|
ปลาระเบิดคันหู : เรทรอคูลัส ปลาหมอน้ำเชี่ยว
สวัสดีครับ มาตอนนี้หาเรื่องอีกแล้ว เนื่องจากเกิดไปสัญยง-สัญญากับพี่แขก (Login // Khaek แห่งเว็ป ninekaow.com ห้องปลาหมอสายแท้) ว่าจะทำกระทู้ เพราะเห็นแก่ของกินที่พี่แขกอุตสาห์จะหิ้วมาให้
คนเราก็แบบนี้ครับ เห็นของอร่อยเป็นต้องพุ่งใส่
แต่จะกินฟรีมันก็กระไรอยู่ พ่อแม่สอนมาดีก็แบบเนี๊ย... กระทู้นี้จึงเกิดขึ้นเพื่อตอบแทนขนมที่พี่แขกเอามาให้ครับ ใครสนใจอยากกินขนมเปี๊ยะอร่อยๆ ติดต่อพี่แขกได้ ที่บ้านพี่เขาทำไส้ อร่อยจริงๆ ให้ดิ้นตาย...
มาว่ากันเรื่องปลาดีกว่า ตอนนี้ขอนำเสนอปลาหมอชนิดหนึ่งซึ่งมีลักษณะคล้ายปลาหมอสกุล Geophagus , Satanoperca และถูกจัดอยู่ในกลุ่ม Eartheater ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในขณะนี้
ปลาตัวที่ว่านี้อยู่ในสกุล Retroculus หลายท่านอาจยังไม่คุ้นชินนัก แต่ถ้าสนใจโปรดอ่านต่อครับ
สำหรับท่านที่สนใจปลากลุ่มนี้คงจะเคยผ่านหูผ่านตาบ้างนะครับ
เพราะมีหลายๆ ท่านโพสรูปยั่วจนน้ำลายหกแหมะหน้าจอ ทำให้บรรดาเพื่อร่วมงานหรือคุณเมียทั้งหลาย
คิดว่าท่านกำลังดูคลิปเพลงคันหูอยู่ก็เป็นได้
เนื่องด้วยรูปกายภายนอกที่สวยแบบเถื่อนๆนี่เอง ที่เราท่านต่างสนใจ แต่สนใจไปก็เท่านั้นครับ เพราะยังไม่มีผู้ค้าท่านใด กล้าเอาเข้ามาขาย
คนเลี้ยงอย่างเราก็ได้แต่ฝันเปียก เอ๊ย ! ฝันหวานว่าคงมีสักวันที่ได้ปลาสกุลนี้มาครอบครอง
สกุล Retroculus นั้นมีถิ่นกำเนิดอยู่ในทวีปอเมริกาใต้ ประเทศบราซิล พบได้ในแม่น้ำสาขาต่างๆของแม่น้ำอเมซอน เช่น Amapá , French Guiana , Xingu , Tapajó
โดยอาศัยอยู่ในจุดที่มีกระแสน้ำแรงกว่าเพื่อนร่วมกลุ่มชนิดอื่น แหล่งน้ำที่ว่านี้เปรียบได้กับลำธารบ้านเรา กระแสน้ำแรง ใส สะอาด อุณหภูมิต่ำ มีอ๊อกซิเจนละลายสูงมาก และมักเป็นแหล่งน้ำที่ไม่ลึกมากนัก มีแก่งหินมากมาย
ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ปลาสกุลนี้มีการปรับตัวจนทำให้ลักษณะภายนอกดูแตกต่างจากเพื่อนในกลุ่ม Eartheater
กล่าวคือ มีลำตัวที่ยาวขึ้น ความกว้างของลำตัวน้อยกว่าเพื่อนรวมกลุ่มทั้งหลาย เนื่องจากเพื่อลดแรงเสียดทานจากกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว ครีบอกมีขนาดใหญ่ แข็งแรงสำหรับช่วยในการพยุงตัว
ครีบหางมีความกว้างน้อยกว่า เพื่อให้กระแสน้ำไหลผ่านและยังช่วยให้สามารถเคลื่อนไหวต้านกระแสน้ำได้ดีนั่นเองครับ
ชื่อสกุล Retroculus มาจากคำวิเศษณ์ ในภาษาละติน Retro หมายถึงตำแหน่งข้างหลัง, ด้านหลัง
oculus, เป็นคำนามในภาษาละตินหมายถึง ตา เมื่อเอาสองคำมารวมกัน จะหมายถึงตำแหน่งดวงตาของปลาอยู่ในตำแหน่งที่ค่อนไปด้านหลังเมื่อเทียบกับปลาชนิดอื่นๆ
โดยในปลาสกุลนี้มีที่ได้รับการบรรยายตั้งชื่อวิทย์แล้วทั้งสิ้น 3 ชนิด ที่เหลือยังไร้นามอยู่อย่างนั้นต่อไป
โดยชนิดแรกที่จะกล่าวถึงนั่นคือ Retroculus lapidifer (De Castelnau, 1855)
lapidifer มาจากภาษาลาตินสองคำผสมกัน โดยคำว่า Lapi มาจากคำว่า lapidis หมายถึง หิน Ferre แปลว่าเลื่อนออกไป แปลโดยรวมว่าผู้เคลื่อนย้ายหิน
เหตุที่ได้ชื่อเด็กแนวแบบนี้มาใช้นั้น เพราะนักวิทยาศาสตร์พบเห็นพฤติกรรมการผสมพันธุ์ของปลาชนิดนี้
ว่ามีการเคลื่อนย้ายเศษหินเศษกรวดสร้างเป็นรังเป็นหลุม เมื่อวางไข่เสร็จแล้วแม่ปลาจะนำเอาวัสดุต่างๆ เช่นก้อนกรวดที่เลือกมาอย่างดี เศษกิ่งไม้ มาสุมบริเวณที่วางไข่
R. lapidifer พบได้ใน Rio Tocatins, Capim & Amazon ในประเทศบราซิล ขนาดเมื่อโตเต็มที่ราว 20.3 ซม.(www.fishbase.org)
ลักษณะโดยทั่วไป // ลำตัวมีสีอมเขียว มีจุดประสีฟ้าและสีแดงตามลำตัว ครีบหลังมีสีเดียวกับลำตัวหากมองในบางมุมจะมีเหลือบประกาย ฐานครีบหลังมีสีแดงในปลาโต มีขลิบสีส้มที่ครีบหลัง
ส่วนหางมีสีแดงประกายฟ้าอมเขียวขึ้นที่ด้านบนของครีบหาง ครึ่งล่างเป็นสีเขียว ครีบก้นมีขนาดใหญ่ สามารถพับเก็บได้เพื่อลงจอด เอ๊ย! เพื่อการยืนด้วยครีบอกอย่างมั่นคง
ส่วนหัวมีลวดลายสีฟ้าพาดผ่านเป็นลายเส้น ดวงตาสีเหลือง ริมฝีปากมีสีเขียวเข้ม ตรงแผ่นปิดเหงือกสีจุดขึ้นกระจุกอยู่สีสันเหมือนลายเส้นที่บริเวณหน้าครับ
Retroculus septentrionalis Gosse, 1971
septentrionalis มาจำคำว่า septentrio ในภาษาลาตินแปลว่า ภาคเหนือ
ปลาตัวนี้เป็นอะไรที่น่าเบื่อหน่ายที่สุดเลยนะครับ เนื่องจากแทบไม่มีข้อมูล และไม่มีรูปของปลาสภาพดีขนาดใหญ่ ซึ่งแสดงสีสันเต็มที่ออกมาเลย
มีแต่รูปปลาตัวเล็กซึ่งยังแยกอะไรไม่ค่อยจะออก แถมอยู่ในลักษณะตื่นตกใจด้วยซ้ำ ทำให้เกิดลายดำเป็นปื้นๆ เนื่องจากตัวปลามีความเครียด
พบทางตอนเหนือของมวีปอเมริกาใต้ในบราซิล ขนาดโตเต็มที่ราว 19 ซม.
Retroculus xinguensis Gosse, 1971
คงไม่ต้องอธิบายมาก เห็นชื่อก็รู้เลยว่ามาจากแม่น้ำ xingu ในบราซิล แต่ก็ยังพบได้ใน Amazon, Tapajós ด้วยครับ
ลักษณะเหมือนเพื่อนร่วมสกุลแต่ต่างกันที่สีสัน โดยสีพื้นจะออกโทนสว่างกว่าเป็นสีเขียวอมเหลือง
บริเวณครีบต่างๆ จะมีฟ้าอมชมพู แต่เมื่อปลาจับคู่ครีบที่ว่านี้จะเปลี่ยนเป็นสีชมพูอมแดง
ลวดลายบริเวณครีบจะไม่เหมือน R. lapidifer ขนาดโตเต็มที่ราว 14.4 ซม.(www.fishbase.org) แต่ในเว็บอื่นบอกสามารถโตได้ถึง 25 ซม.
R.xinguensis ถือว่าเป็นพระเอกของปลาในสกุลนี้เลยนะครับ ด้วยสีสันที่สว่างตากว่า เมื่อปลาพร้อมผสมพันธุ์สีสันจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นมาก
บริเวณอกจะมีแต้มสีแดงเกิดขึ้น ริมฝีปากมีสีเหลืองอมเขียวนิดๆ ดูน่ารักซะไม่มี
หลังจากที่ทราบข้อมูลคร่าวๆ ของปลาในสกุลนี้ไปบ้างแล้ว ทีนี้มาดูเรื่องการเลี้ยงดูรักษาบ้างนะครับ
ตรงนี้ผมว่าคนเลี้ยงปลาหมอในกลุ่ม Geophagus, Satanoperca
น่าจะไม่ต้องกังวลอะไรมากนัก เพราะของมันเคยๆกันอยู่ แต่หากวันนึงปลากลุ่มนี้เข้ามาในบ้านเราก็อยากให้ระวังเรื่องของการจัดการตู้หน่อยนะครับ
เพราะจริงๆ แล้วปลาในสกุล Retroculus ก็เลี้ยงไม่เหมือน Eartheater อื่นๆ เสียทีเดียว
เหมือนที่เคยเกิดกับ Satanoperca demon ที่มีคนมาบ่นให้ฟังว่าเอาไปเลี้ยงแล้วร่วงระนาว...
ทั้งๆที่เคยเลี้ยง สุรินัมกับ ทาปาโจสรอดมาแล้วแท้ๆ
รายละเอียดปลีกย่อยเป็นสิ่งจำเป็นที่ควรศึกษาตรวจสอบครับ ถึงแม้จะเป็นปลาเพาะก็ตาม แต่การเพาะแค่ไม่กี่รุ่น ก็ไม่อาจทำให้ปลาสามารถพัฒนาตัวเองเพื่อปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมที่ต่างออกไปได้
ไม่อย่างนั้นคงมีคนเลี้ยง ฟรอนบุรุนดิในตู้น้ำหมัก เคียงคู่กับปลากะแมะได้ไปแล้วล่ะครับ จริงไม๊...
ทีนี้จะมาว่าเรื่องการเลี้ยงก่อน เรื่องการจัดสภาพแวดล้อมต่างๆ ซึ่งทางที่ถูกที่ควรเราควรลำลองสภาพแวดล้อมในธรรมชาติมาไว้ในตู้ของเรา
แต่ไม่ต้องขนาดไปสร้างแก่งหินหรือน้ำตกมาวางไว้ในตู้ให้ใหญ่โตเกินไปนะครับ ขอแค่มีการวางแผนที่ดีโดยเริ่มตั้งแต่ขนาดตู้ปลาก่อนเลย
ปลาในกลุ่มนี้ตู้ที่ควรจัดหามา ไม่ควรเล็กกว่า 36 นิ้ว แต่ทางที่ดีควรเริ่มต้นที่ 48 นิ้วไปเลยจะเยี่ยมมาก
จัดหาชัยภูมิที่อากาศถ่ายทีไม่อบอ้าว เพราะนั่นจะทำให้ปลาอยู่ลำบาก เนื่องจากอากาศร้อน ออกซิเจนในน้ำจะต่ำ ซึ่งเป็นเรื่องที่ควรใส่ใจเป็นอย่างแรก
เพราะถ้าหากตู้ตั้งอยู่ในชัยภูมิที่อับ ร้อน แล้วล่ะก็ ปัญหาต่างๆ ก็จะตามมาให้แก้ไขกันไม่จบไม่สิ้น
ระบบกรองก็ควรจัดหนัก จัดเต็ม วัสดุกรองจะไม่พูดมากนะครับเนื่องจากผมใช้แต่หิมพัมมิสและปะการังเป็นหลัก
ส่วนสินค้ามียี่ห้อต่างๆ อันนั้นก็แล้วแต่ท่านจะพึงใจซื้อหามาใช้ เพราะถ้าพูดเชียร์อะไรไป จะหาว่าปลาระเบิดไม่เป็นกลาง จากที่เขียนไว้แล้วว่าปลากลุ่มนี้อยู่ในแหล่งน้ำที่ไหลแรงสักหน่อย
ดังนั้นแรงของปั๊มน้ำจึงควรเลือกให้แรงกว่าเดิมสักหน่อย ปูพื้นด้วยกรวดขนาดเล็กไม่มีคม จัดวางสภาพแวดล้อมให้เปิดพื้นที่โล่งไว้มากๆหน่อย
เพราะเมื่อปลาโตขึ้นจนพร้อมผสมพันธุ์ ปลาจะจับคู่สร้างรังทำหลุมขนาดใหญ่ราวๆ 1-2 หลุม และตัวปลาเองจะเริ่มก้าวร้าวขึ้น แต่ไม่ถึงกับไล่กัดใครหนักหน่วงนัก เป็นเพียงแค่การไล่ไปให้พ้นๆ เท่านั้น
เศษวัสดุชิ้นเล็กๆ สามารถจัดหามาโปรยเพื่อให้ปลาได้แสดงพฤติกรรมตามธรรมชาติให้ท่านได้ชื่นชมกัน
เช่นเศษกิ่งไม้จมน้ำท่านสามารถหักเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยราว 3-4 ซม. โปรยลงไปในตู้ให้ปลาได้ขุดย้าย หินก้อนใหญ่นั้นก็ควรจะมี ควรเลือกหินที่มีลักษณะหลายแบบ
ทั้งแบน ทั้งกลม ตามสภาพแวดล้อมที่ปลาจากมา
ต้นไม้น้ำนั้นใส่ได้ แต่ผู้เขียนไม่นิยมนัก เพราะขี้เกียจดูแล ถ้าอยากให้มีก็ลองหาต้นไม้ที่ทนทานสักหน่อยก็ดีครับ
ขอนไม้เลือกชนิดที่ไม่เป็นกิ่งนะครับ เพราะปลาอาจไล่กันจนกิ่งไม้ทิ่มตาได้ เลือกแบบเป็นท่อนๆ วางนอนสุมลงไปดีกว่า
ปั๊มลมเป็นสิ่งที่ควรมีเช่นกันสำหรับการเลี้ยงปลาจากแหล่งน้ำไหลต่างๆ วางในบริเวณมุมอับของตู้เช่นมุมตู้ นอกจากเพิ่มออกซิเจนแล้ว ยังช่วยให้เศษตะกอนต่างๆ ถูกเป่าขึ้นมาปะทะกันกระแสน้ำจากปั๊ม
ทำให้เศษตะกอนเหล่านั้นถูกพัดปลิวลิ่วละล่องไหลเข้ากรองอย่างสะดวกโยธิน นอกจากเพิ่มอ๊อกซิเจนแล้วปั๊มลมยังช่วยให้อุณหภูมิต่ำลงด้วยนะครับ
หากยังเย็นไม่พอใจท่านและปลา พัดลมตัวเล็กๆก็น่าสนใจไม่น้อย
เรื่องอาหารการกินนั้นส่วนตัวผู้เขียนอยากให้เน้นหนักไปทางอาหารเม็ดจมน้ำครับ
เพราะสะดวก สะอาด ก่อนให้ก็แช่น้ำก่อนไม่ว่าอาหารเม็ดนั้นจะบรรยายสรรพคุณวิเศษวิโสเพียงใดก็ตาม
เชื่อเหอะ... อาหารเม็ดห่อละหลายร้อยก็ทำปลาท้องอืดตายมาแล้ว!!!
ส่วนเรื่องอาหารสด จากประสบการณ์การทำปลาตายมาเยอะ แนะนำว่าไรทะเลล้างสะอาด และเนื้อกุ้งสับ ประเสริฐที่สุดแล้ว ชนิดอื่นผู้เขียนไม่แนะนำ แต่ถ้าอยากให้ก็ไม่มีใครห้าม เชิญตามสบาย
ทีนี้มาว่าเรื่องน้ำ จากที่หามาปลาตัวนี้ชอบน้ำกลางๆ นะครับ เพราะไม่ได้อาศัยอยู่ในแหล่งน้ำที่มีเศษซากพืชทับถมอะไรเลย (เศษซากพืชโดนน้ำพัดไปแม่น้ำสาขาอื่นหมดแล้ว)
แต่ถึงกระนั้นก็มีช่วงทดสอบความอึดเหมือนกัน คือในฤดูร้อน แหล่งน้ำที่ปลาอาศัยจะแห้งลง จากลำธารที่ไหลแรงจะกลายเป็นสายน้ำไหลเท่าเยี่ยวแมว ค่า pH กลางๆ
เมื่อหน้าน้ำ จะกลายเป็นค่า pH ต่ำลงในหน้าแล้ง เนื่องจากปลาจะอาศัยอยู่ตามแก่งน้ำตื่นๆ ที่ติดอยู่บนโขดหินบ้าง ริมตลิ่งบ้าง
ตัวไหนโชคดีมีวิชาก็จะสามารถอยู่ในแก่งหินที่มีหลุมขนาดใหญ่พอจะเอาตัวรอดได้ ตัวไหนไม่ขยันเรียนก็ซวยหน่อย เพราะอาจไปติดในร้องหินตื้นๆลึกเพีง 1 นิ้ว
แถมแสงแดดก็แผดเผา จากธรรมดาเคยอยู่สบายๆ 22-26องศา ก็จะซวยขนาดหนัก ไปนอนดิ้นกระแด่วๆ ในแอ่งน้ำลึกเพียงหนึ่งนิ้ว แถมอุณหภูมิสูงถึง 35 องศา บ้าจริงเชียว... ซึ่งพวกปลาป่าที่นำมาขายกันก็จับเอาหน้าแล้งนี่แหละครับ ดังนั้นปลากลุ่มนี้จึงสามารถปรับตัววอยี่ในอุณหภูมิที่กว้างมาก
แต่เอาเลี้ยงในตู้ ก็อย่าให้เกิน 30 องศาแล้วกัน และอย่าให้อุณหภูมิแกว่งเป็นตาแก่ไม่ใส่ กกน.ล่ะ เดี๋ยวปลาจะป่วยเอาได้อีก
การเปลี่ยนถ่ายน้ำนี่ พูดจนปากจะยานถึงไข่
ไม่มีคลอรีน ไม่ใส่สารเคมีมั่ว ไม่หมักปลาด้วยเกลือ เพราะเราจะเลี้ยงปลาหมอ ไม่ใช่ทำปลาร้า
เปลี่ยนน้ำตามความเหมาะสม ตามจำนวนปลา และเอาเท่าที่ระบบกรองจะรับไหว เรื่องเปลี่ยนน้ำมันไม่มีสูตรตายตัว อย่ายึดติด
เปลี่ยนบ่อยในปริมาณที่พอเหมาะปลาก็อยู่กับเรานาน
เปลี่ยนบ้างไม่เปลี่ยนบ้างก็ป่วยบ้าง ไม่ป่วยบ้าง
ไม่เปลี่ยนเลย ก็ไม่มีปลาเหลือให้เลี้ยง โอเค๊... เข้าใจไม่ยากชิมิ๊
ทีนี้มากล่าวถึงสิ่งที่ผู้เขียนชอบมากที่สุด และถือว่านี่คือชีวิตของผู้เขียนเลยนั่นคือ เรื่องการผสมพันธุ์ (หมายถึงปลานะ ไม่ใช่ตัวผู้เขียนเอง)
ก็ง่ายๆ ไม่มีอะไรซับซ้อน เลี้ยงไป ดูแลไป เดี๋ยวปลาก็จับคู่กันเองถ้าในตู้มีปลาตัวเมีย แต่มีทริคเล็กๆ ซึ่งทำได้
เมื่อปลาเริ่มมีทีท่าว่าจะจับคู่ก็ให้ใส่ใบหูกวางแห้งลงไปหน่อย
เพื่อให้ค่า pH ต่ำลง ซึ่งจากที่หาข้อมูลมาทางฝรั่งเขาว่าจะช่วยให้ปลาพร้อมผสมพันธุ์กันมากขึ้น
อันนี้ผู้เขียนรู้สึกเฉยๆ เพราะหลังๆ ก็เห็นเพาะปลากลุ่ม Eartheater ในน้ำที่มีค่า pH กลางๆ วางไข่กันให้ครึก ราคาร่วงระนาวอย่างที่เราท่านเห็นกันอยู่
พ่อปลาแม่ปลาจะเริ่มขุดหลุมทำรัง สร้างเรือนหอ และเริ่มมีพฤติกรรมผีเข้า นั่นคืออารมณ์ร้ายไล่ชาวบ้านเขาไปทั่ว ถึงตอนนี้แนะนำให้เอามารหัวใจออกไปเลี้ยงที่อื่น
แล้วงดรบกวนปลาทั้งสองซะ อย่าขัดจังหวะ ตับ ตับ ตับ ตับ
แม่ปลาจะวางไข่ทีละประมาณ 10-20 ฟอง จากที่หามาเขาว่าได้ไข่รวมสุทธิที่ 150-200 ฟองเลยทีเดียว ไข่จะฟักเอาเมื่อผ่านไปราว 3-4วัน
7-8 วันให้หลังลูกปลาจะเริ่มว่ายน้ำตามประสาปลาห้าว
ในช่วงนี้สามารถให้อาหารขนาดเล็กเช่นไรทะเลแรกฟัก หรืออาหารผงสำหรับอนุบาลลูกปลาได้แล้วครับ
ส่วนจะปล่อยให้พ่อแม่ปลาเลี้ยงดูต่อ หรือจะให้พ่อแม่บุญธรรม (คนเลี้ยงนั่นแหละ)เลี้ยงดูนั้น อันนี้ก็แล้วแต่ผู้เลี้ยงท่านจะตัดสินใจ
ในภายภาคหน้าหากมีใครกล้าเอาปลากลุ่มนี้มาขาย ก็หวังเพียงว่าจะมีผู้สนใจแห่ไปซื้อหามาเลี้ยงดู ให้คนนำเข้ามากำลังใจมากขึ้นหน่อยนะครับ
ผมเชื่อว่าคนไทยสามารถเพาะพันธุ์ปลาชนิดนี้ได้สบายมาก หากมีความตั้งใจ แต่ก็อย่างว่า ณ ตอนนี้ ขอให้มีเข้ามาขายก่อนทีเถิด
อยากเลี้ยงจนจะลงแดงอยู่แล้ว
สวัสดี
Create Date : 15 กรกฎาคม 2554 | | |
Last Update : 15 กรกฎาคม 2554 14:49:30 น. |
Counter : 2826 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
ปลาระเบิดรื่นเริง : Heros <<<ฮีโร่ พระเอกใหญ่ ใจดี
ย้อนกลับไปราวปี 48 บ่ายวันเสาร์ ผมยื่นอึ้งอยู่กลางงานประกวดปลา ที่ห้างใหญ่ย่านงามวงศ์วาน
ปลาตัวกลมๆ สีเหลืองอร่าม มีจุดแดงกระจายทั่วตัว ที่หน้ามีลายเส้นสีแดงวาดลวดลายสวยงามไปตามแก้ม
ครีบบน-ล่างยาวสลวยเหมือนมีโทมัส ทอร์ (กระด๊อก) มาจัดทรงให้
ปลาตัวนั้นติดป้ายกลมๆ เขียนว่า ชนะเลิศ
นั่นเป็นครั้งแรกที่ทำให้ผมเกิดหลงรักปลาหมอตัวกลมๆ ตัวนี้เข้าอย่างจัง
หลังจากดูงานจนเสร็จ นั่งแท็กซี่ต่อไปสวนจตุจักร กะว่าจะหาปลาสวยๆ แบบนี้ไปเลี้ยงสักตัว
ปลาหมอที่ว่านี้มีนามว่า ปลาหมอเซเวรัส บ้านเราเรียก ปลาหมอเซวาลุ่ม ชื่อวิทย์ตายตัวที่ใช้กันคือ Heros severus
ชื่อสกุลจากที่หาๆ มายังไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม Heckel ถึงได้ใช้ชื่อนี้
เพราะคำว่า Heros มาจากภาษากรีก ซึ่งแปลได้รวมๆ ว่า พระเอก(ฮีโร่)
ในอดีตผมเคยค้นหาเจอในเว็บเมืองนอกเว็บหนึ่ง (อะไร petzap นี่แหละ) แต่เว็บปิดไปราวๆ 2 ปี ไอ้ที่เซฟไว้ก็หายไปเสียแล้ว แปลประมาณว่า หมายถึงโล่ของนักรบ (ของกรีก โรมัน ประมาณนั้น)
ท่านใดพอจะทราบความหมาย รบกวนแจ้งที ข้องใจมากมาย...
ทีนี้เราข้ามไปเรื่องอื่นกันดีกว่า อย่าไปใส่ใจมากนักกับชื่อวิทย์ที่ยังหาความหมายไม่ได้
ผมว่าหลายคนคงเคยเห็น รู้จัก และเคยเลี้ยงปลาหมอเซเวรัสกันบ้างนะครับ <<<ต่อแต่นี้จะเรียกอย่างนี้นะครับ
อย่างแรก เรามารู้จักปลาในสกุล Heros กันหน่อยดีกว่านะครับ
ปลาในสกุลนี้จะมีรูปร่างออกไปทาง วงรี ลักษณะตัวแบนข้าง หน้าผากลาดโค้งลงมากถึงปาก ปากมีขนาดเล็ก ภายในปากมีฟันเรียงรายอยู่มากมาย
ในตัวโตเต็มวัยหน้าผากจะมีลักษณะโหนกนูนนิดๆ ดวงตาใหญ่อยู่ด้านข้างของส่วนหน้า หากมองด้านตรงจะเห็นดวงตาปูดออกมาหน่อยๆ
ในบ้านเราน่าจะมีมาขายเป็นสิบปีได้มั้งครับ
ในอดีตเคยมีมาขายหลายสายพันธุ์ เช่น เซเวรัสเขียว เซเวรัสทอง (ทั้งแบบเหลืองทั้งตัวและเหลืองแต่มีลวดลาย) และยังมีพวก sp. ผลุบๆ โผล่ๆ ให้เห็นกันบ้างเล็กน้อย
ได้รู้ลักษณะทั่วๆ ไปของ Heros กันบ้างแล้ว ทีนี้เรามาทำความรู้จักกันแบบเรียงตัวเลยดีกว่านะครับ
Heros efasciatus Heckel, 1840
คำว่า efasciatus มาจากภาษาลาติน หมายถึง ไม่มีแถบ แถบที่ว่านี้คือ แถบบนตัวปลา เป็นแถบแนวตั้งสีเข้มครับ
ซึ่งในระยะหลังก็พบ Heros efasciatus ซึ่งมีแถบที่ว่านี้เหมือนกัน ในการระบุชนิดมักจะเติมชื่อแหล่งเข้าไปด้วยเพื่อป้องการอาการมึนครับ
เรื่องตลกอย่างหนึ่งสำหรับ efasciatus คือปลาตัวนี้ทั่วโลกใช้ชื่อการค้าว่า Severum
ทั้งๆที่ปลาที่ควรจะใช้ชื่อนี้ควรเป็น Heros severus มากกว่า
ซึ่งการเอาชื่อทางการค้ามาเรียกปลานั้น มักจะทำให้สับสนมากพอดู ดังนั้นควรยึดถือชื่อวิทย์เป็นหลักนะครับ
ในบ้านเราผมยังไม่เคยเห็นตัวเป็นๆ เลย แต่อาจมีเข้ามาบ้างแล้วผมไม่ทราบก็เป็นได้ครับ
Heros efasciatus ตัวหลักๆ จะมีสีพื้นเป็นสีเขียว-เหลือง อมเทา และมีลวดลายเส้นสีแดงกระจายเต็มตัวครับ ที่ส่วนท้ายของลำตัวจะมีแถบสีดำขึ้น 1 แถบในแนวตั้ง
ส่วนอกของปลาจะมีปื้นสีแดงสด (ขึ้นบ้าง ไม่ขึ้นบ้างตามอารมณ์)
สีที่ว่านี้จะไล่ยาวตั้งแต่อก ไล่ไปที่ครีบอกส่วนท้องจนถึงครีบก้นเลยนะครับ
ครีบที่ว่านี้เวลาเลือก ควรเลือกตัวที่ครีบไม่บิดเบี้ยวนะครับ
เพราะเมื่อปลาโตขึ้นครีบเครื่องเหล่านี้จะช่วยให้ปลาดูสวยงามมากขึ้นทีเดียวครับ
ปลาตัวผู้
Heros efasciatus จะพบได้ในแม่น้ำสาขาต่างๆ ในแม่น้ำอเมซอน ทวีปอเมริกาใต้ เช่น Rio Amazonas ในประเทศบราซิล , Rio Ucayali ในเปรู, Rio Solimoes
ซึ่งเป็นเขตบรรจบกันของแบล็ควอเตอร์ และไวท์วอเตอร์ กับ Rio negro ใกล้ manaus รวมไปถึง Rio Xingu
นับเป็นการแพร่กระจายที่กว้างที่สุดในปลากลุ่มนี้ และพบได้บ่อยที่สุดด้วย
การแพร่กระจายแบบนี้ทำให้ปลาในแต่ละแห่งมีความแตกต่างกันในเรื่องของสีและลวดลายพอสมควร...
ปลาตัวเมีย
เกร็ดเล็ก เกล็ดน้อย :
H. efasciatus มักถูกทำให้สับสนกับ H. severus แต่สิ่งที่แยกได้คือ H. efasciatus เป็นปลาวางไข่
ส่วน H. severus เป็น mouth brooders <<<อันนี้ตะลึงเล็กน้องเพราะจากที่ทราบมา ปลาในกลุ่มนี้วางไข่ทั้งนั้น พึ่งรู้ว่า H. severus เลี้ยงลูกในปาก
อ้างอิงจาก : //www.aquariacentral.com/forums/showthread.php?t=141558
เรื่องตลกของ H. efasciatus คือ ปลาตัวนี้ถูกนำมาพัฒนาสายพันธุ์ จนกลายเป็นแบบ สีเหลือง สีเหลืองมีลาย และสีแดง
แต่ในบ้านเราและต่างประเทศกลับเรียกปลาชนิดนี้เป็น Heros severus มันน่าน้อยใจแทนปลายิ่งนัก ชิชะ
Heros appendiculatus Castelnau, 1855
คำว่า appendiculatus เป็นภาษาลาติน หมายถึง ส่วนที่เพิ่มเติม, ส่วนที่ยื่นออก
ซึ่งในกรณีนี้น่าจะหมายถึงลายแนวตั้งบนตัวปลาที่เพิ่มเข้ามาในช่วงท้อง แต่ไม่ยาวสุดจนถึงหลัง
Heros appendiculatus นั้นส่วนใหญ่จะมีสีออกไปทางโทนเขียวอมน้ำเงิน (บางครั้งออกดำไปเลยก็มี)
แต่ช่วงล่างของลำตัวตั้งแต่อก ครีบอก ส่วนท้องไล่ไปถึงครีบก้นจะมีสีแดงสด สวยงาม
ถูกอกถูกใจพวกชอบปลาหมอแนวดิบๆ ถ่อยๆ ยิ่งนัก
บริเวณลำตัวจะมีแถบเส้นสีดำแนวตั้งพากยาวตั้งแต่ฐานครีบก้านถึงกลางลำตัว เส้นที่ว่านี้มีอยู่ทั้งสิ้น 5 เส้น (ไม่นับเส้นยาวที่อยู่โคนหางนะครับ)
สามาระเข้มและจางได้ตามแต่อารมณ์ปลา แต่ก็ถือว่าเป็นเอกลักษณ์ของสายพันธุ์นี้เลยครับ
H. appendiculatus นั้นมีชื่อทางการค้าว่า Turquoise Severum เหตุที่ได้ชื่อนี้เพราะว่าสีที่ตัว ที่หน้านั่นเองเพราะสีเหมือนแร่ Turquoise ที่มีสีออกเขียวอมน้ำเงิน
พบอาศัยบริเวณตอนบนของ Rio Amazonas ในประเทศเปรู
Heros notatus (Jardine, 1843)
notatus มาจากภาษาลาติน หมายถึง marked ซึ่งอธิบายถึงจุดบนตัวปลาที่เด่นชัดกว่าเพื่อนร่วมสกุลชนิดอื่น
ใบปลาบางตัวจุดที่มีขนาดใหญ่นั้นอาจเรียงต่อกันจนดูคล้ายเส้นเลยทีเดียว
พบเจอได้ในแม่น้ำอเมซอน ในประเทศบราซิล, Río Negro, Essequibo River ใน Guyana
ปลาตัวนี้ โดยส่วนตัวผมว่าสวยงามมากทีเดียว ด้วยสีเนื้อสีตัวที่ออกไปในโทนสว่าง
คือมีทั้งสีน้ำตาลอ่อน เขียว และมีจุดแต้มสีน้ำตาลแดง แต้มตามตัว
ที่บริเวณส่วนหัวจุดแต้มจะมีสีที่สดขึ้นและต่อกันจนเป็นลวดลายวิจิตรงดงาม ที่ตัวปลาบริเวณท้องจะมีเส้นแนวตั้ง เรียงตั้งแต่หลังดวงตา(ในบางตัวจะเริ่มที่หลังแผ่นปิดเหงือก)
ไล่มาถึงด้านบนของครีบก้น ถึง 6 เส้น ไม่นับเส้นสุดท้ายที่พาดขวางตัวปลาในบริเวณท้ายลำตัวนะครับ
เส้นที่ว่านี้จะมีขนาดใหญ่กว่าของ Heros appendiculatus มากโขทีเดียว จนมองดูเหมือนจุดสีดำขนาดใหญ่
ในปลาเพศผู้นั้นจะมีจุดที่ใหญ่ และสีเข้มกว่าปลาตัวเมียมาก และเมื่อโตเต็มวัยจะมีหน้าผากที่โค้งมนได้รูป
ส่วนตัวเมียหน้าออกแหลมๆ ตัวผู้จะตัวโตกว่า เครื่องครีบจะยาวกว่า ลวดลายที่ครีบจะเข้มกว่าอย่างเห็นได้ชัด
Heros notatus มีอีกชื่อหนึ่งที่เรียกขานกันนั่นคือ severum Guyanese
Heros severus
severus มาจากภาษาลาติน หมายถึง ร้ายแรง, รุนแรง ในบางครั้งหมายถึง สง่างาม
ไม่ใช่ได้ชื่อจาก ศาสตราจารย์ เซเวอร์รัส สเนป ในนิยายแฮรี่ พอทเตอร์ (ไอ้หนูหัวบาก) นะ อันนั้นคนละตน คนละตัวกัน ประเดี๋ยวเสกให้หน้าตาดีเหมือนคนเขียน... (กลัวล่ะซิ เหอๆ )
เซเวรัสตัวนี้มีการแพร่กระจายอยู่อย่างแพร่หลายในหลายประเทศ ทั้งทางตอนบนของ Rio negro ตอนบนและตอนกลางของแม่น้ำ ออริโนโค่ ในประเทศบราซิล ในเวเนซูเอลา โคลัมเบีย แต่โดยรวมจะอยู่ทางตอนเหนือของทวีปอเมริกาใต้
ดังนั้นจึงทำให้มีการผันแปลของสีตามแหล่งที่พบปลามากมาย
แต่ส่วนใหญ่ที่พบคือ จะมีสีเขียวเหลืองคล้ำ ดวงตาสีแดง ส้ม ที่ท้ายของลำตัวมีแถบเส้นสีดำแนวตั้ง 1 เส้น พาดยาวตั้งแต่ฐานครีบหลังถึงฐานครีบก้น
ด้านข้างลำตัวจะมีจุดสีส้มแดงกระจายเป็นแนวยาว ส่วนอกมีสีส้มแดง มีแถบแนวตั้งที่ลำตัวราวๆ 7-8 เส้น แถบเหล่านี้สามารถมีหรือไม่มีก็ได้ตามแต่อารมณ์ของปลา
บริเวณส่วนหัวจะไม่มีลวดลาย (หรือถ้ามีก็น้อยมาก และมักจะขึ้นที่แผ่นปิดเหงือก)
ในปลาเพศผู้จะมีจุดที่บริเวณด้านล่างของแผ่นปิดเหงือก ส่วนในตัวเมียนั้นจะไม่พบ หรือถ้ามีก็น้อยมาก
ปลาเพศผู้จะมีขนาดใหญ่กว่าตัวเมีย เครื่องครีบยาวใหญ่กว่า
ในบ้านเราที่มีจำหน่ายภายใต้ชื่อเซเวรัสเขียวครับ
Heros spurius Heckel, 1840
คำว่า spurius มาจากภาษาลาติน หมายถึง เท็จ ไม่จริง ซึ่งอธิบายถึงความคล้ายคลึงที่ใกล้เคียงกับ Heros modestus (อธิบายโดย Heckel ใน 1,840)
แม้จะเหมือนแต่ไม่ได้เป็นชนิดเดียวกัน และปัจจุบัน Heros modestus ถูกจัดอยู่ในชนิด H. efasciatus จุดสังเกตได้คือ H. spurius จะมีจุดใหญ่กว่า H. efasciatus แต่ไม่เท่า Heros notatus ครับ
ลักษณะจุดของ H. spurius จะมีลักษณะต่อกันเป็นเส้นแต่ไม่ยาวมาก ช่องว่างระหว่างเส้นจะห่าง ไม่เป็นระเบียบมากนัก
กระจายพันธุ์อยู่ในแม่น้ำอเมซอน ในบราซิล และ แม่น้ำ Guaporé
ปลาตัวนี้ข้อมูลค่อนข้างน้อยและหาดูชมได้ยากที่สุดในบรรดาเพื่อนร่วมสกุลทั้งหมดครับ
หากลองหาข้อมูลของปลาในกลุ่มนี้ จะทราบเลยว่ามีความสับสนอยู่มากทีเดียว
ด้วยลักษณะที่คล้ายกันมาก ลวดลายและสีมีความเหมือนกัน แหล่งกระจายพันธุ์ กระจุกอยู่บริเวณตอนเหนือของทวีปอเมริกาใต้ และพบเจอได้ทั้งในเขตแบล็ควอเตอร์ และไวท์วอเตอร์
ทำให้ส่วนตัวผู้เขียนเองต้องยึดเอาชนิดที่อธิบายไว้ในข้างต้นจากเว็บ //www.cichlidae.com/
เพราะข้อมูลต่างๆ ค่อนข้างอัพเดทมากที่สุด และท่าน แอด คอนนิ่ง นั้นก็ถือเป็นผู้รอบรู้ทางด้านปลาหมอสีทั่วโลกตัวจริง
ดังนั้นในบทความนี้จึงขอยึดข้อมูลการแยกชนิดจากเว็บไซด์ดังกล่าวไว้ก่อนนะครับ
Heros sp. Curare
นอกจากชนิดที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ยังมีพวกแปลกแยก มีลักษณะเด่นตามแหล่งที่พบอีกมากมาย
เชื่อว่าอีกนานโขทีเดียวกว่าจะคัดแยก จัดระเบียบให้ครบ เผลอๆ ผู้เขียนตายไปเป็นผีแล้ว ยังบรรยายแยกชนิดกันไม่เสร็จเลยทีเดียว
ด้วยความที่ยังมีความสับสนอยู่มากนั้นเอง ทำให้บทความนี้ทำหน้าที่ได้เพียงแค่การแนะนำในเบื้องต้นเท่านั้น
และอย่าได้เชื่อทุกตัวอักษรที่พิมพ์ลงไปจนกว่าท่านจะได้ค้นคว้าหาข้อมูล และตัดสินใจด้วยตัวท่านเอง
ทีนี้เรามาดูเรื่องทั่วๆ ไปของปลาในสกุล Heros กันบ้างนะครับ
ปลาในสกุลนี้ถือว่าเป็นปลาใหญ่ทีเดียว ด้วยขนาดโตเต็มที่จะมีขนาดราวๆ 10-12 นิ้ว!!!
ดังนั้นตู้ที่ใช้เลี้ยงสำหรับปลาขนาดเล็กควรเริ่มต้นที่ ตู้ 24 นิ้วขึ้นไป เพื่อความสบายตาของท่านผู้ชม และความสบายใจของตัวปลาเอง
Heros sp. Curare
ในธรรมชาตินั้นเหล่าลูกปลาจะอาศัยอยู่ในแหล่งน้ำที่เต็มไปด้วยวัสดุใต้น้ำเช่นขอนไม้ หิน รากไม้ริมตลิ่ง กระแสน้ำจะไหลเอื่อยๆ
แต่เมื่อเริ่มโตขึ้นเหล่าปลาหนุ่มสาวทั้งหลายจะแยกย้ายไปอาศัยในแหล่งน้ำที่อุดมไปด้วยพรรณไม้น้ำ สภาพน้ำจะนิ่ง ลึก พื้นน้ำจะเป็นดินโคลน กรวดทรายอะไรก็ว่ากันไป
ในการเลี้ยงนั้นควรจัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะกับปลาโดยมีวัสดุใต้น้ำบ้าง
ในปลาที่มีโทนมืด เช่นเซเวรัสเขียวนั้นควรปูวัสดุที่มีสีอ่อน เช่นกรวดแม่น้ำสีอ่อน กรวดแก้วสีขาวเป็นต้น
จัดวางหิน ขอนไม้ให้ปลาได้หลบซ่อนบ้างเพื่อลดความเครียดในระยะแรก วัสดุที่นำมานั้นไม่ควรมีปลายแหลมคม
เพราะเห็นรูปร่างอ้วนๆ แบบๆ แบบนี้ แต่เซเวรัสยามตกใจกลับเป็นปลาที่พุ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต ทั้งแรง ทั้งเร็ว จึงอาจเกิดบาดแผลได้
Heros sp. 'Cameta' or 'Marajo'
หินที่มีลักษณะแบน ผิวเรียบนั้นมีประโยชน์มาก เพราะปลาสามารถนำมาเป็นสถานที่วางไข่ได้ รวมไปถึงกิ่งไม้ ขอนไม้ที่มีขนาดใหญ่กำลังดี ได้ทั้งแนวตั้ง แนวนอน
น้ำที่ใช้เลี้ยงขอแค่สะอาด ไม่มีสารพิษก็สามารถเลี้ยงได้สบายจิต ระบบกรองควรเลือกขนาดให้ใหญ่เข้าว่า เพราะถือว่าเป็นปลาที่กินจุทีเดียว
Heros sp. 'Puala Coaro-Rio Negro'
จากที่เลี้ยงมานับสอบตัว ยังไม่เคยมีตัวไหนที่ป่วยตายเลย ส่วนใหญ่ เบื่อแล้วเอาไปแลกปลาอื่นบ้าง ขายบ้าง แจกบ้าง
จะมีที่เคยตายต่อหน้าต่อตา ก็ตายด้วยโดนปลาใหญ่กว่า งับเข้าหัว เพราะดันทะลึ่งจ้องจะกินอาหารเม็ดเดียวกันนั่นเอง (ต่างฝ่ายต่างจ้องจะงับอาหารเม็ด เผอิญได้ตัวเล็ก ดันงับก่อน ตัวใหญ่เลยงับพลาด งับเข้าหัวพอดี ไอ้ตัวเล็กเลยไปเฝ้าเง็กเซียนซะ...)
Heros sp. 'Uatuman'
อาหารที่โปรดปรานนั้น..... ไม่มี -*-
มันกินหมด กินทุกอย่าง ทั้งอาหารเม็ด อาหารสด เนื้อกุ้ง เนื้อเก้งที่ไหนพวกซัดเรียบ
ให้ไปเหอะ วันละ มื้อสองมื้อ บันเทิงใจดีแท้
แต่อาหารที่ให้ก็ควรมีส่วนผสมของพืชบ้างนะครับ กินเนื้ออย่างเดียว ท้องผูกตายชัก
ทีนี้มาดูเรื่องเพื่อนร่วมตู้กันบ้าง รู้กันแล้วว่าไม่ดุ แต่ก็ควรเลือกเพื่อนขนาดที่กำลังดีหน่อย และไม่ชอบตอด
เพราะครีบยาวๆ ของเซเวรัสนั้นต้องใช้เวลาพอควรกว่าจะกลับมาเหมือนเดิม
Heros sp. Santarem
ส่วนตัวนั้นเลี้ยงรวมกับ เตรทตร้าขนาดเล็กอย่าง รัมมี่โนส ปลาแพะ ปลาหมู ปลาเทวดา ก็สามารถอยู่กันได้อย่างสงบสุข ไม่มีมาเดินประท้วงอะไรกันวุ่นวาย
และยังสามารถเลี้ยงรวมกับปลาขนาดใหญ่ที่ไม่ดุอย่าง ปลาหมอฟรอนโตซ่า ได้ด้วย อยู่กันดีเชียว...
แต่ก็ใช่ว่าจะอารมณ์ดี ร่าเริงตลอดเวลานะครับ ยังไงก็เป็นปลาหมอ ความดุก็มีบ้างสำหรับพวกเดียวกันในบางครั้ง
และโดยเฉพาะตอนผสมพันธุ์นั้น พ่อ-แม่ปลาค่อนข้างหวงที่ หวงทางมากทีเดียว
เซเวรัสนั้นเป็นปลาที่ค่อนข้างจะจับคู่กันนานสักหน่อย กว่าจะได้เสียเป็นเมียผัวกัน (บางเว็บว่าไว้ 3-6 เดือนเลยทีเดียว)
แม่ปลาจะวางไข่ติดตามวัสดุใต้น้ำ เช่นหิน กระถางดินเผา ขอนไม้ ได้ทั้งแนวตั้งแนวนอน
เมื่อแม่ปลาวางไข่เสร็จ พ่อปลาก็จะเข้าไปฉีดน้ำเชื้อ เพื่อให้ไข่ได้รับการผสม
หลังจากนั้นแม่ปลาจะทำหน้าดูดูแลไข่ คอยพัดโบกออกซิเจนให้ไข่ ส่วนพ่อปลาจะคอยระวังภัยภายนอก
พิเศษหน่อยตรงที่ H.severus พ่อปลาสามารถเลี้ยงลูกไว้ในปากได้ด้วย ส่วนชนิดอื่นๆ ทำไม่ได้ครับ
ลูกปลาฟักออกมาราวๆ วันที่ 3-4 สามารถให้อยู่กับพ่อ-แม่ปลาได้ เพราะพ่อแม่ปลาไม่มีพฤติกรรมการกินลูกตัวเอง
Female
male
ปลาตัวนี้ยิ่งเลี้ยงยิ่งสวยนะครับ ไม่จำเป็นต้องเร่งให้โต หรือเร่งสีแต่อย่างใด ตามสไตล์คนไทยใจร้อนที่พอเห็นปลาคนอื่นโตกว่า สีสดกว่า
ก็พยายามหาของไร้สาระมายัดใส่ให้ปลา เพราะหวังให้โตสวยทันใจคนเลี้ยง
ยิ่งเร่งมาก ก็ยิ่งตายไว แทนที่ปลาจะอยู่อย่างสุขภาพดีที่ควรเป็น กลับกลายเป็นการเร่งปลาให้ไปสู่ภพที่ดีกว่า
ดังนั้นควรเลี้ยงอย่างค่อยเป็นค่อยไปและไม่ควรย้ายตู้บ่อยๆ เพราะปลาอาจจิตตก หยุดกิน
หรือถ้าในกรณีที่ปลาจับคู่กันอยู่แล้ว หากไปย้ายที่ให้ปลาเครียด ผู้เลี้ยงอาจพลาด ไม่ได้เห็นผลผลิตงดงามที่กำลังจะตามมาก็เป็นได้
Heros notatus : male
Heros notatus : female
นอกจากนี้ยังมีพวก sp. ทั้งหลายที่ยังไม่ขอกล่าวเพราะกลัวจะเวียนหัวกันไปใหญ่
ด้วยข้อมูลที่หามานั้นไม่ค่อยจะน่าเชื่อถือสักเท่าไหร่ เพราะใช้ในหลักการค้าเพื่อเพิ่มมูลค่าปลาเสียมากกว่า
ในบ้านเรานั้นที่มีให้เห็นก็มีอยู่ไม่กี่ชนิดเท่านั้นนะครับ เช่น เซเวรัสเขียว เซเวรัสทอง(ทั้งแบบเหลืองๆ ลายไม่ค่อยมี และมีลายพร้อยไปทั้งตัว) รวมถึงเซเวรัสแดงที่พัฒนากันจนมีลายแดงทั้งตัว
และล่าสุดที่เห็นคือ Heros sp. Black <<<เรียกตามเว็บเมืองนอก ในเมืองไทยยังไม่มีชื่อเรียก ปลาตัวนี้สีออกน้ำตาลเทา-ดำ มีสีแดงช้ำๆ ที่คอเล็กน้อย ผู้เขียนยังไม่เคยเลี้ยง ได้แต่ยืนดูนานๆ เท่านั้นครับ
อีกตัวที่จะต้องกล่าวคือ Heros sp. 'rotkeil' ชื่อเล่นๆ ที่เรียกกันว่า Redheaded Severum.
ตัวนี้เป็นอีกตัวที่เป็นดาวเด่นในวงการปลาสวยงาม ในบ้านเรายังไม่เคยเห็นเหมือนเดิมครับ นอกจากหิ้วเข้ามาหรือสั่งเข้ามาเท่านั้นครับ
เขียนมาเสียมากมาย หากสนใจอยากหาปลาหมอตัวใหญ่ สวย ไม่ดื้อ ไม่ดุ กินง่ายอยู่ง่าย มาเลี้ยงสักตัว หรือสักฝูง
ก็อยากให้แลเหลียวทองปลาตัวนี้บ้างนะครับ รับรองว่าไม่ผิดหวัง
ปลาระเบิดเอาหำเป็นประกัน....
สวัสดี...
Create Date : 02 ธันวาคม 2553 | | |
Last Update : 2 ธันวาคม 2553 13:24:48 น. |
Counter : 5068 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|