Group Blog
 
All blogs
 
ตอนที่ 33(จบ)

33.


หลังจากทะเลาะกันคราวนั้น ทั้งเจอรี่และพาสนาต่างพยายามปรับตัวเข้าหากัน และหาเวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น เนื่องจากเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นบทเรียนที่สอนให้พวกเค้ารู้ว่า ความรักอย่างเดียวคงไม่สามารถแก้ปัญหาทุกสิ่งทุกอย่างได้ หากแต่ต้องอาศัยความเข้าใจกันและกันด้วย ดังนั้น ตอนนี้เจอรี่จึงจัดการหอบข้าวหอบของมาขลุกอยู่ที่ห้องของพาสนา เค้ารับงานน้อยลง ตัดตารางงานให้เป็นระเบียบมากขึ้น หันไปสนใจกับการทำเว็บไซต์ของตัวเอง เพื่อใช้เป็นสื่อกลางในการติดต่อกับแฟนเพลงของเค้า และทุ่มเทเวลาให้กับการเตรียมอัลบั้มใหม่มากขึ้น หลายครั้งที่ชายหนุ่มขลุกอยู่ที่ห้องของเธอจนดึกกว่าจะยอมกลับไปที่ห้องของตัวเอง โดยเค้าให้เหตุผลว่า

“ก็พี่คิดถึงพาสนี่นา ถ้าไม่ได้เจอพาส พี่ก็ต้องโทรหาพาสวันละหลายๆรอบ เพราะฉะนั้น แทนที่จะทำงานอยู่ที่บ้านตัวเอง ก็มาทำอยู่ที่ห้องพาสดีกว่า ไม่เปลืองค่าโทรศัพท์ ไม่เสียเวลางานด้วย” เมื่อเจอมุขนี้เข้าไปพาสนาก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออก ไม่ใช่ว่าเขินหรอกนะ แต่ปลงกับนิสัยเอาแต่ใจตัวเอง พูดเองเออเองของเค้ามากกว่า แต่เธอก็ยอมรับว่า ลึกๆแล้วเธอก็ดีใจเหมือนกันที่มีเค้าอยู่ใกล้ๆ


ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างเจอรี่กับเสี้ยวเทียนนั้น ตอนนี้ก็กลับมาเป็นปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น นานๆครั้ง สามหนุ่มสุดหล่อในฝันของสาวๆค่อนโลกก็จะยกโขยงกันมาที่ห้องเธอเพื่อทำอะไรกินกันง่ายๆ เพราะตอนนี้เจอรี่ปักหลักยึดห้องเธอเสมือนเป็นห้องของเค้าเองไปแล้ว ส่วนห้องแวนเนสก็อยู่ข้างๆ เรียกได้ว่าสะดวกสุดๆ เสี้ยวเทียนยังคงหาเรื่องมากวนประสาทเธอได้เสมอๆ พอๆกับแวนเนสที่มักทำอะไรขำๆ เรียกเสียงหัวเราะได้ตลอดเวลา ตามประสาผู้ชายอารมณ์ดีแบบเค้า ซึ่งพาสนาก็รู้ว่าเห็นเค้าดูไม่เอาเรื่องเอาราวกับใครอย่างนี้แหละ บทจะมีสาระขึ้นมาก็ทำเอาคนดื้อช่างเถียงอย่างเธอพูดไม่ออกไปเลยเหมือนกัน ส่วนไจ่ไจ๋น้องเล็กสุดของF4 แม้ว่าเค้าจะยุ่งวุ่นวายกับงานละครมากมายของเค้า แต่ทุกครั้งที่เจอกัน เธอกับเค้าก็สามารถเข้าขากันได้อย่างเหลือเชื่อ ...เข้าขาเรื่องอะไรน่ะเหรอ ก็เรื่องแกล้งคนน่ะสิ...

พาสนาจบความคิดตัวเองลงอย่างขำๆ ก่อนจะหันมาสนใจโน้ตเพลงในมือต่อ ตอนนี้งานเพลงอัลบั้มใหม่ของเจอรี่คืบหน้าไปมาก คิดว่าอีกไม่นานก็คงจะเรียบร้อย แล้วเธอก็คงต้องกลับเมืองไทยเสียที คิดแล้วพาสนาก็ใจหาย เพราะถ้ากลับเมืองไทยความรักระหว่างเธอกับเจอรี่จะเป็นอย่างไรก็ไม่มีใครรู้ แต่ในเมื่อเวลานั้นยังมาไม่ถึง เธอก็ตัดสินใจจะทำช่วงเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันให้มีความสุขที่สุด ดีกว่าจะไปคิดถึงอนาคตที่ไม่มีใครรู้ว่าจะเป็นอย่างไร

พาสนานั่งทบทวนแก้ไขเนื้อเพลงในมือเป็นการฆ่าเวลาระหว่างรอเจอรี่ ตอนแรกวันนี้เค้าโทรมาบอกว่าจะแวะมาหา แต่รออยู่นานก็ยังไม่มีท่าว่าเค้าจะมาเสียที จนเนื้อเพลงในมือไม่มีอะไรจะให้แก้แล้ว ก็ยังไม่มีวี่แวว หรือแม้แต่โทรศัพท์จากชายหนุ่ม พาสนาจึงตัดสินใจเปิดทีวีดูเป็นการฆ่าเวลา พอดีกับเป็นช่วงข่าวพอดี

‘รายงานข่าว เมื่อตอนเย็นเกิดอุบัติเหตุรถชนเกาะกลางถนน บริเวณถนน... โดยคนขับเป็นนางแบบสาว..... ในขณะที่ภายในรถมีเหยียนเฉิงซวี่ หรือเจอรี่ F4 ดาราหนุ่มที่ตกเป็นข่าวกับเธอนั่งอยู่ด้วย โดยตัวนางแบบสาวได้รับบาดเจ็บบริเวณข้อมือเล็กน้อย ในขณะที่แพทย์ยังไม่ยอมเปิดเผยอาการของเจอรี่ กล่าวเพียงแต่ว่าเค้าไม่เป็นอะไรมาก ผู้จัดการส่วนตัวของทั้งคู่ยังคงปฏิเสธการให้สัมภาษณ์ใดๆ โดยอ้างว่ายังตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่ และจะให้สัมภาษณ์ในภายหลัง ทั้งคู่ เคยตกเป็นข่าวว่าเคยมีสัมพันธ์กันมาตั้งแต่ฝ่ายชายเริ่มเข้าวงการใหม่ๆ และยังคบหาสนิทสนมกันเรื่อยมา โดยในช่วงหลัง...’

เสียงผู้สื่อข่าวยังคงรายงานข่าวต่อไป แต่พาสนาไม่มีอารมณ์จะสนใจฟังแล้วในตอนนี้ หญิงสาวรีบขยับไปที่โทรศัพท์ เพื่อโทรหาเจอรี่ แต่เสียงกริ่งประตูก็ดังขัดจังหวะขึ้นซะก่อน
.
.
.
.
.
“เกอเกอ” พาสนาอุทานอย่างแทบจะไม่เชื่อตาตัวเอง เพราะคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอตอนนี้ เป็นคนเดียวกับที่เธอนึกเป็นห่วงแทบขาดใจ เมื่อได้ฟังรายงานข่าวเมื่อครู่ …เกอเกอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง เค้าต้องอยู่ที่โรงพยาบาลสิ...

“เป็นอะไรพาส ดูทำหน้าอย่างกับเห็นผี” เจอรี่พูดยิ้มๆ พลางดันตัวหญิงสาวให้เข้ามาในห้อง แล้วสายตาของเค้าก็ไปหยุดอยู่ที่ทีวีซึ่งยังคงรายงานข่าวที่เกิดขึ้นอยู่

“พาส” เจอรี่เรียกชื่อหญิงสาวเบาๆ เมื่อเห็นว่าเธอยังไม่ยอมพูดอะไร เอาแต่จ้องหน้าเค้าอยู่อย่างนั้น


เสียงเรียกของชายหนุ่มเรียกสติหญิงสาวกลับคืนมาได้ “เกอเกอ เป็นอะไรมากหรือเปล่า พาสเห็นข่าวแล้วใจไม่ดีเลย เจ็บตรงไหนมั้ย” เธอพูดพลางเข้ามาจับตัวเค้าดูอย่างจะสำรวจ ซึ่งเจอรี่ก็ปล่อยให้เธอทำจนกว่าจะพอใจ

“เห็นมั้ย พี่ไม่เป็นอะไรซะหน่อย ถ้าเป็นอะไร หมอเค้าคงไม่ปล่อยพี่ออกมาหรอก” เจอรี่พูดยิ้มๆ พลางลูบผมพาสนาอย่างปลอบประโลม เพราะแค่ดูก็รู้ว่าเธอตกใจขนาดไหน

“เกอเกอรู้มั้ย พาสเป็นห่วงเกอเกอมากแค่ไหน” เสียงเธอยังสั่นๆ จนแม้แต่เจ้าตัวก็ยังรู้สึก เจอรี่จับมือหญิงสาวไว้ พลางจูงมานั่งที่โซฟา

“รู้สิคะ ทำไมจะไม่รู้ ตอนแรกพี่จะโทรมาบอกพาส แต่มือถือพี่หายไปไหนไม่รู้ ก็เลยคิดว่ามาบอกพาสเองเลยดีกว่า พาสไม่โกรธใช่มั้ย” เจอรี่ถามอย่างไม่แน่ใจ เค้ายังจำเหตุการณ์เมื่อตอนที่เค้าไม่สบายได้ดีว่าตอนนั้น พาสนาโกรธแค่ไหนที่เค้าปิดบังเธอ

“ไม่โกรธ...พาสจะโกรธเกอเกอเรื่องอะไร ว่าแต่เกอเกอไม่เป็นอะไรแน่ๆใช่มั้ย” หญิงสาวยังถามย้ำมาอีกอย่างเป็นห่วง ทั้งๆที่ตอนแรก เค้าคิดว่าเธอคงโวยวายที่ไม่ได้โทรบอก แถมยังจะเรื่องนางแบบสาวที่อยู่ในรถพร้อมเค้าอีก แต่หญิงสาวกลับไม่มีอาการอย่างที่ว่าเลยซักนิด เธอมีแต่แววตาเป็นห่วงเป็นใยส่งมาให้ ทำเอาเจอรี่ตื้นตันไปทั้งใจ พลางบอกกับตัวเองว่า ผู้หญิงคนนี้แหละที่เค้าต้องการร่วมทางเดินไปกับเธอตลอดชีวิต

“จ้ะ ไม่เป็นอะไรจริงๆ” เจอรี่ยืนยันหนักแน่น แต่แล้วก็ทำหน้าเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้

“เกอเกอ มีอะไร?” พาสนาถามอย่างสงสัยกับท่าทางแปลกๆของเค้า

“จริงๆพี่เป็นอยู่อย่างหนึ่งล่ะ” ชายหนุ่มแกล้งทำสีหน้าเป็นจริงเป็นจัง

“เกอเกอเป็นอะไร ไปหาหมอมั้ย ไม่รู้โรงพยาบาลปล่อยออกมาได้ยังไงเนี่ย” พาสนาบ่น พลางทำท่าจะฉุดเค้าให้ลุกไปหาหมออีกรอบ ถ้าไม่ติดน้ำเสียงทุ้มๆที่พูดมาเสียก่อนว่า

“ก็เป็นแฟนพาสไงล่ะ” เจอรี่พูดพร้อมทำยิ้มหน้าเป็น เล่นเอาพาสนาที่เป็นห่วงอยู่ถึงกับหน้าแดงเป็นลูกตำลึง หันกลับมาประทุษร้ายคนเจ้าเล่ห์ทันที

“เกอเกอนะ คนเค้าเป็นห่วง ยังจะมาล้อเล่นอีก” ไม่พูดเปล่า หญิงสาวยังเอามือทุบลงบนอกเค้าอย่างไม่ยั้งด้วยความเขิน ลืมไปว่า คนตรงหน้าเธอตอนนี้ ไม่ใช่เกอเกอที่แสนขี้อายเหมือนแต่ก่อนแล้ว หากแต่เป็นหมาป่าเจ้าเล่ห์ที่เห็นเธอเป็นลูกแกะเนื้อหวานต่างหาก แล้วมีเหรอคนอย่างเจอรี่จะยอมให้เธอเป็นฝ่ายกระทำอยู่ข้างเดียว ชายหนุ่มอาศัยความรวดเร็ว และกำลังที่มากกว่า ยึดมือทั้งสองข้างของเธอไว้ได้ ก่อนจะรวบตัวเธอมานั่งตักได้สำเร็จ ไม่ว่าหญิงสาวจะออกฤทธิ์ดิ้นรนแค่ไหนก็ดูจะไม่เป็นผล

“อย่าดิ้นสิ เกิดพี่ช้ำในอยู่เป็นอะไรไปจะว่ายังไง” เจอรี่แกล้งขู่

“เนี่ยนะคนช้ำใน เกอเกอเจ้าเล่ห์ ปล่อยพาสลงนะ” หญิงสาวหันมาเถียง แต่ก็ยอมหยุดดิ้นแต่โดยดี

“ไม่ปล่อย นั่งอย่างนี้แหละดีแล้ว”

“แล้วเพื่อนเกอเกอที่เป็นคนขับเค้าเป็นยังไงบ้าง” พาสนาหลีกเลี่ยงที่จะเรียกชื่อเธอคนนั้นตรงๆ ถึงเธอจะบอกตัวเองว่าไม่คิดอะไร แต่ลึกๆแล้วรายงานข่าวเกี่ยวกับความสนิทสนมระหว่างเจอรี่กับนางแบบสาวสวยคนนั้น ก็ยังกวนใจเธออยู่นิดๆ

“อืม ก็ไม่เป็นอะไรมาก แขนซ้นนิดหน่อย” เจอรี่ตอบพลางสังเกตปฏิกิริยาของหญิงสาวบนตักไปด้วย ถ้าเค้าดูไม่ผิดเค้าว่าน้ำเสียงเธอเวลาพูดถึงเพื่อนเค้ามันแข็งๆนิดๆ เหมือนพาสนาจะมีอาการหึงหน่อยๆ ...อย่างนี้ต้องพิสูจน์... เจอรี่บอกตัวเอง ตั้งแต่คบกันมา พาสนายังไม่เคยแสดงอาการหึงหวงให้เค้าเห็นเลย จนบางครั้งเค้าก็ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดีที่เธอช่างไม่รู้จักหึงหวงเค้าซะบ้างเลย

“อืม เหรอ...” พาสนาทำเสียงเป็นเชิงรับรู้แล้วก็ไปยอมพูดอะไรอีก แต่หัวคิ้วแทบจะขมวดเป็นปมอยู่แล้ว

“เหรออะไรคะ? ดูสิคิ้วขมวดใหญ่แล้ว ฮ่าๆๆ อยากรู้อะไรก็ถามมาสิ” เจอรี่แกล้งถาม แต่พาสนาก็ไม่ยอมพูดอะไร ได้แต่เชิดจมูกทำปากยื่นอย่างแสนงอน

“อ้าว เลยกลายเป็นงอนเลย ทำไมเดี๋ยวนี้ขี้งอนนักฮึ?” ไม่พูดเปล่า เจอรี่ยังเอื้อมมือไปโยกจมูกรั้นๆนั้นเล่นด้วย คราวนี้เลยทำให้พาสนายิ่งงอนหนักเข้าไปอีก

“ใครบอกว่าพาสงอน” ...เสียงสะบัดๆแบบนี้ ไม่ต้องให้ใครบอกก็รู้ว่างอนแหงๆ... ชายหนุ่มคิดอย่างขำๆ ถึงเธอจะขี้งอนไปบ้าง ขี้น้อยใจไปนิด เอาแต่ใจไปหน่อย แต่เค้าก็จับใจกับทุกกิริยาอาการที่เธอแสดงออก รักทุกอย่างที่ประกอบขึ้นเป็นตัวตนของคนที่ชื่อพาสนาคนนี้

“โอ๋ๆๆ ไม่งอนก็ไม่งอน ล้อเล่นแค่นี้ก็ต้องโมโหด้วย”

“งอนมันอาการของผู้หญิงนะ พาสไม่ใช่คนขี้งอนซะหน่อย”

“อ้าว แฟนพี่ไม่ได้เป็นผู้หญิงหรอกเหรอ กรรม...เพิ่งรู้ตัวนะเนี่ย ว่ามีแฟนเป็นผู้ชายมาตลอด พาสไม่น่าหลอกพี่เลยนะ” เจอรี่แกล้งทำเป็นตกใจ เรียกฝ่ามือบางๆให้ตบลงมาที่ไหล่อีกจนได้

“เกอเกอนะ ชอบทำเป็นเล่นอยู่เรื่อย ไม่พูดด้วยแล้ว” พาสนาพูดพลางสะบัดหน้าไปอีกทาง ที่ไม่มีหน้าหล่อๆกวนๆของเค้าอยู่

“ฮ่าๆๆ ก็พาสน่าแกล้งนี่นา เอาล่ะๆ ไม่เล่นแล้ว หันมาเถอะน่า” ในที่สุดชายหนุ่มประคองหน้าเธอให้หันกลับมามองเค้าได้สำเร็จ

“พี่กับเค้าไม่มีอะไรกันนะ ก็แค่เพื่อนกัน เพื่อนเก่าเพื่อนแก่ ถ้าจะคบกันเป็นแฟน พี่ไม่อยู่รอจนได้มาเจอพาสหรอก” อยู่ดีๆเจอรี่ก็พูดขึ้น

“แล้วเกอเกอมาบอกพาสทำไม” หญิงสาวแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ ทั้งที่จริงๆแล้วโล่งใจอยู่เงียบๆ ก็เธอเคยบอกเค้าเองว่าถ้าคิดจะรักก็ต้องเชื่อใจกัน แล้วจะให้เธอเอ่ยปากถามเค้าเรื่องนี้ได้ยังไงล่ะ ...เสียฟอร์มหมด...

“ก็แค่อยากบอก ไม่มีอะไร แล้วจะฟังต่อมั้ย”

“ฟังสิ” หลุดปากไปแล้วพาสนาก็แทบจะตะครุบปากตัวเองที่เผลอตอบไปอย่างที่ใจคิด พอๆกับเจอรี่ที่ทำหน้ารู้ทัน แต่ก็ไม่แซวอะไรให้เธอได้อาย แค่นี้ความมั่นใจเค้าก็กลับมาแล้ว แสดงว่าเธอก็ยังรู้สึกหึงเค้าบ้าง ถึงจะฟอร์มเยอะไปหน่อยก็เถอะ

“ก็ไม่มีอะไร ตอนพี่เข้าวงการใหม่ๆ เค้าเป็นนางแบบรุ่นพี่ แล้วก็ใจดีคอยดูแลให้คำแนะนำกับพี่หลายเรื่อง เมื่อวานก็นัดกินข้าวกัน เพราะพี่มีเรื่องจะปรึกษาเค้านิดหน่อย แล้วที่เป็นข่าวเนี่ย ก็นักข่าวเขียนเองทั้งนั้น แล้วที่พี่กับเค้าไม่แก้ข่าวก็เพราะเห็นว่ายังไงเป็นข่าวกันเองก็ดีกว่า โดนไปจับคู่กับใครก็ไม่รู้ มันจะยิ่งเสีย อีกอย่างเค้าก็มีตัวจริงของเค้าอยู่แล้วด้วย ไม่มาสนใจดารากระจอกๆอย่างพี่หรอก” เจอรี่บอกอย่างขำๆ

“อืมมม”

“อะไร เล่าไปตั้งเยอะ พูดแค่อืมมมเองเหรอ”

“ก็แล้วจะให้พาสพูดอะไรล่ะ” แม้ว่าจะไม่ได้พูดอะไรออกไปแต่สีหน้าและน้ำเสียงที่เธอใช้ ก็สดใสขึ้นมาก

“ไม่รู้” เจอรี่ตอบไปอย่างนั้น เพราะเค้าก็ไม่รู้จริงๆว่าจะให้เธอตอบว่าอะไร เค้าก็แค่อยากได้ยินเสียงเธอบ่อยๆเท่านั้นเอง ไม่ว่าจะเรื่องไหน ขอให้เป็นเสียงเธอเค้าก็ยินดีฟังทุกเรื่องอย่างไม่มีวันเบื่อ
.
.
.
.
“เกอเกอ พาสง่วงแล้ว ดึกแล้วนะ เกอเกอกลับไปก่อนเถอะ” อยู่ดีๆพาสนาก็พูดขึ้น พลางลุกจากตักฉุดเจอรี่ให้ลุกขึ้น

“อ้าว ไหงไล่กันง่ายๆอย่างนี้ล่ะ พี่เพิ่งมาเองนะ” เค้าขืนตัวไว้ ไม่ยอมให้เธอรุนหลังไปที่ประตูง่ายๆ

“ไม่รู้ล่ะ ก็พาสง่วงแล้วนี่ พรุ่งนี้ต้องเข้าบริษัทแต่เช้าด้วย เกอเกอกลับไปก่อนนะ” ไม่รู้ทำไมวันนี้เธอจึงรู้สึกเขินๆกับสายตาของเค้าที่มองมานักก็ไม่รู้

ในที่สุด พาสนาก็ลากเจอรี่ไปที่ประตูได้สำเร็จ ด้วยเพราะชายหนุ่มก็ไม่ได้ขัดขืนเป็นจริงเป็นจังนัก

“แล้วไว้พรุ่งนี้เจอกันที่บริษัทนะพาส” เจอรี่บอกก่อนจะออกจากห้อง

“อ้าว...พรุ่งนี้เกอเกอเข้าโซนี่เหรอคะ”

“อืมมม” เจอรี่ไม่ยอมบอกอะไรมากกว่านี้ ได้แต่ทำเสียงเป็นเชิงยอมรับ

“งั้นไว้พรุ่งนี้เจอกันนะคะ ฝันดีค่ะเกอเกอ ขับรถกลับดีๆนะ ถึงแล้วโทรมาบอกด้วย” พาสนาไม่วายสั่งอย่างเป็นห่วง

“จ้ะ พาสเข้าห้องเถอะ” เจอรี่บอกพลางยิ้มให้ ในขณะที่พาสนาปิดประตูห้องลงตามคำสั่งของชายหนุ่ม แต่เค้ากลับยังยืนอยู่ที่หน้าห้องของเธอ มือเรียวได้รูปล้วงลงไปในกระเป๋ากางเกง กำของสิ่งหนึ่งที่เค้าอุตส่าห์ไปขอร้องเพื่อนนางแบบคนนั้นให้ไปช่วยเลือก

...อุตส่าห์คิดไว้ดิบดีแล้วเชียว ไม่น่าผิดแผนเลยเรา คอยดู พรุ่งนี้ต้องไม่พลาด…ชายหนุ่มหมายมั่นในใจ ก่อนจะเดินไปรอลิฟท์ ทั้งๆที่มือยังกุมกล่องกำมะหยี่ในกระเป๋ากางเกงไว้ไม่คลาย

...เธอจะชอบมั้ยนะ... เจอรี่ตั้งคำถามขึ้นในใจอีกครั้ง พลางนึกถึงใบหน้านวลที่เพิ่งจากกันเมื่อสักครู่
.
.
.
.
.
เสียงสัญญาณเรียกเข้าโทรศัพท์ดังขึ้น เมื่อพาสนาเพิ่งเสร็จสิ้นการประชุมกับทีมงานฝ่ายผลิต เธอกดรับสายทันทีโดยไม่ต้องดูว่าใคร ด้วยรู้อยู่แล้วว่าคนที่โทรมาย่อมไม่ใช่ใครที่ไหน นอกจากเกอเกอของเธอ

“เกอเกอ มาถึงแล้วเหรอคะ” หญิงสาวกรอกเสียงหวานๆไปตามสาย นับวันคนที่รู้จักเธอต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าพาสนาดูหวานและเป็นผู้หญิงมากขึ้นว่าตอนมาไต้หวันใหม่ๆมาก ซึ่งเธอก็ได้แต่ยิ้มรับคำชมนั้นอย่างยินดี เพราะรู้ว่าถึงแก้ตัวไปก็มีแต่จะเข้าตัวเปล่าๆ แล้วการน่ารักขึ้นก็เป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอ???

“จ้ะ”

“เกอเกออยู่ไหนคะ พาสเสร็จงานพอดีเลย” เธอพูดพลางวางแฟ้มงานลงบนโต๊ะทำงานของตัวเอง

“อยู่ห้องอัดจ้ะ พาสมาหาพี่หน่อยสิ”

“อ้าว ไปทำอะไรที่ห้องอัดล่ะคะ” พาสนาถามอย่างแปลกใจ

“เดี๋ยวมาถึงก็รู้เองล่ะ ห้อง3 นะจ๊ะ เดี๋ยวเจอกันนะ” พูดจบเจอรี่ก็วางหูไป ไม่เปิดโอกาสให้หญิงสาวได้ซักถามอะไรอีก ฝ่ายพาสนาก็ได้แต่ขมวดคิ้วทำหน้ายุ่งกับโทรศัพท์ในมือ ...เกอเกอ จะทำอะไรของเค้านะ... ถึงจะสงสัยแค่ไหน แต่เธอก็สาวเท้าตรงไปยังห้องอัดหมายเลขสามอย่างว่องไว


เมื่อหญิงสาวผลักบานประตูห้องอัดเข้าไป ในตอนแรกเธอนึกว่าเธอมาผิดห้อง เพราะด้านในมืดสนิท ไม่มีวี่แววว่าจะมีใครอยู่ หากแต่ขณะที่เธอลังเลอยู่นั่นเอง เสียงเปียโนแว่วหวานก็ดังขึ้นจากภายใน พร้อมๆกับแสงไฟที่ค่อยๆหรีขึ้นสลัวๆ จนมองเห็นร่างสูงที่นั่งอยู่หน้าเปียโนตัวใหญ่สีขาว ปลายนิ้วทั้งสิบของเค้า กำลังบรรเลงเพลงที่เธอรู้จักดีและจำมันได้อย่างขึ้นใจ เพราะมันเป็นเพลงของเค้าที่เธอแต่งเองกับมือ Sunshine

เสียงทุ้มดังกังวาลเหมือนเปล่งออกมาจากหัวใจของเค้า มันดังราวกับเค้ามายืนกระซิบอยู่ข้างๆหูเธอ เหมือนกับว่าข้อความเหล่านั้น เค้าต้องการจะบอกให้เธอได้รู้เพียงคนเดียว

หากตะวันนั้นยังอยู่เคียงข้างฟ้า
ส่องแสงให้ฟ้าสว่างสดใส
ฉันก็ยังคงอยู่ตรงนี้ไม่เคยห่างไกล
จะส่งกำลังใจไปให้เธอ

หากวันใดที่ฟ้าพบพายุร้าย
จะไม่ทิ้งห่างไกลยังอยู่เป็นเพื่อนเธอ
ตราบใดที่ตะวันคงเคียงข้างฟ้าเสมอ
เธอจะมีฉันอยู่เป็นคู่ใจ

หากวันใดหัวใจเธอเหน็บหนาว
ได้พบเรื่องราวที่มันเลวร้าย
จงมองไปที่ดวงตะวัน นั่นคือฉันที่ไม่เคยไกล
คอยอยู่ตรงนี้เพื่อเธอ

จะคอยเป็นความอบอุ่นในหัวใจ
เหนื่อยและล้าเพียงใจจะมีฉันยืนข้างกายเสมอ
ผ่านพ้นคืนและวัน ที่เลวร้ายไปกับเธอ
จนกว่าจะได้เจอวันที่สวยงาม

I'll be your sunshine wanna see your smile
จะขอเป็นดวงตะวันในใจเธอ
I'll be your sunshine wanna see your smile
จะขอเป็นเพื่อนใจเธอตลอดไป ไม่ร้างลา

จะขอเป็นเพื่อนเธอข้างใจไปแสนนาน

.
.
.
.
เพลงจบลงพร้อมๆกับที่หญิงสาวก้าวเข้ามาหยุดยืนอยู่ข้างเปียโนโดยไม่รู้ตัว เจอรี่ลุกขึ้น และเดินมาหาเธออย่างช้าๆ ก่อนจะทรุดตัวลงคุกเข่าก่อนหน้าเธอ ท่ามกลางความตกตะลึงของพาสนา และก่อนที่เธอจะตั้งตัวทัน หญิงสาวก็รู้สึกว่ามือซ้ายของเธอถูกเค้าประคองขึ้น ก่อนจะรู้สึกเย็นวาบที่โคนนิ้วนางข้างซ้าย

“พาส แต่งงานกับพี่นะครับ” ชายหนุ่มพูดช้าๆ ชัดถ้อยชัดคำ และมั่นคงในความรู้สึก สายตาคมกล้าจ้องประสานกับสายตาตื่นตะลึงที่มองมาของเธอ

“เดี๋ยวเกอเกอ นี่มันอะไรกัน เกอเกอลุกขึ้นก่อน” พาสนาที่ยังไม่หายตะลึง รีบดึงร่างสูงให้ลุกขึ้น แต่มือแข็งแกร่งนั้นก็ยังไม่ยอมปล่อยมือบางของเธอให้เป็นอิสระ

“พาส พี่รักพาส รักอย่างที่ไม่เคยรักใครได้เท่านี้มาก่อน...แต่งงานกับพี่นะครับ” เจอรี่พูดย้ำเป็นครั้งที่สอง

“พาส...พาส...พาสไม่รู้จะพูดว่ายังไง” หญิงสาวยังทำอะไรไม่ถูก

“ก็พูดว่าตกลงค่ะ พาสจะแต่งงานกับเกอเกอไงคะ” เจอรี่แนะให้

“ตกลงค่ะ พาสจะแต่งงานกับเกอเกอ” พาสนาหลุดปากพูดตามออกไปเหมือนละเมอ ก่อนจะนึกขึ้นได้ “เฮ้ย!!!” แต่ก็สายไปเสียแล้ว เพราะทันทีที่สิ้นประโยคนั้นของเธอ เจอรี่ก็รวบร่างบางเข้ามากอดแนบอกอย่างดีใจ

“พาส พี่ดีใจที่สุดเลยรู้มั้ย ดีใจมากๆ พาส พาส พาส” เจอรี่ได้แต่พร่ำเรียกชื่อเธออยู่อย่างนั้นด้วยความตื่นเต้น วินาทีที่เค้าได้ยินประโยคนั้นหลุดมาจากปากของเธอ มันเหมือนเค้าคว้าโลกทั้งโลกไว้ได้ในกำมือเลยทีเดียว

“เกอเกอ เดี๋ยวก่อน พาสมีข้อแม้นะคะ” หลังจากผ่านไปซักพัก พาสนาเริ่มตั้งสติทบทวนได้ว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นกับเธอ

“ข้อแม้อะไรจ๊ะ” เจอรี่ถามเสียงหวาน

“พาสขอเวลาอีกหนึ่งปีนะคะ”

“อะไรนะพาส” เจอรี่ตะโกนอย่างไม่เชื่อหู ก่อนจะรีบพูดต่อ “ไม่เอานะ พี่ไม่ยอม ตั้งปีนึงแน่ะ”

“เกอเกอฟังพาสก่อนสิคะ” หญิงสาวพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ ก่อนจะรีบพูดต่อ

“พาสขอเวลาอีกปี เพราะหลังจากเสร็จอัลบั้มของเกอเกอ ซึ่งพาสว่ามันน่าจะเสร็จภายในครึ่งปีนี้ พาสอยากขอเวลากลับไปทำงานที่เมืองไทยก่อน เพราะที่พี่นัทส่งพาสนาทำงานไต้หวัน ก็เพราะอยากให้ได้ประสบการณ์กลับไป เผื่อจะไปใช้กับงานที่เมืองไทย แล้วถ้าพาสแต่งงานกับเกอเกอ พาสก็คงไม่อยากอยู่ห่างกับเกอเกออีก เพราะฉะนั้น ขอเวลาพาสกลับไปทำงาน เอาประสบการณ์ดีๆที่พาสได้จากที่นี่ ไปส่งต่อให้กับพี่ๆน้องๆที่เมืองไทยก่อน เพื่อความสบายใจของพาสเองนะคะ เกอเกอคงไม่อยากให้พาสเป็นคนไม่รู้จักบุญคุณใช่มั้ยคะ แล้วพี่นัทก็มีบุญคุณกับพาสมากๆเลยด้วย เกอเกอเข้าใจพาสใช่มั้ยคะ”

“เข้าใจจ้ะ” เจอรี่ไม่สามารถหาเหตุผลมาโต้แย้งหญิงสาวได้ เพราะที่เธอพูดมาทุกอย่างเป็นสิ่งที่ถูกต้องทั้งหมด แต่เมื่อคิดว่าต้องรออีกหนึ่งปี เค้าก็อดใจหายไม่ได้

“แต่ว่า ไม่ต้องถึงหนึ่งปีไม่ได้เหรอพาส” ชายหนุ่มพยายามต่อรอง

“จะช้าจะเร็วก็ขึ้นอยู่กับอัลบั้มของเกอเกอแหละค่ะ พาสขอเวลาที่เมืองไทยครึ่งปีแล้วกัน”

“งั้นพี่จะรีบทำอัลบั้มนี้ให้เสร็จ แล้วหาเวลาว่างไปอยู่เป็นเพื่อนพาสที่เมืองไทยดีมั้ยคะ” เจอรี่จัดการวางแผนเสียดิบดี

“ไม่ดีค่ะ เพราะพออัลบั้มเสร็จเกอเกอก็ต้องเดินสายโปรโมต มีเวลาว่างที่ไหน ไม่ต้องหาเรื่องเกงานเลยนะ” หญิงสาวทำเสียงดุ

“โธ่ ก็พี่คิดถึงพาสนี่นา งั้นเอาเป็นว่าเดี๋ยวพี่ล็อบบี้ให้มีโปรโมตที่เมืองไทยด้วยดีกว่า พี่จะได้มีโอกาสไปทำความรู้จักกับครอบครัวพาสด้วยไง คราวนี้ห้ามต่อรองแล้วนะ ไม่งั้นจับแต่งพรุ่งนี้แน่” เจอรี่ทำเสียงแข็งบ้าง

“ก็ยังไม่ได้ว่าอะไรซะหน่อย จะโปรโมตที่ไหนก็เรื่องของเกอเกอสิพาสไม่เกี่ยว” พาสนาแกล้งพูดงอนๆ

“ไม่เกี่ยวได้ยังไงจ๊ะ ถึงเรายังไม่แต่งกัน แต่พี่หมั้นพาสไว้ก่อนนะ จองแล้ว ก็เหมือนเราเป็นคนคนๆเดียวกันไปครึ่งตัวแล้ว เรื่องของพี่ก็คือเรื่องของพาส เหมือนที่เรื่องของพาสก็คือเรื่องของพี่ไงจ๊ะ”

“ตามใจ” หญิงสาวไม่รู้จะพูดอะไรไปมากกว่านี้

“เอาล่ะ ไหนพาสลองเล่าเรื่องครอบครัวพาสที่เมืองไทยให้พี่ฟังบ้างสิจ๊ะ พี่จะได้ทำความรู้จักไว้แต่เนิ่นๆ แล้วเดี๋ยวเย็นนี้เราโทรไปบอกข่าวดีพวกเค้าเลยดีกว่านะ”

“บ้านพาสเหรอ อืม บ้านพาสอยู่กันสี่คน .........” หลังจากนั้นหญิงสาวก็เล่าเรื่องครอบครัว และเพื่อนๆของเธอให้เค้าฟังอย่างมีความสุข


บรรยากาศในห้องอัดหมายเลขสามตอนนี้ เต็มไปด้วยกลิ่นไอของความสุขและความรัก แม้ว่าพวกเค้าจะยังไม่แต่งงานกันตอนนี้ แม้ว่าในอีกหนึ่งปีข้างหน้า พวกเค้าอาจจะต้องอยู่ห่างไกลกันคนละประเทศ แต่ไม่ว่าท้องฟ้าที่กั้นระหว่างพวกเค้าจะกว้างไกลซักแค่ไหน แต่ตอนนี้ใจของทั้งคู่ก็ได้หลอมรวมเป็นดวงเดียวกันอย่างช้าๆ และเชื่อว่าในอีกหนึ่งปีข้างหน้า ใจสองดวงคงได้อยู่เคียงข้างกันตลอดไป...




จบ.


สุดท้าย ขอขอบคุณพี่ๆ น้องๆ และเพื่อนทุกคน สำหรับกำลังใจ และคำแนะนำดีๆ ที่มีให้กันตลอดมานะคะ
ขอบคุณเป็นพิเศษสำหรับพี่นางงามตะวันออก ที่ช่วยทำให้จินตนาการของเรา กลายเป็นเนื้อเพลงได้จริงๆ
ขอบคุณทุกคนค่ะ
แล้วพบกันใหม่ เร็วๆนี้ (ถ้าสามารถนะคะ แหะๆๆ)

รักนะ จุ๊บ จุ๊บ



Create Date : 13 ตุลาคม 2549
Last Update : 13 ตุลาคม 2549 23:36:56 น. 3 comments
Counter : 299 Pageviews.

 
นิยายสนุกมากค่ะ ไม่ทราบว่ายังมีเรื่องอื่นอีกหรือปล่าคะ...(ถ้าเจอรี่เป็นพระยิ่งดีเลยค่ะ...ชอบมาก)....ขอบคุณที่มีเรื่องดีดีให้เราได้อ่านกัน..สู้สู้


โดย: nana IP: 203.156.38.158 วันที่: 3 ธันวาคม 2549 เวลา:17:53:29 น.  

 
แหะๆๆ เพิ่งมาเจอคห. ขอโทษที่ตอบช้าไปหน่อยนะคะ (เกือบอาทิตย์แน่ะ ขอโทษค๊าบบบบบบ)

ตอนนี้กำลังเขียนอีกเรื่องนึงอยู่ค่ะ ชื่อ "เพียงใจเราใกล้กัน"
พระเอกไม่ใช่คนเดิมแล้ว แต่ยังเป็นนางเอกคนเดิมนะคะ (ก็แหงล่ะ สิงสถิตอยู่ในสวนดอกไม้ห้องเรียลลิตี้แล้วจะเป็นนางเอกคนอื่นไปได้ยังไง 555)

ถ้ายังอยากอ่านลองติดตามไปอ่านดูนะคะ อ่านรายละเอียดวิธีการเข้าไปอ่านได้ที่ห้อง"มอสซี่อยากคุย" หัวข้อ "เพียงใจเราใกล้กัน(นัดพิเศษ" นะคะ

ตอนนี้ลงไปใกล้จะจบแล้วแหละ กะว่าถ้าแต่งจบเมื่อไหร่ก็จะเอามาลงบล็อคค่ะ (ไม่น่าจะเกินต้นปีหน้านะคะ หวังว่า แหะๆๆ)

ดีใจที่ชอบ และขอบคุณที่ติดตามอ่านค่ะ จุ๊บ จุ๊บ


โดย: mosminly IP: 202.44.136.50 วันที่: 10 ธันวาคม 2549 เวลา:21:32:30 น.  

 
สนุกมากๆเลยนะ แต่งอีกเยอะๆนะจาเป็นกำลังใจให้


โดย: b IP: 202.12.97.115 วันที่: 27 กรกฎาคม 2550 เวลา:23:03:58 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

+mosminly+
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




หลังไมค์ถึงมอสซี่เชิญกดเลยค่ะ
Friends' blogs
[Add +mosminly+'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.