All Blog
ทรหด

หลังจากห่างหายไปนานก็ได้มาอัฟบล๊อกกับเขาสักที คิดถึงล่ะสิฮิๆๆ


ปลายส้นสูงเยินๆของเดี๊ยนเพิ่งสัมผัสพื้นดินบ้านเกิดอีกหลังเมื่อ 17 ชั่วโมงที่แล้ว ไม่ได้ดอดไปไหนไกลแค่ไปเดินส่องหนุ่มที่ปักกิ่ง เย่ๆ


แต่ก็ต้องเก็บอาการนิดนึงก็เนื่องจากหอบหิ้วเฮียกับเจ็ที่บ้านไปด้วย (ไม่ต้องแปลกใจว่าเฮียกับเจ๊เป็นใคร อ่านไปก็รู้เอง )





หลังจากวุ่นวายกับการเตรียมเอกสารขอเป็น Extra Crew อยู่ 2 วันที่สำนักงานกรุงไคโร เดี๊ยนก็ดีใจที่จะได้บินโดยไม่ต้องทำงาน เวลาที่ดีใจมีอยู่ไม่กี่วันก่อนที่จะต้องมาทำงานจริงๆโดยที่เหนือความคาดหมาย ทั้งๆที่วางแผนไปเที่ยวกับครอบครัวแท้ๆ


เนื่องจากแอร์สาวไทยนางหนึ่งลากระทันหันโดยไม่มีใครแทน และจำนวนของลูกเรือที่จำนวนขั้นต่ำสุดคือ
ลูกเรืออียิปต์ 5 คน , เพอร์เซอร์ 2 คน , ลูกเรือไทย 2 คน , กัปตัน 1-2 คน , โคไพลอท 1 คน ต่อจำนวนผู้โดยสารเต็มพิกัด 3 ร้อยกว่าชีวิต


รวมลูกเรือทั้งลำและกัปตันมีอยู่ 10 คน งานหนักมากสำหรับลูกเรือไทยที่ต้องบินไป-กลับ ที่ชั่วโมงบิน 9 ชั่วโมง ในขณะที่ลูกเรือชาติเค้าบินกันเพียงครึ่งเดียวของเราเท่านั้น


เดี๊ยนเห็นใจเพื่อนแต่ก็ไม่ค่อยเต็มใจช่วยเท่าไหร่เพราะเวลาพักผ่อนก่อนหน้านั้นไม่เพียงพอ แถมเจ็สุดสวยกับเฮียสุดที่รักของเดี๊ยนยังได้บัตรที่นั่งผู้โดยสารชั้นประหยัดในแบบที่เดี๊ยนต้องจ่ายแพงเหลือหลายขึ้นหลักหมื่น ทั้งๆที่เป็นพนักงานสายการบินแท้ๆ ในขณะที่สวัสดิการณ์ของพวกพนักงานอียิปต์นั้นได้รับต่างกันอย่างสิ้นเชิง


ยังจำความรู้สึกที่ร้องไห้โฮได้อย่างดีที่ตึก Cathering ณ กรุงไคโร หลังจากใช้เวลา 3 ชั่วโมงเดินเทียวไปเทียวมารอบสำนักงานของสายการบินที่ตั้งอยู่บริเวณสนามบินท่ามกลางแดดแผดเผา


หลังจากใช้เวลาแทบทั้งหมดที่มีของวันที่ควรจะนอนพักไปทำเอกสารแล้ว สุดท้ายก็ได้ความว่าต้องนั่งแท็กซี่ไปหานายใหญ่สุดถึงจะทราบว่าเปอร์เซ็นต์ตั๋วที่รถราคาจะได้เท่าไหร่ ประมาณว่าถ้านายอารมณ์ดีคงได้ลดเยอะ เกิดทะเลาะกับเมียวันนั้นกรูคงถึงคราวซวย


ที่แน่ๆปัญหาก็คือกรูจะรู้มั้ยว่านายอยู่ที่ไหน คนนึงบอกไปทางนั้น ส่วนอีกคนบอกไปทางนี้
กว่าจะทะเลาะกับแท็กซี่จบนายคงจรลีไปไหนต่อไหนแล้ว


อีกทั้งตั๋วฟรีที่คิดว่าคงจะได้ที่นี่ยังมีเกณฑ์ประหลาดๆว่าต้องทำงาน 3 ปีขึ้นไปและพ่อแม่อายุ 60 ปีขึ้นไปถึงจะขอได้อีก รู้สึกเหมือนโดนหลอกมาขายแรงงานไงไม่รู้ เอาเปรียบกันจนนาทีสุดท้ายเลย


หนุ่มๆและไม่หนุ่มที่เก็บเป็นสต๊อกเอาไว้ก็ดันมีบินอยู่ต่างประเทศซะนี่ แถมคนที่อยู่ก็ดันไม่ใช่สายการบินเดียวกันอีก


คนที่นี่เวลาจะทำอะไรแต่ละทีเค้าจ้างคนภายในทำเรื่องเดินเอกสารต่างๆให้ แต่หัวเดียวกระเทียมกลีบเหี่ยวๆอย่างเดี๊ยนจะไปจ้างใครที่ไหนล่ะคะ


ที่สำคัญคนพวกนี้ไม่พูดอังกฤษซะด้วย ฮ่วย.....


อีกทั้งตอนแรกที่ว่าจะได้ลด 90 เปอร์เซ็นต์ก็ชักไม่แน่ใจจากข้อมูลคนรอบข้าง มันลดลงมาเรื่อยๆ 50 แล้วก็ 25 สุดท้ายได้ยินว่าลด 10 เปอร์เซ็นต์ แล้วกรูจะถ่อมาทำเรื่องที่นี่ทำไมเนี่ย คุ้มค่าแท็กซี่รึเปล่าก็ไม่รู้


สุดท้ายก็กลับมาซื้อตั๋วที่สำนักงานในกรุงเทพฯ เวลาก็กระชั้นชิดพอขอพบนายใหญ่ประจำสาขาเพื่อขอลดเปอร์เซ็นต์ก็โดนเหน็บแนมหลอกด่าอย่างที่คิดไว้แต่ก็ต้อง............ทนฟะ


บุพการีไม่ได้เป็นเจ้าของสายการบินมั่งแล้วไป


สุดท้ายได้ลดมา 15 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าไปอียิปต์จะได้ลด 50 เปอร์เซ็นต์ ยังงงไม่หายว่ามันต่างกันตรงไหนวะ ทำไมไม่ได้เท่ากัน เริ่มปลงละ อีก 4 เดือนก็ได้ตั๋วฟรีแล้ว แต่จะอยู่ถึงรึเปล่านี่อีกรื่องนึงนะเพื่อนๆที่รัก







คราวนี้พาพ่อแม่มาลำบากแล้วแถมกรูยังต้องทำงานฟรีๆอีก
แม่ง......เดี๊ยนโกรธ แต่ก็เดินไปค้นผ้ากันเปื้อนที่ติดมาในกระเป๋ามาเตรียมพร้อม แต่ก็ต่อรองไปเพอร์เซอร์ให้ 2 ตายายของเดี๊ยนย้ายไปบิสเนสโดยพลันไม่งั้น......เดี๊ยนไม่แจกยิ้มเวลางานด้วย เข้าใจ๋




ตอนแรกเดี๊ยนถูกขอให้ไปช่วยงานที่ครัวด้านหลังโดยอยู่ประจำที่ประตู 3R ตรงกลางของชั้นประหยัด แต่ไม่กี่นาทีก็โดนเปลี่ยนขึ้นมาทำชั้นบิสเนสคู่กับตาหนวดนาม Hatem และสจ๊วต 3 ขีดนายนี้ก็เป็นที่มาของเที่ยวบินระทึกนั้นแหละค่ะ





หลังจากกัปตันอนุญาติให้เปลี่ยนชั้นที่นั่งได้
ดังนั้นที่นั่งชั้นบิสเนสหลังสุด 2 ที่ขวามือติดกับห้องน้ำก็เป็นที่ non-stop service ของเดี๊ยนพิเศษสำหรับคน 2 คนที่ทุ่มแรงกายแรงใจให้เดี๊ยนจนมาเป็นนังแอร์บิสเนสข้ามชาติในวันนี้ได้ แต่ก็ต้องแอบส่องให้ที่ผู้โดยสารด้านข้างหลับแล้วถึงส่งส่วยต่อนะคะ เกินหน้าเกินตาไปจะไม่งาม




ก่อนประตูเครื่องจะปิด ตาหนวดงามคู่เดี๊ยนก็เริ่มออกอาการแปลกๆเบลอๆ พูดไม่ค่อยได้เท่าไหร แถมยังลุกลี้ลุกรนหน้าซีดๆชอบกล บอกกับเดี๊ยนว่าไม่ค่อยสบาย ให้เดี๊ยนเอามืออังหน้าผากดูว่าตัวร้อนรึเปล่า เหงื่อออกไหม




ไม่นานก็เห็นแกค้นอะไรขยุกขยิกในกล่องสีขาวที่ติดมาด้วยก่อนที่จะหาน้ำฝรั่งสีขาวข้นรสหวานแสบคอมาดื่ม ซึ่งเวลา ณ ตอนนั้นพระอาทิตย์ยังไม่ตกดินช่วงเวลาถือศีลอดยังอยู่ ตอนหลังเดี๊ยนเปิดออกดูถึงทราบว่ากล่องนั่นอัดแน่นไปด้วยขนมปังชิ้นเล็กๆเคลือบด้วยน้ำตาลหลากชนิด ที่เพียงแค่เห็นก็ปวดฟันซะแล้ว



พวกลูกเรือเร่งรีบสุดชีวิตกับการเสริฟ์อาหาร โดยเฉพาะเดี๊ยนและตาหนวดซึ่งนอกจากจะทำในชั้นบิสเนสแล้วยังต้องเตรียมและเสริฟ์ในชั้นประหยัดอีกคนละ 1 กับอีกครึ่งรถเข็น คือเสริฟ์ประมาณ 64 ถาดต่อคนในเวลาที่รีบสุดชีวิตแหละค่า



บางคนอาจจะคิดว่าเราจะรีบอะไรกันนักหนา อันนี้ก็เงียบๆและฟังหน่อยละกันนะว่างานแต่ละอย่างเค้ามีขั้นตอนการทำงาน มีระบบ และทำงานกันเป็นทีม เริ่มพร้อมกันก็ต้องเสร็จพร้อมกันหมดในเวลา 2 ชั่วโมงต่อการบริการอาหารแต่ละครั้ง ก่อนที่ไฟทั้งห้องโดยสารจะดับลง เพราะฉะนั้นกรูเหนื่อยเฟ้ย ขออะไรแล้วจะเอาให้ได้เดี๋ยวนั้น
ระวังแอร์ตบกระโหลกนะ




ขอเครื่องดื่มคนละ 2-3 แก้วเนี่ยให้ได้ไม่งก แต่ต้องรู้เวลาหน่อย แล้วช่วยกินให้หมดด้วยจะดีมาก ไม่ใช่ขอไปดมเฉยๆ คนเก็บมันจะเอาไปใส่ไว้ที่ไหน เสริฟ์ทีเดียว 50 - 60 คนแบบนี้เหลือน้ำคนละแก้วเต็มๆ อีแอร์ก็น้ำผลไม้ท่วมตายคารถเข็นพอดี




แอร์สายการบินไหนที่คิดว่าทำงานลำบากแล้ว
ฟังชีวิตเดี๊ยนแล้วก็ดีใจกับงานที่ทำอยู่ดีกว่านะคะ ว่าอย่างน้อยก็มีคนที่ลำบากยิ่งกว่าเราอีก บางคนบ่นเรื่องประตูที่ต้อง Armed position คนเดียวเพราะเพื่อนที่อยู่ประตูตรงข้ามทำงานช้า




บ่นไปใย เคยทำรึเปล่าแบบ Armed / Disarmed position cross check & Standby มันคนเดียวทั้ง 2 ประตูเลย


เสริฟ์ทั้ง 2 ชั้นบริการบิสเนสและชั้นประหยัด แถมยังต้องทำครัวเองอีก



หลังจากรีบสุดชีวิตกับการเสริฟ์ และวุ่นวายกับการ
เสริฟ์ชา กาแฟแบบไม่จำกัด เดี๊ยนก็ไม่ได้เอะใจอะไรที่พี่หนวดแกหายไปหลังจากที่แกไม่สบายและเรียกแอร์สาวไทยคู่หูจำเป็นของเดี๊ยนขึ้นมาแทนที่ ต่อมาก็มีการประกาศเรียกหมอให้มาช่วยตรวจคนป่วยด้านหน้า


ซึ่งกลังจากนั้นก็มีมาเต็มทั้งหมอไทย , หมอจีนแผนโบราณ และพยาบาล มีน้ำใจกันทั้งนั้นเลยค่ะ


อีกสักครู่ใหญ่ๆเดี๊ยนก็ตกใจตรงที่เพอร์เซอร์ให้รีบเก็บถาดอาหารเพราะเครื่องจะทำการลดระดับลง เดี๊ยนก็พูดได้คำเดียว "เฮ้ย!!!" หลังจากได้ยินประกาศลดระดับเพราะเราจะทำการจอดเครื่องที่สนามบินกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม


มัวแต่วุ่นเรื่องผู้โดยสารจนไม่มีเวลาดูเลยว่าคนป่วยที่อยู่ในอาการช็อคแบบเป็นตายเท่ากันรายนั้นจะเป็นตาหนวดนี่เอง สาเหตุมาจากอาการของโรคเบาหวานที่กำเริบมาขึ้นเนื่องจากระยะเวลาของการถือศีลอด มิน่าพี่หนวดแกรู้ตัวว่าไม่ไหวแล้วเลยเลิกถือศีลก่อนกำหนด ด้วยการทานอาหารและน้ำหวาน แต่ก็ช่วยไม่ได้มาก



ตอนนั้นที่เดี๊ยนเห็นหลังจากถามไถ่พ่อกับแม่ที่เห็น
เหตุการณ์มาตลอด ก็เห็นภาพพี่หนวดแกนอนหายใจรวยรินอยู่บนพื้นด้านหน้าที่นั่งแรกสุดของบิสเนสคลาส
สีหน้าแกซีดออกม่วงๆ พร้อมสวมหน้ากาก
อ็อกซิเจน ด้านข้างแวดล้อมไปด้วยนายแพทย์ผู้โดยสารจากด้านหลัง


สงสารเพื่อนร่วมงานซึ่งแม้จะทำงานร่วมกันแค่ 1 ชั่วโมงแต่ก็ใจหายแหละค่ะ ด้วยโรคและอาการที่แกเป็นอยู่เหมือนกับที่คุณลุงของเดี๊ยนเป็น แต่ผิดกันที่ว่าแกโชคดีกว่าที่อยู่ใกล้หมอ อีกทั้งกัปตันยังตัดสินใจลงจอดทันทีแม้จะต้องอ้อมกลับมายังสนามบินที่เวียดนามซึ่งใหญ่กว่าและมีบุคลากรพร้อม ทั้งๆที่ผ่านเข้าเขตประเทศจีนแล้วแท้ๆแต่สนามบินที่ใกล้ที่สุดตอนนั้นเล็กมากไป



ปัญหามันเพิ่งเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น กว่าจะทำการย้ายพี่แกลงไปยังรถพยาบาลด้านล่างได้ก็ใช้เวลาพอดูเชียวค่ะ



แต่ก็ไม่เท่าที่กัปตันไม่สามารถบอกได้ว่าเราต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไหร่กว่าจะนำเครื่องขึ้นได้ เพราะบินออกออกนอกเส้นทาง จึงต้องเติมน้ำมันและเช็คเรื่องต่างๆ รวมถึงรายจ่ายที่จะต้องให้แก่สนามบินท้องถิ่นนั้นด้วย (หัวหน้าบอกมานะคะ)


ประกาศแต่ละครั้ง เดี๊ยนและเพื่อนไม่เป็นอันต้องทำอะไรเลยนอกจากเงี่ยหูฟังและเรียบเรียงคำพูดเพื่อแปลออกมาอีก 2 ภาษา ซึ่งคำตอบที่ทุกคนอยากรู้เรื่องเวลาก็ไม่สามารถบอกได้



ผู้โดยสารจีนจากทางด้านหลังของเครื่องเริ่มโวยวาย และพากันออกมาด้านหน้าของเครื่องเพื่อขอพบกัปตัน


มาเกือบ 10 คน แต่พูดกันพอรู้เรื่องมีแค่คนเดียว นักเลงโตทั้งนั้น อธิบายอย่างไรก็ไม่ทำความเข้าใจ

เข้าใจว่าเครียดกันนะคะ ต้องการคำตอบพอๆกับที่ต้องการอัดบุหรี่หลังจากนั่งเครื่องบินมา 11 ชั่วโมง จากกรุงไคโร


นังแอร์และเพื่อนก็ยิ่งเครียด ข้าวก็ยังไม่ได้ทานยิ่งเห็นป้าๆข้างหลังเครื่องนั่งกินข้าวคุยกันยิ้มแย้มเริ่มหงุดหงิด
กรูมาเที่ยวนะ มาเที่ยว ตังค์ก็ไม่ได้แล้วยังต้องมาทำงานแทนพวกมึงอีก เข็นรถเข็นเครื่องดื่มพร้อมถั่วยัดปากระงับอาการหน้าบูดของผู้โดยสาร


เสริฟ์กันจนน้ำผลไม้ในครัวหมดรวมถึงน้ำเปล่าไม่เหลือถึงไฟล์ขากลับเลยล่ะค่ะ ขนมปังก้อนกลมๆสำรองไว้ประมาณ 60 ก้อนก็ไม่มีเหลือเลย เนยเดี๊ยนก็พยายามค้นหาที่พอจะมีเหลือบ้างส่งให้กับครอบครัวผู้โดยสารที่มีเด็กติดมาด้วย


เติมน้ำในรถเข็นกัน 5-7 รอบ พูดจริงๆ เดินจนเจ็บขามากๆเพราะไม่ได้เปลี่ยนรองเท้าส้นเตี้ยเพราะว่าเครื่องยังจอดอยู่ อีแอร์เริ่มเบลอแล้ว ละเมอได้แต่คำว่า "กรูมาเที่ยวววว"


ความเครียดที่ทุกคนมีเปลี่ยนผู้โดยสารที่ตอนแรกๆน่ารักยิ้มแย้ม กลายเป็นหน้าตูด อาละวาด ทุบโต๊ะเมื่อขออะไรแล้วไม่ได้



กว่าจะถึงกรุงปักกิ่งก็ใช้เวลาเดินทาง 10 ชั่วโมง นังแอร์ทั้ง 2 ได้ทานข้าวเช้าตอน 2 ทุ่ม


เครื่องลงจอดเมื่อเวลา 22.40 น. จากเดิม 18.30น.
กว่าจะเข้าไปจอดสนิทได้ก็ร่วม 20-25 นาทีเพราะประตูเต็มหมด ไม่มีที่ให้จอด


พอประตูเครื่องเปิด เดี๊ยนก็ค่อยๆโล่งใจเนื่องจากภาระที่หนักอึ้งได้หลุดจากบ่าซะที แต่เพื่อนสาวที่หน้าละห้อยตาแดงก่ำจากศึกผู้โดยสารจีนเฟริสคลาสปากปีจอ ทำให้เจ๊กลั้นน้ำตาความอึดอัดใจไม่อยู่ไปครั้งนึงก่อนหน้านี้


ก็ต้องแทบร้องไห้อีกครั้งเมื่อนายสถานีสุดงี่เง่าไม่ยอมให้เจ๊แกออกไปพักยังกรุงปักกิ่ง แม้จะทำงานมานานร่วม 10 ชั่วโมงเต็ม แต่บอกไว้ก่อนเลยว่าเจ๊แกไม่ยอม
ทำงานขากลับอีก 5 ชั่วโมงแล้วถึงแม้จะอ้างว่าลูกเรือมีไม่พอก็ตาม


เดี๊ยนได้ลงไปแรดตามโปรแกรมที่วางไว้ แต่ก็ทำให้น้องชายตัวดีหน้าบูดหลังจากรอรับอยู่ที่โรงแรมร่วม 4 ชั่วโมงตั้งแต่ 2 ทุ่ม กว่าจะได้เจอกันก็ร่วมตี 2


โรงแรมที่เดี๊ยนหวังจะได้พักเช่นเดียวกับลูกเรือคนอื่นเพราะทำงานร่วมกัน แถมขากลับก็ยังต้องทำงานขากลับด้วยกันอีก ก็อด


ไม่ได้อยากนอนเท่าไหร่หรอกโรงแรม 5 ดาว แต่ช่วยบอกเหตูผลหน่อยได้มั้ยว่าทำไมถึงไม่ได้ ลูกเรือมาไม่ได้ 1 คนเพราะเข้าโรงพยาบาลที่เวียดนามแล้วเดี๊ยนมาแทน ทำงานด้วยทั้งไปและกลับ แต่ทำไมแค่ที่พัก
1-2 คืนกลับให้ไม่ได้ ค่าซักรีดก็จ่ายเอง


"บริษัทไหนที่ห่วยกว่าอียิปต์แอร์มีอีกมั้ยเนี่ย ?!!!"


เวลาพักผ่อนของเดี๊ยนกับครอบครัวก็ลดลงอีก 1 วัน
แต่ก็ได้ไปที่ๆอยากไป ถ่ายวีดีโอเรียลลิตี้ชีวิตนักเรียนต่างชาติจนๆในกรุงปักกิ่งของเจ้าตัวเล็ก พาลทำให้นึกถึงชีวิตนักเรียนนอกที่ระหกระเหินมาหลายดินแดนของเดี๊ยน โดยเฉพาะเมื่อ 4 ปีที่แล้วในขอหักนักเรียนต่างชาติแบบนี้ ที่แย่งกันเข้าห้องน้ำตอนเช้ากับรูมเมท


แย่งกันจีบหนุ่มเกา และหนุ่มยุ่นที่เปล่งประกายวิ๊บวั๊บละลานตา และหลบหลีกการจีบสาวแบบโต้งๆของหนุ่มฝรั่ง



เพื่อนๆอิจฉาอนาคตคุณนายยุโรป เดี๊ยนก็ได้แต่หัวเราะเหอะๆพลางบอกว่า " เอาไปเหอะกรูยกให้ "


เดินเล็งหนุ่มเพื่อนน้องไปๆมาๆอยู่พักนึง เดี๊ยนก็เจอเข้ากับเพื่อนเก่าสมัยเรียนอย่างหนุกหนานอยู่ไทเป
คราวนี้คุณนายเปลี่ยนไป๋หลังจากใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ได้ 2 ปี จากที่พูดไม่ค่อยได้เลยก็กลายเป็นเกาจี๋ หรือเรียนภาษาจีนอยู่ขั้นสูงซะงั้น
แถมยังมีเพื่อนอีกจำนวนหนึ่งที่ย้ายมาเรียนที่มหาลัยใกล้เคียงกัน


ดีใจกับเพื่อนที่ก้าวหน้ากันเหลือเกิน



เดี๊ยนอยากไปมั่ง เริ่มเบื่อแล้วกับ Coffee or Tea or Me? หรือว่าที่ถาม Beef or Fish แต่ตูจะกิน Chicken อ่ะ



อีก 2 วันจะเข้าสู่ช่วงอิดูฟริทรี หรือช่วงเฉลิมฉลองหลังการถือศีลอดของพี่น้องมุสลิมแล้ว ดีใจด้วยค่าในที่สุดก็ทำสำเร็จและเที่ยวให้สนุกสนาน รวมถึงมีความสุขกับชีวิตนี้มากกว่าที่เคยรู้สึก
ขอให้องค์อัลเลาะห์ให้พรแด่ทุกท่านค่ะ




Create Date : 21 ตุลาคม 2549
Last Update : 22 ตุลาคม 2549 23:11:10 น.
Counter : 649 Pageviews.

11 comment
ที่ทำงานใหม่แฮะ



คราวนี้พามาชมสนามบินใหม่กันเจ้าค่า




รถประจำตำแหน่งจอดส่งตรงด้านหน้าพอดี





ขนสัมภาระกันยกใหญ่
แต่ละคนตัวฮึ่มๆทั้งนั้นเลยค่ะคุณ






โหลดกระเป๋าที่เคาเตอร์เช็คอิน เอาเข้าไปคนละ 2-3 ใบ Station manager คนไหนดุหน่อยก็จะให้โหลดได้แค่ใบเดียวเท่านั้น






โฉมหน้ากัปตันShahir สุดหล่อ (ที่สุดในบรรดากัปตันโบอิ้ง 777 ของบริษัทแล้วเอ้า)
ของแท้ต้องมีดาวอยู่บนเครื่องประดับขีดหนาๆ 4 ขีดบนบ่านะเจ้าคะ ถูกใจอ่ะดิ....แฮะๆๆเสียใจจ้ามีแหวนที่นิ้วนางซ้ายอ่ะเพื่อน ตำแหน่งเมียหลวงสงสัยอด เป็นได้แค่ประไหมสุหรีนะยะ






นอกจากซุ้มเครื่องสำอางและน้ำหอมแล้ว ก็บริเวณนี้แหละที่ทำเอาหลายๆคนน้ำลายหยดแหมะๆ โอ้วววววว มันน่านัก






รูปปั้นครุฑยุดนาค ที่เป็นต้องหยุดถ่ายรูปซะทุกคนไม่เว้นกลุ่มลูกเรือ






ทางเดินภายในไปสู่แต่ละประตูหลังจากผ่านการตรวจหนังสือเดินทางแล้ว
ถ้ามีเวลาเดินเล่นก็เพลินหรอกฮ่ะ แต่ถ้ารีบๆล่ะก็งานนี้ตาเหลือกเชียว บางซุ้มยังกับ บาร์เหล้ารวมบาร์ซูชิเข้าไปด้วย โอ้ววววว ทำไปได้


แต่สวยค่ายอมรับเลย ใหญ่โอ่อ่าสมราคาคุย ขนาดแอร์กับสจ๊วตทั้งทีมสิบกว่าชีวิตยังเกือบหลง เดินงงอยู่นาน ถามใครก็ไร้คำตอบจนต้องเดินๆเดาๆจนหาประตูทางเข้าไปสู่ Gate ของตัวเองจนได้ล่ะน่า เกือบเน่าเป็นกระทงหลงทางกับลุงเพอร์เซอร์ซะละ


ขาออกที่ว่าเดินกันนานแล้วยังสู้ขาเข้าไม่ได้ ผู้โดยสารของสารการบินแต่ละลำพากันเดินออกมาพร้อมๆกันโดยไม่ได้นัดหมาย


ทำไมเยอะอย่างนี้ฟะเนี่ย


ทางเลื่อนไฟฟ้าที่ร่นพละกำลังและระยะทางดูเหมือนจะไม่ทันใจเท่าที่ควร เนื่องจากสภาพที่แออัด เดี๊ยนก็เลยพักบ้างบนรางเลื่อน สลับกับเดินไปเรียบทางเดินปกติ


ทางที่เดินก็ไม่มีทีท่าว่าจะถึงง่ายๆ ผ่านไปประมาณ 6 ทางเลื่อนซึ่งแต่ละทางก็เรียกได้ว่ายาวเหยียดพอสมควร กรูเหนื่อยนะเนี่ย ใช่แต่เดี๊ยนบ่น ก็เดินไปบ่นไปหน้าเหี่ยวกันทั้งกลุ่มเลยค่ะเพราะบินมาเหนื่อยเป็น 10 ชั่วโมง ลงเครื่องมายังเจอทางเดินเป็นกิโลแบบนี้อีก


กว่าจะหาทางออกไปขึ้นรถได้แทบแย่


ครั้งนี้ไปไคโรชิวๆสยิวกิ้วจากหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ สับรางกันอีแอร์ได้ข้าวกินฟรีไป 3 มื้อ

หนุ่มแรกเป็นเพื่อนสจ๊วตนาม มูฮัมหมัด โมนี
ที่เดี๊ยนช่วยแบกชุดสูทของคุณชายไปให้จากร้านแถวสุขุมวิท ได้โอกาศเดี๊ยนเลยหักคอขอข้าวกินมื้อนึงไม่งั้นชุดเชิดมีอดนะยะ




ถ้ายังจำกันได้ นี่เป็นร้านที่เคยพูดถึงชื่อ Planet Africa ซึ่งด้านในตกแต่งสไตล์อาฟริกาใต้ได้บรรยากาศป่าดิบเชียว เสียดายที่เดือนนี้ทั้งเดือนงดเมนูอาหารปกติ ใช้แต่เมนู Ramadan เลยไม่มีเครื่องดื่มวิลิสมาหราให้เลือกเหมือนเคย





ทุกร้านจะเปิดในช่วง 5 โมงเย็นเป็นต้นไปเพราะพระอาทิตย์ตกดินเตรียมทานอาหารมื้อใหญ่ได้ หลังจากอดกันมาร่วม 12 ชั่วโมง






นี่เป็น Open buffet ที่รวมเมนูเนื้อย่างชนิดต่างๆด้วยราคา 65 - 75 ปอนด์ หรือประมาณ 500 กว่าบาท
มีการแจกอินทผลัมทานรองท้องก่อนด้วย
แล้วก็น้ำแอปริคอต และน้ำต่างๆที่ไม่สามารถจะเรียกเป็นภาษาอังกฤษได้ถูก แต่ก็มีอยู่ชนิดนึงที่คล้ายน้ำกระเจี๊ยบบ้านเรา ซึ่งก็เป็นอย่างเดียวที่เดี๊ยนพอจะดื่มประทังชีวิตกับเค้าได้บ้างนอกจากเมนูสิ้นคิดอย่าง Soda , Coca Cola , Pepsi






แบตเจ้ากรรมดันหมดเลยไม่ได้ชักภาพเพื่อนเจ้าเข้ตัวนี้มาให้ดูเลย มีทั้งเสือ สิงห์โต ลูกสิงห์โต ช้าง และอีกสารพัดสัตว์


หลังมื้อนี้เดี๊ยนก็ขอให้พี่แกไปส่งที่โรงแรมมาริออตในตัวเมืองซะหน่อย พลังงานยังเหลือเฟือแค่ ทุ่มเดียวเองคุณขา จะอยู่หมกตัวเป็นชะนีเฝ้าโรงแรมอยู่ไยล่ะคะ
เสียงตามสายโทรมาชวนไปดริ๊งค์จากกัปตันชาวอิหร่าน ของสายการบินหนึ่งจากแดนซาอุดิอาระเบียที่ซี้กันเมื่อหลายเดือนก่อน เดี๊ยนเลยตอบตกลงไปซะ



ก็กว่าจะได้ดริ๊งค์ก็พาพี่แกเดินเล่นรอบเมืองข้าม
แม่น้ำไนล์ซะ 2 เที่ยวจนพี่แกหน้าเหยเก ร่ำๆจะขึ้นรถม้าให้ได้เชียว ติดที่ทางเดินของพี่ม้าที่จะใช้เนี่ยมันอยู่บนถนนเช่นเดียวกับรถยนตร์นี่สิคะ เสี่ย Sia แกเลยไม่ปลื้ม แถมราคาก็เล่นเอาแทบขำกลิ้ง จาก 150 ปอนด์ ดำดิ่งมาเรื่อยๆจนถึง 20 ปอนด์ เหมาะจะฮามากกว่าเลยไม่มีอารมณ์จะนั่ง ไอ้เราก็ไม่อยากจะโรแมนติกขนาดนั้น ฟงแฟนค่อยว่าไปอย่างชิมิคะ


เอาน่าแก้เหงา สุดท้ายเลยหาที่นั่งดริ๊งค์สบายๆหน่อยที่คลับหรูๆหน่อยบริเวณโรงแรมที่เดิมนั่นแหละค่า ทั้งๆที่อยากไปทานข้าวเหนียวมะม่วงที่ร้านอาหารไทยใจจะขาด หน้านี้บ้านเค้ามะม่วงออกเยอะค่า แต่เสียดายตรงที่ร้านปิดซะละ


เดินกินลมชมแม่น้ำไนล์กันนานไปหน่อย เวลาผ่านไปถึง 4 ทุ่มกว่า อาหารที่ตุนมาในท้องเริ่มย่อยไปเยอะ


เวลานี้เหมาะที่จะทานค๊อกเทล แกล้มกับมะกอกดองเป็นที่สุด ซดเฮือกๆตามสไตล์แอร์อดอยาก ณ ต่างแดน ก็เริ่มคุยออกรสออกชาติวิจารณ์สูตรผสมเหล้าชนิดต่างๆตามประสาบาร์เทนเดอร์ บาร์เทนดี้เก่าทั้งคู่


ป๋าแกออกอาการไม่พอใจที่เจ้าเครื่องดื่มเจ้ากรรมอ่อนไปถนัดใจด้วยความขี้งกของคนชง เลยเอาซะหนึ่งยก พี่หนวดบาร์เทนเดอร์เลยปิดปากด้วยการผสมสูตรเดียวกับ
อีตาเจมส์บอนด์ 007 ในหนังซะเลย แรงซ้า



กว่าจะกลับถึงโรงแรมก็ปาเข้าไป ตี 1 กว่า สัปหงกในรถแท๊กซี่ซะ 2 รอบ ไม่ค่อยปลอดภัยถึงจะแถใส่แว่นดำตอนเที่ยงคืนกว่า คนขับก็ยังจับได้อยู่ดีเพราะเสียงหัวโขกกระจกหลังดังโป๊ก ถึง 2 รอบ


รอบนี้เดี๊ยนโชคดีเหลือหลายหน้าตาเดี๊ยนไม่ชวนให้ใครมาหื่นยามค่ำคืน แถมยังไม่โกงตังค์ทอนด้วย



ตาจะปิดละพรุ่งนี้มีบินให้ชาวบ้านเค้าแต่เช้า ต้องไปโด๊ปเอาแรงก่อน

ปล. อย่าถามเรื่องตาพี่อี๊ด โทรมาอ้อนให้อยากแล้วก็จากไป พี่แกเจือกได้ไฟล์ไปแคนาดาซะงั้น
รอเหี่ยวอีกแล้วกรู




Create Date : 05 ตุลาคม 2549
Last Update : 5 ตุลาคม 2549 20:27:06 น.
Counter : 845 Pageviews.

9 comment
เขาอด เราก็อดด้วย (อ่ะดิ)
วันนี้เป็นวันแรกของช่วง Ramadan ที่พี่น้องชาวมุสลิมจะถือบวชโดยการถือศีลอด

เวลาของอียิปต์ก็จะลดลงจากเดิม 1 ชั่วโมงเริ่มนับจากวันใหม่ของศุกร์ที่ 22 ซึ่งถ้านับจากเวลาเมืองไทยก็จะช้ากว่าบ้านเรา 5 ชั่วโมง


เริ่มเข้าสู่ฤดูหนาวแล้วเป็นอะไรที่เดี๊ยนรอคอยมานาน เพราะว่านอกจากยูนิฟอร์มที่จะเปลี่ยนเป็นเสื้อคลุมแขนยาวซึ่งไม่ได้สวมมานาน 4 - 5 เดือนแล้ว ด้วยอากาศที่จะเริ่มไฮโซหนาวๆกับเค้าบ้างหลังจากตากแดดหน้าโคตรดำ แดดเผาเป็นเนื้อแดดเดียวตอนออกไปแรดแบบไม่เป็นสุข ต่อไปนี้เริ่มนับถอยหลังวางแผนตะลุยดินแดนทะเลทรายกันได้แล้ว ฮิๆๆๆ


2 วันก่อนเดี๊ยนเพิ่งกลับมาจากไคโร ตร๊ายยยย นังแอร์ใจเต้นตึกตัก มิใช่หนุ่มหัวโล้นที่ไหนมาเดินอ่อยถึงในเคบิน (ก็พอมีแหละแต่ดันเป็นลูกเรืออ่ะดิ คนสวยแอบเซ็ง )


หนุ่มนั้นก็หาใช่ใครที่ไหน ก็น้าติวเตอร์หมูที่เด็กรามฯ น้อยคนจะไม่รู้จัก เดี๊ยนยืนแจกยิ้มผู้โดยสารเพลินๆ พอเห็นหน้าน้าแกก็เผลอทำหน้าอ้าปากเหวอ เป็นอึ้งให้แกเห็น


เกือบหลุดปากว่าคราวที่แล้วทั้งบ้านเดี๊ยนเลือกน้าแกเป็น
ส.ว. ทั้งบ้านเลยนะฮะ แถมยังเป็นแฟนตัวยงของรายการแก รวมถึงบทความที่แกเขียนอีก เดี๊ยนกับสาวแอร์คู่หูคนใหม่แกะกล่องที่เพิ่งร่วมงานด้วยกันเป็นไฟล์แรก ก็อยากถ่ายรูปคู่กับน้าแกเหลือเกินแต่ด้วยความที่กลัวโดนหาว่าบ้าคนดัง เลยต้องสะกดใจหน่อย อีกอย่างน้าแกก็เล่นหลับตลอดไฟล์เลย


เสียดายจริง ถ้าไม่ลืมพกกล้องมาด้วยคงได้ชักภาพคู่กับน้าแก หรือไม่ก็ได้ภาพท่านอนพิสดารแบบเปิดพุงของน้าคนดังขวัญใจมาเป็นคอเล็กชั่นเรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดจากบรรดาสาวแอร์ทั้งบริษัทเชียว


เป็นงานอดิเรกของแอร์จิตไม่ว่างค่า เพราะงั้นคราวต่อไปนั่งเครื่องบินก็ระวังไว้นะคุณๆ ทำตัวเรียบร้อยน่ารักอย่าเรื่องมาก ให้อะไรก็กินไป ไม่อิ่มอย่าขอเพิ่ม แอร์กินข้าวอยู่ห้ามรบกวน เข้าห้องน้ำอย่ากดปุ่มผิด กดปุ่มชักโครกอย่าเจ๋อกดปุ่มเรียกแอร์เข้าใจป่ะคะ

โดนเรียกใช้มากมากเดี๋ยวมีล้างแค้นแอบถ่ายรูปตอนคุณๆนอนหลับน้ำลายยืดไปรวมฮิตฟอร์เวิร์ดเมลล์แจกนะเออ



อย่างที่เกริ่นตอนแรกว่าเป็นช่วงเตรียมรอมมาดัน
ก่อนถือศีลอด ดังนั้นทั่วบ้านทั่วเมืองอาหรับทั้งหลายก็จะเต็มไปด้วยซุ้มขายอินทผลัม เต็มไปหมดทุกห้าง

เดี๊ยนก็สรรหาซื้อมากระแทกปากฝากพี่ฝากน้องกับเค้าเหมือนกัน
อันนี้คนที่ลดความอ้วนหรือผู้สูงอายุก็ไม่ค่อยแนะนำนะคะ เพราะน้ำตาลคงกระฉูดแย่ หวานถึงใจเหลือเกิน



สนนราคาที่เมืองไทยตามห้างก็ตกอยู่ที่กิโลกรัมละ 400 บาท เดี๊ยนซื้อมาแบบคุณภาพปานกลาง เมล็ดใหญ่ๆฉ่ำๆหน่อยที่ใส่อยู่ในกล่องแพ็คอีกชั้นด้วยพลาสติกอย่างดี กล่องละ 1 กิโลกรัม ราคาเพียง 7 ปอนด์หรือ ราวๆ 49 - 56 บาท

ปกติเดี๊ยนก็ไม่ได้พิสวาสอยากทานอะไรหวานๆแบบอิทผลัมแบบนี้ดอกค่ะ แต่เห็นเข้าก็อดไม่ได้ ถึงจะเห็นอะไรต่างๆนานาเอะอะก็ผสมเจ้าผลไม้นี้ยันเลย ตั้งแต่ ไอศครีมรสอินทผลัม ,
อิทผลัมกวน , ขนมรสอินทผลัมสอดไส้อัลมอนด์ ,
โยเกิตส์รสอินทผลัม ฯลฯ หวานแสบทรวง
แค่พูดก็ปวดฟันแทนละ


วันแรกๆอารมณ์ดีได้รับเครื่องเซ่นจากหนุ่มล่ำเจ้าประจำเป็นน้ำหอมจาก ลอนดอน
พี่แกค่อนข้างบ้าน้ำหอมทุกประเภท เรียกได้ว่าฉีดทีก็ 2 - 3 ชนิดรวมกันเลย เรื่องจริงไม่ผ่านจอแต่ผ่านตาเดี๊ยนเบิ่งกันเห็นๆ ไม่รวมน้ำหอมในรถที่พี่แกประโคมฉีดเวลาต้อนเดี๊ยนเข้าไปนั่งอีก


ปล่อยกรูออกปายยยยยย หายใจไม่ออก ค๊อกแค่กๆๆ


รับมาก็โดนแกบังคับฉีดตอนนั้นเลย เดี๊ยนก็เปิดขวดฉีดมันอย่างว่าง่าย




ขวดที่ 2 แล้วเฟ้ย คราวหน้ากรูจะเอาของขวัญอะไรให้คืนมันดีฟะ
เสื้อพิมพ์ลายเมืองไทยจากประตูน้ำก็ให้พี่แกไปเกือบโหลละ

ของกินเสริมวิตามินตอนรอมมาดันแล้วกันฟะจะได้ซึ้งใจเรา แถมเข้าเทศกาลดีด้วย


ช่วงศีลอดปีที่แล้วเดี๊ยนยังเรียนงุดๆอยู่ที่อินโดนีเซีย
ตื่นตาตื่นใจไม่มีอะไรจะแดกค่า ขออภัยในความไม่สุภาพ แต่ยังจำความหิวได้แบบหนักๆเลย

มันปิดร้านกันหมดเลยอ่ะ ร้านอาหารแดกด่วนก็พากันล้อมม่านซะมิดชิด แถมหิวน้ำก็ยังต้องแอบๆกินตามหลืบแบบกลัวใครเห็นอีก เดี๋ยวเพื่อนๆเกิดกิเลสกันแล้วมันจะว่าเอาได้

อีกเรื่องก็ไอ้กระโปรงยีนส์กระจิ๋วหลิวเจ้ากรรมที่ใส่มันอยู่ประจำอ่ะสิ โดนขอให้หยุดใส่ชั่วคราวเพราะบาปแก่การมอง กรูผิดอีกละ


ช่วงนี้ไปเยี่ยมบ้านใครเค้าก็จะไม่ค่อยต้อนรับ เพราะไม่มีอะไรจะให้ทานช่วงกลางวัน


เดี๊ยนละเสียวสันหลังไฟล์ต่อไปเหลือเกิน เวลาปกติก็โดนกินหัวจะแย่แล้ว คราวนี้พ่อคุณแม่คุณหิวจัดๆ ก็คงทั้งกินแรงและแดกทั้งตัวเดี๊ยนกับเพื่อนแอร์หน้าหมวยลงกระเพาะไปทั้งคู่แน่เลย

ก็สงสารอยู่ค่ะแต่ไม่อยากเป็นอาหารฝูงแร้งข้ามชาติที่ไหนนี่คะ



ก่อนกลับบ้านก็กังวลเหมือนกันเรื่องการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของไทยที่ออกจะดังกระฉ่อน CNN กับ BBC ซะชั่วโมงต่อชั่งโมงขนาดนั้น



เดี๊ยนคงหน้าเอ๋อเหรอหราทำตัวแปะติดกระจกอยู่หน้า
ซุปเปอร์มาร์เก็ตที่ไหนสักแห่งในเมืองไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับเขา ถ้าเจ้าหมีอ้วนตัวดีเป็นนักข่าวจำเป็นโทรมาจิกให้ดูข่าวสารกับเขาบ้าง นอกเหนือจาก Fashion TV Midnight hot หรือดูหนังเรื่อยเปื่อยเช่นทุกๆครั้ง


สุดท้ายพอมาเห็นจริงๆ อะไรฟะเนี่ย ปฎิวัติหรืองานวัดโชว์รถถังกันหว่า

ข่าวสารจากพรรคพวกพี่น้องชาวไทย ณ ต่างแดนรวมทั้งเจ้าตัวเล็กจากปักกิ่งก็ขำกลิ้งกันทั้งทีม


เอาเป็นว่านิมิตรหมายดีเกินคาดคล้ายกับว่าทุกคนต่างรอการเปลี่ยนแปลงอะไรจากใครสักคนมานานแล้วล่ะ รอยยิ้มต้อนรับสิ่งใหม่ๆจึงเกิดขึ้นทั่วทุกหนทุกแห่ง


เดี๊ยนยังไม่ได้อินเทรนถ่ายรูปกับเขาเลย อายอีกละ เดี๋ยวเค้าหาว่าอีแอร์บ้ารถถัง




ปลายอาทิตย์นี้มี something ให้เนื้อหนังฟีบๆของเดี๊ยนเริ่มผลัดผิวผุดผ่องเป็นยองใยกระชากวัยหน่อย เนื่องด้วยพี่อี๊ดมาดเท่เจ้าเก่าได้ฤกษ์ดีหนีแฟนนิโกรบินมาเที่ยวพร้อมลูกเรืออาทิตย์หน้า


โทรมาอ้อนก่อนมา ทำอีแอร์ใจเต้นตึกตั๊กได้ควงปั๋วชาวบ้านแก้ขัดอีกละ

ตัวอย่างไม่ดีอย่าทำตามล่ะ ควงแก้เซ็งก่อนเจ้าหมีอ้วนตัวจริงตามมาจิกที่สนามบินใหม่เดือนหน้าแล้วกัน


ไปละค่า ไฟล์หน้าเดี๋ยวบุกสุวรรณภูมิเดี๋ยวเอารูปสนามบินใหม่มาฝาก

ใหญ่โตกว้างขวางน่าดู เข้า GATE ที ตูจะหลงทางมั้ยวะเนี่ย

























Create Date : 24 กันยายน 2549
Last Update : 25 กันยายน 2549 1:33:05 น.
Counter : 682 Pageviews.

5 comment
หวาดเสียว
น้ำตาที่ไหลอยู่ระบายความอัดอั้นหลังไฟล์ก็เหือดแห้งลง
รวมเวลา 14-15 ชั่วโมงที่นับจากเวลานัดพบจนกระทั่งบินกลับมาบ้านเราอีกครั้ง


ขาไปเดี๊ยนไม่ได้บ่นสักคำเพราะได้ทีมดีที่เคยเจอกันไฟล์ก่อนหน้านั้น ลุงที่ทำครัวท้ายเครื่องชวนคุยตลอดก่อนมาถึงสนามบิน แต่เรื่องของเรื่องมันเกิดเมือขากลับนี่แหละค่า


ไฟล์นี้เดี๊ยนอยู่ประตู 2L ด้านหน้าของส่วนที่นั่งชั้นประหยัดเช่นเดิม คราวหน้าไฟล์ไคโรเดี๊ยนขออยู่สเตชั่นด้านหลังโลดค่ะ


ตำแหน่งนี้เป็นหน้าที่ประจำของลูกเรือไทยคนใดคนหนึ่งในทุกๆไฟล์ เพราะว่าหากเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นก็จะสามารถอพยพผู้โดยสารที่ไม่สามารถสื่อสารภาษาอารบิคหรืออังกฤษได้ออกไปอย่างปลอดภัยเช่นกัน


แต่มันน่าเบื่อมากขอบอก เหตุที่จั๊มซีสของลูกเรือในส่วนนี้มีแค่ซ้ายขวาด้านละตัวเท่านั้น ไม่เหมือนกับครัวทางด้านหลังซึ่งมี จั๊มซีสถึง 7 ตัว
เวลาพักทานข้าวก็เลือกที่นั่งอย่างสบายอารมณ์ได้เลย ไม่ต้องยืนทานหรือนั่งบนโต๊ะที่พับได้ซึ่งปกติโต๊ะพวกนี้มีไว้ทำงานบริการต่างๆ เช่นเสริฟ์หนังสือพิมพ์ ชา กาแฟ อาหารว่าง หรืออาหารหลักให้ผู้โดยสารชั้นธุรกิจได้เลือก


แต่กัปตันบางคนจะห้ามไม่ให้ลูกเรือใช้โต๊ะเหล่านี้กางออกมานั่งเพราะเกรงจะดูไม่ดีถ้ามีผู้โดยสารมาพบเห็น มันก็จริงแต่ท่านๆเหล่านั้นคิดบ้างรึเปล่าว่าเราบินกัน 4-5 ชั่วโมงต่อไฟล์ บางครั้งก็ 9 ชั่วโมง ไม่ให้นั่งบนนี้แล้วจะให้นั่งบนเก้าอี้ประจันหน้าผู้โดยสารตลอดเวลารึไง แม้กระทั่งกินข้าวก็ยังต้องยืนกิน


คราวนี้ก็เช่นกัน นังแอร์ก็ยืนไปค่ะ รวมเวลาบินไป-กลับ 9 ชั่วโมงกรุงเทพ - ปักกิ่ง - กรุงเทพ ก็ยืนเส้นเลือดขอดเข้าไป แถมยังเจอป้าแอร์เพอร์เซอร์หมายเลข 2 จอมจิกอีก ที่บ้านป้าแกลืมฉีดยาให้ตอนครบกำหนด น้ำลายถึงหยดแหมะๆ หางตกจ้องจะแดกเดี๊ยนตลอดเกือบ 5 ชั่วโมงที่บินด้วย


แอบหนีไปนั่งบนจั๊มซีสเผชิญหน้าผู้โดยสารยังมีความสุขมากโขกว่าโดนแกจ้องจะเขมือบเดี๊ยนในครัวอันกระจิ๋วหลิวตั้งแยะ


เดี๊ยนต้องเสริฟ์ในชั้นธุรกิจควบไปกับหน้าที่ต้อนรับผู้โดยสารและประกาศบนเครื่องด้วย จะให้กรูทำอะไรกันนักหนาฟะ


ด้วยความที่ไม่ได้ทำในชั้นธุรกิจมานานหลายเดือนแล้ว และที่ผ่านๆมาก็มักจะเสริฟ์ด้วยมือซะส่วนใหญ่ ไม่ได้ใช้รถเข็นแบบ full option เพราะช่วงนั้นผู้โดยสารน้อยกว่าครึ่งและมีสภาพอากาศแปรปรวนนานๆบ่อยๆ


แต่คราวนี้ชั้นธุรกิจแน่นขนัดไปด้วยผู้โดยสารชาวจีนซะร่วม 80 เปอร์เซ็นต์ นังแอร์เลยเป็นที่ต้องการของป้าแก่ให้มาช่วยทำด้วย


เริ่มงานก่อนเครื่องจะบินขึ้นเดี๊ยนก็มึนเลยเพราะกว่าจะทำหน้าที่ของตัวเองเสร็จ เครื่องบินก็ถอยหลังเตรียมเข้าสู่รันเวย์แล้ว นังแอร์ก็ตาเหลือกรีบสุดชีวิตพอๆกับที่อารมณ์นังป้ารวมมิตรเริ่มขึ้นทีละนิด รู้ทั้งรู้ว่าต้องรีบแต่ทำไมไม่ช่วยกันทำทั้งด้านซ้ายและด้านขวาของเครื่องก็ไม่ทราบ
ป้าได้แต่ยืนจัดของให้และก็ยังแดะใจดีเตรียมของให้ลูกเรือทีมถัดไปอีก เห็นแล้วอยากกร๊ดดดดดดดจริงๆ จะรีบเตรียมทำด๋อยอะไรไฟล์นี้ยังไม่ได้บินขึ้นเลย บินมากๆสมองฝ่อได้นะคนเรา อย่างป้ารวมมิตรเป็นต้น


อันที่จริงป้าแกให้เรียกว่า มาดาม Sahar หรือ "สหะ"
แต่ที่เรียกชื่อนี้เพราะแกทำให้เรานึกถึงพวกโรงเรียนสหศึกษาที่รวมชายหญิงประมาณนั้น เลยคิดว่าชื่อรวมมิตรก็เหมาะกับแกดี


ด้วยความที่เดี๊ยนทำงานไม่ทันใจแกเพราะเก้ๆกังๆก็โดนแกคาบไปฟ้องป้าเพอร์เซอร์เบอร์ 1

โชคยังเข้าข้างอยู่ตรงที่เบอร์หนึ่งแกดีใจหาย ไม่เพียงแต่ไม่ว่ายังส่งแอร์จากเฟริส์คลาสมาเปลี่ยนหน้าที่ให้
เดี๊ยนกลับไปทำตำแหน่งเดิมในชั้นประหยัดคู่กับพ่อสจ๊วตด๊อกเตอร์สติเฟื่อง


ครั้งแรกที่ได้ร่วมงานกับสจ๊วตที่มีความคิดความอ่านและระดับการศึกษาชั้นเทพแบบนี้ เดี๊ยนยังแปลกใจอยู่ว่าแกเอาเวลาที่ไหนไปค้นคว้าทำวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกที่แกคร่ำเคร่งเรียนอยู่


ขยันจริงน้อคนเรา เคยได้ยินเหมือนกันที่ว่าสจ๊วตการบินไทยบางคนเป็นด๊อกเตอร์ ถ้ากำลังเรียนอยู่ก็ยังตกใจพอประมาณ แต่ถ้าเรียนจบแล้วยังทำงานบนเครื่องอยู่นี่สิของแปลกขนานแท้


ไฟล์นี้ขรุขระเล็กน้อยตรงที่ถาดอาหารของผู้โดยสารเปลี๊ยนไป๋ จากถาดสี่เหลี่ยมจัตุรัสกลายเป็นกล่องอาหารพลาสติกสีดำด้านบนเป็นฝาเปิดสีใส เล่นเอางงเชียวค่ะ เล่นอะไรกันเนี่ยครัวการบินไทย


ทุลักทุเลเล็กน้อยตรงที่ถาดอาหารร้อนของผู้โดยสารที่รักทั้งหลายต้องวางไว้ในกระบะที่เป็นเหมือนลิ้นชักถึง 3 อัน ทำให้กินบริเวณที่วางเครื่องดื่มไปครึ่งหนึ่งเชียว
น้ำแข็งก็ไม่มีที่วาง นังแอร์ก็เสริฟ์กันขาลากมือเป็นแม่ลิงเชียวเพราะต้องยื้อยุดฉุดกระชากกล่องอาหารพลาสติกด้านในที่มันลึกสุดใจไม่ยอมออกมาง่ายๆน่ะสิคะ น้ำผลไม้ก็ชนิดละกล่องเท่านั้น พอก็แปลกละเลยเดินไปเดินมาเป็นว่าเล่นเชียว นอกจากนั้นอาหารพิเศษที่ผู้โดยสารไทยสั่ง 2 ที่ก็ไม่ได้เตรียมขึ้นมาให้อีก

ห่านนนนนนนนนนนนจิก เดือดร้อนกรูอีกแล้วทั้งที่เป็นส่วนของนังสจ๊วตสะโพกไหวจากท้ายเครื่อง


เห็นหน้าป้าแกแล้วก็สงสารเพราะทานได้แต่มังสัตวิรัติและก็สั่งไว้ตอนเช็คอิน แต่มันไม่มีนี่ค๊า


นังสจ๊วตอยากสวยคนเดิมก็ยังยืนยันจะให้แกรับแต่ชุดอาหารในกล่องพลาสติกที่มีสลัดและขนมปังเท่านั้น
สายตาเพื่อนร่วมชาติที่มองตาละห้อยด้วยความหิวอย่างนั้นเดี๊ยนก็ตัดสินใจเดินไปถามป้าเพอร์เซอร์หมายเลข 1 ถึงหน้าห้องนักบินว่าอาหารมังสัตวิรัติที่ผู้โดยสารสั่งไม่มีจะให้ทำอย่างไร แกก็ใจดีเหลือหลายบอกให้เดี๊ยนรอ 5 นาทีแล้วจะเตรียมไปให้

และแล้วไม่กี่อึดใจคุณป้าผู้โดยฯชีวจิตก็ได้อาหารปลอดเนื้อสัตว์หน้าตาน่าทานจากเฟริส์คลาสเป็นอาหารค่ำจนได้


กว่าจะเสร็จจากการบริการอาหารค่ำมื้อนั้นเดี๊ยนก็แทบแย่เพราะตาสจ๊วตจุ๋มจิ๋มนี่แทนที่จะเร่งรีบไปเอาอาหารไปเสริฟ์ให้ผู้โดยสารที่ยังไม่ได้หลายคน รวมถึงเครื่องดื่มด้วย กลับเอ้อละเหยแถมยังรินน้ำดื่มซดเฮือกๆต่อหน้าผู้โดยสารที่ขอน้ำซะอีกแหนะ

หล่อนช่างกล้าจริงๆ ทำให้ผู้โดยสาร 7 คนทั้งแถวอ้าปากค้าง


จากนั้นเดี๊ยนก็เสริฟ์ต่อด้วยชา กาแฟ แบบไม่จำกัด
เมื่อผู้โดยสารทานเสร็จเรียบร้อยเดี๊ยนก็ได้เวลาเก็บอย่างว่องไวก่อนที่ไฟในเคบินจะดับลง


กว่าจะเสร็จก็เล่นเอามึนหัวไปหลายตุ๊บเชียวเพราะอากาศที่เจือจางและต้องคอยก้มๆเงยๆกว่า 40 ครั้ง


เรียบร้อยถึงครัวก็ทำการเก็บขยะออกจากรถเข็นและหาทางเก็บเจ้ากระบะทั้งกลายยัดใส่รถให้ได้


ขนาดที่เปลี่ยนไปของกลองพลาสตืกที่สั้นกว่าถาดอาหารเดิมทำให้พื้นที่ๆเก็บอาหารของผู้โดยสารดังกล่าวมีที่เหลืออีกพอสมควร เดี๊ยนหาทางยัดๆใส่ๆหาที่ว่างใหม่สำหรับ
ลิ้นชักที่ว่านี่ ก็เจอทีเด็ดนังเจ๊ด่าอีกแล้วว่าช้ามาก....กยังไม่ได้เก็บกระบะใส่เครื่องดื่มเลยนะ



อะไรของมรึงเนี่ย นังรวมมิตร จะรีบกลับไปเก็บหอกที่ไหนวะ แล้วนั้นเครื่องดื่มที่เหลืออีกกระบะนึงใครเค้าเก็บกัน มีแต่เตรียมไว้เสริฟ์ผู้โดยสารที่มาขอน้ำทีหลังต่างหาก


ได้แต่คิด อีแอร์ได้แต่ยิ้มแล้วพูดว่า Ok,I'm sorry


วีรกรรมนังรวมมิตรบนไฟล์นั้นยังมีอีกเยอะ ฉบับย่อๆก็ทำให้เดี๊ยนปวดใจจริงๆที่นึกถึง


เตรียมผลไม้จะเข้าปากแทนอาหารเย็นก็มีอันต้องหยุดชงักเพราะเสียงสัญญาณเรียกของผู้โดยสาร เดี๊ยนก็ชะโงกหน้าไปดูก็ไม่เห็นสัญญาณว่ามาจากที่ไหนเลยกดเข้าไปดูในเครื่องควบคุมแบบนิ้วสัมผัสหน้าสเตชั่น ก็เห็นว่าเป็นสัญญาณเรียกจากผู้โดยสารชั้นบิสเนสที่นังรวมมิตรทำอยู่


เจ้าหล่อนตอนนี้กำลังเม้าท์เมามันส์กับสจ๊วตล่ำนายหนึ่ง เดี๊ยนก็บอกว่าผู้โดยสารชั้นของหล่อนเรียก ซึ่งถ้าใกล้กับตำแหน่งที่ยืนอยู่เดี๊ยนก็คงเข้าไปถามแล้ว แต่นี่แค่หล่อนหันหลังแล้วก้าวไป 3 ก้าวก็ประจันหน้าผู้โดยสารท่านนั้นแล้ว


แทนที่หล่อนจะรีบไปเริ่มงานในส่วนของหล่อน กลับกลายเป็นว่ามาเล่นงานเดี๊ยนแทนที่จะไปถามผู้โดยสารว่าต้องการให้ช่วยอะไร พรางสรรหาอะไรที่หยิบยกได้มาผรุสวาต


........อีนี่ .....เดี๊ยนชักเริ่มอารมณ์บ่จอยแล้ว



แต่ก็ต้องยิ้มรับ โอ๊ยยยยสุดสวยเครียดดดดดดดดดดดด ขอยาดมหน่อย


เรื่องชวนให้ผวาระหว่างไฟล์สำหรับเดี๊ยนมันเกิดตอนที่เครื่องบินเข้าเขตกรุงเทพและอีกไม่นานจะลดระดับลงสู่ท่าอากาศยานดอนเมืองแล้ว

ระหว่างที่เดินเก็บของภายในเคบินเตรียมให้ผู้โดยสารรัดเข็มขัด จมูกก็ฟุดฟิดได้กลิ่นบางอย่างเหม็นไหม้เจือจางแต่ฟุ้งไปทั่วช่วงกลางของตัวเครื่อง


เดี๊ยนก็คิด "เอาแล้วสิ อะไรฟะ ไหม้ขึ้นมาจะเอาที่ดับไฟสเตชั่นไหนดีวะเนี่ยกรู "

"ยังไม่พร้อมตายตอนนี้นะเนี่ย ยังไม่ได้สละโสด"



คิดไปโน่นเลย ผู้โดยสารก็ตกใจกันใหญ่ ลูกเรือก็เหมือนกันนั่นแหละ เช็คกันให้พล่านเลยว่ากลิ่นเหม็นไหม้นั้นมาจากไหน ห้องน้ำทุกห้องก็ไม่มี


เพอร์เซอร์รีบแจ้งไปยังกัปตัน และให้ผู้ช่วยนักบินเดินออกมาดูทั่วทั้งเคบินว่าเกิดอะไรขึ้น พรางปลอบผู้โดยสารว่าไม่ต้องตกใจ แต่นังแอร์เนี่ยเครียดแล้วเฟ้ย


ท้ายสุดก็ไม่พบอะไรเป็นไปได้ว่าระบบไฮโดรลิคขัดข้อง แต่ก็โชคดีที่ลงถึงพื้นอย่างปลอดภัย


ถึงเวลาเปิดประตูเครื่องก็ได้เรื่องอีกแล้วครับท่าน
นังรวมมิตรเป็นพยานให้เดี๊ยนตอนเปิดประตู แต่ด้วยความที่ไฟล์หลังๆมานี่บางทีโดนว่าเรื่องที่ซีเนียร์สเตชั่นตรงข้ามมาเปิดประตูฝั่งเดี๊ยนโดยไม่รายงานเพอร์เซอร์ คนที่โดนยำเละก็นังแอร์เนี่ยแหละ โดยที่คนเปิดประตูหายจ้อย


ถึงจะได้รับสัญญาณจากพนักงานภาคพื้นด้วยการเคาะประตูจากด้านนอกแล้ว และมีพยานตอนเปิดประตู แต่ก็มักจะโดนย้ำจากเพอร์เซอร์ ว่า

"Don't open the door before I tell you!!!"

บางครั้งไม่ได้ยินคำสั่งนี้แต่ก็หมายความให้ทำตามแบบนี้ทุกครั้งนั่นแหละ

คราวนี้เดี๊ยนก็ไม่เปิดแม้ว่านังรวมมิตรจะให้สัญญาณว่าเปิดได้ แต่กรูกลัวโดนงับหัวเข้าใจมั้ย เลยโทรไปขออนุญาติเพอร์เซอร์เพื่อความแน่ใจ


พอเปิดเสร็จเรียบร้อย นังเจ๊ขนมหวานซึ่งตัวจริงไม่ได้หวานเหมือนชื่อ ก็ตรงเข้าเล่นงานงับต้นขาเดี๊ยนทันที (เปรียบเหมือนอะไร ไปคิดเอาเองนะ หุๆๆ)


ป้าแกของขึ้นเพราะเสียหน้าที่เดี๊ยนไม่เชื่อที่แกสั่งรึไงไม่ทราบโวยวายใหญ่โตว่าจะรายงานเดี๊ยนกับทางไคโร
พอบอกเหตุผลก็ไม่ฟัง ตรูละเซ็งนังนี่จริงๆ

นังป้ารวมมิตรก็โชว์ดาว 4 ดวงที่อกเสื้อบ่งบอกถึงตำแหน่งเพอร์เซอร์และอายุการทำงานที่ขึ้นกว่า 18 ปีของมันเหมือนกัน เวรละ นังป้านี่ก็เพอร์เซอร์แต่เป็นหมายเลข 2 ตรูลืมไป


แต่ไงซะหมายเลข 1 ก็ใหญ่กว่านี่หว่า


เล่นเอาเดี๊ยนเครียดมาก ทั้งเหนื่อย ทั้งโมโห และก็โคตรงง พอก้าวขาออกจากเครื่องเท่านั้นก็ได้โอกาสไปประกบติดป้าเพอร์เซอร์และถามถึงเรื่องที่เดี๊ยนทำว่าตกลงถูกหรือผิด

อยากเห็นหน้าคนกระอักให้ชัดๆตอนที่เข้ามาแทรกตอนที่เดี๊ยนคุยกับเพอร์เซอร์และแล้วป้ารวมมิตรแกเตรียมเครื่องยำมาจัดการเดี๊ยนโดยเฉพาะ แต่กลับกลายเป็นว่าป้ารวมมิตรหน้าจ๋อยและค่อยๆเดินลิ่วๆหนีผู้คนไปในที่สุด


สะใจอยากกรี๊ดดดดดดดดดดดดด 15 รอบครึ่ง


ถึงฟังอาหรับไม่ออกแต่ก็เดาได้เม่นๆเลยว่างานนี้นังแอร์หัวลีบที่โดนเขมือบมาทั้งไฟล์ทำถูกแล้ว


โล่งใจแต่ว่ารู้สึกน้อยใจและเหนื่อย รวมทั้งหงุดหงิดกับคำพูดของเพื่อนร่วมงานบางคนด้วย ความเครียดที่สะสมทำให้นั่งอยู่ในรถน้ำตาก็ไหลออกมาเหมือนกับเพลงของศิลปินขาสวย .....อยู่ดีๆก็อยากร้องไห้.....ขึ้นมาทันที


ตี 2 แล้วจะคุยระบายกับใครได้นอกจากคนข้างตัวทั้งตัวจริงและคนสำคัญรองลงไปที่อยู่กันคนละประเทศ เวลาก็ ลบสี่ซ้าห้าชั่วโมงก็ยังไม่ดึกมากนักพอคุยได้อยู่



นี่แหละหนาประโยชน์ของแอร์นักรัก หาคนปลอบใจได้ทุกสถานะการณ์ แต่อย่าเอาอย่างล่ะคุณๆ

เจอกันเมื่อไรบ้านบึ้มเอาง่ายๆ



พรุ่งนี้เตรียมตัวบินอีกละไฟล์ยาว 9 ชั่วโมง จะเจอกับอะไรอีกเกินความสามารถจะคาดเดา นี่แหละความไม่แน่นอนของชีวิตสาวแอร์




คราวหน้าไม่ยอมอยู่เป็นเป้านิ่งให้ใครมาด่าแบบนี้แล้วด้วยเฟ้ย สู้ตาย



Create Date : 16 กันยายน 2549
Last Update : 17 กันยายน 2549 21:52:10 น.
Counter : 625 Pageviews.

3 comment
ในที่สุด...






ห่างหายจากบล๊อกไป เดี๊ยนก็ไม่ได้แดะไปไหนไกล วันนี้ก็นอนรอเป็นสแตนบายอยู่บ้านโลดค่ะ หลังจากตะลุยดงพี่ๆฝาหรั่ง ณ ตรอกข้าวสาร บางลำภู เลยไปถึงท่าพระอาทิตย์ ควานหาห้องหับสุดหรูราคาประหยัดตังค์ให้กับตาหมีอ้วนที่จะหลบหนีความเย็นของหน้าหนาวที่ใกล้เข้ามาถึง ด้วยการมาเยือนภูมิภาคแถบนี้นั่นเอง


นังแอร์ก็นอกจากต้องเตรียมตัวเป็นมัคคุเทศน์จำเป็นแล้ว ก็ต้องสวมวิญญาณชีพจรรองเท้าไปตะเวนหาทำเลที่เหมาะแก่การจำศีลกลางคืนของพี่แก แหงแซะที่ต้องห่างไกลน้องจิ้งหรีดทั้งหลาย รวมทั้งมีที่สบายๆให้พี่แกซดกาแฟตอนละเลียดข่าวหนังสือพิมพ์ซะหน่อย


ด้วยความที่ออฟชั่นพี่แกเยอะเหลือเกิน เดี๊ยนก็เลยต้องเตรียมอุปกรณ์การชักภาพไปนำเสนอผลงานอกีด้วย ตะเวนสรรหาแบบนี้ก็มันดีแหละค่าคุณๆ แต่เรื่องมันมากระทบใจสาวไทยแบบเดี๊ยน และเพื่อนสาวอย่างแรงก็ตรงที่บรรดาโรงแรมใหญ่น้อยรวมทั้งเกสเฮ้าท์ต่างๆไม่อยากจะต้อนรับเพื่อนร่วมชาติสักเท่าไหร่ อย่าว่าแต่เรื่องห้องพักเลยที่ไม่ให้เข้าพัก กระทั่งสอบถามราคาก็เกรงดอกอุตพิษมันจะร่วงออกจากปากซะหมดรึไงไม่ทราบ


เกิดเป็นคนไทยทำไมมันลำบากกันจังหนอ ดูถูกกันเองเก่งนักเชียว กับพวกต่างชาติก็พากันยกมือไหว้ปรกๆยังกับเป็นเพื่อนพ่อแม่ตั้งแต่ชาติปางไหน น้อยใจจริงๆเลยคุณ


เดินซะขาขวิดตะเวนซะทั่วเดี๊ยนก็ได้โรงแรมที่หมายตาไว้
















Mango Lagoon Place เป็นชื่อเก๋ไก๋ของ Guesthouse ในซอยรามบุตรีแห่งนี้ สนนราคา 650 - 750 บาท สำหรับห้องคู่ มีแอร์ ทีวี และน้ำร้อน ด้านล่างมีร้าน พิซซ่าลันตา ที่หลายคนชิมแล้วต้องติดใจ
ถาดกลาง 200 บาท ชีสเยอะแบบสะใจเต็มหน้าเลยค่ะ


เดี๊ยนไม่ได้ค่าโฆษณา ความจริงน่าจะขอนะเนี่ย


ดูภาพรวมแล้วก็ใช้ได้ บริการก็พอใช้ได้ พนักงานไม่ได้หน้าตาบูดบึ้งเหมือนท้องผูกเป็นอาทิตย์เช่นที่อื่นๆ

อีกที่นึงที่ราคาย่อมเยาว์ลงมาหน่อย ถึงจะไม่มีทีวี กับห้องน้ำส่วนตัว แต่บริการของพนักงานที่นั่นดีมากๆเชียวล่ะค่า
















สถานที่ก็มีชื่ออย่างไทยๆว่า "เรือนโมก" หรือ RM guesthouse เรียกอีกชื่อก็คือ บ้านผู้การ ตั้งอยู่บริเวณส่วนของบางลำภูตรงข้ามกับวัดจีน เดินมาไม่ไกลจากร้านสเวนเซ่นนัก ด้านล่างเป็นร้านกาแฟน่ารักเชียวค่ะ

สนนราคาคืนละ 300 บาท สำหรับพัก 1 คน
แต่ห้องนึงจะเป็นเตียง 2 ชั้น ถ้าพัก 2 คนก็เพียงแค่ 400 บาท ราคาน่าสนใจทีเดียวค่ะเมื่อเทียบกับความเงียบสงบ สะอาด และความเป็นมิตรของพนักงาน

มีเครื่องซักผ้าให้บรการตัวเองอยู่ชั้นดาดฟ้า


พี่ป๊อปสุดหล่อแห่งเกสต์เฮ้าท์นี้ให้ข้อมูลเดี๊ยนว่า แหล่งที่พักแถบนี้ทั้งหมดไม่ต้อนรับคนไทยเข้าพักเนื่องมาจากกฏของสมาคมบ้านพัก เดี๊ยนฟังแล้วก็พรางคิด
....เออนะ...สนับสนุนไทยเที่ยวไทยแต่ไหงไม่รับคนไทยด้วยกันเอง เจริญกันฮวบฮาบแน่เลยประเทศตรู



ใครมีเพื่อนต่างชาติที่มาเที่ยวแบบประหยัดงบประมาณ และต้องการห้องพักที่ดูดีพอสมควรไม่วุ่นวายเกินไปนักช่วงกลางคืนก็ทั้ง 2 สถานที่นี้น่าสนค่ะ





Create Date : 13 กันยายน 2549
Last Update : 14 กันยายน 2549 18:16:35 น.
Counter : 856 Pageviews.

2 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  

Uki no Kimono
Location :
Duesseldorf  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



อดีตสาวแอร์แดนทะเลทรายที่ผันตัวเองไปเป็น office lady และกลับไปเป็นนักเรียนไทยในต่างแดนเช่นเคย ขอแบ่งปันประสบการณ์การดำเนินชีวิตแบบชีพจรรองเท้าจากที่เคยผ่านมาทั้ง ๔ ทวีปให้เป็นแนวทางสำหรับผู้ที่สนใจนะคะ
Myspace Glitter Graphics, MySpace Graphics, Glitter GraphicsMyspace Glitter Graphics, MySpace Graphics, Glitter GraphicsMyspace Glitter Graphics, MySpace Graphics, Glitter GraphicsMyspace Glitter Graphics, MySpace Graphics, Glitter GraphicsMyspace Glitter Graphics, MySpace Graphics, Glitter GraphicsMyspace Glitter Graphics, MySpace Graphics, Glitter Graphics Myspace Glitter Graphics, MySpace Graphics, Glitter GraphicsMyspace Glitter Graphics, MySpace Graphics, Glitter GraphicsMyspace Glitter Graphics, MySpace Graphics, Glitter GraphicsMyspace Glitter Graphics, MySpace Graphics, Glitter GraphicsMyspace Glitter Graphics, MySpace Graphics, Glitter Graphics