Group Blog All Blog
|
เสียอารมณ์กับเรื่องเกาะๆ เพิ่งเข้าไปบ่นในกระทู้พันทิพย์มา อีแอร์บินเหนื่อยไม่มีแรงอัพ ขอพักยกก่อนนะ อ่านนี่ไปก้อนเน้อ "ความประทับใจของหาดทรายที่ขาวสะอาด และเงียบสงบยามเย็นหลังนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่กลับเข้าตัวเมืองพัทยาไปแล้ว รวมทั้งอาหารทะเลรสอร่อย ดึงดูดให้เรากลับมาที่นี่อีกครั้ง เกาะล้าน แต่ความประทับใจที่มีอยู่ก็ค่อยๆหดหายไปเรื่อยๆหลังจากเหตุการณ์วันแรก และวันต่อๆมา วันแรกที่มาถึงได้จองห้องพักไว้ 4 คืน ในราคาคืนละ 800 บาทกับห้องพัดลมที่มีเตียงคู่วางไว้กับพื้นไม้ มีห้องน้ำในตัว ซึ่งสภาพห้องจัดว่าแพงพอสมควรเมื่อเทียบกับที่พักที่เกาะช้างหรือแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ บรรยากาศตั้งแต่ช่วงเช้าก็มีนักท่องเที่ยวฝรั่งคึกคัก ซึ่งแทบทุกคนล้วนแต่มาพักผ่อนเฉพาะช่วงเช้าถึงเย็นเท่านั้น พอตกเย็นตั้งแต่ 4 โมงเป็นต้นไปจนถึง 6 โมงเย็น นักท่องเที่ยวเริ่มบางตาจนกระทั่งเหลือนักท่องเที่ยวอยู่ไม่เกิน 5-6 คน ขณะที่เรา ทั้ง 2 นั่งมองดวงอาทิตย์ตก แม้จะไม่ค่อยชอบใจนักกับกรรมกรกลุ่มใหญ่ที่ทยอยกันออกมาพร้อมจอมพลั่วครบมือ ทำการขุด และขุดทรายเพื่อขนย้ายใส่ถุง ก็ไม่ค่อยเข้าใจนักว่าพวกเขาทำอะไรกัน ขนทรายเพื่อนำไปเป็นวัสดุก่อสร้างทางหลังที่พักซึ่งเป็นร้านอาหาร (ชื่อเดียวกับหาด)งั้นเหรอ อารมณ์โรแมนติกก็เลยไม่ค่อยต่อเนื่อง ลมก็เริ่มพัดแรงขึ้น และมาพร้อมฝุ่นผงขี้เถ้าจำนวนมากที่ถูกพัดมาทางด้านชายหาดที่เราทั้ง 2 และนักท่องเที่ยวที่เหลือนั่งอยู่ ฝุ่นผงที่ว่าปลิวเข้าหัวหู เข้าตาไปหมด กระทั่งปลิวไปทั่วบริเวณจนผิวน้ำทะเลบริเวณนั้นมีแต่แผ่นขี้เถ้าสีเทาขนาดใหญ่ปกคลุมอยู่ ดูพิลึก เมื่อมองไปที่ต้นตอของกองไฟนี้ทำให้เราทั้ง 2 เริ่มออกอาการไม่พอใจมากขึ้น เพราะมันถูกจุดอยู่ด้านข้างของห้องที่พักของเราเอง แม้จะอยู่ด้านบนคือชั้น 2 แต่ก็ไม่รอดไปจากกลิ่นเหม็นไหม้และฝุ่นควันนั้นเลย บ้านพักหลังนั้นแบ่งออกเป็น 2 ชั้น มีชั้นละ 3 ห้อง ด้านหน้าติดชายหาด ด้านขวาติดบริเวณที่เป็นป่าและโขดหิน ซึ่งหลังจากที่เราบ่นเรื่องกองไฟเผาขยะนี้ ก็ได้รับคำแก้ตัวจากเจ้าของร้านอาหารนี้ว่าเป็นการเผาใบไม้แห้ง และไม่ได้เผา ทุกวัน เราสามารถเปลี่ยนห้องได้ถ้าอยากเปลี่ยน แต่ตอนนั้นไม่ว่าเปลี่ยนไปห้องไหนผลที่ได้ก็ไม่ต่างกันเพราะโดนรมควันเข้าเต็มๆทั้งหลัง ก็ได้แต่ฮึ่มฮั่มอยู่ในใจว่าคงเป็นคราวเคราะห์ของเราทั้ง 2 คนที่มาไม่ถูกวัน แต่แอบสังเกตุว่า ทำไมจุดไฟเผาใบไม้แต่มองจากห้องไปเห็นแต่กองเศษขยะล่ะ ตกเย็นก็ทานข้าวและลืมเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นในช่วงเย็นไป บรรยากาศหลังพระอาทิตย์ตกดินหาดทั้งหาดเป็นเหมือนของเรา 2 คนเท่านั้น อาหารที่สั่งก็รสชาดใช้ได้แต่ทางร้านไม่ได้จุดตะเกียงให้ที่โต๊ะชายหาดเหมือนเคยเมื่อครั้งแรกที่มาเยือน คราวนี้ก็เลยย้ายขึ้นมานั่งรับประทานอาหารค่ำบนโต๊ะของทานร้าน รอยเปื้อนจากอาหารทะเลมื้อกลางวันของฝรั่งกลุ่มใหญ่ที่ลงมือแทะกุ้งกับปูอย่างเมามันบนโต๊ะยาวสีขาวที่จุคนได้เกือบร้อยยังมีให้เห็นอยู่ สังเกตุง่ายๆจากเศษอาหารตามพื้นและมดที่เดินอยู่เป็นวงๆตามรอยเปื้อนบนโต๊ะและเก้าอี้นั้นๆ เราก็ขอปัดเก้าอี้และเช็ดโต๊ะบางส่วนซะก่อนนั่งลงไป ไม่มีใครทำให้ก็ทำเองได้ค่า เพราะความเกรงใจของเรา คืนวันแรกเดินทางมาเหนื่อย หลังจากคุยกันจนเวลาผ่านไปไม่ดึกนักเราก็เริ่มพักผ่อน ลมไม่ค่อยเข้านักทำให้อากาศอบอ้าวเล็กน้อยจนแฟนเราพูดขึ้นมา แต่ก็พอทุเลาไปได้เพราะพัดลมที่มีอยู่ช่วยระบายอากาศ ครั้นจะเปิดประตูก็กลัวยุงหาม อีกทั้งกลัวกรรมกรหามด้วยนี่สิคะ แหะๆ กลางดึกก็สะดุ้งตื่นเพราะเหงื่อเจ้ากรรมออกเพราะความร้อนจนซึมไปทั่วทั้งหน้า พอไปเปิดพัดลมก็ไม่ติด เดาได้ว่าที่ร้านคงปิดเครื่องปั่นไฟเพื่อความประหยัด แต่ตอนนั้นอยากตะโกนด้วยความโมโห เพราะไม่ได้จ่ายค่าที่พักริมทะเลแบบพื้นๆราคาแพง และมาตัดไฟอย่างนี้เพราะมันอยากประหยัดนะ หลายปีที่แล้วมาช่วงหน้าหนาวก็เลยไม่ทราบว่าตอนนั้นมีตัดไฟแบบนี้รึเปล่า ประมาณ 40 นาทีผ่านไปไฟก็กลับคืนมา เนื้อตัวที่เปียกชุ่มเหงื่อก็โดนลมพัดจนคลายความร้อนและม่อยหลับลงอีกในที่สุด ตอนเช้าก็ตื่นขึ้นมาเพราะเสียงก่อสร้าง นอนไม่หลับต่อไปก็เลยไปชมทะเลยามเช้าและทานอาหาร วันนี้เราทั้ง 2 ตัดสินใจไปเที่ยวยังหาดอื่น รวมถึงไปที่ท่าเรือเพื่อหาเสบียงและน้ำที่ไม่ได้เตรียมไว้ตั้งแต่แรกเนื่องจากความฉุกละหุก ตอนเย็นเราก็กลับเข้าไปยังที่พัก ซึ่งวันนี้อากาศดี ลมเย็นสบาย แต่สายตาเราทั้ง 2 ก็พลันไปเห็นเจ้าสุนัขตัวเก่งที่ทางร้านเลี้ยงไว้ ซึ่งเดิมมีอยู่ 2 ตัวหลายปีผ่านไป อีกตัวตายลงก็เลยเหลือแค่ตัวเดียว แต่ก็ยังไม่รวมอีก 2 ตัวหมาเพื่อนบ้านนะ 1 ในนั้นเริ่มเดินสำรวจและหาที่ฉี่บนพื้นทราย ซึ่งไม่ใกล้ไม่ไกลก็ขาโต๊ะของเก้าอี้ชายหาดที่ถัดไปไม่กี่ตัวจากเราทั้งคู่ เราทั้ง 2 มองหน้ากันและเริ่มไม่ไว้ใจพื้นทรายด้านหน้าซะแล้วว่าที่แฉะๆเนี่ยน้ำทะเลหรือว่าอะไรกันแน่ ไม่อยากเตะทรายเล่นละงานนี้ วันต่อมาที่ตื่นขึ้นก็เพราะเสียงขุดเจาะที่ดังมาตั้งแต่ 7 โมงเช้า นักท่องเที่ยวยังมาไม่ถึงหาด ก็มีแต่เรา 2 คนอีกเช่นเคยที่โดนรบกวน คราวนี้แฟนเราอารมณ์เสียมากกว่าทุกครั้ง และลงไปโวยกับทางร้านว่าทำไมมีการก่อสร้างแล้วไม่บอกเราล่วงหน้า ชายเจ้าของร้านได้แต่ทำหน้าโง่ๆ เหมือนไม่เข้าใจ (แฟนเราบอกว่าทำหน้า Stupid ใส่เขา) พอ 9 โมงพวกฝรั่งเดินทางมาถึง เสียงก่อสร้างก็เงียบไป เราทั้ง 2 ก็เลยคุยกันว่าจะเช็คเอาท์ทันทีไม่อยู่ต่อแล้ว และก็จะขอลดราคาค่าห้องที่บริการห่วยๆนี่ด้วย สุดท้ายค่าห้อง 2 คืนและอาหารทั้งหมด 4 มื้อสำหรับ 2 คนรวม 3250 บาท แฟนเราวางเงินไปแค่ 3000 และให้เราเดินหนีเขาจะลุยเอง งานนี้ก็เถียงกันตะโกนใส่กันดังลั่นไปหมด 3 ภาษา คราวนี้ทางร้านผิดเต็มๆเลย เราทั้ง 2 คงจะยอมรับได้บ้างถ้าบอกเหตุขัดข้องตั้งแต่ตอนแรกและถ้าเสนอจะลดเปอร์เซ็ตน์ให้อย่างที่ที่พักในต่างประเทศทางใต้หรือแม้แต่ในตะวันตกเค้าทำกัน เสียความรู้สึกและคงไม่ไปอีกแล้วล่ะ .....ร้านอาหารหาดเทียน" เสียอารมณ์โรแมนติกหมด เซ็งชมัด ปล. รูปที่แนบมาไม่ใช่รูปที่หาดนี้นะจ๊ะ แต่เพื่อให้จินตนาการง่ายขึ้นไงตัวเอง ทำอารายอยู่ค่ะ ไม่รู้ว่าอิ่มหรือยังแต่อยากจะชวนกินลูกชิ้น น้ำจิ้มอร่อยมากเลยค่ะ โดย: icebridy วันที่: 29 พฤศจิกายน 2549 เวลา:23:03:25 น.
เสียรมณ์แทน ช่างมันเหอะเน๊าะ แต่ว่าไปทะเลกะแฟนอะไรๆก็น่าจะสวยน๊าคะ
โดย: Nicberry IP: 124.121.34.172 วันที่: 29 พฤศจิกายน 2549 เวลา:23:31:03 น.
เพ่... เอาเนื้อไม้ ไก่ไม้ จิ้มเผ็ดนะ
โดย: lady rabbit IP: 58.64.127.7 วันที่: 30 พฤศจิกายน 2549 เวลา:23:16:31 น.
|
Uki no Kimono
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] อดีตสาวแอร์แดนทะเลทรายที่ผันตัวเองไปเป็น office lady และกลับไปเป็นนักเรียนไทยในต่างแดนเช่นเคย ขอแบ่งปันประสบการณ์การดำเนินชีวิตแบบชีพจรรองเท้าจากที่เคยผ่านมาทั้ง ๔ ทวีปให้เป็นแนวทางสำหรับผู้ที่สนใจนะคะ Friends Blog
Link
|
have a good day naka