|
ดีใจ..หรือเสียใจ..??
ดีใจ หรือเสียใจ..??
วันนี้ ! เป็นวันหวยออก คอหวยทั้งหลายตั้งหน้าตั้งตาลุ้นตัวเลขกันตัวโก่ง ต่างคนต่าง วาดวิมานในอากาศ พร้อมความฝันหลายๆอย่างเต็มหัว แต่ในความเป็นจริงส่วนมากจะ กลายเป็นวิมานทรายในพริบตา มันจะทะลายหายวับไปกับตาเมื่อเลขหวยที่ออกมาไม่ เป็นใจ ผู้เพ้อฝันทั้งหลายจะ เกิดอาการเดินคอตก บ้างก็นอนก่ายหน้าผากหลังจากผิด หวังไปกับตัวเลข แต่เกือบทุกคนก็ไม่เข็ด หันหน้าไปสร้างความหวังกันใหม่ในงวด หน้า พร้อมเริ่มตอกเสาเข็มรอบใหม่ เพื่อสร้างวิมานทรายต่อไปแบบไม่รู้เข็ดรู้จบ..
แต่สำหรับที่วัดแห่งหนึ่ง เกิดการโกลาหลกันยกใหญ่เมื่อมีข่าวว่า สัปเหร่อประจำวัดถูก หวยรางวัลที่ 1 เต็มใบเป็นเงิน 6 ล้านบาท(รางวัลในสมัยนั้น) ข่าวจากผู้หวังดียังบอกอีก ด้วยว่า ลอตเตอรี่ฉบับที่ถูกรางวัลที่ 1 ฉบับนี้ แกได้รับให้จากญาติของคนตายคนหนึ่ง มอบให้เป็นสินน้ำใจเมื่อคราวมีพิธีเผาศพเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ มันเป็นลาภที่มาจากคน อื่นแท้ๆ
ตาน้อย อายุประมาณ 70 ปีเศษๆ มาทำหน้าที่สัปเหร่อที่วัดนี้ตั้งแต่ยังเป็นหนุ่มใหญ่ แกเป็น คนไม่มีครอบครัวไม่เคยมีลูกมีเมีย ญาติพี่น้องก็ไม่มี ตามประวัติแกติดตามเจ้าอาวาสผู้ซึ่งก่อ ตั้งวัดนี้มาจากจังหวัดทางภาคอื่น เมื่อประมาณ 30 ปีมาแล้ว
สัปเหร่อน้อย เป็นคนกินง่ายอยู่ง่าย นิสัยใจคอชอบช่วยเหลือผู้อื่น จนเป็นที่รักใคร่ของ คนที่รู้จักกันกับแก ดำรงชีวิตอย่างพอเพียง มีน้อยกินน้อยมีมากก็เก็บไว้กินวันข้างหน้า ไม่ซื้อของฟุ่มเฟือย ไม่มีหนี้สินกับใคร
ถ้ามองกันดีๆ ตาน้อยนี่แหละเป็นคนที่มีความสุขอย่างแท้จริง ในสมองไม่มีปัญหาใดๆให้ ขบคิด ใช้ชีวิตประจำวันอย่างเรียบง่าย ไม่มีความเครียดในหัวสมอง วิถีชีวิตในแต่ละวัน เอาแค่มีกินให้อิ่มครบ 3 มื้อก็ถือว่าพอใจ ไม่ต้องการไขว่คว้าอะไรให้มากกว่านี้ ไม่มีลูกเมีย ให้เป็นห่วงหรือเป็นภาระปากเดียวท้องเดียวนึกจะไปไหนก็ไปได้ นึกจะนอนที่ไหนก็ นอนได้ อิสระเสรีจริงๆๆ
เงินหกล้านในสมัยนั้นใครมีอยู่ในครอบครองถือว่ามีฐานะเป็นเศรษฐีได้คนหนึ่งที่เดียว ตาน้อยเอาลอตเตอรี่ไปฝากไว้ที่หลวงตาแช่มเจ้าอาวาส ซึ่งเป็นผู้ที่แกไว้ใจมากที่สุด และ ขอร้องให้จัดการเรื่องเงินทั้งหมดให้ด้วย.
หลวงตาแช่มจัดการนัดเจ้าหน้าที่ธนาคารที่คุ้นเคยกัน เพื่อให้มาดำเนินการ เกี่ยวกับการ รับฝากเงินจากลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 โดยให้ตาน้อยเปิดบัญชีกับธนาคารรอไว้ เพื่อธนาคาร จะได้ดำเนินการโอนเงินเข้าบัญชีต่อไป
ไม่ช้าเงินถูกรางวัล ซึ่งหลังจากหักค่าธรรมเนียมต่างๆแล้วเหลือเงิน 5 ล้านกว่าบาทก็เข้า บัญชีของสัปเหร่อดวงเฮงเป็นที่เรียบร้อย กลายเป็นเสี่ยน้อยไปในทันที.
แต่ยังก่อน ! โบราณยังเคยว่าไว้ถ้าดวงเฮงมาแรงๆให้ระวังความซวยจะติดตามมา ในตอน ดึกคืนต่อมาหลังจากตาน้อยเสร็จงานภายในวัดและเข้านอนไปแล้ว ปรากฏว่าลูกศิษย์วัดที่ นอนอยู่ใกล้ๆวิ่งกระหืดกระหอบมาเคาะประตูกุฏิหลวงตาแช่มด้วยสีหน้าตื่นตกใจ !
ได้ความว่าตาน้อยสัปเหร่อดวงเฮง เกิดอาการสำลักความเฮง คือมีอาการปวดท้องจนสุดจะ ทน และอาเจียนออกมาเป็นเลือดจนเต็มห้อง เด็กวัดที่นอนพักอยู่ใกล้ๆเห็นอาการไม่สู้ดี กลัวแกจะกลับบ้านเก่า จึงรีบวิ่งมาแจ้งให้หลวงตาได้รับรู้.
หลวงตาแช่มกำลังนอนจำวัดต้องรีบตื่นขึ้นมา โดยไม่รอช้าตะโกนเรียกลูกศิษย์หนุ่มๆ มาช่วยกันอุ้มตาน้อยซึ่งมีอาการผิดสำแดง อ๊วก ! จนหมดเรี่ยวหมดแรงด้วยความทุลักทุเล ไปใส่รถยนต์ของวัดพาไปส่งโรงพยาบาล ในเวลาเกือบเที่ยงคืน
ลุง ! กินอะไร ที่เป็นพิษมาหรือเปล่า ? นางพยาบาลเวร. (หมายถึงอยู่เวร) ทำหน้าตา ยับยู่ยี่เพราะถูกปลุกให้ตื่น ถามออกมาลอยๆแต่ไม่ได้มองหน้าใคร ? และเธอก็ทำการตรวจ ความดันจดอะไรต่ออะไรไปตามเรื่อง เสร็จแล้วเรียกเจ้าหน้าที่แผนกรถเข็น เอารถเข็นมา ให้ตาน้อยนั่ง แล้วเข็นไปรอที่ห้องฉุกเฉิน
ในห้องฉุกเฉินเจ้าหน้าที่เข็นรถที่ตาน้อยนั่ง มาจอดใกล้ๆกับรถเข็นอีกคันซึ่งจอด อยู่ก่อน บนรถเข็นมีชายแก่รุ่นราวคราวเดียวกับตาน้อย นั่งตาลอยๆแต่กลิ่นเหล้า หึ่งอบอวลทั่วห้อง เจ้าหน้าที่หนุ่มพอเข็นรถมาจอดเสร็จคงเหม็นกลิ่นเหล้า จึงรีบ เดินกลับออกไป
ชายแก่เผยอตาขึ้นมามองตาน้อยผู้มาใหม่ ถามแบบเสียงยานๆว่า ลุง ! เป็นไรหรือ ?
ตาน้อยหันหน้าไปทางชายแก่ขี้สงสัย บอกไปเสียงดัง ว่า ข้า เป็น สัปเหร่อ
ได้เรื่อง ! เจ้าแก่ขี้เมา ตะโกนเสียงหลง พยาบาลๆๆ ผมจะกลับบ้าน ผมหายปวดท้องแล้ว
หลังจากหมอได้ตรวจร่างกายตาน้อยแล้ว ก็สั่งให้นอนโรงพยาบาล พร้อมกับสั่งให้ญาติ มารับทราบผลการตรวจในหลายวันต่อมา
หลวงตาแช่มในฐานะญาติ เพราะตาน้อยไม่มีญาติพี่น้องที่อื่น เดินทางเข้ามาพบคุณหมอ เจ้าของไข้ ที่ห้องของคุณหมอ
คุณหมอรูปร่างอ้วนเตี้ย ใส่แว่นตาหนาเตอะเวลาพูดไม่ค่อยมองที่หน้าแต่ลูกตากลิ้งไป กลิ้งมา อายุยังไม่มากน่าจะ 30 กว่าคงเพิ่งจบมาไม่นาน ในมือคุณหมอมีเอกสารต่างๆและ ฟิล์มเอกเรย์แผ่นใหญ่แกหยิบเอกสารอันนั้นอันนี้เอามาดู จับแผ่นฟิล์มส่องดูไปมา ดันมี ภาพนู้ดของสาวร่างามตกลงมาแผ่นนึง หลวงตาแช่มทำท่าจะชะโงกเข้าไปดูหมอรีบเอา มือหยิบใส่ลิ้นชักอย่างรวดเร็ว แล้วหันมาทำหน้าเครียด
มีข่าวไม่ค่อยดีนะครับ ! หมอร่างเตี้ย พูดเสียงเบาๆ.
หา ! ว่าอะไรนะ ใครถูกตีเหรอ.? หลวงพ่อแช่มหูแกไม่ค่อยดี ยิ่งหมอพูดเบาๆแกจึง ฟังไม่ออก.
กว่าจะพูดกันรู้เรื่องเสียเวลาไปหลายนาที..
สรุปได้ว่า ผลการตรวจพบว่า ตาน้อยเป็นมะเร็งที่ตับระยะสุดท้ายจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่ เกิน 6 เดือน !!
ถึงหมอจะสั่งห้ามไม่ให้บอกคนไข้ แต่หลวงตาก็อดที่จะบอกไม่ได้เพราะคิดว่า ตาน้อย คงไม่กลัวตายอยู่แล้ว และก็เป็นตามคาดสัปเหร่อใจเด็ดขอออกจากโรงพยาบาลทันที ไม่ว่าหมอหรือใครจะทัดทานอย่างไรแกก็ไม่ยอม แกมีความต้องการที่จะไปตายที่วัด.
คืนวันหนึ่งตาน้อยเดินเข้าไปหาหลวงตาแช่มที่กุฏิ แกไปปรึกษาเกี่ยวกับเงินที่มีอยู่ถึง 5 ล้านกว่าๆ เนื่องจากตาน้อยไม่มีทายาทที่ไหนอีก หลวงตาแนะนำให้นำเงินทั้งหมดออก ไปทำบุญ โดยกระจายทำบุญไปให้ทั่ว เช่น วัด โรงเรียนในท้องที่ห่างไกล มูลนิธิเกี่ยว กับการคุ้มครองสัตว์ บ้านพักคนชราและที่สำคัญหลวงตาออกตัวว่าไม่ต้องทำที่วัดนี้ เพราะจะดูไม่เหมาะสม.
ตาน้อยมีเวลาอีกไม่เกิน 6 เดือน ถ้าที่วัดไม่มีงานเกี่ยวกับศพและเมื่อมีเวลาว่าง แกจะเดิน ทางเอาเงินไปทำบุญในที่ต่างๆที่ตั้งใจไว้ โดยพยายามทำให้มากแห่งที่สุดเพื่อจะได้เฉลี่ย กันให้ทั่วถึง ภารกิจช่วงนี้ของสัปเหร่อใจบุญคือการเดินทาง แกเดินทางไปเกือบทั่ว ประเทศ ระยะเวลาไม่ถึง 3 เดือนเงินหมดไปแล้ว 5 ล้านบาทมีเวลาอีก 3 เดือน กะว่ากว่า จะตายคงเดินทางทำบุญจนเงินหมดพอดี.พวกชาวบ้านที่อาศัยอยู่แถวๆวัดหรือแม้แต่หลวง ตาก็ตาม ต่างทักทายกันว่าช่วงนี้ตาน้อยหน้าตาอิ่มเอิบขึ้นมากคงเป็นเพราะบุญที่ทำช่วย เสริมดวง.
อีกไม่กี่วันระยะเวลาจะครบ 6 เดือนแล้ว เงินเอาไปทำบุญเกือบหมด จนเหลือเงินติดตัวอยู่ เพียง 5000 บาทมีจุดประสงค์เพื่อเอาไว้ใช้ในงานศพตัวเอง ตาน้อยใจหายบ้างเล็กน้อยแต่ ก็ทำใจได้ด้วยความรวดเร็ว
กลัวอะไรคนอยู่กับความตายแท้ๆ แกปลอบใจตัวเอง.
วันหนึ่งมีศพเข้ามาในวัดหลังจากมีการจองศาลาล่วงหน้าแล้ว และที่ตามหลังรถขนศพเข้า มาติดๆคือรถของโรงพยาบาลที่ตาน้อยเข้าไปตรวจนั่นเอง รถทั้งสองคันมาจอดที่หน้า ศาลาวัด พวกญาติของคนตายและเจ้าหน้าที่ของวัดรวมทั้งสัปเหร่อน้อยพากันขนโลงศพ ลงมาจากรถขนศพ ส่วนรถของโรงพยาบาล ด้านคนนั่งเปิดประตูออกมา ตาน้อยหันหน้า ไปดู เป็นคุณหมอเตี้ยและพยาบาลหน้าย่นคนนั้นแต่งชุดขาวสะอาดเดินตามลงมา
ที่กุฏิเจ้าอาวาส
หลังจากให้เด็กวัดไปตามตัวสัปเหร่อน้อยมาแล้ว ทุกคนนั่งกันเป็นวงโดยหลวงตาแช่มนั่ง อยู่บนเก้าอี้
คุณหมอเอามือขยับขาแว่น หันมามองหน้าสัปเหร่อน้อยยิ้มให้อย่างอารมณ์ดี พร้อมกรอก ดวงตาไปมาตามความเคยชิน
ผมมีข่าวดีมาบอก !
หลวงตานั่งอยู่ห่าง หูก็ตึง ฟังไม่รู้เรื่องแต่ทำท่าว่าฟังออก
สัปเหร่อน้อยได้ฟังจากคุณหมอแต่เฉยๆ คิดในใจว่า ทางโรงพยาบาลจะแถมโลง ให้หรือ ไง?
คือๆๆว่า ผลการตรวจของลุงน้อยเกิดการผิดพลาดครับ ! จริงๆแล้วแกเป็นแค่แผล ในกระเพาะอาหารเท่านั้น คนที่เป็นมะเร็งจริงๆคือศพที่ขนมาวัดพร้อมกันกับผม นี่แหละ ! ผมมาขอโทษและแสดงความดีใจด้วยครับ หมอยังไม่ทันพูดจบ
นั่นไง? นั่นไง? ข้าว่าแล้วทำไมหน้าตามันไม่เหมือนคนเจ็บป่วย หลวงตาดันหูดี ขึ้นมาแบบกะทันหัน ไม่พูดเปล่าแต่ลุกขึ้นยืนเหมือนพวกเชียร์มวยในสนามมวย.
ถึงว่าเมื่อกี้ ไปเปิดโลงศพ จำหน้าได้เป็นตาลุงขี้เมาที่ไปเจอที่ห้องฉุกเฉินวันนั้น ! แล้วนี่ เราจะดีใจหรือเสียใจดี ! คุณหมอนะคุณหมา สัปเหร่อกระดูกเหล็กโกรธคุณหมอนิด หน่อยเอง !!
Create Date : 16 ตุลาคม 2551 |
Last Update : 16 ตุลาคม 2551 19:17:26 น. |
|
0 comments
|
Counter : 579 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|