|
ศรัทธาในการทำงาน
กริ๊งๆ กริ๊งๆ
แกรกๆ บ่ายวันนั้น เสียงกระดิ่งจากรถถีบสองคันแหวกความสงบของซอยอินทามาระเข้ามาอย่างเอื่อยเฉื่อย ชาวบ้านที่เห็นพวกเขาก็คงเข้าใจว่า ฝรั่งผมทองตาสีฟ้าสองคนนี้คงปั่นจักรยานไปทำงานกับบริษัทต่างชาติที่ไหนสักแห่งซึ่งตั้งสาขาอยู่ในเมืองไทยตามปกติวิสัยที่ชาวต่างชาติรวมถึงคนไทยบางคนชอบทำในยุคน้ำมันแพง แต่การปั่นในแง่ที่ว่านั้น
เป็นการปั่นเพื่อทำมาหาเลี้ยงชีพ กลับกัน...ฝรั่งสองคนที่เราพบวันนั้นกลับปั่นด้วยแรง "ศรัทธา" ในบางสิ่ง โดยไม่เกี่ยวกับการเลี้ยงชีพแต่อย่างใด
- 1 - ก่อนกล่าวถึงพวกเขา เราคงต้องล้างและลบภาพพฤติกรรมที่บางศาสนาหรือบางความเชื่อพยายามยัดเยียดสู่ผู้คนโดยการจู่โจมและสร้างความน่ารำคาญโดยอาศัยความเกรงใจของคนไทยเป็นจุดอ่อนออกเสียก่อน เพราะชายทั้งสองคนซึ่งมีความเชื่ออีกแขนงนี้ กลับสุภาพอ่อนโยนกว่าที่เราคาดคิด พวกเขาเรียกตัวเองว่า Elder มีวัตรปฏิบัติเยี่ยงนักบวชทั้งในชีวิตส่วนตัวรวมถึงชีวิตประจำวัน พวกเขาเดินทางไปในที่ซึ่งชะตากรรมลิขิตและเชื่อว่าการกระทำนั้นก็คือการรับใช้ผู้อื่น และสร้างความสุขให้กับจิตวิญญาณของตนเอง พวกเขาไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มน้ำชา กาแฟ
รวมไปถึงชาเขียวของเสี่ยตัน โออิชิ และทุกวันตั้งแต่สายๆ พวกเขาจะใช้เวลาออกขี่จักรยานตระเวนประกาศศาสนาตามตรอกซอกซอยคล้ายดั่งมิชชันนารีในคริสต์นิกายอื่นเมื่อหลายร้อยปีก่อนกระทำ ทุกเช้า Elder Parker และ Elder Van จะตื่นขึ้นเพื่อทำกิจวัตรประจำวันตั้งแต่หกโมงครึ่ง นั่งท่องสวดศึกษาคัมภีร์ตามหลักศาสนาจนถึง 10 โมง ก่อนหนังสือจะเปลี่ยนเล่มเป็นภาษาไทย และพวกเขาจะใช้เวลากับบทเรียนอีกราว 30 นาทีแล้วปิดประตูที่พำนักจับจักรยานคู่ใจถีบออกไปทำหน้าที่ "รับใช้" ผู้คน ก่อนจะกลับที่พำนักในเวลา 3 ทุ่มตรง และเข้านอนในเวลา 4 ทุ่ม ซึ่งทั้งหมดนี้พวกเขาปฏิบัติโดยเคร่งครัดอย่างยิ่ง กว่าจะถึงวันนี้ที่ Elder Parker และ Elder Van ปั่นรถถีบอยู่ในท้องถนนของ บางกอก ไทยแลนด์ ใครจะเชื่อบ้างว่าพวกเขาเตรียมตัวทำเรื่องเหล่านี้มาตั้งแต่อายุ 14-15 ปี "ผมเป็นสมาชิกของศาสนจักร (มอรมอน:พระเยซูคริสต์แห่งสิทธิชนยุคสุดท้าย) ตั้งแต่เกิด ผมปรารถนาจะพิสูจน์ว่าศาสนจักรนี้ถูกต้องหรือไม่ เลยลองสมัครมาสอนศาสนา ผมมาจากรัฐยูท่าห์ ในสหรัฐอเมริกา ศาสนานี้มีกฎเข้มพอสมควร ผมจึงอยากรู้ว่าควรต้องรักษากฎนี้หรือไม่
" เอลเดอร์ พาร์เกอร์ เล่าอดีตก่อนมาสอนศาสนาในเมืองไทย เช่นเดียวกัน ห่างไปทางเหนือหลายพันไมล์ในแคนาดา...ที่เมืองชาร์ลดีล จังหวัดแอลเบอร์ตา (เอลเดอร์) แวนซ์ (เจ้าตัวสะกดชื่อของเขาเป็นภาษาไทยแบบนี้)ซึ่งอาศัยอยู่ที่นั่นก็มีความรู้สึกไม่ต่างกัน "ผมเป็นสมาชิกของศาสนจักรนี้ตั้งแต่เกิด พ่อแม่ก็เป็น ที่มาเพราะผมต้องการพิสูจน์ พ่อแม่บอกศาสนจักรนี้ถูกต้อง แต่ผมเองยังไม่แน่ใจจึงทดลองมา" สองคนเล่าว่าชีวิตวัยเด็กโดนปลูกฝังจากศาสนจักรและพ่อแม่ ให้มีความรักในครอบครัว และโดยส่วนตัว พวกเขามีความหวังทำงานเก็บเงินสักก้อนขณะนั้นเพื่อออกเดินทางทางจิตวิญญาณเมื่อพวกเขาอายุ 19-20 ปี เป็นการไปใช้ชีวิตในต่างแดนในแบบที่ต่างจาก Backpacker ที่ฮิตทั่วโลกโดยสิ้นเชิง
- 2 - ทั้งสองคนเล่าว่าถูกส่งไปอบรมเป็นเวลา 10 อาทิตย์ เพื่อเรียนภาษาของประเทศที่พวกเขากำลังจะถูกส่งไป วิธีการสอนศาสนา รวมถึงรับฟังประสบการณ์จากครูสอนศาสนาที่เคยมาอยู่ในประเทศนั้นก่อน "เราสมัครกับทางศาสนจักรแล้วเขาจะส่งรายละเอียดไปที่ศูนย์ใหญ่ ศาสนจักรเราจะมีคนๆ หนึ่งที่เป็นศาสดาผู้พยากรณ์ เป็นประธานของศาสนจักรนี้ ผู้นั้นจะได้รับการเปิดเผยจากพระเจ้าและจะบอกว่าคุณจะได้ไปที่ไหน ประเทศไหน แล้วเราก็จะรับการอบรมก่อนไป ไม่จำเป็นว่าผมต้องเก่งในการสอนศาสนา ทั้งหมดเกี่ยวกับความปรารถนาที่จะรับใช้คนอื่น เก่งภาษาหรือไม่ก็ได้ ภาษาไทยยากนะครับ(ยิ้ม) ผมเคยเรียนภาษาเยอรมันมาก่อนก็ยังจำไม่ได้เลย นี่ก็เป็นภาษาที่ต่างออกไปอีก การเรียนภาษาอื่นมันยาก อาจเหมือนเวลาคนไทยเรียนภาษาอังกฤษ ผมไม่สามารถบอกว่าที่เรียนภาษาไทยได้เพราะทักษะของผม ผมขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าที่จะพูดภาษาไทยได้บ่อยๆ" เอลเดอร์ พาร์เกอร์ เปิดเผยถึงสิ่งที่พวกเขาต้องฝึกฝนก่อนมาซึ่งหนึ่งในนั้นรวมถึง "ศรัทธา" ในทำงานที่พวกเขาจะต้องมาทำอีกด้วย ถึงบรรทัดนี้ ต้องย้อนทำความเข้าใจกันสักนิดว่า "ศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งสิทธิชนยุคสุดท้าย" หรือที่เรียกง่ายๆ ว่า "มอร์มอน" ที่เอลเดอร์แวนซ์ กับพาร์เกอร์ สังกัดอยู่นั้นเข้ามาเมืองไทยนานร่วม 30 ปีได้แล้ว มอร์มอนก่อตั้งโดยโจเซฟ สมิธ ที่สหรัฐเมื่อปี 1830 (พ.ศ.2373) ในหลักการเบื้องต้นซึ่งพาร์เกอร์เล่าให้คนต่างศาสนาอย่างเราฟังคือพวกเขาเชื่อว่านอกจากคัมภีร์ไบเบิลแล้วยังมีคำสอนอีกเล่มคือพระคัมภีร์มอร์มอน ซึ่งพระเจ้าได้แสดงต่อโจเซฟ สมิธ ผ่านจารึกต่างๆ และพวกเขาเชื่อว่านี่คือศาสนาของพระเจ้าที่ได้รับการฟื้นฟูในยุคปัจจุบัน มอร์มอนไม่มีบาทหลวง แต่มีผู้เผยแผ่ที่เรียกว่าเอลเดอร์ (ผู้ชาย) และ ซิสเตอร์ (ผู้หญิง) ซึ่งไม่ใช่แม่ชีในมโนภาพที่เรารู้จักผ่านศาสนาคริสต์นิกายใหญ่ๆ อย่างโรมันคาทอลิกแต่อย่างใด "ศาสนจักรเราไม่มีบาทหลวง และคนที่มาไม่มีใครมีรายได้อะไรจากการทำตรงนี้ ทุกคนสมัครใจมา คนสอนศาสนาอย่างผมมีหัวหน้าคือ "ประธานคณะเผยแพร่" (สำหรับใน 1 ประเทศ) ส่วนสาขาแต่ละเขตจะมี "ประธานสาขา"คอยช่วยเหลือ แต่ละโบสถ์มีคนสอนศาสนา 2-6 คน ที่นี่ (สุทธิสาร) มี 6 คน ยังมีคนสอนสูงอายุที่เขารับใช้เต็มเวลาด้วย" พาร์เกอร์ ขยายความต่อว่า "ที่ใช้คำว่า 'รับใช้' เพราะเราไม่มีรายได้ ทำด้วยความเต็มใจ เราไม่สอนศาสนาอย่างเดียว สอนภาษาด้วยอาทิตย์ละ 2 ครั้ง ซึ่งทำทั่วประเทศ ผมเชื่อว่าคริสต์นิกายอื่นและทุกศาสนาสอนให้คนเป็นคนดีทั้งนั้นครับ เราต่างออกไปเพราะมีความเชื่อว่ามีศาสดาผู้พยากรณ์ ซึ่งเป็นผู้ได้รับการเปิดเผยจากพระเจ้าอยู่บนโลกนี้แล้วเท่านั้น" พาร์เกอร์อธิบาย มอรมอนถือเป็นอีกความเชื่อหนึ่งซึ่งก็มีวิถีของตนเองและก็มีการเผยแผ่ในแบบเฉพาะ เอลเดอร์ทั้งคู่บอกผมว่าเขาไม่ได้ถูกใครบังคับให้เดินทางมาเพื่อใช้ชีวิตคล้ายนักบวชและเผยแผ่ศาสนาในสังคมและประเทศที่เขาไม่เคยรู้จักไกลจากบ้านเกิดเป็นพันไมล์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะที่มีอายุเพียง 19-20 ปี ซึ่งควรจะเป็นวัยสนุกสนานมากกว่า "ผมทำงานตั้งแต่อายุ 15 ปี เก็บเงินเพื่อจะมาเป็นผู้สอนศาสนา ที่เดินทางมานี่ค่ากินค่าอยู่ ศาสนจักรไม่ได้สนับสนุนครับ พ่อแม่หรือญาติสามารถช่วยเรื่องเงินทองได้ แต่นี่เป็นการตั้งเป้าหมายของตัวผมเองมานานแล้วที่อยากออกมาทำอย่างนี้สักครั้ง ผมเห็นคนที่มาสอนกลับไปเล่าประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่ในการรับใช้คนต่างประเทศ อาจมีสัก 10 คนที่รับความสุขไป เราอยากได้ความสุขแบบนี้บ้าง แน่นอนในอนาคตเราต้องมีการเก็บเงินเพื่อตัวเอง เพื่อที่จะมีอาหาร ที่พัก แต่ช่วงหนึ่งของชีวิตเราเชื่อว่าความสุขจะหาได้ในการรับใช้คนอื่น ผมเชื่อว่าระยะเวลา 2 ปีจะช่วยให้ผมมีความสุขมากกว่าที่เคยมีมาในวัยหนุ่มที่หายไป" แวนซ์ เองก็รู้สึกไม่ต่างกัน "ผมเริ่มเก็บเงินตอนอายุ 17 ปี เพื่อมาสอนศาสนา ผมจ่ายทั้งหมดเองครับ คิดว่าเรื่องนี้สำคัญ แม้ศาสนจักร(มอร์มอน)จะไม่ว่าอะไร และมีกฎเปิดทางว่าพ่อแม่หรือญาติสามารถช่วยเหลือในเรื่องนี้ได้ การเดินทางมาแบบนี้มีคุณค่าบางอย่างสำหรับผมมาก" - 3 - ชีวิตเอลเดอร์ต่างแดนของผู้ถือนิกายมอรมอนแต่ละคน จะมีช่วงเวลาสั้นๆ คือไม่เกิน 2 ปี สำหรับผู้ชาย และ 18 เดือนสำหรับผู้หญิง เพราะมอรมอนเป็นศาสนจักรที่ให้ความสำคัญกับสถาบันหลักคือครอบครัว ซึ่งนั่นทำให้พาร์เกอร์และแวนซ์ไม่ค่อยคิดถึงบ้านมากนักและสามารถเก็บเกี่ยวความสงบสุขและทำหน้าที่ตรงหน้าได้อย่างเต็มที่ "ผมไม่เสียดายที่ช่วงนี้ไม่อยู่บ้าน ผมรู้ว่า 2 ปี เราก็จะกลับไป อยู่มากกว่า 2 ปี ไม่ค่อยได้ครับ มอร์มอนแนะนำให้เราคิดถึงครอบครัว ครอบครัวคือสิ่งที่เราให้ความสำคัญมากทั้งปัจจุบันและนิรันดร" "ตอนแตะพื้นครั้งแรกหลังออกจากเครื่องบิน ความรู้สึกแรกคืออากาศร้อน (หัวเราะ) ผมตื่นเต้นมากก่อนจะมา ที่ผ่านมาผมเคยได้ยินแต่คำว่าบางกอก จังหวัดอื่น ภาคอื่นของไทยไม่เคยได้ยินเลยครับ เคยคุยกับคนที่มาที่นี่เขาว่าดีมาก คนไทยใจดี ให้น้ำให้ดื่มทุกครั้ง ไม่ว่าจะสนใจหรือไม่สนใจในสิ่งที่เผยแผ่หรือไม่ก็ตาม ด้านไม่ดีของที่นี่ผมยังไม่เจอครับ นอกจากเรื่องรถติด คนไทยใจเย็นมากที่อเมริกาถ้าติดขนาดนี้เขาบีบแตรกันระงมแล้ว" และสำหรับเมืองไทยโดยเฉพาะในเมืองใหญ่ การขี่จักรยานอาจจะเหมาะกับการจราจรที่ติดขัดและเข้าถึงบ้านผู้คนมากกว่า ซึ่งในแต่ละประเทศไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นแบบนี้เสมอไป แวนซ์ยังเสริมถึงการใช้พาหนะของเหล่าเอลเดอร์ในพื้นที่ทั่วโลกว่า "เราขี่จักรยานทั่วโลก ที่ยุโรปอาจมีขับรถด้วย อเมริกามีจำนวนมากขับรถเผยแผ่ครับ" พาร์เกอร์ยังเปรียบเทียบชีวิตคนธรรมดาและคนสอนศาสนาที่ถือนิกายมอร์มอนให้ฟัง"วันอาทิตย์ผมต้องมาโบสถ์เรียก Sabbath เป็นวันที่เข้าร่วมพิธี เหมือนวันพักผ่อนทางวิญญาณหลังทำงานทั้งอาทิตย์ วันนั้นโบสถ์จะเริ่ม 9.00-12.00 น. หลังจากนั้นสมาชิกจะทานอาหารร่วมกัน แล้วกลับบ้านตอนบ่ายโมงเพื่อไปเยี่ยมเพื่อนหรือครอบครัว สำหรับนักบวชมีวันหยุดอีกคือวันพุธ เร่าจะหยุดงาน 12 ชม. ไปเที่ยวได้แต่ 6 โมงเย็นต้องกลับมาสอนศาสนาต่อถึง 2 ทุ่ม นอกนั้นกิจวัตรจะคล้ายๆ กันทุกวันครับ" สำหรับคนที่ถือมอร์มอนทั่วไปวันจันทร์คือวันครอบครัว ซึ่งจะมีกิจกรรมซึ่งทำให้ครอบครัวสนิทกัน ซึ่งพาร์เกอร์และแวนซ์บอกว่าสถาบันนี้สำคัญมากเช่นเดียวกับความเชื่อเดิมของคนไทย และมอรมอนยังมีบางสิ่งที่ทุกศาสนามีเหมือนกันคือมีข้องดเรื่องอบายมุข "คนธรรมดาที่ถือมอร์มอนสามารถดูหนัง ฟังวิทยุได้ แต่มีข้อแนะนำว่าอย่าฟังดนตรีที่แรงเกินไป หรือหนังที่ไม่เหมาะเช่นหนังลามก ซึ่งตรงนี้ไม่ใช่กฎ" "มอรมอนมีหลายกฎ มาจากพระผู้เป็นเจ้าผ่านทางศาสดา ผมหมายถึงเราไม่ได้เลือกตั้งหรือตัดสินใจอะไรตามใจว่าจะทำแบบไหน มีหลายกฎเช่นสุขภาพ เรียกพระวาจาแห่งปัญญา ห้ามเรื่องเหล้า บุหรี่ ชา กาแฟ บางครั้งเราไม่รู้หรอกครับว่าทำไมพระเจ้าห้าม แต่เราก็ทำและรักษากฎที่ทรงตั้งไว้อย่างดี" วันนี้พาร์เกอร์ (20 ปี) และแวนซ์ (19 ปี) ยังคงปั่นจักรยานและออกพบผู้คน และบางวันก็สอนภาษาอังกฤษให้กับเด็กๆ หลายคนอาจเคยเห็นคือหนุ่มฝรั่งแต่งตัวเรียบร้อยขี่จักรยานไปตามบ้าน และถนนหนทาง โดยพาร์เกอร์เหลือเวลาอีก 10 เดือนก่อนจะกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ "เราหาคนตามถนน คุยเรื่องศาสนา ใครสนใจจะนัดเพื่อสอนต่อไป ไม่บังคับใคร เราถือว่าจะช่วยเขามีความสุข ถ้าไม่สนใจก็ไม่สอน เราบังคับเขาไม่ได้ครับ ซึ่งที่ผ่านมาส่วนมากคนไทยต้อนรับดีมากครับ อย่างน้อยก็คุยกับเรา เอาน้ำมาให้ทานซึ่งผมรู้สึกดีมากในยามที่อากาศร้อน แต่มีกลัวบ้างก็กลัวรถชน (หัวเราะ) ก่อนออกจากบ้านผมอธิษฐานให้พระเจ้าคุ้มครอง ช่วงเวลานี้เป็นโอกาสที่ผมไม่ต้องคิดถึงเรื่องเกี่ยวกับตัวเองเลยและไม่มีอาชีพอื่น รับใช้คนอื่นอย่างเดียว มีความสุขครับ" ไม่ต่างกับแวนซ์ซึ่งเพิ่งมาได้ไม่กี่เดือนและเหลือเวลาปีกว่าในการทำงานทางจิตวิญญาณ ซึ่งดูเหมือนว่าเขาค้นพบอะไรจากคนไทยข้างทางที่รถถีบวิ่งผ่าน "ผมไม่เคยเจอไล่นะครับ คนไทยใจเย็นมากและใจบุญ ช่วยเหลือเสมอเมื่อหลงทางหรือจักรยานล้ม.." และด้วยความที่ทั้งคู่เป็นเอลเดอร์ แวนซ์ยังเล่าเกร็ดเล็กๆ ว่า"ตอนสอนศาสนานี่มีแฟนไม่ได้นะครับ (ยิ้มแบบสุภาพ) จีบผู้หญิงก็ไม่ได้ ต้องเน้นงานสอนอย่างเดียว ผมเคยมีแฟนมาก่อนตอนนี้ไม่มีเพราะทำงานศาสนา แต่กลับบ้านผมจะมีครอบครัว เราให้ความสำคัญเรื่องนี้มากครับ" บางที สิ่งที่เราเรียนรู้จาก "รถถีบแห่งศรัทธา" ของพวกเขา อาจไม่ใช่แค่เรื่องศาสนาของพวกเขา แต่เป็นเรื่องของ "ศรัทธา" ในการทำงานนั่นเอง...
Create Date : 24 สิงหาคม 2548 |
Last Update : 24 สิงหาคม 2548 13:14:58 น. |
|
22 comments
|
Counter : 3255 Pageviews. |
|
|
|
|
โดย: แอน IP: 142.177.105.199 วันที่: 31 ตุลาคม 2549 เวลา:10:06:56 น. |
|
|
|
โดย: belive of god IP: 124.120.130.209 วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:14:14:49 น. |
|
|
|
โดย: Sydney IP: 211.31.100.184 วันที่: 5 พฤษภาคม 2550 เวลา:5:57:57 น. |
|
|
|
โดย: ตั้ม IP: 203.113.62.6 วันที่: 23 พฤษภาคม 2550 เวลา:22:51:59 น. |
|
|
|
โดย: วิโรจน์ ศรีพรหม freedomsream@hotmail.com IP: 125.24.153.100 วันที่: 7 กรกฎาคม 2550 เวลา:18:43:10 น. |
|
|
|
โดย: แม่น้องไอแซค IP: 61.90.212.174 วันที่: 24 กรกฎาคม 2550 เวลา:13:53:09 น. |
|
|
|
โดย: Diaw IP: 203.172.184.166 วันที่: 6 สิงหาคม 2550 เวลา:14:46:00 น. |
|
|
|
โดย: การุณย์ IP: 222.123.8.210 วันที่: 4 ตุลาคม 2550 เวลา:0:31:42 น. |
|
|
|
โดย: ชาวมอรมอน IP: 222.123.56.71 วันที่: 30 มกราคม 2551 เวลา:20:37:27 น. |
|
|
|
โดย: ผ่านมา IP: 58.10.64.201 วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:17:11:36 น. |
|
|
|
โดย: Golf IP: 118.174.115.115 วันที่: 28 มิถุนายน 2551 เวลา:17:11:49 น. |
|
|
|
โดย: m IP: 61.7.145.27 วันที่: 27 ตุลาคม 2551 เวลา:17:02:40 น. |
|
|
|
โดย: Lita IP: 125.25.169.158 วันที่: 1 มิถุนายน 2552 เวลา:19:53:03 น. |
|
|
|
โดย: Holyboy IP: 203.144.144.164 วันที่: 14 มีนาคม 2553 เวลา:22:00:24 น. |
|
|
|
โดย: ผู้วิเคราะห์ IP: 10.251.37.228, 203.172.199.254 วันที่: 26 มีนาคม 2553 เวลา:14:58:56 น. |
|
|
|
โดย: ลูกชิ้น IP: 112.142.146.176 วันที่: 15 เมษายน 2553 เวลา:2:18:02 น. |
|
|
|
โดย: ไม่ประสงค์ออกนามหมายเลข 6 IP: 58.8.92.130 วันที่: 19 เมษายน 2553 เวลา:19:51:32 น. |
|
|
|
โดย: สมาชิกคนหนึ่ง IP: 10.250.171.10, 203.172.199.254 วันที่: 10 พฤษภาคม 2553 เวลา:12:29:39 น. |
|
|
|
โดย: ต้อม IP: 222.123.218.172 วันที่: 22 พฤษภาคม 2553 เวลา:9:32:01 น. |
|
|
|
โดย: มานา IP: 118.172.136.201 วันที่: 22 มิถุนายน 2553 เวลา:13:38:32 น. |
|
|
|
โดย: เข้ามาทักทาย IP: 180.180.223.232 วันที่: 4 ธันวาคม 2553 เวลา:11:15:04 น. |
|
|
|
โดย: มรกต IP: 110.164.153.199 วันที่: 18 เมษายน 2554 เวลา:22:24:03 น. |
|
|
|
| |
|
|
sriphat |
|
|
|
โลกนี้มีเรื่องราวดีๆ ไว้ให้แบ่งปันกันมากมาย
|
|
อีเมล์ chinnaporn@hotmail.com
or babyann2000@hotmail.com