อดีตชาวดิน สระบุรี กรมที่ดิน (ราส์ส กิโลหก)
Group Blog
 
All Blogs
 
บ้านว่าง..ให้เช่า..


บ้านว่างให้เช่า

ราสส์ กิโลหก

“บ้านว่างให้เช่า” เป็นข้อความบนป้ายไม้ขนาดกว้าง 50 เซนติเมตร ยาว 80 เซนติเมตร พื้นสีขาวตัวหนังสือสีแดงมองเห็นสะดุดตา และถัดลงมาเป็นอักษรหมายเลขโทรศัพท์ แขวนอยู่ที่บานประตูรั้วหน้าบ้านหลังหนึ่ง ผมเดินผ่านไปมาบ่อยๆเพราะบ้านที่ผมเช่าอาศัยตั้งอยู่ลึกเข้าไปในซอยห่างจากบ้านหลังนี้เข้าไปอีกเกือบ 500 เมตร บ้านที่ผมเช่าอยู่เป็นบ้านไม้หลังเล็กๆเชั้นเดียว หน้าบ้านมีต้นจามจุรีต้นใหญ่ ส่วนเจ้าของบ้านก็อาศัยอยู่ที่บ้านอีกหลังใกล้ๆกัน

บริเวณแถวๆนี้เป็นพื้นที่ชานเมืองกรุงเทพฯเรียกว่าแทบจะออกไปนอกเขตจังหวัดก็เป็นได้ ความลึกระยะทางจากถนนใหญ่ไปจนสุดปลายซอยประมาณ 1.5 กิโลเมตร ด้านสุดปลายซอยจะเป็นลำห้วยเล็กๆขวางก้นซอยอยู่ เหมือนเป็นขอบเขตกั้นปลายซอยกับที่ดินของคนอื่น

เนื่องจากความเจริญยังมาไม่ถึง สภาพพื้นถนนในซอยจึงเป็นเพียงดินลูกรัง กว้างไม่ถึง 6 เมตรรถยนต์พอขับสวนกันได้ บ้านเรือนตั้งอยู่เป็นหย่อมๆไม่ติดต่อกัน ถ้ากลับบ้านตอนกลางคืนในซอยจะมืดเหมือนเดินเข้าถ้ำเพราะไม่มีไฟฟ้าส่องข้างทาง

สภาพบ้านส่วนใหญ่จะสร้างมาแต่เดิมและเป็นบ้านไม้เก่าๆ ส่วนบ้านสร้างเป็นตึกใหม่ๆมีให้เห็นไม่กี่หลัง บรรยากาศเงียบๆเพราะบ้านแต่ละหลังตั้งอยู่ห่างกันเป็นฟัน หลอ ประเภทบ้านใครบ้านมันไม่ค่อยมีสังคมต่อกัน

บ้านหลังที่ติดป้ายให้เช่า เป็นบ้านไม้สักหลังใหญ่ ลักษณะเป็นบ้านแบบโบราณอายุน่าจะเป็นร้อยปี สภาพเก่าทรุดโทรมแต่ดูยังแข็งแรง ประตูรั้วหน้าบ้านเป็นประตูไม้บานใหญ่ 2 บานปิดเปิดโดยอาศัยบานพับ ส่วนรั้วรอบๆตัวบ้านเป็นรั้วสังกะสี เก่าแก่จนเป็นสีแดงเพราะสนิมเกาะกิน เนื้อที่ทั้งหมดคงประมาณ 200 ตารางวา ในพื้นที่มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นอยู่หลายต้น บางต้นดูแล้วอายุคงพอๆกับตัวบ้าน ความร่มเย็นมากเกินจนเป็นความรกครื้มจากต้นไม้ใหญ่ๆ

ตำแหน่งที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยวห่างไกลจากหลังอื่นๆ มีเพียงบ้านหลังหนึ่งตั้งอยู่ใกล้ที่สุด คืออยู่ตรงกันข้าม อยู่อีกฝั่งของถนน ไม่ตรงกับหน้าบ้านโดยตรง แต่เยื้องไปทางปากซอยประมาณ 50 เมตรปลูกเป็นเพิงหมาแหงน มีชายหญิงผัวเมียสูงอายุ เปิดเป็นร้านขายของประเภทโชห่วย แต่ไม่ใหญ่โตอะไรมากนัก ก็มีคนในซอยที่ผ่านไปมาแวะซื้อของบ้างประปราย..

ผมเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯและมาเช่าบ้านอยู่ในซอยนี้เพียงลำพัง ผมไม่มีรถส่วนตัว ใช้การเดินเท้า เพื่อออกไปรอขึ้นรถเมล์ประจำทางที่ปากซอย เวลาเดินผ่านบ้านนี้ผมชอบมองดูที่ป้าย บ้านว่างให้เช่า ที่แขวนอยูที่ประตูรั้วหน้าบ้าน ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องชอบมอง จริงๆแล้วป้ายที่แขวนไว้ตามหน้าบ้าน บอกบ้านว่างให้เช่า ก็มีตั้งหลายหลังในซอยแห่งนี้ ผมก็ไม่เคยสนใจอะไรเพราะผมไม่ต้องการจะหาบ้านเช่า มองเห็นก็เฉยๆไม่สะดุดตาอะไร แต่สำหรับป้ายที่หน้ารั้วบ้านหลังนี้มันเหมือนมีอะไรดลใจให้ผมต้องมองต้องสนใจทุกครั้งที่เดินผ่าน จะว่าผมอยากจะเช่าบ้านหลังนี้ก็ไม่ใช่เพราะรายได้ต่อเดือนชองผมมันน้อยนิดเดียว คงไม่มีปัญญาจะเช่าบ้านใหญ่ขนาดนี้ได้

เช้าวันหนึ่งเดินจากบ้าน ไปขึ้นรถเมล์ประจำทางที่ปากซอยไปทำงานเหมือนทุกๆวัน พอเดินผ่านที่หน้าบ้านหลังดังกล่าวผมมองไปที่หน้าประตูบ้านด้วยความเคยชิน ปรากฏว่าป้าย บ้านว่างให้เช่า ไม่อยู่ที่เดิมผมมองหาที่พื้นคิดว่าหล่นไปหรือเปล่า ? ก็ไม่มี หรือมีคนมาติดต่อขอเช่าไปแล้ว เจ้าของบ้านคงมาปลดเอาป้ายออกไป

ตอนเย็นกลับจากที่ทำงานลงรถเมล์ที่ปากซอย แล้วเดินเท้าเข้าซอยเพื่อกลับบ้าน เดินมาถึงตรงหน้าบ้านหลังที่ผมเดินผ่านเมื่อเช้า หลังที่เคยติดป้ายบ้านว่างให้เช่า ประตูบานใหญ่เปิดออกทั้งสองบาน มองเข้าไปในบ้านเห็นมีรถหกล้อ บรรทุกสิ่งของเครื่องใช้ประเภท ตู้เตียง โต๊ะเก้าอี้ และของใช้ต่างๆ ฯ มีคนผู้ชาย 4-5 คนกำลังขนของและผู้หญิงหลายคนทำความสะอาดที่ตัวบ้านและหน้าบ้าน

“มีคนเช่าแล้ว ! ดีเหมือนกันเวลาเดินผ่านจะได้ไม่เหงา”ผมนึกในใจ

เมื่อไม่มีป้าย บ้านว่างให้เช่าติดอยู่ ความรู้สึกของผมก็ไม่ได้สนใจกับบ้านหลังนี้อีกต่อไป..

หลายวันต่อมา น่าจะสัก 7 วันได้ ผมเดินผ่านบ้านหลังนี้ ในตอนเย็นหลังเลิกงานปรากฏบานประตูไม้อันใหญ่หน้าบ้านเปิดออก ภายในบริเวณบ้านมีรถหกล้อจอดอยู่โดยหันทางด้านท้ายไปจ่อที่หน้าตัวบ้าน หันหัวรถออกมาทางด้านหน้าประตูรั้ว มีชายหนุ่มๆหลายคนช่วยกันขนของขึ้นรถ มองเห็นเป็นพวกโต๊ะ ตู้ เตียง เก้าอี้เครื่องใช้ต่างๆ ฯ ข้างรถหกล้อยังมีรถเก๋งสภาพกลางเก่ากลางใหม่อีก 1 คันมองเห็นผู้หญิงและเด็กๆ 2 คนยืนอยู่ข้างรถเก๋ง ผู้หญิงสวมชุดดำทั้งชุด

ความจริงผมไม่ใช่คนสอดรู้สอดเห็นอะไร แต่สำหรับบ้านหลังนี้มีความรู้สึกเหมือนมีความผูกพันกับผมอย่างประหลาด ผมพยายามมองเข้าไปในบ้านเพื่อดูว่า เกิดอะไรขึ้นทำไมถึงมีการขนของกลับทั้งที่เพิ่งขนย้ายเข้ามา ก็ได้แต่มองดูไม่กล้าเข้าไปพูดคุยหรือไถ่ถามจากคนในบ้าน แต่เก็บความสงสัยไว้ในหัวสมอง


“หรือ ผีในบ้านดุ” ผมไม่สามารถห้ามความคิดของตัวเองได้

ไม่เกิน 2 วัน ป้ายบ้านว่างให้เช่า กลับมาติดอยู่ที่เดิม อีกยังคิดว่าเจ้าของบ้านมาติดได้เร็วจริงๆหลังจากนั้นประมาณ 1 อาทิตย์ตอนเช้าเดินออกไปเพื่อไปทำงานเหมือนเคย พอเดินผ่านบ้านหลังนี้อีก ปรากฏป้าย บ้านว่างให้เช่าไม่อยู่ หายไปจากตำแหน่งที่เคยแขวน

“คงมีคนมาเช่าใหม่ !” ผมพูดกับตัวเอง

ตอนเย็นกลับจากเลิกงาน ลงรถที่ปากซอยเหมือนทุกวัน ขณะเดินผ่านมาถึงที่บ้านหลังนี้อีก กำลังคิดว่าใครมาเช่ากัน บานประตูหน้าบ้านปิดทั้งสองบาน จึงส่งสายตามองข้ามรั้วสังกะสีเข้าไปในตัวบ้าน หูแว่วๆมีเสียงร้องเพลงกันอย่างสนุก เห็นเด็กวัยรุ่นประมาณเกือบ 10 คนนั่งล้อมวงกินเหล้ากันตรงที่ว่างหน้าตัวบ้าน ดูการแต่งตัวคงเป็นเด็กนักเรียนช่างกล มีรถมอเตอร์ไซค์จอดอยู่หลายคัน

“พวกนักเรียน คงรวมหุ้นกันเช่าเพื่อพักอาศัยเรียนหนังสือ” ผมเดาว่าเป็นอย่างนั้น

ในวันต่อๆมาก็เหมือนเดินผมมองไม่เห็นป้ายและก็ไม่ได้ให้ความสำคัญอะไรอีก ออกจะลืมๆไปแล้วด้วยซ้ำ แต่พอครบ 7 วัน ตอนเย็นกลับมาจากทำงาน เดินผ่านที่บ้านหลังเดิม ที่บริเวณหน้าบ้านมีเด็กนักเรียนช่างกล หลายสิบคนและรถมอเตอร์หลายคัน กำลังติดเครื่องส่งเสียงดังลั่นไปหมด มีบางคนขนห่อเสื้อผ้าและสิ่งของส่วนตัวเต็มไม้เต็มมือ เป็นลักษณะของการขนของออกจากบ้าน ไม่มีเสียงคุยสนุกสนานทุกคนดูท่าทางเศร้าๆ ผมได้แต่มองผ่านๆเพราะไม่อยากเข้าไปใกล้พวกนี้ กลัวโดนลูกหลง

และแล้วไม่เกิน 2 วันไม่เกินจริงๆ เจ้าป้ายบ้ากลับมาอยู่ที่เดิมอีกแล้ว ตอนนี้ผมมีความรู้สึกเกลียดเจ้าป้ายอันนี้จริงๆ ผมเป็นบ้าไปหรือเปล่า ! ผมไม่อยากเห็นป้ายอันนี้ อยากจะเข้าไปดึงมันออกแล้วเอาไปทิ้งที่ถังขยะ แต่ก็ไม่กล้าทำกลัวเจ้าของบ้านจะมาเล่นงานเอา อะไรกันคนมาเช่าอยู่ได้ไม่เกิน 7 วัน ผมยังมีความคิดแปลกๆว่าหรือไอ้ป้ายบ้านี่เป็นเจ้าของบ้านเอง และแกลังทำผีหลอกให้คนเช่ากลัว ผมคิดไปเรื่อยในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้..

วันต่อมาเวลาออกไปทำงานตอนเช้าและตอนเย็นเลิกงานต้องเดินผ่านเจ้าป้ายลึกลับอันนี้ ผมยิ่งมีความรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิต มันจ้องมองตอบโต้ผมอย่างไม่ลดละ เหมือนคู่อริที่มองหน้ากัน บางที่ผมเดินผ่านไปแล้วมีความรู้สึกว่ามีคนมองตามหลัง รีบหันหน้ากลับไปดู ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ หรือผมบ้าไปแล้ว

อีกไม่นานวัน ตอนเช้าเดินออกจากบ้านเพื่อไปทำงาน ตามปกติ เดินมาสบายๆจนมาถึงหน้าบ้านหลังเดิมและทุกทุกครั้งผมต้องมองไปหาเจ้าป้ายตัวแสบ ปรากฏไม่มีป้ายอยู่ในตำแหน่งเดิม

“ใคร ? มาเช่าอีกละทีนี้” เอ่ยกับตัวเองเบาๆ

วันนี้ทำงานไม่เป็นสุข ใจนึกถึงบ้านหลังนี้ตลอดเวลา อยากรู้ว่าใครมาเช่า พองานเลิกผมรีบแจ้น
กลับบ้านทันที ลงจากรถเมล์ที่ปากซอยแล้ว รีบก้าวเดินเพื่อจะดูว่าใครมาเช่า มาถึงหน้าประตูรั้ว ปรากฏว่าบานประตูหน้าปิด แต่ในตัวบ้านมีรถเก๋งราคาแพง จอดอยู่ มีผู้ชายสูงอายุ และหญิงสาววัยห่างกันน่าจะเป็นพ่อลูกกันได้ แต่สังเกตจากกริยาท่าทางคงไม่ใช่พ่อลูกกัน น่าเป็นผัวเมียกันมากกว่า และน่าจะเป็นเมียน้อย เพราะมีกันแค่สองคน

“วันนี้วันจันทร์ ถ้าครบ 7 วันต้องตรงกับวันอาทิตย์” ผมจะดูว่าเมื่อครบ 7 วันจะมีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า?

ทุกๆวันตอนเช้าออกไปทำงานตอนเย็นกลับบ้าน เมื่อเดินผ่านบ้านหลังนี้ ผมสังเกตว่ารถเก๋งจะมาจอดตอนเย็น แต่ช่วงเช้าจะไม่เห็น จะเป็นอย่างนี้ทุกวัน ผ่านมาหลายวันจนลืมอะไรบางอย่างไป วันอาทิตย์เป็นวันหยุดผมนั่งอยู่บ้านขนเอาเสื้อผ้าซึ่งหมกไว้ทั้งอาทิตย์มาซักพร้อมกัน ความที่เป็นคนโสดก็ต้องทำงานบ้านด้วยตนเองทั้งหมด

กำลังซักผ้าขยี้ผ้าเพลินๆ หูแว่วๆเหมือนเสียงไซเรน ของรถตำรวจ ผู้คนในซอยหลายๆคนต่าง
วิ่งออกไปดูกัน ผมละมือจากกะละมังซักเสื้อผ้าตามออกไปดูกับเขาด้วย พอถึงที่เกิดเหตุผมตัวชา ใจสั่นหวิว ให้ตายเถอะมันเกิดเหตุในบ้านหลังนั้นนั่นเอง

ผมอดนึกโมโหไม่ได้ “ เป็นมันแน่ๆไอ้ป้ายมรณะ ไอ้ป้ายฆาตกร”

รถตำรวจจอดอยู่หลายคัน มองเห็นรถของพวกมูลนิธิซึ่งทำหน้าที่เก็บศพจอดอยู่ด้วย ได้รายละเอียดว่าคนตายเป็นผู้หญิง ถูกคนร้ายขี่รถจักรยานมาด้วยกัน 2 คนสวมหมวกกันน๊อคปิดบังใบหน้า ใช้อาวุธปืนยิง จนผู้หญิงตายคาที่ ตัวผู้ชายที่ไปมาหาสู่บ่อยๆไม่โผล่หน้ามาเลย หรือยังไม่รู้ว่าผู้หญิงของตัวเองถูกยิงตาย ตำรวจสืบสวนไม่ได้รายละเอียดอะไรมาก เพราะไม่มีใครรู้จักคนตาย

ผมเดินเตร่ไปยังร้านขายของที่เป็นเพิงหมาแหงน ซึ่งตั้งอยู่เยื้องๆบ้านเกิดเหตุ เจ้าของร้านเป็นผัวเมียสูงอายุ คิดว่าน่าจะรู้อะไรเกี่ยวกับบ้านหลังนี้บ้าง

“ลุงๆรู้มั๊ย ! เจ้าของบ้านหลังนี้อยู่ที่ไหน เหรอครับ” ผมเอ่ยถามกับชายสูงอายุ

ลุงแกยืนดูตำรวจอยู่หน้าร้าน หันหน้ามาทางผม “ลุงก็ไม่รู้รายละเอียดอะไรมากนักหรอกครับ ! รู้เพียงว่าเจ้าของบ้านเดิมเป็นคุณหลวง ปัจจุบันตกทอดมาเป็นของหลานคนหนึ่ง” แกมองหน้าเหมือนสงสัยว่าอยากรู้ไปทำไม ?

“ทำไมคนที่เช่าบ้านถึงอยู่กันไม่นาน เห็นหลายรายรีบย้ายออกล่ะครับ สงสัยผีคงดุ” ผมถาม

แกมองหน้าผม แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่

“ที่ผ่านมาบ้านหลังนี้ไม่เคยเปิดบ้านให้ใครเช่ามาก่อนเลย ผมมาอยู่ที่นี่เกือบ 20 ปีแล้ว เจ้าของบ้านจะมาที่บ้านหลังนี้แค่ปีละครั้งเท่านั้น ของในบ้านไม่มีอะไร จึงไม่มีขโมย ขะโจรที่ไหนขึ้นไปงัดแงะ”

“อ้าวแล้ว ทำไมเจ้าของถึงเปิดบ้านให้เช่า ล่ะครับ” ผมมองหน้าแก

“เรื่องนี้ผมไม่รู้เหมือนกันว่า ทำไมเขาจึงเปิดบ้านให้เช่า และไม่เคยเห็นหน้าคนที่มาติดป้ายบ้านให้เช่าสักครั้ง คงมาติดตอนกลางคืน”

“แสดงว่า คนที่มาติดป้ายและปลดป้าย ลุงไม่เคยเห็นเลย” ผมสงสัย

“นั่น ซินะ ลุงไม่เคยเห็นเลย ยังนึกแปลกใจอยู่เหมือนกัน”

“ลุงรู้มั๊ย ! ทำไมคนที่มาเช่าไม่มีใครอยู่เกิน 7 วันซักราย หรือบ้านนี้มีผี หรือเปล่า ?”

“ก็พอๆรู้อยู่” ท่าทางแกไม่ค่อยอยากจะพูด

“เล่าให้ผมฟังบ้าง ซิ ลุง” ผมรู้สึกอยากรู้มากๆ

แกชวนผมเข้าไปนั่งบนเก้าอี้ในร้าน

“รายแรก ที่มาเช่าผมก็ไม่รู้จักหรอก แต่พวกที่ขับรถมาขนของเล่าให้ฟังว่า คนที่มาเช่าบ้านนี้ชื่อ คุณสมชายมีอาชีพเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง มาอยู่ได้ไม่กี่วัน ขณะกำลังคุมงานก่อสร้าง มีท่อนเหล็ก



หล่นลงมาจากชั้นบนของอาคาร หล่นลงที่หัวตายคาที่เลย” ลุงแกมองไปยังบ้านที่อยู่อีกฟากของถนนเหมือนคิดอะไรอยู่ในใจ

“แล้วรายที่สองล่ะลุง”

“รายที่สอง เป็นพวกเด็กนักเรียนช่างกล มาเช่ารวมอยู่กันหลายคน มาอยู่ไม่กี่วันเหมือนกัน ไม่รู้อีท่าไหนยกพวกไปตีกับโรงเรียนอื่น ตายไป สองคน พวกที่เหลือใจเสีย ย้ายหนีไปหมด”

“อ้าว แล้วพวกที่เหลือจะย้ายหนีทำล่ะ ทำไมไม่อยู่ให้ครบเดือนไม่เสียดายเงินหรือไง ?”

“เงินค่าเช่ายังไม่ได้จ่ายเพราะ ทุกรายที่โทรไปขอเช่าตามหมายเลขโทรศัพท์ คนที่รับสายบอกให้เข้าอยู่ได้เลย ค่าเช่าจะมาเก็บเมื่ออยู่ครบ 1 เดือน”

“ หมายความว่า เจ้าของบ้านกับคนเช่าไม่เคยเห็นหน้ากัน จนอีกฝ่ายตายไปก่อนทุกครั้ง มันเป็นเรื่องแปลกนะลุง”

“อืม ! มันก็แปลกๆอย่างที่คุณว่า ผมก็ไม่เคยเห็นหน้าเจ้าของบ้านเหมือนกัน และที่แปลกมากๆก็คือคนที่มาติดและปลดป้าย บ้านว่างให้เช่า ผมก็ไม่เคยเห็นเลยว่ามาติดเมื่อไหร่” ลุงแกทำหน้าตื่นๆ

ผมกลับมาซักผ้าต่อแต่สมองยังคิดถึงแต่เรื่องบ้านหลังที่มีเรื่องตลอดเวลา คิดว่าในวันสองวันนี้จะต้องมีคนเอาป้าย บ้านว่างให้เช่า มาติดที่รั้วหน้าบ้านแน่ ผมต้องไปเฝ้าดูให้ได้ว่าใครเป็นคนมาติด ผมคิดจะลางาน 2 วันเพื่อมาเฝ้าดู

ตื่นแต่เช้า กะว่าวันนี้จะรีบไปที่ทำงานแล้วขอลากลับเลย ผมจะมาเฝ้าดูให้ได้ แต่ ! ให้ตายเถอะ ! พอเดินมาถึงบริเวณหน้าบ้าน ตาผมเห็น อ้ายป้ายบ้า นี่แขวนอยู่อย่างเรียบร้อย เหมือนไม่เคยเคลื่อนย้ายไปไหนเลย ผมเดินไปที่ป้ายคิดว่าจะลองโทรไปหาเจ้าของบ้านตามหมายเลขที่ติดอยู่กับป้าย พอเข้าไปใกล้ๆผมเกิดอารมณ์ ฉุนกึกขึ้นมาทันทีเพราะคราวนี้ข้อความบนป้าย มีเพียงคำว่า บ้านว่างให้เช่า แต่เบอร์โทรศัพท์ที่เคยปรากฏอยู่กลับไม่มี มันเป็นอะไรกันแน่ !

มันเป็นเหมือน ป้ายที่หลอกคนไปตาย หลอกคนให้เข้ามาอยู่แล้วก็พาไปสู่ความตาย แต่คราวนี้ไม่มีเบอร์ให้ติดต่อ อย่างงี้จะมาติดทำไม ? ผมหมดความอดทนกับมันแล้ว มันเป็นป้ายอุบาทว์ จัดการเอามือกระชากออกมาจากประตูรั้ว แล้วเอาไปคว้างทิ้งที่ป่าหญ้าข้างทาง

“ ไปสู่ที่ชอบๆเถอะมรึง อ้ายสื่อความตาย” ผมตะโกนตามหลังอย่างโกธรแค้น หูผมแววๆเสียงหัวเราะมาตามสายลมที่พัดผ่านใบไม้

หลังจากนั้น 7 วัน ชายและหญิงสองคน เดินเข้ามาในซอย พวกเขาแวะซื้อน้ำกินที่บ้านเพิงหมาแหงนลุงเจ้าของร้านเป็นผู้ออกมาขาย

“ลุง ในซอยนี้มีบ้านว่างให้เช่าบ้างไหม หลังเล็กๆนะ ผมอยู่กันแค่ 2 คน” ชายหนุ่มเอ่ยถาม

“ มีบ้านอยู่หลังหนึ่ง ห่างจากนี้เข้าไป 500 เมตร ตรงต้นจามจุรีใหญ่ เจ้าของบ้านอยู่บ้านติดกัน เข้าไปดูเถอะ” ลุงออกมายืนที่หน้าบ้านพร้อมชี้มือเข้าไปที่ปลายซอย

ทั้งสองคนเดินไปจนถึงต้นจามจุรีใหญ่ จนเห็นบ้านไม้หลังเล็ก ที่หน้าประตูบ้าน มีป้าย บ้านว่างให้เช่า

“ใช่หลังนี้ แหละ พี่”หญิงสาวที่มาด้วยบอกกับชายหนุ่ม

“มาหาบ้านเช่าหรือ ค๊า !.”หญิงสูงอายุเดินออกมาจากบ้านหลังที่ติดกัน

“ครับ ๆๆ” ชายหนุ่มเดินเข้าไปที่หน้าบ้าน ตรงป้าย บ้านว่างให้เช่า

“บ้านเพิ่งว่าง จ้า คนเช่าเดิมเป็นหนุ่มโสด เพิ่งตายเมื่อวานนี้เอง เห็นว่าตกรถเมล์ ตาย เหมือนเป็นลางสังหรณ์ ทำไมคุณแกถึงเอาป้ายมาติดก็ไม่รู้ เอามาติดตอนไหนป้าก็ไม่เห็น เพราะมันไม่ใช่ป้ายของป้า ”

“ผมตกลงเช่า ครับ ป้า” ชายหนุ่มบอกกับยายเจ้าของบ้าน

แว่วเสียงหัวเราะมาตามสายลมที่พัดผ่านกิ่งใบของต้นจามจุรี..








Create Date : 22 ธันวาคม 2551
Last Update : 22 ธันวาคม 2551 17:14:34 น. 1 comments
Counter : 739 Pageviews.

 
สยองอะ


โดย: หนึ่งGb IP: 203.144.130.176 วันที่: 23 ธันวาคม 2551 เวลา:17:17:13 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สวนดอก
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add สวนดอก's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.