 12 ชม. ไปเที่ยวได้แต่ 6 โมงเย็นต้องกลับมาสอนศาสนาต่อถึง 2 ทุ่ม นอกนั้นกิจวัตรจะคล้ายๆ กันทุกวันครับ"

สำหรับคนที่ถือมอร์มอนทั่วไปวันจันทร์คือวันครอบครัว ซึ่งจะมีกิจกรรมซึ่งทำให้ครอบครัวสนิทกัน ซึ่งพาร์เกอร์และแวนซ์บอกว่าสถาบันนี้สำคัญมากเช่นเดียวกับความเชื่อเดิมของคนไทย และมอรมอนยังมีบางสิ่งที่ทุกศาสนามีเหมือนกันคือมีข้องดเรื่องอบายมุข "คนธรรมดาที่ถือมอร์มอนสามารถดูหนัง ฟังวิทยุได้ แต่มีข้อแนะนำว่าอย่าฟังดนตรีที่แรงเกินไป หรือหนังที่ไม่เหมาะเช่นหนังลามก ซึ่งตรงนี้ไม่ใช่กฎ"

"มอรมอนมีหลายกฎ มาจากพระผู้เป็นเจ้าผ่านทางศาสดา ผมหมายถึงเราไม่ได้เลือกตั้งหรือตัดสินใจอะไรตามใจว่าจะทำแบบไหน มีหลายกฎเช่นสุขภาพ เรียกพระวาจาแห่งปัญญา ห้ามเรื่องเหล้า บุหรี่ ชา กาแฟ บางครั้งเราไม่รู้หรอกครับว่าทำไมพระเจ้าห้าม แต่เราก็ทำและรักษากฎที่ทรงตั้งไว้อย่างดี"

วันนี้พาร์เกอร์ (20 ปี) และแวนซ์ (19 ปี) ยังคงปั่นจักรยานและออกพบผู้คน และบางวันก็สอนภาษาอังกฤษให้กับเด็กๆ หลายคนอาจเคยเห็นคือหนุ่มฝรั่งแต่งตัวเรียบร้อยขี่จักรยานไปตามบ้าน และถนนหนทาง โดยพาร์เกอร์เหลือเวลาอีก 10 เดือนก่อนจะกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ "เราหาคนตามถนน คุยเรื่องศาสนา ใครสนใจจะนัดเพื่อสอนต่อไป ไม่บังคับใคร เราถือว่าจะช่วยเขามีความสุข ถ้าไม่สนใจก็ไม่สอน เราบังคับเขาไม่ได้ครับ ซึ่งที่ผ่านมาส่วนมากคนไทยต้อนรับดีมากครับ อย่างน้อยก็คุยกับเรา เอาน้ำมาให้ทานซึ่งผมรู้สึกดีมากในยามที่อากาศร้อน แต่มีกลัวบ้างก็กลัวรถชน (หัวเราะ) ก่อนออกจากบ้านผมอธิษฐานให้พระเจ้าคุ้มครอง ช่วงเวลานี้เป็นโอกาสที่ผมไม่ต้องคิดถึงเรื่องเกี่ยวกับตัวเองเลยและไม่มีอาชีพอื่น รับใช้คนอื่นอย่างเดียว มีความสุขครับ"

ไม่ต่างกับแวนซ์ซึ่งเพิ่งมาได้ไม่กี่เดือนและเหลือเวลาปีกว่าในการทำงานทางจิตวิญญาณ ซึ่งดูเหมือนว่าเขาค้นพบอะไรจากคนไทยข้างทางที่รถถีบวิ่งผ่าน "ผมไม่เคยเจอไล่นะครับ คนไทยใจเย็นมากและใจบุญ ช่วยเหลือเสมอเมื่อหลงทางหรือจักรยานล้ม.." และด้วยความที่ทั้งคู่เป็นเอลเดอร์ แวนซ์ยังเล่าเกร็ดเล็กๆ ว่า"ตอนสอนศาสนานี่มีแฟนไม่ได้นะครับ (ยิ้มแบบสุภาพ) จีบผู้หญิงก็ไม่ได้ ต้องเน้นงานสอนอย่างเดียว ผมเคยมีแฟนมาก่อนตอนนี้ไม่มีเพราะทำงานศาสนา แต่กลับบ้านผมจะมีครอบครัว เราให้ความสำคัญเรื่องนี้มากครับ"

บางที สิ่งที่เราเรียนรู้จาก "รถถีบแห่งศรัทธา" ของพวกเขา อาจไม่ใช่แค่เรื่องศาสนาของพวกเขา แต่เป็นเรื่องของ "ศรัทธา" ในการทำงานนั่นเอง...


Create Date : 24 สิงหาคม 2548
Last Update : 24 สิงหาคม 2548 13:14:58 น. 22 comments
Counter : 3255 Pageviews.  

 
ดิฉันและครอบครัวเป็นสมาชิกโบสถ์ Church of Jesus Christ of Latter Day Saints ที่แคนาดา ดิฉันอยากติดต่อกับสมาชิกที่เมืองไทยค่ะ
อีเมล์ chinnaporn@hotmail.com
or babyann2000@hotmail.com


โดย: แอน IP: 142.177.105.199 วันที่: 31 ตุลาคม 2549 เวลา:10:06:56 น.  

 
มอรมอนเป็นลัทธิที่สอนผิดรึปล่าวค่ะทำไมไม่เชื่อในพระคัมภีร์ ไบเบิ้ล


โดย: belive of god IP: 124.120.130.209 วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:14:14:49 น.  

 
ที่ sydney ก็มี elder ที่ชื่อ Parker เหมือนกันเลย


โดย: Sydney IP: 211.31.100.184 วันที่: 5 พฤษภาคม 2550 เวลา:5:57:57 น.  

 
ศาสานาจักรนี้มีความจริงที่ท่านจะพบได้ เพียงแต่ท่านเปิดใจและลองศึกษาดู ท่านจะพบกับความสุขของชีวิตท่านได้


โดย: ตั้ม IP: 203.113.62.6 วันที่: 23 พฤษภาคม 2550 เวลา:22:51:59 น.  

 
คำถามของผมมีอยู่ 3ข้อ
1 มอร์มอนสอนว่าพระเยซูแต่งงานกับมารีและมารธามีลูกด้วยกันก่อนถูกตรึงกางเขน จริงหรือไม่
2 โจเซฟ สมิธ มีภรรยา48 คนก่อนตายจริงหรือไม่
3 พระเจ้ามีสภาพเป็นเนื้อหนังเหมือนมนุษย์ใช่หรือไม่


โดย: วิโรจน์ ศรีพรหม freedomsream@hotmail.com IP: 125.24.153.100 วันที่: 7 กรกฎาคม 2550 เวลา:18:43:10 น.  

 
ขอตอบคำถามของคุณ วิโรจน์ ศรีพรหม
ข้อ 1 ไม่จริงค่ะ ไม่มีพระคัมภีร์ หรือเรื่องราวในประวัติศาสตร์ใดพูดถึงข้อนี้
ข้อ 2 โจเซฟ สมิธ มีภรรยาคนเดียว คือ เอ็มม่า สมิธ
ข้อ 3 ข้อนี้ในพระคัมภีร์ได้บอกไว้ ใน ปฐมกาล 1:26-27 บอกว่า เราถูกสร้างตามฉายาของพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งนั้นหมายความว่า พระองค์ก็มีเนื้อหนังเหมือนเรา ค่ะ


โดย: แม่น้องไอแซค IP: 61.90.212.174 วันที่: 24 กรกฎาคม 2550 เวลา:13:53:09 น.  

 
I love The Chruch of Jesus Christ of Latter-day Saints.
I won't forget missionaries.
จากใจจริง,เอเมน


โดย: Diaw IP: 203.172.184.166 วันที่: 6 สิงหาคม 2550 เวลา:14:46:00 น.  

 
ช่วยตอบข้อสงสัยของผมหน่อยครับ
1.โจเซฟ สมิธตายอย่างไรจริงหรือไม่ที่โจเซฟ โดนลอบฆ่าในคุก
2.มีข้อมูลหลายที่ตั้งแง่ว่าศาสนาจักรนี้เชื่อว่าคนชอบธรรมที่เชื่อในมอร์มอน และต้องแต่งงานแล้วเท่านั้นเมื่อตายแล้วจะได้ไปอาณาจักรสวรรค์ชั้นสูง พร้อมทั้งได้สร้างอานาจักรของตัวเองกับครอบครัวของตัวเองเหมือนที่พระผู้เป็นเจ้าทรงทำ...จริงหรือครับ
3.จริงหรือที่พระคัมภีร์มอร์มอนนั้นถูกบิดเบือนจากความจริงของพระคัมภีร์เดิม
...ผมเชื่อในโจเซฟ สมิธ และเชื่อว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงรักเราทุกคน ช่วยตอบผมทีครับ ขอบคุณครับ


โดย: การุณย์ IP: 222.123.8.210 วันที่: 4 ตุลาคม 2550 เวลา:0:31:42 น.  

 
เราชาวมอรมอนเชื่อในพระคัมภีร์ 3 เล่มคือ
พระคัมภีร์ไบเบิล , พระคัมภีร์มอรมอน และคำสอนและพันธสัญญา เราเชื่อว่าศาสนาจักรนี้เป็นศาสนาจักรที่แท้จริงและเรามีศาสดาคือโจเซฟ สมิธ เราเชื่อว่าพระเยซูทรงเป็นยิ่งกว่าศาสดา พระองค์เป็นพระบุตรของพระผู้เป็นเจ้าที่มาไถ่บาปของเรา พระคัมภีร์มอรมอนไม่ได้บิดเบือนพระคัมภีร์เดิม แต่พระคัมภีร์มอรมอนกลับสนับสนุนพันธสัญญาเดิมตราบเท่าที่จะถูกแปลอย่างถูกต้อง เราเชื่อในพระผู้เป็นเจ้าและปฏิบัติตามพระกิตติคุณของพระองค์อย่างเคร่งครัด เราไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มน้ำชา กาแฟ สิ่งเสพติดทุกชนิด เราอดอาหารเดือนละหนึ่งครั้ง เราเคารพในความเชือและความศรัทธาของผู้อื่นในศาสนาจักรของเขา


โดย: ชาวมอรมอน IP: 222.123.56.71 วันที่: 30 มกราคม 2551 เวลา:20:37:27 น.  

 
.



//www.geocities.com/ziononzion/

เข้าไปโหลดอ่านพระคัมภีร์มอรมอน เป็นภาษาไทยได้ครับ
ถ้ามีคำถาม หรือ สนใจ สามารถสอบถามกับ ผู้สอนศาสนาของศาสนาจักรของพระเยซูคริสต์แห่งสิทธิชนยุคสุดท้ายได้ครับ


ค่อยๆ ศึกษาครับ อย่าฟังในสิ่งที่เขาบอกมาครับ ถ้าอยากรู้จักมอรมอน ก็ต้องถามคนที่เป็นมอรมอนครับ ไม่ใช่ไปถามคนที่โจมตีมอรมอนครับ


.


โดย: ผ่านมา IP: 58.10.64.201 วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:17:11:36 น.  

 
ผมรักพระผู้เป็นเจ้า
ผมรักพระเยซูคริสต์
ผมรักศาสนาจักรนี้ครับ
ผมรักผู้สอนศาสนาทุกคน
ผมรักทุกๆคน


โดย: Golf IP: 118.174.115.115 วันที่: 28 มิถุนายน 2551 เวลา:17:11:49 น.  

 
พระผู้เป็นเจ้ามีพระวรกาย เช่นเรา มีเนื้อหนังและกระดูก

แต่ ร่างกายมนุษย์หล่อเลี้ยงด้วยเลือด...ร่างกายที่มีการเสื่อม ..ไม่สมบูรณ์.. เป็นมตะ.. และตาย.ในที่สุด

พระวรกายของพระผู้เป็นเจ้า พระวรกายไม่ได้หล่อเลี้ยงด้วยเลือด... แต่ด้วยพระวิญญาณ...ความใจบุญ...ศรัทธา...พลัง... อำนาจ.. มีรัศมีภาพ.. ........เป็นอมตะ


โดย: m IP: 61.7.145.27 วันที่: 27 ตุลาคม 2551 เวลา:17:02:40 น.  

 
เราได้คัมภีมา 10 ปีเก็บไว้ไม่เคยอ่าน นอกจากเวลามีปัญหา เเละเริ่มเห็นว่าพระเจ้าทรงได้ยินสิ่งที่เราขอ มีหลายเรื่องที่เกิดขึ้นเเละทำให้เราเชื่อในพระเจ้า ตอนนี้อ่านจะจบเเล้ว เข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง ตั้งใจว่าอ่านจบจะไปที่ศาสนจักร เเล้วเราต้องทำงัยที่จะได้เป็นสมาชิก


โดย: Lita IP: 125.25.169.158 วันที่: 1 มิถุนายน 2552 เวลา:19:53:03 น.  

 
ถ้ามีโอกาสขอเชิญที่ //mormon.unbbz.com/ เลยนะครับพี่น้องชาวมอรมอนที่รัก


โดย: Holyboy IP: 203.144.144.164 วันที่: 14 มีนาคม 2553 เวลา:22:00:24 น.  

 
ศาสนาบ้าอะไรไร้ข้อเท็จ คสอนเลื่อนลอยพิสูจน์ไม่ได้ ดูให้ดีคำสอนเอื้อประโยชน์ต่อผู้นำของกลุ่ม คิดให้ดีผู้นับถือเข้าข่ายสำนวนไทย คนโง่เป็นเหยื่อของคนฉลาด


โดย: ผู้วิเคราะห์ IP: 10.251.37.228, 203.172.199.254 วันที่: 26 มีนาคม 2553 เวลา:14:58:56 น.  

 
ใช้คำพูดหมิ่นประมาทผู้อื่นนี่

คุณนับถือศาสนาอะไรครับ ^^"


โดย: ลูกชิ้น IP: 112.142.146.176 วันที่: 15 เมษายน 2553 เวลา:2:18:02 น.  

 
ก็ยังง้านแหละน๊า วิเคราะห์ มั่วซั่วถามแบบฉบับ ของเด็กวัยกระเต๊าะ คุณเคยมาอยู่กับพวกเราหรือ เคยเรียนรู้แบบเรารึเปล่า เคยที่จะคิดมองโลกของมอรมอนในแง่ดีไหม๊
? ? ? ....
คุณรู้จักพวกเราดีแค่ไหน ? ? ? .....
ก็เหมือนกับคำถามที่ว่า " คุณรู้จักโลกนี้ดีแค่ไหน " ? ? ? ......
วิเคราะห์ด้วย สมองวัยกระเต๊าะ เอาเองซะ คุณนั้น ไม่ได้รู้จักอะไรเลย !!! -0-


โดย: ไม่ประสงค์ออกนามหมายเลข 6 IP: 58.8.92.130 วันที่: 19 เมษายน 2553 เวลา:19:51:32 น.  

 
"เรารู้ว่าศาสนจักรแห่งนี้เป็นศาสนาจักรที่ถูกต้อง พระเยซูคริสต์ทรงเป็นผู้วางรากฐานอันแข็งแกร่งของศาสนาจักรเรา เรารู้ด้วยว่าศาสดาโจเซฟ สมิธเป็นผู้ฟื้นฟูพระกิตติคุณ โดยดำรงฐานะปุโรหิตอันศักดิ์สิทธิ์จากอัครสาวกในยุคสมัยขององค์พระเยซูคริสติ์ เราเชื่อในพระคัมภีร์ไบเบิลตราบใดที่เเปลอย่างถูกต้อง(หลายคนที่ไม่ใช่มอรมอนถามว่าทำไมต้องกล่าวว่า ตราบใดที่แปลอย่างถูกต้อง ขอตอบว่าพระคำภีร์ไบเบิลมีมาหลายยุคสมัยมาก หลายศาสนจักร หลายนิกายแปลความหมายไปต่างๆนาๆตามความเข้าใจของกลุ่มคนนั้น แต่เราเชื่อว่าพระคัมภีร์ที่ได้รับอำนาจการแปลจากพระผู้เป็นเจ้าโดยผ่านอำนาจฐานะปุโรหิตที่ถูกต้องจริงๆที่มีอำนาจในการแปลนั้นต่างหากที่ทำให้ข้อความในพระคัมภีร์สมบูรณ์และไม่บิดเบือน)
เราเชื่อด้วยพระคัมภีร์มอรมอนเป็นพันธสัญญษอีกเล่มหนึ่งของพระเยซูคริสต์ เรามีคำสอนและพันธสัญญาไข่มุกอันล้ำค่า ซึ่งรวมมีพระคัมภีร์ทั้งหมด 4 เส่ม เเละยิ่งมีนิตยสาร เลียโฮนา ซึ่งเป็นคำสอนจากศาสดารวมไปถึงการเปิดเผย คำสอนจากเจ้าหน้าที่ชั้นผุ้ใหญ่ และข่าวสารในศาสนจักร ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นเหมือนเข็มทิศอันสำคัญของสมาชิกศาสนาจักรของพระเยซูคริศต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายทั่วโลก เรามีมาตรฐานในการดำรงชีวิต เรารู้ว่าครอบครัวสามารถอยู่ด้วยกันชั่วนิรันดร์ เราประพฤติปฎิบัติในชีวิตของเราให้เป็นที่พอพระทัยของพระบิดาบนสวรรค์ เราเดินตามทางที่พระเยซูคริสต์ทรงนำ เราเชื่อฟังพระวิญญาณบริสุทธิ์ เราเตรียมตัวเพื่อกลับบ้านบนสวรรค์อีครั้งและอยู่กับพระบิดา และพระพี่เชษฐาผู้เสียสละอีกครั้ง
เราไม่จำเป็นต้องข้อสงสัยอะไรแล้วเพราะเรารู้ว่าสิ่งนี้เป็นความจริงที่แท้จริงที่สุดของจักรวาลนี้ เรารู้ได้โดยประจักรพยานมากมายที่พระบิดาบนสววรค์ประทานให้แก่เรา"
รักทุกคนมาก
ฝากบอกผู้ที่อยากรู้จักศาสนาจักรของเราว่า หากมีข้อสงสัยหรือข้อเท็จจริงอะไรให้ถามสมาชิกหรือเข้าเว็บไซค์ของศาสนาจักรก็ได้ อย่าถามผู้ที่ไม่รู้จักเราจริงหรือผู้ที่ไม่ใช่มอรมอนจริงๆเพราะเค้าอาจชักนำความคิดผิดๆยัดเยียดศาสนาจักรเรา
ให้สมาชิกหรือผู้สอนศาสนาของเราได้บอกกล่าวประจักรพยาน ความจริงแห่งการฟื้นฟู ความเชื่อของเราอันแท้จริงและได้รับใช้ค่ะ


โดย: สมาชิกคนหนึ่ง IP: 10.250.171.10, 203.172.199.254 วันที่: 10 พฤษภาคม 2553 เวลา:12:29:39 น.  

 
ต้องขอโทษด้วยนะครับ....ผมเองไม่อยากมีเรื่องกับใคร ไม่อยากต่อล้อต่อเถียง ซึ่งมันมิใช่วิสัยของผม และก็คิดว่ามิใช่วิสัยของชาวคริสต์ เพราะสิ่งที่ถูกสอนมาในความเป็นมอรมอนคือการมีความรักเฉกเช่นพระคริสต์ ในพระคัมภีร์ไบเบิลบอกว่าเราว่า มีพระบัญญัติสองข้อที่ยิ่งใหญ่คือ 1. รักพระผู้เป็นเจ้าสุดจิตใจ 2. รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง ผมพยายามทำเช่นนั้นเหมือนกัน และมันก็หมดสมัยกับคำที่ว่าตาต่อตา ฟันต่อฟัน หมายถึงจะต้องทำทุกวิถีทางที่จะเอาชนะ เพราะการที่จะทำทุกวิถีทางเพื่อเอาชนะ ในที่สุดมันก็คือความพ่ายแพ้

ผมเป็นชาวมอรมอนมาเกือบยี่สิบปี มันเป็นครึ่งหนึ่งชีวิต หากถามว่าเข้าใจทั้งหมดในพระกิตติคุณมั้ย? ตอบได้เลยครับว่าไม่ ผมเองยังต้องเรียนรู้ต่อไป...ผมเข้าใจว่าทุก ๆ อย่างย่อมมีประวัติศาสตร์ ชีวิตผมก็มีประวัติศาสตร์ ชีวิตของพวกท่านก็มีประวัติศาสตร์ ความเป็นคริสเตียนแท้ ๆ ที่ของท่านทั้งหลายก็มีประวัติศาสตร์ ในความเป็นมอรมอนที่ใคร ๆ ก็บอกว่าเป็นคริสเตียนเทียมเท็จ ก็มีประวัติศาสตร์ มีใครบ้างที่เคยไม่เคยความผิด ไม่ต้องตอบนะครับว่าคนที่ไม่เคยมีความผิดเลยคือพระเจ้า...อยากให้อยากให้ท่านทั้งหลายได้อ่านใน มัทธิว 7:1-6 แล้วตอบคำถามในตัวเองนะครับว่าทำไมพระเยซูแห่งนาซาเรธถึงต้องตรัสเรื่องนี้ "การกล่าวโทษผู้อื่น"
ดังนั้นผมจึงคิดว่า หากท่านทั้งหลายไม่สามารถยอมรับในความเป็นพี่น้องของชาวมอรมอน เนื่องจากเหตุผลอันใดก็ตามที่ท่านคิด ผมเองก็ไม่สามารถบังคับจิตใจและความคิดกับท่านได้ เพราะนั่นคืออำเภอใจของท่าน แต่สิ่งที่ชาวมอรมอนรู้ก็คือพวกท่านคือพี่น้องของเรา....และสิ่งนี้มิใช่หรือที่เราเรียกว่าความรักแบบพระคริสต์


โดย: ต้อม IP: 222.123.218.172 วันที่: 22 พฤษภาคม 2553 เวลา:9:32:01 น.  

 
ดิฉันเคยเป็นมอรมอน ในขณะที่เป็นมอรมอนชอบและเชื่อหลายสิ่ง รวมถึงสงสัยในหลายสิ่งด้วย แต่สิ่งที่ไม่ชอบเลยคือ มอรมอนชอบพูดว่า "ศาสนจักรนี้เป็นศาสนจักรที่แท้จริงแห่งเดียวในโลก"

สรุปแล้ว: คริสต์นิกายอื่นๆ ไม่ถูกต้องเลยหรือ

ดิฉันเคยพูดคุยกับอิสลามผู้นำของเขาบอกว่า "ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาเดียวที่พระเจ้ายอมรับ"

สรุปแล้ว : ศาสนาอื่นๆพระเจ้าไม่ยอมรับใช่ไหม? รวมถึงศาสนาคริสต์ที่เชื่อเรื่องพระเจ้า พระเจ้าก็ไม่ยอมรับเลยหรือ


ปัจจุบันฉันเป็นคริสตเตียน ไม่ได้ไปโบสถ์ของมอรมอนยังคงอ่านไบเบิ้ลและศรัทธาพระเจ้าจนไม่สามารถมีพระเจ้าอื่นอีกได้

เมื่อไม่ได้อ่านคัมภีร์มอรมอนนานๆและหันกลับไปทบทวนความเชื่อของมอรมอนในประเทศไทยอีกครั้งก็แปลกๆดี

ขณะเดียวกันก็พบความแปลกๆที่ใจดิฉันไม่ยอมรับในโบสถ์ปัจจุบันที่ฉันไปนมัสการพระเจ้าอยู่เป็นประจำ

คำถามที่เกิดขึ้นในใจของดิฉันก็คือ ถ้าลูกๆ ของพระเจ้าพยายามที่จะเรียกหาพระองค์ด้วยวิธีต่างๆ และด้วยภาษาต่างๆ ซึ่งการเรียกนั้นมาจากจิตใจที่เปี่ยมล้นด้วยศรัทธา
พระเจ้าผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักคงไม่ใจดำที่จะปฏิเสธลูกๆ ของพระองค์

ดิฉันเศร้าใจลึกๆ เมื่อได้ยินผู้เชื่อพระเจ้าพูดว่าคริสตจักรโน้นสอนผิด คริสตจักรนี้สอนผิด คริสตนิกชนในประเทศไทยต่างก็มั่นใจในคริสตจักรของตนเอง จนบางครั้งกลายเป็นความหยิ่ง ไม่ถ่อมใจ

สิ่งที่อยากให้เกิดขึ้นกับคริสตชนในประเทศไทยคือ อย่าเป็นคริสตเตียนจ๋า อยากให้นำคำสอนไปใช้ในชีวิตประจำวันอย่างเป็นธรรมชาติๆ บ่อยครั้งดิฉันเวียนหัวกับพี่น้องที่เป็นคริสตเตียนจ๋า

ต้องขอโทษถ้าความในใจนี้เป็นการไม่ให้เกียรติกับการเป็นผู้เชื่อพระเจ้า


โดย: มานา IP: 118.172.136.201 วันที่: 22 มิถุนายน 2553 เวลา:13:38:32 น.  

 
สวัสดีครับ เป็นมอรมอนครับ
เข้ามาทักทายกับทุกๆ ท่าน

มีเวบบอร์ดของมอรมอนทีี่จัดทำนำมาแบ่งปันกับทุกท่านครับ
ว่างๆ แวะเข้าไปเยี่ยมชมกันครับ

//mormon.unbbz.com/
//thaimormon.fix.gs/index.php


โดย: เข้ามาทักทาย IP: 180.180.223.232 วันที่: 4 ธันวาคม 2553 เวลา:11:15:04 น.  

 
ศาสนามอร์มอน เกิดขึ้นเมื่อเกือบสองร้อยปีที่ผ่านมาโดย Joseph Smith ผู้ซึ่งอ้างว่าพระเจ้าพระบิดาและพระเยซูคริสต์ได้เสด็จมาหาเขาเป็นการส่วน ตัวและบอกกับเขาว่าคริสตจักรทั้งหมดและหลักความเชื่อของคริสตจักรทั้งหมด เป็นที่น่ารังเกียจสำหรับพระเจ้า Joseph จึงตั้งศาสนาใหม่เอี่ยมขึ้นมาแล้วอ้างว่าเป็น “คริสตจักรที่ถูกต้องคริสตจักรเดียวในโลก” แต่ปัญหาเกี่ยวกับลีทธิมอร์มอนก็คือมันขัดแย้ง, แก้ไขเปลี่ยนแปลงและขยายพระคัมภีร์ออกไป

คริสเตียนไม่มีเหตุผลอะไรที่จะคิดว่าพระคัมภีร์ไม่เป็นความจริงและไม่เพียงพอ การที่จะเชื่อพระเจ้าและวางใจในพระองค์หมายความว่าเราจะต้องเชื่อในพระวจนะ ของพระองค์ และข้อพระคัมภีร์ทุกตอนได้รับการดลใจจากพระเจ้า ซึ่งหมายความว่าพระคัมภีร์มาจากพระองค์ (2 ทิโมธี 3:16)


ลัทธิมอร์มอนเชื่อว่าอันที่จริงแล้วพระวจนะที่ได้รับการดลใจจากพระเจ้ามี แหล่งที่มาสี่แหล่งแทนที่จะเป็นแหล่งเดียว คือ 1) พระคัมภีร์ “หากได้รับการแปลอย่างถูกต้อง” แต่ไม่ได้บอกว่าข้อไหนที่แปลผิด 2) พระคัมภีร์มอร์มอน ที่ “แปล” โดย Charles Smith และได้ถูกตีพิมพ์ขึ้นมาในปี ค.ศ 1830 Charles Smith อ้างว่าพระคัมภีร์ฉบับนี้ “ถูกต้องที่สุด” ในโลก และผู้อ่านน่าจะได้เข้าใกล้พระเจ้ามากขึ้นด้วยการติดตามคำสอนของหนังสือเล่ม นี้ “มากกว่าหนังสือเล่มใดทั้งสิ้น” 3) หลักคำสอนและพันธสัญญา ที่ลัทธิมอร์มอนถือว่าเป็นข้อพระคัมภีร์ประกอบด้วยการเปิดเผยสำแดงสมัยใหม่ มากมายเกี่ยวกับ “คริสตจักรของพระเยซูคริสต์ที่ได้รับการฟื้นฟูให้กลับสู่สภาพดีแล้ว” 4) ไข่มุกล้ำค่า ซึ่งลัทธิมอร์มอนถือว่าเป็นหนังสือที่ “อธิบายจนหมดข้อสงสัย” หลักคำสอนและคำสอนที่ตกหล่นไปจากพระคัมภีร์และหนังสือนี้ได้ต่อเติมข้อมูล ของพวกเขาเกี่ยวกับกำเนิดของโลกเข้าไป

ลัทธิมอร์มอนเชื่อเกี่ยวกับพระเจ้าดังนี้: พระองค์ไม่ได้ทรงเป็นองค์ยิ่งใหญ่สูงสุดในจักรวาลแต่ทรงได้รับฐานะโดยทางการ ทรงอยู่อย่างชอบธรรมและความพยายามที่ไม่ลดละ พวกเขาเชื่อว่าพระเจ้า พระบิดา ทรงมี “ร่างกายที่ประกอบด้วยเนื้อหนังและกระดูกที่จับต้องได้เหมือนที่มนุษย์มี” แม้ว่าจะถูกทิ้งโดยผู้นำหัวสมัยใหม่ของมอร์มอน Brigham Young ได้สอนไว้ว่าอันที่จริงแล้วอาดัมคือพระเจ้าและบิดาของพระเยซูคริสต์



แต่คริสเตียนรู้เกี่ยวกับพระเจ้าดังนี้ว่า: มีพระเจ้าองค์เที่ยงแท้แต่เพียงพระองค์เดียว (เฉลยธรรมบัญญัติ 6:4, อิสยาห์ 43:10, 44:6-8), พระองค์ทรงดำรงอยู่เสมอมาและตลอดไป (เฉลยธรรมบัญญัติ 33:27, สดุดี 90:2, 1 ทิโมธี 1:17), พระองค์ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาแต่ทรงเป็นผู้สร้าง (ปฐมกาล บทที่ 1, สดุดี 24:1, อิสยาห์ 37:16) พระองค์ทรงไร้ตำหนิและไม่มีใครเทียบเท่าพระองค์ได้ (สดุดี 86:8, อิสยาห์ 40:25) พระเจ้าพระบิดาทรงไม่ใช่มนุษย์ และไม่เคยทรงเป็นมนุษย์ (กันดารวิถี 23:19, 1 ซามูเอล 15:29, โฮเชยา 11:9) พระองค์ทรงเป็นพระวิญญาณ (ยอห์น 4:24) และพระวิญญาณทรง ไม่ได้ประกอบด้วยเนื้อหนังและกระดูก (ลูกา 24:39)


ลัทธิมอร์มอนเชื่อว่าอาณาจักรหลังความตายมีอยู่สามระดับที่แตกต่างกัน คือ อาณาจักรสวรรค์ (Celestial Kingdom), อาณาจักรบนพื้นโลก (Terrestrial Kingdom), อาณาจักรของผู้ไม่เชื่อ (Telestial Kingdom and outer darkness) มนุษย์จะไปจบลงที่อาณาจักรไหนขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาเชื่อและทำอะไรในขณะที่มี ชีวิตอยู่ แต่พระคัมภีร์บอกเราว่าหลังความตายเราจะไปสวรรค์หรือนรกขึ้นอยู่กับว่าเรามี ความเชื่อในพระเยซูหรือไม่ การละสังขารในฐานะผู้เชื่อหมายถึงการไปอยู่กับองค์พระผู้เป็นเจ้า (2 โครินธ์ 5:6-8) ผู้ไม่เชื่อจะถูกส่งไปนรกหรือแดนมรณา (ลูกา 16:22-23) เมื่อพระเยซูคริสต์เสด็จกลับมาในครั้งที่สอง เราจะได้รับกายใหม่ (1 โครินธ์ 15:50-54) จะมีสวรรค์และโลกใหม่สำหรับผู้เชื่อ (วิวรณ์ 21:1) และผู้ไม่เชื่อจะถูกโยนลงไปยังบึงไฟนรกตลอดกาล (วิวรณ์ 20:11-15) ไม่มีการไถ่ครั้งที่สองหลังความตาย (ฮีบรู 9:27)

ผู้นำของลัทธิมอร์มอนสอนว่าการเสด็จมาบังเกิดของพระเยซูคือผลของการมีความ สัมพันธ์ทางร่างกายระหว่างพระเจ้าพระบิดาและนางมารีย์ พวกเขาเชื่อว่าพระเยซูทรงเป็นหนึ่งในพระเจ้า และมนุษย์ก็สามารถเป็นพระเจ้าได้เหมือนกัน แต่คริสเตียนได้ถูกสอนมาว่าพระเจ้าทรงเป็นตรีเอกานุภาพ และพระองค์ทรงดำรงอยู่นิรันดร์ในฐานะพระบิดา, พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์ (มัทธิว 28:19) และจะมีคนเป็นจำนวนมากที่ไม่เลือกพระองค์ “จงเข้าไปทางประตูแคบ เพราะว่าประตูใหญ่และทางกว้างซึ่งนำไปถึงความพินาศ และคนที่เข้าไปทางนั้นมีมาก” (มัทธิว 7:13) เราทุกคนสมควรที่จะได้รับการลงโทษนิรันดร์สำหรับความบาปของเรา แต่ด้วยความรักและพระคุณอันไม่มีที่สิ้นสุดของพระเจ้าเราจึงมีทางออก “เพราะว่าค่าจ้างของความบาปคือความตาย แต่ของประทานจากพระเจ้าคือชีวิตนิรันดร์ในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้า ของเรา” (โรม 6:23)

มันชัดเจนอยู่แล้วว่าทางเดียวที่เราจะได้รับความรอดคือการได้รู้จักกับพระ เจ้าและพระบุตรของพระองค์, พระเยซู (ยอห์น 17:3) มันไม่ได้เกิดขึ้นเพราะการกระทำแต่โดยความเชื่อ (โรม 1:17, 3:28) เมื่อเรามีความเชื่อนี้เราก็จะเชื่อฟังกฎของพระเจ้าโดยอัตโนมัติ และได้รับบัพติศมาอันเนื่องมาจากความรักที่เรามีต่อพระองค์ ไม่ใช่เพราะเป็นข้อเรียกร้องในการที่จะได้รับความรอด เราสามารถรับของขวัญนี้ได้ไม่ว่าเราจะเป็นใครและได้ทำอะไรลงไปบ้างในอดีต (โรม 3:22) “ในผู้อื่นความรอดไม่มีเลย ด้วยว่านามอื่นซึ่งให้เราทั้งหลายรอดได้ ไม่ทรงโปรดให้มีในท่ามกลางมนุษย์ทั่วใต้ฟ้า” (กิจการ 4:12) แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วผู้เชื่อในลัทธิมอร์มอนจะเข้ากับคนง่าย, เต็มไปด้วยความรัก, และเป็นคนมีเมตตา – พวกเขาเกี่ยวข้องกับศาสนาเทียมเท็จและบิดเบือนพระลักษณะของพระเจ้า, ของพระเยซูคริสต์ และทางที่จะนำไปสู่ความรอด
นิกายมอร์มอนแพร่หลายมากในนิวยอร์คและรัฐอื่นๆ โดยเฉพาะ โอไฮโอ (Ohio) มิสซูรี (Missonuri) อิลลินอยส์ (Illinois) และยูทาห์ (Utah) ซึ่งเป็นเมืองที่พายุทอนาโดพัดถล่มมากที่สุดและเมื่อวันที่ 16 เมษายน 2011 ถูกพัดถล่มในวันเดียวกันถึง 10 ลูก และยังคงตามมาอย่างต่อเนื่อง


โดย: มรกต IP: 110.164.153.199 วันที่: 18 เมษายน 2554 เวลา:22:24:03 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

sriphat
Location :
ภูเก็ต Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]




โลกนี้มีเรื่องราวดีๆ ไว้ให้แบ่งปันกันมากมาย
New Comments
[Add sriphat's blog to your web]