LIFE GOES ON~
Group Blog
 
All blogs
 

~...ชีวิตเคลื่อนไหวด้วยความเร็วคงที่...~

เย็นวานนี้ออกไปปั่นจักรยานเหมือนเคย ทั้งๆที่มีลมพัดแรงเหมือนฝนจะตก...

~จะเป็นไรไป ปั่นจักรยานตอนฝนตกก็น่าจะสนุกดี ...ไม่ได้เล่นน้ำฝนให้เปียกตัว เปียกใจมานานเท่าไหร่แล้วนะ?~

แต่แล้วฝนก็ไม่ตก...

บางช่วงที่ปั่นจักรยานผ่านที่โล่งมีลมต้านพัดแรง แรงซะจนแทบปั่นต่อไปไม่ไหว ก็เลยต้องออกแรงมากกว่าเดิม พยายามมากว่าเดิมเพื่อรักษาความเร็วเอาไว้...

เหนื่อย... แต่ก็ยังไปได้เรื่อยๆ...

พ้นจากช่วงนั้นมาแล้วก็เป็นหมู่บ้าน ต้นไม้และบ้านเรือนสองข้างทางช่วยปะทะสายลมแรงนั้นเอาไว้ ก็เลยผ่านไปได้สบายๆ...

ตอนขากลับ ปั่นผ่านที่โล่งนั้นอีกครั้ง จากแรงลมต้านเมื่อตอนขาไป มันกลับกลายเป็นลมส่งให้รถแล่นไปข้างหน้าโดยแทบจะไม่ต้องออกแรงปั่น บางครั้งมันก็ไปเร็วซะจนต้องแตะเบรคซะบ้าง เพื่อลดความเร็วลง...

ช้าๆ...ช้าๆ...


ดิฉันกลับถึงบ้าน โดยใช้เวลาเท่าๆกับทุกวันที่ไม่มีลมแรงอย่างเมื่อวานนี้...และดิฉันรู้สึกดี~


ชีวิตก็เป็นแบบนี้ เพื่อรักษาจังหวะของชีวิตไว้ บางครั้งก็ต้องรู้จักเร่ง รู้จักผ่อน หรือหยุดเพื่อรอบ้าง...

รอจนเมื่อถึงจังหวะเวลาที่เหมาะสม ค่อยก้าวเดินต่อไป...





...ดิฉันไม่รีบค่ะ...




 

Create Date : 10 เมษายน 2550    
Last Update : 1 มกราคม 2551 20:31:15 น.
Counter : 407 Pageviews.  

~...สองข้างทาง...~

***คลิกที่ภาพนะคะ จะได้อ่านง่ายขึ้น***








วันนี้ฟังเพลง Fidelity ของ Regina Spektor กันดีกว่าค่ะ...น่ารักดี...




 

Create Date : 05 เมษายน 2550    
Last Update : 1 มกราคม 2551 20:31:42 น.
Counter : 417 Pageviews.  

~...แดดร้อน ลมพัด ใบไม้ไหว...เรื่องเรื่อยเปื่อย~

เพื่อนที่รักคนนึงของดิฉันส่งหนังสือมาให้อ่านอีกแล้ว หนึ่งในหลายๆเล่มคือ "เหมืองแร่" ฉบับสมบูรณ์ ของสำนักพิมพ์หมึกจีน พิมพ์ครั้งแรกเมื่อธันวาคม 2536 ดิฉันเริ่มอ่านไปบ้างแล้ว ตอนที่ถือติดมือไปหัวหินด้วย ...เข้าใจแล้วว่าทำไมเมื่อดิฉันบอกกับเพื่อนทางโทรศัพท์ว่า...เรื่องนี้เราดูหนังแล้ว... แต่เพื่อนก็ยังยืนยันว่า...

"เราอยากให้...อ่านเรื่องนี้"...

ดิฉันสังเกตว่า เราชอบใช้คำนี้กัน...เราอยากให้เธออ่านเรื่องนั้น , เราอยากให้เธอได้ดูหนังเรื่องนี้ , เราอยากให้เธอฟังเพลงนี้...

ทำไมก็ไม่รู้ เราไม่ค่อยจะสนใจว่าเพื่อนอยากได้อะไร มันกลับเป็นว่าเราอยากให้อะไร เพื่อนสมควรได้รับอะไรมากกว่า ...ฟังดูเอาแต่ใจพิลึกเนาะ แต่เราก็เป็นอย่างนี้กันมาตลอด...

บางทีมันอาจจะเป็นความเคยชินที่งานของเราทำให้ต้องรู้จักมองคนอื่น แล้วคิดให้ได้ว่าอะไรเหมาะกับเค้า อันนี้ดี แต่ถ้าเป็นอันนั้นจะดีกว่า...อะไรทำนองนั้น...

มีอะไรเล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับหนังสือที่เราเลือกให้กัน ส่วนใหญ่จะเป็นหนังสือที่เราได้อ่านมาก่อนแล้ว และส่งต่อมาให้ เมื่อหนังสือมาถึงมือเรา เวลาเปิดอ่าน มักจะพบกระดาษชิ้นเล็กๆ ...บางทีก็เป็นใบเสร็จค่าน้ำมัน , เศษกระดาษจดเบอร์โทร.บังกาโลที่ไหนซักแห่ง , ตั๋วหนัง , ใบเสร็จค่าทางด่วน หรือเศษกระดาษแผ่นเล็กๆที่เราsketchอะไรคร่าวๆเอาไว้...

ดิฉันรู้สึกดีเวลาที่เปิดเจอสิ่งเล็กน้อยเหล่านี้ แล้วเราก็ไม่เคยทำเศษกระดาษพวกนั้นหล่นหายเลยซักครั้ง หนังสือบางเล่มไปอยู่กับเพื่อนเป็น 10 ปี แต่พอกลับมา กระดาษเล็กๆเหล่านั้นก็ยังอยู่ในหนังสือเหมือนเดิม และอาจจะมีอะไรแปลกตาเพิ่มเข้ามาด้วย...ชอบจังเลย (@^^@)~

มันเตือนให้รู้ว่าทุกวันที่ผ่านไป มีเรื่องราวเกิดขึ้น อาจจะดีบ้าง ไม่ดีบ้าง แต่วันนึงเมื่อเรามองย้อนกลับไป ไม่ว่าเรื่องไหนก็ทำให้เรายิ้มได้ ...ยิ้มอย่างสุขใจ , ยิ้มอย่างจั๊กกะจี้เหมือนมีอะไรเต้นยุกยิกในใจ , ยิ้มอย่างโล่งใจที่เราผ่านมันมาได้ หรือแค่ยิ้มเพราะอยากยิ้ม ไม่ได้มีความหมายอะไร...

ดิฉันเคยเขียนถึงบ้านหลังดงไม้ , ร้านขนมจีบพบรัก , น้องหมอต้น (นามสมมติ) ในร้านซักผ้า , เด็กหญิงไวตามิลค์ , บ้านไม้ที่ไม่ติดตา แต่ตรึงใจ , หนุ่มน้อยที่ยอมอดกินไอติม เพื่อเก็บสตางค์ไว้ซื้อโมเดล ...และอื่นๆ

ทุกวันนี้ดิฉันก็ยังหันไปมองบ้านสีเหลืองหลังนั้น แล้วคิดว่าในบ้านนั้นมันมีอะไร เวลาผ่านร้านซักผ้าก็อดที่จะมองหาน้องหมอต้นไม่ได้ เห็นหนุ่มน้อยคนนั้นขี่จักรยานผ่านหน้าบ้านก็อดตามไปยืนดูไม่ได้ว่า จะแวะเข้าร้านเกมส์อีกหรือเปล่านะ?...ทั้งหมดนั้นทำให้ดิฉันยิ้มได้...

ช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมาดิฉันรู้สึกเหมือนได้รับความเห็นใจและให้อภัยเป็นพิเศษ อยากได้อะไร จะไปไหน หรือจะอารมณ์เสียใส่ใครก็ดูเหมือนจะได้รับการยกเว้น ไม่ถือโทษโกรธเคือง...ดิฉันว่าช่วงเวลานั้น ตัวเองคงได้ทำเรื่องงี่เง่าอะไรไปเยอะเลยแหละ...ขอโทษค่ะ!

แต่วันนี้ดิฉันรู้สึกว่าชีวิตกลับคืนมาเป็นปกติ ความคิดจิตใจกลับเข้าที่เข้าทางดีแล้ว เพราะเป็นวันแรกที่พ่อไปค้างบ้านพี่ชาย เพื่อนถึงไหนถึงกันคนนั้นของดิฉันหนีไปเดินถนนคนเดินที่เชียงใหม่ และทั้งวันยังไม่มีโทรศัพท์จากเพื่อนคนไหน โทร.มาหาด้วยประโยคทักทายเดิมๆว่า...เป็นไงบ้าง?...

เฮ้อ~ ไม่ได้มีเนื้อหาสาระอันใดเลยนะคะวันนี้ ก็แค่แดดร้อน ...ลมพัด ...ใบไม้ไหว ก็เลยคิดอะไรเรื่อยเปื่อยเท่านั้นเอง~

เย็นนี้ดิฉันก็จะขี่จักรยานเล่นเหมือนทุกวัน ถ้าจะถามว่าขี่ไปไหน...ก็ขี่มันไปเรื่อยเปื่อยตามประสาดิฉันนั่นแหละค่ะ





***เพลงเกาหลีเพลงนี้ ชื่อเพลงว่า easy story ค่ะ...เรื่องง่ายๆ...***

***เอาเพลงออกแล้วค่ะ***




 

Create Date : 31 มีนาคม 2550    
Last Update : 1 มกราคม 2551 20:39:26 น.
Counter : 422 Pageviews.  

~...รอให้น้ำลายไหลเสียก่อน...~

...(@^^@)...จำบทเรียนภาษาไทยสมัย ม.ต้น เรื่องนี้ได้มั้ยคะ?...

~*+..+*~*+..+*~*+..+*~*+..+*~*+..+*~*+..+*~*+..+*~*+..+*~


"รอให้น้ำลายไหลเสียก่อน"

.....เด็กหญิงเล็กๆ คนนั้นยืนอยู่ที่นั่นนานนักหนา บางทีอาจจะก่อนที่ข้าพเจ้าจะเข้าไปซื้อของในร้านเสียอีก ดวงตาที่เป็นประกายบของแม่หนูจับจ้องอยู่ที่ขวดโหลที่บรรจุอยู่ด้วยท๊อฟฟี่ชนิดต่างๆ อมยิ้ม ลูกกวาด และขนมปังกรอบหลากหลายชนิด นิ้วชี้ของแกใส่อยู่ในปาก ท่าทางเหมือนกับพิสมัยขนมในขวดโหลนั้นเป็นกำลัง จนกระทั่งตัดสินใจไม่ถูกว่า จะเลือกซื้ออะไรกันแน่...!!

ข้าพเจ้าซื้อของเสร็จกำลังจะออกจากร้านนั้นไปแล้ว แม่หนูก็ยังยืนอยู่อย่างเดิม นัยย์ตากวาดดูขนมต่างๆ จากขวดโหลนี้ไปยังขวดโหลอื่นๆ หลายตลบ ทันใดนั้นสิ่งหนึ่งที่วูบเข้ามาในความคิดของข้าพเจ้า เด็กน้อยคนนี้อาจจะไม่มีสตางค์ติดตัวเลยก็เป็นได้ ด้วยสำนึกอันนี้ทำให้ข้าพเจ้ากลับมาพิจารณาดูเด็กหญิงคนนั้นอีกครั้งหนึ่ง

เครื่องแต่งกายกลางเก่ากลางใหม่แต่ดูสะอาดเรียบร้อย และผมหางม้าก็มีโบว์สีฟ้าผูกไว้อย่างงาม แม่หนูอยู่ในวัยไม่เกิน ๗-๘ขวบ ท่าทางที่เพ่งพินิจดูขนมหลายหลากชนิด ช่างเต็มไปด้วยความสุขและความพอใจอย่างเหลือล้น ข้าพเจ้าบอกไม่ถูกว่าเด็กคนนี้ต้องการความช่วยเหลือให้สมความปรารถนาหรือไม่ แต่สิ่งหนึ่งที่สังเกตได้คือแม่หนูไม่ได้ถือกระเป๋าสตางค์อยู่ในมือ

ข้าพเจ้าเปิดกระเป๋าสตางค์หยิบเอาเหรียญสองสลึงมา ๒ เหรียญ พลางตัดสินใจเดินไปที่เด็กผู้หญิงคนนั้น

"เอ้อ...หนู ฉันมีเศษสตางค์อยู่ ๒ อัน หนูอยากจะซื้ออะไรบ้างไหม ?"

เด็กหญิงหันขวับมาทางข้าพเจ้า ยิ้มกว้างจนเห็นฟันหลอที่แถวบน แล้วสั่นศีรษะอยู่ไปมา ท่าทางเต็มไปด้วยความขบขัน

"สตางค์ของหนูก็มีค่ะ" เด็กหญิงตบกระเป๋ากระโปรงให้ดูประกอบ"แต่ว่า...หนูคอยให้น้ำลายไหลเสียก่อนถึงจะซื้อ"

"คอยให้น้ำลายไหลเสียก่อน" ข้าพเจ้าทวนคำอย่างไม่เชื่อหูตนเอง เด็กหญิงคนนี้ช่างคิดเสียนี่กระไร ถึงแม้จะอยู่ในวัยเยาว์ ถ้าโตขึ้นคงจะป็นหญิงสาวที่มีนิสัยดีงามอย่างยิ่ง และข้าพเจ้าจะไม่มีวันลืมเด็กน้อยคนนี้ได้เลย

เพราะคำพูดง่ายๆนี้ ทำให้ข้าพเจ้าอดระลึกถึงไม่ได้ ถึงพฤติการณ์ของความฟุ่มเฟือยของตนเองในหนหลัง ถูกแล้วข้าพเจ้าโตพอที่จะไม่นึกอยากได้ท๊อฟฟี่หรือลูกกวาดอย่างแม่หนูคนนั้น แต่ความต้องการของข้าพเจ้ามีมากเหลือเกิน และไม่เคยที่จะให้โอกาสตนเองที่จะคอยจนกระทั่งให้ น้ำลายไหลเสียก่อน เพียงเหลือบดูเห็นของที่ชอบใจก็จะซื้อโดยแทบจะไม่คิดถึงราคาถูกแพง และเมื่อได้มาแล้วเพิ่งได้คิดที่หลังว่า ตนเองมิได้ชอบมันอย่างแท้จริงเลย ของหลายอย่างจึงนอนจมอยู่ก้นตู้ อย่างไม่มีวันปรารถนาที่จะหยิบออกมาใช้อีก

"เราจะไม่เป็นคนฟุ่มเฟือยอีกต่อไป" ข้าพเจ้าตั้งปณิธานตนเองหลังจากได้พบแม่หนูคนนั้นแล้ว ทุกครั้งที่ข้าพเจ้าปรารถนาจะซื้อของแต่ละชิ้น มาเป็นสมบัติ ข้าพเจ้าไม่ซื้อโดยทันทีในวันนั้น แต่ให้เวลาให้ตนเองได้ครุ่นคิดก่อนหลาย ๆ วัน ว่าพอใจของสิ่งนั้นแน่หรือไม่ เมื่อหลายวันผ่านไป เมื่อความต้องการยังไม่เปลี่ยนก็ค่อยไปซื้อของนั้นๆ และได้พบด้วยความประหลาดใจว่าไม่เคยเบื่อของเหล่านั้นเลย ไม่ว่าจะเป็นรองเท้า กระเป๋า เข็มขัด ผ้าตัดเสื้อ หรือแม้ของกระจุกกระจิก สำหรับตั้งดูเล่น หรือของสำหรับรับประทาน ภายหลังที่ซื้อมาแล้ว

แต่อย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้าก็ได้สังเกตว่า บ่อยครั้งที่ตนเองเปลี่ยนใจในวันรุ่งขึ้น และมิได้ซื้อของที่เคยอยากได้เลย หรือบางทีการรอคอยก็ ทำให้ข้าพเจ้าได้สิ่งอื่นที่ดีกว่า และบางทีคนอื่นก็ซื้อของนั้นๆ ไปก่อนแล้ว ข้าพเจ้าก็ไม่ต้องซื้อของนั้น

บทเรียน"รอให้น้ำลายไหลเสียก่อน" ช่วยประหยัดเงินของข้าพเจ้าไว้จำนวนไม่น้อย คิดว่าบทเรียนนี้ก็สามารถใช้กับเพื่อนๆ ได้ ไม่ว่าเพื่อนๆจะอยู่ในวัยใดและต้องการซื้ออะไร อย่าลืมหยุดคิดว่า "รอให้น้ำลายไหลเสียก่อน"


*** "ข้าพเจ้า"ในที่นี้ก็คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว..."ในหลวง"ของพสกนิกรชาวไทยค่ะ***

~*+..+*~*+..+*~*+..+*~*+..+*~*+..+*~*+..+*~*+..+*~*+..+*~



.....เมื่อวันอาทิตย์ดิฉันไปทานข้าวกับเพื่อนสมัยมัธยมมาค่ะ พอดีมีเพื่อนคนนึงกำลังจะเดินทางกลับไปต่างประเทศ ทานข้าวเสร็จแล้วก็เลยไปเดินหาซื้อของฝากกันที่สวนจตุจักร...

ตั้งใจเดินเลือกซื้อกันจนเพื่อนดิฉันได้ของฝากครบถ้วนดีแล้ว กำลังจะกลับ ระหว่างทาง ดิฉันเกิดไปสะดุดตา สะดุดใจเก้าอี้ทานข้าวตัวนึงเข้าอย่างจัง เป็นเก้าอี้ไม้ ทำสีโอ๊คเข้ม (น้ำตาลดำ) พนักพิงเป็นโครงไม้ เจาะช่องแล้วร้อยด้วยเส้นหนังสีน้ำตาล ไขว้ไปมาแล้วมัดปลายเข้าด้วยกัน...~เท่ชมัดเลย~

ถูกใจมาก! ดูรายละเอียดต่างๆ สอบถามราคาแล้ว ...แต่ก็ยังไม่ซื้อค่ะ พยายามข่มใจ แล้วก็ท่องคาถาประจำใจว่า...

~...รอให้น้ำลายไหลเสียก่อน...รอให้น้ำลายไหลเสียก่อน...~

แล้วก็เดินกลับออกมา...

ดิฉันจะปล่อยให้เก้าอี้ตัวนั้น วางอยู่ที่สวนจตุจักรอีก 1 อาทิตย์ (เพราะว่า...อาทิตย์นี้ดิฉันจะไปหัวหิน เย้...เย้...เย้...!) แล้วอาทิตย์หน้าโน้นค่อยตัดสินใจอีกที ว่ายังอยากได้มันอยู่มั้ย?





สำหรับของบางอย่าง . เรื่องบางเรื่อง หรือคนบางคน

ลองปล่อยเวลาให้ผ่านไปซักระยะ แล้วค่อยกลับมาคิดทบทวน ถามตัวเองอีกครั้งว่า เรายังอยากได้ของสิ่งนั้นอยู่มั้ย , ยังอยากทำเรื่องนั้นอยู่มั้ย หรือยังต้องการคนคนนั้นอยู่หรือเปล่า

และเมื่อได้คำตอบแน่ชัดแล้ว...ก็ลุยเลย!


~*+..+*~*+..+*~*+..+*~*+..+*~*+..+*~*+..+*~*+..+*~*+..+*~


ตอนแรกว่าจะใส่เพลงประกอบโฆษณายอดฮิต ของรถยนต์ยี่ห้อนึงน่ะค่ะ เพราะว่า "กั๊ตตะ" ลูกสาวอายุ 2 ขวบกว่าๆของเพื่อนชอบมาก... เปิดให้ฟัง พอเพลงจบ แกก็จะพูดว่า

"otra mas , otra mas" ...เอาอีก...เอาอีก...

ดิฉันฟังซ้ำไปซ้ำมาจนชักจะอินเลิฟแล้วล่ะ ...อินเลิฟกับรถรุ่นนึงของยี่ห้อนี้นะคะ..

~ฮื่อ...อยากได้ FORD ESCAPE จนน้ำลายไหลแล้วเนี่ย~

อย่ากระนั้นเลย...สงบจิต สงบใจ...เปลี่ยนใจมาฟังเพลงบรรเลงที่เจ้าของblogชอบแทนดีกว่า

เพลงชื่อ Soulmate ของ Bill Mize (ชื่อเพลงขัดกับความเชื่อของเจ้าของblogค่ะ...ฮ่า...ฮ่า...)

~*+..+*~*+..+*~*+..+*~*+..+*~*+..+*~*+..+*~*+..+*~*+..+*~


***เปลี่ยนเพลงแล้วนะคะ***




 

Create Date : 20 มีนาคม 2550    
Last Update : 1 มกราคม 2551 20:32:08 น.
Counter : 15098 Pageviews.  

~...คุยกับแม่...~

นี่คงเป็นครั้งแรก ตั้งแต่วันที่แม่ไม่อยู่มั้ง ที่ได้นั่งนึกถึงแม่จริงๆ...

ไม่เคยมีใครบอกเลยว่าเราเหมือนกัน ทั้งรูปร่างหน้าตา ผิวพรรณ ดีนะที่ทุกคนในบ้านเลือดกรุ๊ปโอ เลยหมดข้อสงสัย

อย่างเดียวที่แม่-ลูกคู่นี้เหมือนกัน คงเป็นเรื่องความดื้อและเชื่อมั่นในตัวเอง ก็เพราะต่างคนก็ต่างเชื่อมั่นในตัวเอง เราก็เลยไม่ค่อย"ตัดสินใจแทนกัน"

ต่างคนต่างเลือกเอง ตัดสินใจเอง ยอมรับผลที่จะตามมาเอง ...แล้วมันก็ทำให้เราแกร่ง

แต่นอกจากเรื่องนี้แล้ว เราต่างกันสุดขั้ว

ภาพของแม่ที่เห็นมาตั้งแต่เด็ก ...แม่ขยันมาก ทำอะไรรวดเร็ว เป็นระเบียบ และแม่เป็นคนใจร้อน ใจร้อนขนาดที่ไม่สามารถรีดเสื้อให้เรียบได้ เพราะพอวางเสื้อลงไป รีดไปปุ๊บแม่ก็จะใช้อีกมือขยับผ้าไปเรื่อยๆเพื่อให้มันเสร็จเร็วๆ ผลก็คือเสื้อเป็นรอยยับทั้งตัว ก็เลยจ้างคนซักรีดเสื้อผ้ามาตลอด...แต่เราก็จะมารีดเสื้อผ้าตัวเองซ้ำอยู่ดี

ตอนที่กลับมาอยู่บ้านนี้แรกๆ หลังออกไปผจญภัยนอกบ้านเกือบ 10 ปี ถึงกับนึกในใจว่า...ทำไมแม่ต้องทำอะไรรีบๆเร็วๆขนาดนี้ด้วย...จะรีบไปไหน?

ครั้งนึงเคยนั่งวาดรูปตั้งแต่เช้า ก็วาดไปเรื่อยๆ พอบ่ายๆแม่เดินมาถามว่า "ทำไมมันไม่เสร็จซะทีล่ะ ทำไมไม่รีบวาดให้มันเสร็จๆไป"

ตั้งแต่นั้นก็เลยไม่เคยวาดรูปให้แม่เห็นอีก...แม่คงเป็นคนเดียวที่ไม่เคยชมงานที่เราทำเลย

แม่ไม่เคยปลื้ม แต่ก็ไม่เคยว่า เวลามีปัญหา แม่ก็จะบอกว่า เราเลือกทางนี้เอง ก็ต้องแก้ปัญหาเอง...ฟังดูโหด แต่ก็รู้ว่า ไม่ว่าจะแก้ปัญหาได้หรือไม่ได้ บ้านนี้ก็มีที่ให้เรากลับมาเสมอ...ถ้าอยากมา

คนที่ได้อย่างใจแม่ที่สุดคงเป็นพี่ชาย ทำงานเร็วเหมือนแม่ เนี๊ยบเหมือนแม่ แถมไปไหนๆ ยังไงก็กลับมากินข้าวบ้านเสมอ เป็นเรื่องที่แม่ภูมิใจมาก และมักจะเอามาบ่นลูกสาวคนนี้ว่าไม่ค่อยกลับมากินข้าวบ้าน ทีหลังไม่ทำกับข้าวไว้รอแล้วนะ!

เคยถามพี่ชายตรงๆว่า...จริงๆกินมาจากข้างนอกแล้วใช่มั้ย?...พี่ชายบอกว่า...ก็แม่เค้าชอบ ก็กินเอาใจแม่หน่อย ให้เค้ามีความสุข...

ลูกสาวคนนี้ช่างไม่รู้จักเอาใจแม่บ้างเลย...

ถึงที่ผ่านมาจะทำอะไรไม่ค่อยได้อย่างใจแม่ แต่อย่างนึงที่แม่วางใจได้ก็คือ...

ลูกแม่คนนี้จะดูแลชีวิตตัวเองอย่างดี รักษาความคิด จิตใจให้ดีอย่างที่แม่ไว้ใจ

แม่ก็รู้...ลูกแม่เชื่อมั่นในตัวเองแค่ไหน...ใช่มั้ยแม่?





 

Create Date : 16 มีนาคม 2550    
Last Update : 1 มกราคม 2551 20:39:59 น.
Counter : 380 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  

Q.NUH
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




.
.
. .
Friends' blogs
[Add Q.NUH's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.