Group Blog All Blog
|
สงบปากสงบคำ
อีกแล้นค่ะคุณ นอนเหงาใจในไคโรได้หนึ่งคืน เดี๊ยนล่ะดีใจเหลือหลายได้กลับบ้าน ปกติแล้วไม่เคยรู้สึกอยากกลับเท่าไรนอกจากเงินหมด เวลาหนึ่งวันอันน้อยนิดก็ไม่ค่อยได้ไปไหนเพราะกว่าจะตื่นหลังจากนอนเอาแรงก็เกือบหมดวันแล้ว เดี๊ยนก็ได้ไปตื่นตาตื่นใจกับร้านอาหารสไตล์อาฟริกันซาฟารี ใครที่ชอบบรรยากาศแนวป่าๆคงถูกใจ เสียดายที่ไม่ได้ชักภาพมาให้ดูกัน เพราะตอนนั้นอีแอร์เลือดร้อนหน้าบูด หนุ่มอาหรับที่อาสาพาทัวร์ ไปรับผิดเวลาปล่อยให้พยาธิในท้องเดี๊ยนดิ้นซะหน้าเขียวเลย มัวแต่โกรธเลยไม่ได้เคลิ้มไปกับบรรยากาศที่มีทั้งจระเข้ตัวบิ๊กบึ้มส่ายหัวไปมาอยู่ตรงทางเข้าร้าน ถัดมาก็มีช้างน้อย(ก้านกล้วยรึเปล่า ) ร้องแปร๋นๆหมุนหัวดิ๊กๆอีกแล้ว มีงูปลอมที่เคลื่อนไหวได้เกาะอยู่ตามกิ่งไม้เหนือศรีษะ ทานข้าวไปก็ได้บรรยากาศดีเลยล่ะค่ะคุณๆ ไม่โกรธกันนะ เดี๋ยวคราวหน้าไปใหม่แล้วจะเอาภาพมานำเสนอ ไฟล์ที่ผ่านมาทำเดี๊ยนหน้าบูดเบี้ยวเพราะยัยเจ๊เพอร์เซอร์เบอร์ 2 นามว่า Hoda Amin แหนะประจานซะเลย คาดว่าสร้างความไม่สะเบยใจให้เจ๊แกตอนที่บรีฟจากไคโรกระมัง เดี๊ยนและหนูซันนี่ตอบคำถามได้ไม่คล่องแคล่วถูกใจเพราะยอมรับว่ายังอ่อนประสบการณ์รวมถึงอะไรต่างๆที่เรียนมามันยังไม่พร้อมจะท่องออกได้เป็นนกแก้วนกขุนทองแบบลูกเรือยิปต์ทั้งหลาย คนเราเวลาพลาดนะคะก็อยากให้สอนว่าพลาดตรงไหน ที่ถูกต้องควรจะเป็นยังไง ไม่ใช่ด่าตะคอกไว้ก่อน งานนี้เดี๊ยนมีเถียงเพราะจากที่มีนิสัยลืมปากไว้ที่บ้าน ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย แต่พอพูดออกไปกลับกลายเป็นว่าเดี๊ยนก้าวร้าว เลยโดนซะ......สมัยเรียนก็คงเรียกได้ว่าถูกกาหัวเอาไว้ล่ะค่ะงานนี้ เจ๊ก็เล่นเดี๊ยนเลยตั้งแต่ก้าวขึ้นเครื่อง สายตามองหน้าเหยียดหยามเหลือเกิน แต่นังแอร์มือใหม่ 2 นางก็ทนเอา จนกระทั่งแยกย้ายไปทำหน้าที่ เดี๊ยนรับผิดชอบประตูหลักเหมือนเดิม แต่และแล้วเสียงโวยวายแปดหลอดเป็นภาษาอาหรับก็ดังขึ้น และเพิ่มขีดความดังขึ้นเรื่อยๆจนเจ้าหน้าที่ทั้งหมดร่วม 15 ชีวิตรวมถึงเจ้าหน้าที่ภาคพื้นก็หันไปมองต้นเสียง ที่เดินปึงปังหน้าบอกบุญไม่รับมาทางด้านหน้าของเครื่องบินไม่ไกลจากรัศมีที่เดี๊ยนยืนอยู่ ความรู้สึกบอกว่าระเบิดต้องมาลงที่กรูแหงๆ และแล้วก็เป็นจริงดังคาด เสียงบริภาตและกิริยาต่างๆประมาณนางร้ายตามละครทีวี ขนาดกิ๊กสุวัจนียังอายทำให้สายตาทุกคู่หันมามองที่เดี๊ยน และแล้วไอ้ที่พูดเป็นอาหรับทั้งหมดหน่ะก็ถูกอีเจ๊นี่ด่าภาคแปลตอกหน้าเดี๊ยนอีกทีหนึ่งว่าถ้าไม่เปิดเช็คโต๊ะด้านหน้าของผู้โดยสารทั้งหมดทางซีกเดี๊ยนรวมทั้งกระเป๋าด้านหน้าที่นั่ง รวมประมาณ 150 ที่เห็นจะได้ เดี๊ยนก็จะโดนรายงานจากนังเจ๊ปากตลาดนี่แน่นอน ปกติก็จะรู้แค่ว่าต้องเก็บหูฟังที่วางเหลืออยู่ไปรวมใส่ถุงที่ใช้แล้ว ไม่ได้รู้ว่าต้องไปคุ้ยเขี่ยหาขยะข้างในนั้นด้วย คุณคะ ปัญญาชนกันแล้วพูดดีๆก็ได้ ตั้งแต่เทรนแล้วก็ทำงานมา 2 เดือน นี่เป็นครั้งแรกที่ทราบว่าเดี๊ยนต้องตรวจเองด้วย คิดมาตลอดว่าเป็นหน้าที่ของพนักงานทำความสะอาดร่วม 10 ชีวิตที่เดินไปเดินมาอยู่เนี่ย ลุงเพอร์เซอร์เบอร์ 1 ก็ถามว่าเดี๊ยนเป็นอะไรรึเปล่า กลัวว่าจะอึ้งไปกับพฤติกรรมของอีเจ๊นี่ คราวที่แล้วที่ร้องไห้จากเพื่อนร่วมงานไอ้เถิกอเมริกันฟุตบอล เดี๊ยนก็มีภูมิคุ้มกันขึ้นเยอะค่ะ ไม่งั้นคงร้องไห้น่าดูเพราะอีเจ๊เล่นซุบซิบกับแอร์ชาวยิปต์นางอื่นๆที่บิสเนสกับเฟริส์คลาสจนได้รับสายตาเหยียดหยามเพิ่มขึ้นตอนไปขออะไรต่อมิอะไรจากครัวด้านหน้าน่ะสิคะ บางคนก็คุยด้วย แต่หลังๆก็ไว้ตัวไม่คุยด้วยซะงั้น แต่ก็ไม่เลวร้ายเกินไปเพราะได้ขาเม้าท์เป็นลุงเพอร์เซอร์ 2 นาย ทำให้เดี๊ยนและซันนี่ลืมรังสีอำมหิตบนเครื่องไปได้เยอะเลยค่ะ บางครั้งก็มีผู้โดยสารชาวจีนที่นอนไม่หลับเดินมาคุยด้วยให้ลุงเพอร์เซอร์อำเล่นจนเป็นที่หนุกหนาน ก่อนหน้านั้นเดี๊ยนก็เจอฤทธิ์แม่มดนางนี้ตอนเสริฟ์อาหารค่ำ แล้วก็อาหารเช้าตามระเบียบ โดนจวกทุกเมื่อที่พูดอะไรผิดไป นั่งเงียบเป็นนางพิกุลทองก็ไม่ใช่เดี๊ยนแล้วล่ะค่ะ งานนี้ก็เลยมีปากเสียงเถียงกันเล็กน้อย แต่ละคำพูดก็เสียดแทงทำให้คนฟังเจ็บช้ำน้ำใจพอดู เดี๊ยนก็ตอบโต้จนถูกสั่งให้เงียบไม่มีสิทธิ์เถียง เพราะเป็นแค่ลูกน้อง พองานเสร็จ นังแอร์มีอันแจกเบอร์ผู้โดยขาเม้าท์ชาวจีนสไตล์ฮิปฮอปไปกลุ่มนึง รวมถึงลุงเพอร์เซอร์ด้วย เจ้านายไม่แฮปปี้แต่ท่านผู้โดยยิ้มแย้มเดี๊ยนก็ถือว่าสอบผ่านล่ะค่ะ วันเบลอๆของชีวิต
ช่วงนี้จะว่าว่างมากก็ไม่เชิง ก็มีอันต้องวิ่งวุ่นทำเรื่อยย้ายที่เรียนให้ไอ้ตัวเล็กอีกแล้ว เวลาผ่านไปไม่กี่เดือน เจ้าจิ๋วจอมจุ้นก็ขอให้เดี๊ยนช่วยหาที่เรียนใหม่ให้ในเมืองจีน เพราะทนไม่ไหวอาหารในไทเปแพงเหลือเกิน
ถึงจะสบายใจเหลือหลายเพราะเทคโนโลยีและความทันสมัยได้ใจ รวมถึงการ์ตูนโป๊ที่(เคย) เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตหาได้ง่ายกว่าหนังสือพิมพ์บนแผงหนังสือซะอีก แต่ก็กัดฟันขอไปกินอยู่อย่างสบายใจไม่ต้องทนกินแต่ฝรั่งลูกละ 10 NT. ( 12 บาท) ดีกว่า ก็ด้วยความที่กล้วยครึ่งหวี ราคาปาเข้าไปครึ่งร้อย อาหารสนนราคาจานละกว่าร้อยบาท ชีวิตนักเรียนไทยจนๆอย่างน้องเดี๊ยนก็คงทรมานน่าดู ย้ายไปเรียนที่ปักกิ่งคงใช้เงินได้อย่างสบายใจและคุ้มค่ากว่านี้ สมัยก่อนชีวิตเดี๊ยนก็ประมาณนี้แหละค่า แต่มีความสุขกว่านี้เพราะมีบอดี้การ์ดแมดอินเจแปนคอยส่งส่วย ชีวิตประจำวันคุณหนูเลยไม่ค่อยทุกข์ร้อนเท่าไหรจนกระทั่งเงินหมดนั่นแหละ สังเกตุว่าบริษัทเอเยนซี่ทั้งหลายที่ส่งนักเรียนไทยไปเรียนแถบเอเชียเริ่มโตขึ้นและเปิดกันเป็นดอกเห็ดเชียว เมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้วยังไม่ฟู่ฟ่าขนาดนี้ วันนี้เดี๊ยนก็ได้เข้าไปสอดแนมกับเขาด้วย หูตาสัปปะรดอย่างเดี๊ยนก็ไปได้ยินคุณน้องหนูคนนึงกำลังคุยกับเจ้าหน้าที่ นัยว่าเจ้าหล่อนเพิ่งเรียนจบเลยอยากไปเรียนโทเอ็มบีเอต่อที่ปักกิ่ง มหาลัยที่มีชื่อเสียงทางด้านบริหารและเศรษฐศาสตร์ซะด้วย คำถามแต่ละคำล้วนบ่งบอกถึงวุฒิภาวะและระดับความรู้รอบตัวของเธอจริงๆ ฟังแล้วเหนื่อยใจแทนคนที่นั่งตอบคำถามและอธิบายวัฒนธรรมพื้นฐานของคนที่นั้นให้หล่อนฟัง แต่คำพูดที่สะกิดใจเจ๊ก็คือ พี่ที่ให้ข้อมูลพูดปลอบน้องเค้าว่า "น้องครับมันคงไม่เลวร้ายแบบไปอินเดียหรอกครับ" กรี๊ดดดดดดดดด เดี๊ยนคนนึงนี่แหละที่อยากเป็นนักเรียนนอกที่อินเดีย เลวร้ายตรงไหนมิทราบ พูดแล้วเสียกำลังใจจริงๆ ก่อนจะมองออกไปข้างหน้า จำเป็นอย่างยิ่งที่ควรจะมองซ้ายและมองขวาของตนเองซะก่อน โลกนี้ไม่ได้มีแค่เมืองไทย อเมริกา อังกฤษ แล้วก็ยุโรปนะคะ ถ้าคนไทยรวมถึงรัฐบาลไม่ดูถูกประเทศเพื่อนบ้าน เราคงไปได้ไกลกว่านี้ เดี๊ยนนั่งขำได้ไม่นานกับอาการตกใจของน้องหนูอินโนเซ็นต์กับเรื่องการใช้ห้องน้ำของคนจีน ความซกมก ความถี่ของการอาบน้ำ และอุปนิสัยอื่นๆที่เรารู้ๆกันอยู่ ก็พลางคิดว่า "จะไหวร้ออีนางเอ๊ย ย้ายไปเรียนอังกฤษยังทันนะ" และแล้วนังหนูก็โพล่งคำถามออกมาว่าถ้าทนไม่ไหวขอโอนไปเรียนที่อเมริกาได้ไหม .........โถชีวิตสปอยเกิรล์ วันเบลอๆนี่ทำให้เดี๊ยนเกือบแย่หลายเรื่องเลย เริ่มด้วยนั่งรถเป็นคุณนาย กว่าจะถึงที่โรงแรมซึ่งเป็นที่สิงสถิตของลูกเรือนังยิปต์ทั้งหลาย ก็เพิ่งนึกได้ว่า "ตายละหว่า ตูลืมผูกผ้าพันคอมา" ชิปหายแล้ว ตอนนั้นนี่นั่งไม่ติดเลย สำรองในกระเป๋าก็ไม่ได้ใส่ไว้ ตาลีตาเหลือกโทรไปจิกคุณนายแม่ให้เอามาให้ ทันทีที่ทราบข่าว คุณนายแม่เดี๊ยนก็ส่งสิงห์มอเตอร์ไซค์รับจ้างหน้าปากซอย เสื้อวินสีส้มแป๊ดดดดดบึ่งมาส่ง กว่าจะถึงที่เดี๊ยนก็หัวใจแทบวายเพราะเกือบได้เวลารถออกพอดี ว่าแล้วก็ล้วงเอาผ้าพันคอเจ้ากรรมที่วางเรียงจับกลีบสวยงามจากถุงพลาสติกใสที่ดูขยุกขยุยมารัดคอให้ดูเป็นังแอร์ไฮโซขึ้นมาหน่อย ดีนะยังไม่มีใครสังเกตุเห็น ไม่งั้นล่ะก็ ตายทั้งเป็นตลอดไฟล์ทั้งไปและกลับแหงแซะ ระหว่างไฟล์ก็ไม่เลวร้ายเท่าไรดอกค่า ทำถาดหกใส่ตักท่านผู้โดยรูปหล่อท่านหนึ่ง แต่โชคดียังเป็นของอีแอร์ เพราะอาหารไม่เปิดหกออกมา แต่ก็มีสติดีเลยรีบเปลี่ยนให้ใหม่ น้องซันนี่ก็ประมาณเดียวกับเดี๊ยน เดินหน้าตาตื่นมาบอกว่าทำไดเอ็ดโค้กพุ่งกระจายเต็มหัวเหน่งผู้โดยอียิปต์ พุ่งไกลไปถึงรองเท้าเพอเซอร์อีกต่างหาก โชคยังดีที่วันนั้นไม่ใช่ผู้โดยสารไทย ไม่อย่างนั้นชีวิตเดี๊ยนและหนูซันนี่คงจะหาไม่ ได้อืดคาถ้วยมาม่าท่านผู้โดยเหมือนแอร์เอเชียคนนั้นแน่เลย ล้อเล่นนะค๊า โรคจิตแบบนั้นขอให้เจอกับสจ๊วตเมนส์หมดกับแอร์ชะนีแก่หน้าบูดชาวยิปต์แล้วกันนะค๊า ตัวใครตัวมัน ก่อนหน้าไฟล์ที่แล้วเดี๊ยนโดนบิดหูเนื่องด้วย 1. อ่านหนังสือพิมพ์บนไฟล์ (เห็นอ่านกันทุกไฟล์ทำไมไม่ด่าบ้างล่ะ รึว่าผิดที่อ่านไทยรัฐไม่ใช่ นสพ.อาหรับ) 2. เล่นเกมส์กดบนมือถือ (ตาสจ๊วตข้างๆเล่นนำก่อนนะ) 3. เคี๊ยวหมากฝรั่ง (ก็เพิ่งตื่นตอนผลัดเวรอ่ะ ไม่ได้แปรงฟันนี่แล้วก็เคี้ยวในแกรี่นะ ไม่ได้ประเจิดประเจิ้อ) 4. เผลอหลับบนจั๊มซีส ที่อ่านมาเนี่ย ชีวิตคนนะคะ เป็นแอร์ลูกเมียน้อยนี่มันน่าน้อยยยยยยใจ หมดฤทธิ์
วันนี้ไม่มีบิน แต่ก็ไม่มีแรงไปไหนเพราะส้มตำปูปลาร้า ร้านลุงเขมรเจ้าเก่าเป็นเหตุ ก็ท้องเสียสิคะ สงสัยเป็นเพราะเพิ่มปูเค็มไซค์บิ๊กจัมโบ้ลงไปอีก 6 ตัวนั่นแน่ๆเลย อุตส่าห์เอาไปลวกก่อนแล้วเชียวนะ ไม่ก็ส้มตำปูไข่ดองร้าน Good View แหงแซะ อาทิตย์นี้นังแอร์พุงครากเลยค่ะ เบื่อออเดิฟ์ปลาแซลมอนเย็นชืดทุกมื้อบนเครื่อง เดี๊ยนก็เลยหันมาหาอาหารพื้นบ้านจานโปรดดูบ้าง แต่คราวหน้าคงขอบายล่ะค่ะ อยากนักก็จะกินอย่างมีลิมิตแล้วกัน บินแรกๆน้ำหนักลดฮวบฮาบ ต้องกินยา Dramamine แก้คลื่นเหียนตลอด ตอนนี้เริ่มเจนเครื่องก็เลยกินดะหลังจากผะอืดผะอมมานาน น้ำหนักเลยขึ้นพรวดพราดอย่างที่เห็นในรูป แต่เทียบขนาดแล้วเดี๊ยนก็ยังเล็กไปถนัดเลยตอนนั่งอยู่ท่ามกลางสจ๊วตหนุ่มมูฮัมหมัดทั้งสองคน ไฟล์นี้มีมูฮัมหมัด 4 หนุ่ม งง อ่ะดิ เดี๊ยนยังงงเลย ต้องเรียกชื่อพร้อมลักษณะพี่ท่านไปด้วย มีทั้ง มูฮัมหมัดอ้วน , มูฮัมหมัดตาหวาน, มูฮัมหมัดแก่ และมูฮัมหมัดแห้ง เอาเข้าไป ชื่อยอดฮิดนี่เจอกันทุกไฟล์ค่ะ ไม่เว้นแม้กระทั่งกัปตัน วานนี้เดี๊ยนก็มีอันได้ไปตะลอนทัวร์วัดพระแก้วกับสจ๊วตสาวร่างยักษ์ หลังจากหลวมตัวรับอาสาเป็นไกด์ตอนไปดิ้นกันในซูซี่ผับ งานนี้ตกกระไดพลอยโจนเนื่องจากไม่เคยบินด้วยกันมาก่อนดอกค่า แต่เดี๊ยนเห็นก็สงสาร เหมือนมาอียิปต์แต่ไม่ได้เห็นพีระมิด กว่าจะได้มาอีกก็โน่นสิ้นปี สมัยเรียนก็เคยลงวิชา English for Tourism กับเขาบ้างเหมือนกัน จำได้ว่าจับฉลากได้บรรยายพระบรมมหาราชวังคนเดียวตลอดศก ครั้งนี้เลยต้องคว้าตำราเก่าๆมานั่งดู เนื่องจากไม่อยากขายหน้าชาวอาหรับ งานนี้ใครพาเพื่อนต่างชาติเที่ยวโบราณสถานแต่อธิบายไม่ได้เนี่ย รีบด่วนไปเปิดตำราเตรียมพร้อมไว้ซะ ไกด์ท้องถิ่นก็ไม่มีอันได้อัฐจากกลุ่มเดี๊ยนหรอกฮ่า เรียนมาเหมือนกันแต่เดี๊ยนไม่มีบัตรไกด์สีทองเท่านั้นเอง อีแอร์รับบทเป็นไกด์ผีไปก่อนนะทีนี้ ถามกันทุกเที่ยวบินค่ะคุณจนเดี๊ยนจะเป็นทูตพิเศษการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยซะแล้ว บรรยายกันทุกเที่ยว กะว่าคราวหน้าจะแบกแผนที่เที่ยวกรุงเทพไปแจกกันบนไฟล์ คนเป็นลูกเรือนี่ใช่ว่าจะชาญฉลาดหาที่ท่องเที่ยวเก่งไปซะทุกคนนะคะ ที่ไม่รู้อะไรเลย ชีวิตมีแต่ห้องนอนและห้างแถวโรงแรมนี่มีออกเยอะแยะไป ก็อย่างว่าบางประเทศปีนึงได้ไปแบบนับครั้งได้ ใครจะมาขยันนั่งเปิดหนังสือท่องเที่ยวกันทุกครั้ง เงินมีแต่ไม่รู้จะไปไหน ไปยังไง อีกทั้งเพื่อนร่วมอาชีพที่เพิ่งเคยเจอหน้ากัน บ้างก็ไม่สนิทก็ไม่อยากจะไปกับมัน อันนี้เดี๊ยนก็หาทางแก้ปัญหาให้ หารายได้เข้าสู่ประเทศแล้วกัน แนะนำให้มันไปเที่ยวซะ แต่บางคนมันเอาเปรียบกันจังเวลาทำงานบนเครื่อง ก็ไปเองละกันมึง เดี๊ยนขอบาย ขมๆ หวานๆ
สวัสดีค่ะพี่น้อง เดี๊ยนขอกระแดะทักทายแบบมุสลิมหน่อยนะคะ ถึงตัวเองจะเป็นชาวพุทธก็เถอะ เซ็งโคตรเลย พิมพ์เกือบเสร็จแล้วข้อความดันหายหมดเลย ต้องมาเริ่มต้นกันใหม่ อัฟบล๊อกทีไรเดี๊ยนขาดไม่ได้กับการเปิดเพลงฤดูที่แตกต่างคลอไปด้วย จะได้อารมณ์บรรเจิดมากในการเขียน http:.kapook.com/newmusicstation/play.php?id=5610 ผ่านไฟล์จิตตกที่โดนอีสจ๊วตถึกในร่างนักกีฬาอเมริกันฟุตบอลด่ารวม 10 ชั่วโมงบิน และก็อีกนั่นแหละ มือถือ 750000 รูเปียของเดี๊ยนอันตรธานหายบนเครื่อง อีแอร์ร้องไห้กับเรื่องโดนด่ามาจนนมเนิมเหี่ยวหมดแล้ว ตอนนี้ก็ยังไม่วาย ในหัวสมองคิดแต่เรื่องหาซื้อบิกินี่สีแดง จะไปแรดว่ายน้ำคลายเครียดในโรงแรมที่อียิปต์ใครจะทำไม คนมันเซ็งอ่ะ พยายามไม่คิดมาก แต่คราวหน้าโดนอีกนะมึง กรูจะเถียงกลับให้หัวเถิกยิ่งกว่าเก่าอีก โคตรโกรธเลยโดนอีเพื่อนร่วมงานอาหรับด่าประจานต่อหน้าผู้โดยสาร ครั้งต่อไปห้องน้ำในเครื่องจะไม่ใช่ที่ร้องไห้ของกรูอีกแล้ว ยิ่งคิดมากก็ยิ่งอยากหาใครคุยด้วย งานนี้แหละอีแอร์ก็จ่ายค่าโทรศัพท์หัวหูบาน 5 นาที 21 ดอลล่าห์สหรัฐ เห็นบิลแทบสลบเลยกรู ต่อค่าแท๊กซี่แทบตายคุยโทรศัพท์หากิ๊กหน่อยเดียวแทบหมดกระเป๋า ขากลับก็เจอท่านผู้โดยจีนหน้าเดิมๆ แต่ละคนเห็นหน้าเดี๊ยนก็ฉีกยิ้มร่าพร้อมคำพูด 又看见你啊! ได้ความว่า "เจอกันอีกแล้วเหรอเนี่ย" สรุปว่าดีใจรึเปล่าเค๊อะท่านผู้โดย ไฟล์นั้นเดี๊ยนมีอันต้องเครียดอีกแล้ว ได้ไปเสริฟ์ในชั้นบิสเนส เครียดค่ะเครียด มือสั่น แต่ว่าก็ผ่านไปได้ด้วยดี ท่านผู้โดยอาหรับนั่งเม้าท์กันเป็นกลุ่มสภากาแฟ เป็นที่หนุกหนาน อยากได้อะไรก็เรียกคนสวยปากแดงมาบริการ แซวกันมันส์ปากเลยค่า สุดท้ายจองตัวเดี๊ยนจะให้แต่งกับลูกชาย เหตุเพราะอยากได้แอร์ปากแดงบริการดีไปเป็นลูกสะใภ้อยู่ที่บ้าน พูดล้อเล่นแต่เดี๊ยนจริงจังนะเค๊อะ เจอกันคราวหน้าอินชาอัลลอฮฺนะเค๊อะ วัสสลสามุอะลัยกุมวะเราะฮฺมาตุลลอฮิวะบะร่อกาตุฮฺ ไฟล์หนูเน่า
ช่วงหลังสงกรานต์ผ่านมาแล้วผู้โดยสารชาวไทยก็หายไปราวเนรมิตทีเดียวเชียว .......แหมท่านจากไปเราก็คิดถึงค่า จริงใจหรือตอแหลก็ให้ไปคิดเป็นการบ้านละกัน ก่อนเที่ยวบินกรุงเทพ - ปักกิ่ง - กรุงเทพ ระหว่างที่เดี๊ยนนั่งรอเพื่อนร่วมทีมอยู่ที่โรงแรมก่อนเดินทางไปสนามบินพร้อมกัน (ไปเองค่าน้ำมันกับทางด่วนเท่าไรรู้ไหมคะคู๊ณ) พอดีนึกได้ว่าลืมปัดมาสคาร่ามา ก็เลยตรงดิ่งไปยังห้องน้ำของโรงแรมเสริมสวยซะหน่อย เดี๋ยวโดนซีเนียร์วิจารณ์เรื่องกรูมมิ่งแล้วจะขายหน้าประชาชี อุตส่าห์เป็นอดีตช่างแต่งหน้าฟรีแลนด์ ระหว่างโบ๊ะก็มีเจ๊ๆพูดคุยกันโล้งเล้งเป็นภาษาจีน พูดขึ้นใกล้ๆเดี๊ยนว่า hen piaoliang a ! ได้ความว่าสวยมากค่า เดี๊ยนก็เอ๋......กรูเหรอ หรือใครวะ ระหว่างงงอยู่เจ๊ทั้งสองก็เดินจากไป และแล้วก็มีผู้หญิงวัยกลางคนเดินเข้ามา วางของแหมะไม่ไกลจากเดี๊ยน นัยว่าเข้ามาเป็นแนวร่วมโบ๊ะเหมือนกัน คุณนายเริ่มบทสนทนาแบบถามถึงอาชีพของเดี๊ยนก่อนเลย น้องเป็นแอร์เหรอคะ ปู๊ดโธ่ คุณพี่คะ ก็กระเป๋าลากใบเบ้อเริ่มวางอยู่ใกล้ๆเดี๊ยน แถมยังแต่งตัววิริสมิรา สงขลา ปัตตานี แฟนตาตีภูเก็ตขนาดนี้ อากาศร้อนตับแตกยังอุตส่าห์ใส่ผ้าพันคอเนี่ย มันมีอยู่กี่อาชีพล่ะค๊า พูดไปเดี๋ยวโดนตบเลยตอบแบบงงงงว่า ใช่ค่ะ แล้วเจ๊คุณนายแกก็เริ่มแนะนำตัวเองว่ามาจากบริษัทสินค้าขายตรงของอเมริกาที่ดังที่สุดในเมืองไทยยี่ห้อหนึ่ง เดี๊ยนก็ร้อนๆหนาวๆแล้วเพราะสมัยเพิ่งจบหางานทำใหม่ๆ เคยได้รับการติดต่อไปเป็นช่างแต่งหน้าที่สตูดิโอแห่งหนึ่ง แต่กลับกลายเป็นว่าโดนหลอกไปให้สมัครเป็นสมาชิกขายตรงของบริษัทนี้ เสียค่าแท็กซี่ไป 300 บาท แทบหมดตัวเลย ทำให้ของขึ้นมากๆอารมณ์บูดไปนาน พวกตำแหน่งงานLM หรือว่าขายประกันพวกนี้ ชอบหลอกให้ไปฟังสัมมนาล้างสมองอะไรไม่ทราบ ประมาณว่าไปก่อนแล้วค่อยบอกว่าให้ทำงานอะไร พูดแล้วก็โมโหตะหงิดๆ เดี๊ยนไม่เคยไปฟังแล้วก็ไม่เคยเสียเงินให้คนพวกนี้สักสตางค์เดียว แต่คนใกล้ชิดเดี๊ยนจ่ายไปเพื่อตัดความรำคาญไปเพราะเคยโดนหลอกตอนจบใหม่ๆเหมือนกัน พูดแล้วเซ็ง เล่าต่อ เดี๊ยนก็พอจะรู้แกวคุณนายนางนี้แล้ว พยายามพูดคุยชมสารพัดแล้วก็ชวนเดี๊ยน สมัครเป็นสมาชิกค่า แต่เดี๊ยนก็ดักคอว่าคนที่บ้านก็เป็นสมาชิกแล้วเหมือนกัน จะสมัครทำแป๊ะไรอีก ว่าแล้วท่านก็โฆษณาเครื่องสำอางของบริษัทท่านที่ค่อนข้างจะมีชื่อเสียง ราคาก็ไฮโซตามค่ะคู๊ณ เดี๊ยนก็ไม่ได้สนใจแต่ก็พูดแบบไม่ถนอมน้ำใจใครไม่ค่อยเป็น ยิ่งอยู่ในเครื่องแบบยิ่งแล้วใหญ่ จะพูดอะไรก็ไม่สะดวกปาก และแล้วด้วยความจำใจเดี๊ยนก็ให้เบอร์เจ๊แกไป พลางคิดว่า ซวยแล้วกรู งานนี้เบอร์แปลกหน้าต้องกดทิ้งอีกเป็นเดือนเลย และแล้วเวลาที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วก็ช่วยชีวิตเดี๊ยนจากอีเจ๊นี่ แต่เจ๊ยังไม่วายสัมทับว่าอาทิตย์หน้าแกจะโทรมาหา พร้อมจับมือแสดงความเป็นมิตรทับซ้อนด้วยผลประโยชน์ โอ๊ย!!! คราวหน้านะ จะไม่ยอมโง่ให้เบอร์ใครอีกแล้ว คราวนี้คนที่ลงมาก่อนใครเหนือความคาดหมายก็คือ ก.ต. หรือกัปตันนั่นเอง ลุงหนวดกัปตันคนนี้ท่าทางอัธยาศัยดี โดยเฉพาะกับซันนี่ของเดี๊ยน เห็นมะ หน้าหมวยญี่ปุ่นขายดีอีกแล้วครับท่าน ลูกเรือและเพอร์เซอร์เบอร์ 2 ที่ทำงานตรงข้ามเดี๊ยนหรือประตู 4L ก็หน้าเครียดโคตรอีกละ ตั้งแต่ยังไม่เริ่มบินก็บ่นเรื่องแอร์สาวไทย 2 นางที่บินกับเฮียเมื่อคราวก่อนให้เดี๊ยนฟัง แต่เฮียแกก็สอนงานดีนะ บอกว่าเดี๊ยนควรจะรู้ทุกอย่างว่าอะไรอยู่ตรงไหนบ้างเพื่อที่จะตอบคำถามลูกเรือชุดต่อไปที่จะมารับช่วงไฟล์ต่อและต้องบินขากลับด้วยกันกับเดี๊ยน ไฟล์นี้ผู้โดยสารน้อยมีแค่ 17 ท่านเท่านั้นเอง เลยใช้ cart แค่คันเดียว วนทั้งซ้ายขวา ไม่นานก็เสริฟ์เสร็จเรียบร้อย และแล้วซันนี่ก็แวะเวียนมาหลังจากว่างงาน พลางยื่นแผ่นกระดาษให้เดี๊ยนดู หน้าตาเปื้อนยิ้ม คุณคะความอิจฉาขึ้นหน้าอีกแล้วค่ะ มันเป็นอีแมวค่ะ ของท่านผู้โดยที่ยัดเยียดให้น้องซันนี่บ้องแบ๊วของเดี๊ยน รวมทั้งตาผู้โดยอียิปต์ 2 นายที่มีตาคนนึงตาขวางใส่เดี๊ยนตอนจะเสริฟ์อาหารด้วยอ่ะ เดี๊ยนเสริฟ์ท่านพี่กระเดือกไม่ลง มีซันนี่เดินผ่านนะ เจริญอาหารขึ้นมาเชียวต้องให้ซันนี่ตามไปเสริฟ์ทีหลัง เออ...อยู่ทวีปอื่นกรูสวยนะมึง ก่อนเสร็จไฟล์นี้เพอร์เซอร์ก็ได้รับอินเตอร์โฟนจากกัปตันเรียกให้ซันนี่เข้าไปใน Cockpit ด้วยความกระสันอยากรู้ ลุงเพอร์เซอร์จอมเฮี๊ยบก็บอกให้ออกมาเล่าให้ฟังด้วยว่ากัปตันเรียกไปทำไม เพราะตัวเองจะถามก็ไม่กล้า พอซันนี่ออกมาก็เล่าให้เดี๊ยนฟังหมดเปลือก ก็มีอัน กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด อีกรอบ เพราะกัปตันท่านสอนให้ซันนี่รู้จักคำว่ารักค่า ไม่ได้เสี่ยวนะ แต่กัปตันสอนให้สะกด และอ่านคำว่ารักเป็นภาษาอาหรับว่า บาเฮบัค อะไรมันจะลำเอียงเช่นนี้คะคุณ พอกัปตันจอดเครื่องที่ปักกิ่งก็จรลีออกมาแกมบังคับซันนี่ให้พูดว่า บาเฮบัค อีก พร้อมรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม ขากลับท่านผู้โดยสารชาวจีนเยอะกว่าที่คาดไว้เลยค่ะ ร่วม 50-60 ท่านเห็นจะได้ คราวนี้ก็เป็นที่มาของกลิ่นไม่พึงประสงค์ที่เดี๊ยนจะพูดถึง สมัยที่เรียนหนังสืออยู่ที่เมืองชิงเต่า มณฑลซานตง ทางตะวันออกสุดของประเทศจีนเมื่อ4 ปีที่แล้ว เดี๊ยนได้มีโอกาสเข้าไปในหอพักของเพื่อนสาวชาวจีน 2 นาง ในหอพักนักศึกษาหญิง ที่ภายในห้องหนึ่งจะมีเตียงเดี่ยววางเรียงอยู่ ฟากละ 4 เตียง ตรงกลางแบ่งเป็นที่วางโต๊ะเขียนหนังสือ สิ่งที่ลอยมาประทะจมูกก่อนเลยก็เรื่องกลิ่นนี่แหละค่ะ แม่เจ้า ไม่น่าเชื่อว่าเป็นห้องเด็กผู้หญิง ไม่ใช่คนเดียวด้วย แต่เป็น 8 ชีวิต 8 กลิ่น เพื่อนเดี๊ยนเล่าให้ฟังว่า หน้าร้อนนักศึกษาที่นี่อาบน้ำกัน 3 วันครั้ง แต่ถ้าหน้าหนาวก็ 7 วันครั้ง เพราะในตึกไม่มีห้องอาบน้ำ ต้องออกไปอาบข้างนอกที่ตึกอื่น แล้วเสื้อผ้าก็ไม่ได้เปลี่ยนกันทุกวันเพราะเดี๋ยวคนจะหาว่าสิ้นเปลือง เอาเสื้อผ้ามาใส่อวดกัน แต่เพื่อนเดี๊ยนก็ออกตัวว่า ถึงเสื้อข้างนอกจะไม่เปลี่ยน แต่เสื้อตัวในเนี่ยเปลี่ยนทุกวันนะ อันนี้ก็เลยเป็นที่เข้าใจถึงที่มาของกลิ่นที่ว่า แต่นี่มันเหมือนหนูตาย 50 ตัวมารวมกันนะคุณพี่ ตอนที่ส่งท่านผู้โดยสารแต่ละคนไปนั่งตามที่ ส่วนใหญ่น่ารักมาก ถ้าจะแลกที่นั่งก็พูดจาแลกเปลี่ยนกันเอง ไม่กล้านั่งที่อื่นที่แม้จะว่างต้องรอถามลูกเรือก่อน ตอนที่เสริฟ์ก็มีอันเฮฮาปาร์ตี้ เพราะว่าพูดคุยกันสนุกสนาน และท่านผู้โดยก็แปลกใจไถ่ถามกันใหญ่ว่าทำไมเดี๊ยนทั้ง 2 ถึงพูดภาษาเดียวกับท่านๆได้ บางท่านก็เหมาเอาว่าเดี๊ยนมาจากมาเลเซียไปซะงั้น อุตส่าห์บอกตั้งหลายรอบว่า ไท่กั๋ว หวาเฉียว ดูคนอย่าดูแค่หน้าและก็สีผิวนะคะ เดี๋ยวจะหน้าแตกได้เดี๊ยนขอโบก ท่านผู้โดยทั้งหลายทานง่ายน่ารักเหลือเกินค่ะ ไม่มีบ่นเรื่องอาหารใดๆทั้งสิ้น ตามมารยาทคนจีนแผ่นดินใหญ่ตั้งเดิม แต่ท่านอยากรู้อยากเห็นเหลือเกิน เรียกได้ว่าขอชิมเครื่องดื่มมันแทบทุกประเภทที่เดี๊ยนขนมาบน cart เชียว ขอมาเดี๊ยนก็ให้ค่ะ เรียกได้ว่ากว่าจะได้กลับก็ตอนที่แทบไม่เหลืออะไรให้ดื่มแล้วล่ะค่ะ เพราะพ่อสจ๊วตหนวดเฟิ้มเห็นเดี๊ยนชักช้าก็เลยมาลากรถเข็นของเดี๊ยนกลับ Shokran Magmud ,you save my life!!! เดี๊ยนขอบคุณแบบโล่งอก ลืมบอกไปนะคะว่าไฟล์เนี๊ยะ โลกกลมเหลือเกิน ได้เจอกับพี่หื่นตาหวาน แล้วก็พี่หนวดจากไฟล์ที่แล้วอีกครั้ง ก็คุณพี่ตาหวานคนนี้ไงคะที่มาขอไปเดทกับเดี๊ยน ซันนี่เป็นหัวเราะตัวงอตอนที่เดี๊ยนเป็นอึ้งที่เจอเสื้อสูทของลูกเรือใหม่ที่แขวนไว้ในตู้ข้างห้องน้ำ 2 ตัวแล้วมีบัตรประจำตัวพนักงานติดไว้ เลยรู้ทันทีว่า เอาอีกแล้วครับท่าน แล้วก็จริงดังคาด ทันทีที่พี่หื่นตาหวานแกเห็นหน้าเดี๊ยน แกก็ Hello,sweetie! Do you wanna change your mind? ไฟล์อันยาวนานนั้นเดี๊ยนก็ต้องยิ่งรอกไปมา ทั้งหนีกลิ่นบาทาท่านผู้โดยสารที่เวลานอนท่านก็พร้อมใจกันเอาเท้าชี้ฟ้าเกือบโดนแสกหน้าอีแอร์ ทั้งซ้ายขวา แล้วยังต้องหนีรัศมีความหื่นจากเฮียคนนี้อีก สุดท้ายเดี๊ยนก็หาทางออกให้ตัวเองได้ด้วยการแนะนำเพื่อนๆสาวแอร์คนอื่นให้กับพี่หื่นแก เพื่อนสาวสวยเดี๊ยนประสบการณ์หื่นโชกโชนคงเอาตัวรอดได้แน่นอน พอดีตอนเปลี่ยนไฟล์ที่กรุงเทพฯต้องเจอกัน เดี๊ยนก็เลยสบโอกาสแนะนำให้รู้จักพอดี เป็นโชคช่วยเหลือหลายเฮียหื่นแกถูกใจเพื่อนเดี๊ยน จับมือเค้าแล้วสายตาหื่นพอใจออกนอกหน้า แต่ยังไม่วายบ่น เพื่อนยูต้องกินเยอะหน่อยนะ นมเล็กไปนิดนึง |
Uki no Kimono
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] อดีตสาวแอร์แดนทะเลทรายที่ผันตัวเองไปเป็น office lady และกลับไปเป็นนักเรียนไทยในต่างแดนเช่นเคย ขอแบ่งปันประสบการณ์การดำเนินชีวิตแบบชีพจรรองเท้าจากที่เคยผ่านมาทั้ง ๔ ทวีปให้เป็นแนวทางสำหรับผู้ที่สนใจนะคะ Friends Blog
Link
|