Group Blog
 
All blogs
 
ตอนที่ 29

29.


“พวกนายกลับไปได้แล้วล่ะ จะให้เราพักผ่อนไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวจะนอนแล้ว” หญิงสาวเอ่ยเป็นเชิงไล่กลายๆ แกมประชด

“ก็นอนไปดิ เดี๋ยวพวกชั้นอยู่เป็นเพื่อน ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ห้องแวนเนสอยู่แค่นี้เอง เดี๋ยวไปหอบหมอนผ้าห่มมานอนที่โซฟานี่ก็ได้” เสี้ยวเทียนที่เงียบมานานพูดขึ้น แล้วก็ไม่ปล่อยให้หญิงสาวได้มีโอกาสปฏิเสธ เพราะพ่อตัวดี รีบบอกให้แวนเนสเฝ้าพาสนาไว้ ส่วนตัวเองก็เอากุญแจห้องแวนเนสไปจัดการย้ายข้าวของมาปักหลักที่โซฟาตัวยาวกลางห้องรับแขกของพาสนา

เมื่อเจ้าของห้องเห็นดังนั้น ก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ฟึดฟัดๆเข้าห้องไป แม้ว่าจะเดินไม่ถนัดนัก แต่หญิงสาวก็พยายามยักแย่ยักยันไปโดยไม่ปริปากขอความช่วยเหลือจากใคร

“เฮ้ย” พาสนาร้องเสียงหลง เมื่อรู้สึกว่าร่างตัวเองถูกยกลอยขึ้นจากพื้น

“ปล่อยชั้นลงนะ มาอุ้มเค้าทำไมอ่ะ ปล่อย” หญิงสาวทั้งร้องทั้งดิ้น เมื่อหันไปพบหน้ากวนๆของเพื่อนหนุ่ม

“ก็อุตส่าห์จะช่วยพาไปส่งที่เตียง ยังไม่สำนึกบุญคุณอีก” ร่างหนายังไม่ยอมปล่อยเธอลง แถมทำตาเจ้าเล่ห์ใส่อีกต่างหาก

“ไม่สำนึกโว้ย ปล่อยสิวะ ปล่อย” พาสนายังไม่หยุดดิ้น จนเสี้ยวเทียนต้องขู่

“อยู่นิ่งๆ เดี๋ยวก็ตกไปหรอก ขาน่ะ อยากเดี้ยงหนักกว่าเดิมใช่มั้ย จะได้ช่วยสงเคราะห์” พลางชายหนุ่มก็ทำท่าจะปล่อยมือซะอย่างนั้น เล่นเอาพาสนาร้องเสียงหลง

“เฮ้ย อย่านะ วางลงดีๆดิ”

“อยู่นิ่งๆ จะถึงเตียงแล้วเห็นมั้ย” เสี้ยวเทียนบอกดุๆ ก้าวอีกไม่กี่ก้าวก็มาถึงเตียงของหญิงสาว เค้าค่อยๆวางร่างเล็กลงอย่างเบามือ ก่อนจะหยิบผ้าห่มมาห่มให้

“เสี้ยวเทียน” เสียงอ้อนๆเรียกให้ชายหนุ่มหันกลับมา แล้วก็พบกับตาใสแจ๋วที่ทำเอาใจแกว่งไปนิดหน่อย

“ชั้นยังไม่ได้อาบน้ำเลย เหม็นอ่ะ นอนไม่หลับหรอก ขอไปอาบน้ำก่อนนะ”

“ยังไม่ต้องอาบหรอก แกเป็นไข้อยู่นะ แค่ล้างหน้าก็พอ ไหนดูซิ ยังไม่เหม็นซะหน่อย” เสี้ยวเทียนพิสูจน์ โดยการก้มมาดมใกล้ๆ(มากๆ) เล่นเอาพาสนาเขินไปเหมือนกัน

“ไอ้บ้า ไม่เหม็นก็ไม่เหม็นสิ ไม่ต้องพิสูจน์ใกล้ขนาดนั้นก็ได้ งั้นแค่ล้างหน้าก็ได้ นายถอยไปสิ จะไปล้างหน้า” เธอแกล้งทำเสียงดุ

“เดี๋ยวพาไป” เสี้ยวเทียนพูดง่ายๆ แล้วก็จัดการอุ้มเธอตรงไปที่ห้องน้ำ จัดการให้เธอยืนพิงกับผนังอย่างดิบดี โดยห้ามเด็ดขาดไม่ให้ลงน้ำหนักที่ขาข้างที่เจ็บ เสร็จแล้วก็จัดการอุ้มหญิงสาวกลับมาที่เตียง ห่มผ้าให้ จัดการปิดไฟก่อนจะออกจากห้องนอนของเธอไป
.
.
.
.
เมื่อลับหลังร่างหน้าที่ออกไปที่ห้องรับแขกแล้ว ท่าทางเข้มแข็งที่เธอพยายามแสดงตลอดมาก็หายวับไปทันที หญิงสาวปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอย่างเงียบๆ ไร้อาการฟูมฟายใดๆ จริงๆแล้วเธอก็ไม่แน่ใจว่า น้ำตานี้มันมาจากความเสียใจ ความเครียด หรือความซาบซึ้งใจในความเป็นห่วงของเพื่อนๆกันแน่ และเธอก็ไม่คิดจะหาคำตอบให้มันด้วย พาสนายังคงปล่อยให้น้ำตาไหลอยู่ต่อไป จนหลับไปทั้งคราบน้ำตาเช่นนั้น

คืนนั้น เสี้ยวเทียนกับแวนเนสที่นอนอยู่ในห้องรับแขกต้องสะดุ้งตื่นขึ้น เพราะเสียงจากในห้องนอนของพาสนา

“แม่...แม่ขา พาสหนาว หนาวจังเลย แม่กอดพาสหน่อยสิคะ แม่ แม่ แม่อย่าเพิ่งไป แม่ แม่จ๋า กลับมาก่อน...” เมื่อเปิดประตูเข้าไป ทั้งสองก็พบว่าหญิงสาวกำลังเพ้ออย่างหนัก น้ำตาไหลอาบทั้งสองแก้ม ดูน่าสงสารจนบอกไม่ถูก

“พาสๆ พาสตื่นสิ” เสี้ยวเทียนกับแวนเนสพยายามเข้าไปปลุก แต่หญิงสาวก็ยังไม่รู้สึกตัว

“เฮ้ย พาสตัวร้อนมากเลยว่ะ” แวนเนสร้องอย่างตกใจ เมื่อมือไปสัมผัสโดนผิวกายของหญิงสาว ที่ตอนนี้ร้อนระอุไปทั้งตัว

“เกอเกอ เกอเกอ พาสหนาว เกอเกออยู่เป็นเพื่อนพาสนะ อย่าทิ้งพาสไปไหนนะ เกอเกอ” คราวนี้หญิงสาวเพ้อหาเจอรี่ ร่างบางที่อยู่ใต้ผ้าห่มดูสั่นเป็นลูกนก ภาพตรงหน้าทำเอาเสี้ยวเทียนถึงกับขบกรามจนเป็นสันนูนด้วยความสงสารเพื่อน ตอนนี้เค้าไม่รู้จะทำยังไงดีให้ เพราะไม่ว่าจะเรียกยังไง พาสนาก็ไม่มีทีท่าว่าจะรู้สึกตัว ชายหนุ่มตกใจและเป็นกังวลจนแทบจะทำอะไรไม่ถูก

“เสี้ยวเทียน ไปเอาผ้าขนหนูชุบน้ำมาเช็ดหน้าให้พาสหน่อย” แวนเนสดูจะมีสติดีกว่า ร้องบอกเสี้ยวเทียน ซึ่งรีบไปทำตามโดยเร็ว
.
.
.
คืนนั้นทั้งคู่แทบจะไม่ได้นอน เพราะกว่าจะทำให้พาสนาสงบลงได้ ก็เข้าวันใหม่ไปหลายชั่วโมงแล้ว และอาการของหญิงสาวก็ยังไม่คงที่นัก แม้ว่าไข้จะลดลงบ้าง แต่เธอก็ยังมีอาการเพ้ออยู่เป็นระยะๆ และชื่อที่หลุดออกมาจากปากเธอมากที่สุด ก็เป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก ‘เจอรี่’ หรือเกอเกอของเธอนั่นเอง

อาการของพาสนาดูจะกำเริบขึ้นอีกครั้งเมื่อตอนรุ่งสาง ทำให้แวนเนสตัดสินใจว่าจะไปรับหมอมาดูอาการเธอที่ห้อง เพราะสภาพในขณะนี้ รับหมอมาตรวจคงจะสะดวกกว่า

“เป็นยังไงบ้างครับคุณหมอ” เสี้ยวเทียนกับแวนเนสถามแทบจะเป็นเสียงเดียวกัน เมื่อคุณหมอจัดการตรวจร่างกายหญิงสาวเสร็จ

“คนไข้อ่อนเพลียมากครับ อาการไข้ขึ้นสูง เป็นผลสืบเนื่องจากแผลที่ขาอักเสบ นี่ผมจัดการทำแผลให้เธอใหม่แล้ว ต่อไปต้องดูแลให้คนไข้ทำแผลเป็นประจำนะครับ แล้วก็ห้ามใช้ขาโดยเด็ดขาด อย่างน้อยก็จนกว่าปากแผลจะปิดสนิท นี่ผมฉีดยาลดไข้ให้แล้ว คิดว่าอีกซักพักน่าจะดีขึ้น ถ้าแผลไม่อักเสบขึ้นมาอีกก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงครับ”

“ขอบคุณคุณหมอมากนะครับ ไปครับ เดี๋ยวผมไปส่ง” แวนเนสพูดพลางทำท่าจะเดินนำคุณหมอไปที่ประตู หากแต่ก็โดนเรียกไว้ก่อน

“เอ่อ โทษนะครับ ผมขอถามอะไรหน่อยได้มั้ยครับ” คุณหมอดูจะมีท่าทีลังเลเล็กน้อยที่จะถามคำถามนี้

“ครับ ได้เลยครับ”

“คือ ช่วงนี้คนไข้มีเรื่องเครียดอะไรอยู่หรือเปล่าครับ” คุณหมอตัดสินใจถามตรงๆ

“ทำไมคุณหมอถึงทราบล่ะครับ”

“จากการพูดคุย แล้วก็สีหน้าคนไข้น่ะครับ หมอแนะนำนะครับ ทางที่ดีพวกคุณไม่ควรปล่อยให้คนไข้คิดมาก เพราะว่าไม่เช่นนั้น คนไข้อาจจะพักผ่อนได้น้อย อาการก็จะแย่ลง อันนี้มันเป็นเรื่องของจิตใจแล้วล่ะครับ ถ้าจิตใจไม่สู้ ร่างกายก็จะอ่อนแอตามไปด้วย” คุณหมอแนะนำ

“ครับ ขอบคุณมากนะครับคุณหมอ พวกเราจะพยายามดูแลเธอไม่ให้คิดมากอีก” เสี้ยวเทียนรับปาก ทั้งๆที่ในใจเค้าก็ไม่แน่ใจว่าจะทำได้มั้ย

“ถ้า ไม่ไหวจริงๆโทรหาหมอได้นะครับ หมออาจจะพิจารณาสั่งยานอนหลับให้เพิ่ม แต่ขอดูอาการคนไข้ก่อน ไม่อยากให้พึ่งยา”

“ครับคุณหมอ”

“งั้นหมอกลับก่อนนะครับ มีอะไรก็ตามหมอได้นะครับ” คุณหมอทิ้งท้าย ก่อนจะกลับไป โดยแวนเนสเป็นคนขับรถไปส่ง
.
.
.
ตอนนี้ในห้องเหลือแต่เสี้ยวเทียนกับพาสนา ชายหนุ่มเดินเข้าไปดูหญิงสาวในห้อง และพบว่าเธอหลับไปเพราะฤทธิ์ยาที่คุณหมอฉีดให้เมื่อสักครู่ ไม่มีอาการเพ้อมากมายอย่างเมื่อคืนนี้แล้ว ร่างหนาทรุดตัวลงนั่งที่ด้านหนึ่งของเตียง พลางเอื้อมมือมาลูบผมหญิงสาวเบาๆอย่างสงสาร

…พาสเอ้ย แกอย่าดื้อนักเลยวะ ทิฐิน่ะวางมันลงซะบ้างเถอะ... เสี้ยวเทียนคิดในใจ

ชายหนุ่มใช้เวลาอยู่นานในการพิจารณาใบหน้ายามนอนหลับของเพื่อนสาว แม้ว่าตอนนี้เธอจะหลับสนิทด้วยฤทธิ์ยา แต่สีหน้าก็ยังดูเคร่งเครียดและเป็นกังวลอยู่มาก เสี้ยวเทียนนึกถึงภาพของเธอเมื่อคืน ตอนที่เพ้อไม่มีสติ สีหน้าทรมานและคราบน้ำตาเต็มข้างแก้ม ทำเอาเค้าแทบขาดใจ สงสารก็สงสาร แต่ไม่รู้จะช่วยเพื่อนยังไง เค้าเกลียดความรู้สึกแบบนี้ที่สุด ความรู้สึกที่ว่าเห็นคนที่เรารักเดือดร้อนอยู่ตรงหน้า แต่ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้ แน่นอนเค้ายอมรับว่าเค้ารักพาสนา รักอย่างที่ชายหนุ่มอย่างเค้าจะพึงรักเพื่อนรักซักคนได้ แม้จะรู้จักกันไม่ถึงปี แต่อุปนิสัย ความจริงใจ และอีกหลายอย่างของพาสนา สามารถทำให้เค้านับเธอเป็นเพื่อนรักอีกคนได้อย่างไม่อายปาก แล้วเวลานี้ เพื่อนของเค้าสองคนกำลังเป็นทุกข์ แต่เค้าก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ชายหนุ่มเชื่อว่า ตอนนี้เจอรี่ก็คงเสียใจไม่ต่างไปจากพาสนาเท่าไหร่ เพียงแต่ฝ่ายนั้น ไม่มีปัญหาเรื่องความเจ็บป่วยเหมือนหญิงสาวตรงหน้าเค้าเท่านั้นเอง

ขณะที่ชายหนุ่มกำลังตัดสินใจจะโทรไปบอกเจอรี่เรื่องพาสนาอยู่นั้น ร่างบางข้างตัวเค้าก็รู้สึกตัวตื่นขึ้น

“เสี้ยวเทียน” พาสนาเอ่ยปากเรียกเบาๆ เมื่อเห็นว่าร่างสูงที่อยู่ข้างๆเป็นใคร แว๊บแรกเธอแอบนึกดีใจเพราะคิดว่าคนที่อยู่ข้างๆ จะเป็นเจอรี่

...งั้นที่คิดว่าเมื่อคืนเกอเกอมาอยู่กับเราก็คงไม่ใช่สินะ ใช่สิ เค้าจะมาได้ยังไงล่ะ คงเป็นแวนเนสกับเสี้ยวเทียนนั่นแหละ... หญิงสาวบอกตัวเองอย่างเศร้าๆ

“พาส ตื่นแล้วเหรอ หิวมั้ย เดี๋ยวไปหาอะไรมาให้กิน” เสี้ยวเทียนก้มหน้ามาถามอย่างเอาใจใส่

“ยังไม่หิวอ่ะ อยากกินน้ำ”

“น้ำเหรอ เดี๋ยวนะ” ร่างหนาจัดการรินน้ำใส่แก้วพร้อมหลอดมาให้เธอ

“ขอบใจนะ เรื่องเมื่อคืนด้วย นายกับแวนเนสอยู่เป็นเพื่อนชั้นทั้งคืนเลยใช่มั้ย พวกนายใจดีจัง” หญิงสาวเอ่ยปาก หลังจากดื่มน้ำเสร็จแล้ว

“บ้า จะมาขอบคุณทำไม เรื่องเล็กน้อย เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ” เสี้ยวเทียนก็เขินไปเหมือนกันเมื่อโดนชมซึ่งๆหน้า

“อืม ขอบคุณนะเพื่อน” พาสนาบอกอย่างจริงใจ พร้อมกับส่งยิ้มกระจ่างใสมาให้ แม้ว่ามันจะดูเซียวๆไปบ้าง แต่เสี้ยวเทียนก็ยินดีที่ได้เห็นรอยยิ้มของเธอ ดีกว่าต้องทนเห็นรอยน้ำตาแบบเมื่อคืนนี้

“แกนอนต่อเถอะ เดี๋ยวชั้นไปหาอะไรให้กิน ถึงไม่หิวก็กินซะหน่อย แล้วก็กินยา คราวนี้ห้ามดื้อแล้วนะ พวกชั้นไม่ยอมแกแล้วจริงๆด้วย” เสี้ยวเทียนขู่ยิ้มๆ พลางเอื้อมมือมาขยี้หัวพาสนาเล่น

“โหย ได้ทีรังแกคนป่วยเชียวนะ อย่าให้ถึงตาเราบ้างแล้วกัน คอยดู” พาสนาโอดครวญอย่างไม่จริงจังนัก ตั้งแต่เมื่อคืนเธอก็รู้แล้วว่าทั้งคู่เป็นห่วงเธอมากขนาดไหน

“ฮ่าๆๆ เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ เมื่อคืนไข้ขึ้นตั้ง 40 องศา ดีนะไม่ช็อคตาย คราวนี้ล่ะห้ามดื้อห้ามซนรู้มั้ย ชั้นกับแวนเนสเอาจริงแล้วนะ”

“จ้า ไม่ดื้อแล้วจ้า...ว่าแต่ พวกนายไม่ต้องไปทำงานกันเหรอ ไม่ต้องอยู่เฝ้าชั้นก็ได้นะ ชั้นอยู่ได้ ไปทำงานกันเถอะ นี่แวนเนสไปไหนล่ะ” พาสนาถาม เธอไม่อยากให้เพื่อนต้องมาเสียงานเสียการเพราะเธอ

“ไม่อ่ะ ช่วงนี้เป็นช่วงที่ชั้นขอพักเบรคพอดี ส่วนแวนเนสมันก็มีแต่งานซ้อมเต้น เตรียมอัลบั้มมัน เบี้ยวนิดเบี้ยวหน่อยได้ไม่มีปัญหา ไม่ต้องไปห่วงคนอื่นเลยแก ห่วงตัวเองเถอะ นี่ถ้าอาเจิ้นมันรู้ว่าแกดื้อขนาดนี้นะ มันจับตีก้นไปแล้ว” เสี้ยวเทียนพลั้งปากไปแล้วก็แทบจะตบปากตัวเอง เพราะใบหน้าที่เริ่มจะสดใสของพาสนาเมื่อกี๊ สลดลงทันควัน

“แกนอนต่อนะ เดี๋ยวข้าวเสร็จแล้วจะมาปลุก เช้านี้กินข้าวต้มแล้วกันนะ กินง่ายดี” ชายหนุ่มรีบเปลี่ยนเรื่อง ก่อนจะเข้ามาดันตัวหญิงสาวให้ล้มลงนอนต่อ ห่มผ้าให้ แล้วจึงออกไปเตรียมอาหาร
.
.
.
.
.
ข้าวต้มเสร็จพอดีกับที่แวนเนสกลับมา ทั้งคู่จึงตัดสินใจลากโต๊ะเล็กๆเข้ามานั่งกินเป็นเพื่อนพาสนา พยายามหาเรื่องรื่นเริงมาคุย เพื่อไม่ให้เธอคิดมากตามคำแนะนำของคุณหมอ ซึ่งพาสนาก็รู้ดี ว่าเพื่อนทั้งสองของเธอเป็นห่วง ไม่อยากให้เธอคิดมาก หญิงสาวจึงพยายามทำตัวร่าเริง ไม่ให้ใครต้องมาเป็นห่วง

หลังอาหาร เสี้ยวเทียนกับแวนเนสปล่อยให้พาสนานอนพัก ส่วนตัวเองก็มานั่งปรึกษากันที่ห้องรับแขก

“ชั้นว่าจะโทรบอกอาเจิ้นนะ ว่าพาสมันไม่สบายมาก” เสี้ยวเทียนเปิดประเด็น

“ก็ดี แค่เมื่อคืนก็รู้ ว่าพาสมันอยากเจออาเจิ้นขนาดไหน โทรไปบอกมันแล้วกัน เพราะถ้าจะให้ไปเอง ก็ไม่กล้าทิ้งพาสไว้อย่างที่นายบอกเมื่อวานนั่นแหละ ว่าแต่จะเคลียร์กับมันเรื่องที่เข้าใจผิดกันด้วยหรือเปล่า”

“เรื่องนั้นไว้ก่อน รอมันมาแล้วค่อยพูดต่อหน้าดีกว่า ตอนนี้แค่บอกมันว่าพาสไม่สบาย มันก็คงรีบวิ่งแจ้นมาแล้วมั้ง” เสี้ยวเทียนพูดพลางนึกภาพตาม แล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ ...อาเจิ้นมันห่วงของมันจะตาย เดี๋ยวคงตาลีตาเหลือกมา...

“โทรเข้าบ้านนะ โทรเข้ามือถือมันไม่รับหรอก” แวนเนสเตือนเมื่อเสี้ยวเทียนหยิบโทรศัพท์มาทำท่าจะโทรออก ร่างหนาพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะกดเบอร์บ้านเลี่ยวมาม่า

“หม่าม๊าครับ ขอสายอาเจิ้นหน่อยครับ...ครับเรื่องสำคัญ ยังไงก็ต้องให้มันมารับสายให้ได้นะครับ...ครับ ครับ ผมจะรอครับ”
.
.
.
หลังจากถือสายรอไม่นาน ในที่สุด เสี้ยวเทียนก็ได้ยินเสียงเจอรี่มาตามสาย

“เหวย”

“อาเจิ้น”

“มีอะไร” คำถามแบบมะนาวไม่มีน้ำนั่น ทำเอาเสี้ยวเทียนนึกหมั่นไส้เพื่อนตัวเองขึ้นมาตะหงิดๆ ...ฮ่วย อาเจิ้นมันไปหัดโรคกวนประสาทแบบนี้มาจากไหนวะ...

“ถามมาได้ มีอะไร แล้วแกมีอะไรล่ะวะ ถึงได้หลบหน้าหลบตา หายหัวจนเค้าเดือดร้อนกันไปทั่ว” เสี้ยวเทียนอดกัดนิดๆไม่ได้ตามนิสัย

“ตกลงจะโทรมาเรื่องนี้ใช่มั้ย เห็นหม่าม๊าบอกว่ามีเรื่องสำคัญ ถ้าเป็นเรื่องนี้ก็ขอเวลาชั้นสักพักแล้วกัน อย่าเพิ่งมาพูดอะไรกันตอนนี้เลย” น้ำเสียงของเค้าดูเศร้าไปจนเสี้ยวเทียนรู้สึกได้

“เฮ้ย อาเจิ้นฟังก่อน อย่าเพิ่งวางหูนะ” เสี้ยวเทียนรีบเรียกไว้ เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะชิงวางหูไปเสียก่อน

“...” เจอรี่ไม่ยอมพูดอะไร แต่เสี้ยวเทียนก็รู้ว่าเพื่อนยังคงฟังอยู่ เลยตัดสินใจพูดต่อ

“พาสมันไม่สบายมาก” บอกได้แค่นั้น ก็โดนขัดด้วยน้ำเสียงร้อนใจของคนที่ทำเสียงไม่สนใจโลกเมื่อสักครู่

“พาสเป็นอะไร ไปหาหมอหรือยัง หมอว่ายังไงบ้าง แล้วทำไมไม่ดูแลกันให้ดีวะ” ประโยคสุดท้าย เจอรี่เริ่มโมโห

“เป็นไข้ เมื่อคืนไข้ขึ้นตั้ง 40 เมื่อกี๊หมอมาดูแล้ว ฉีดยาแล้วก็บอกให้นอนพัก คิดว่าอีกซักพักอาการคงดีขึ้น แล้วได้ที่มาด่าบอกทำไมไม่ดูแลเนี่ย แกด่าตัวเองเถอะ ทำไมไม่มาดูแลมันวะ รู้มั้ยว่าพาสมันคิดมากแค่ไหน เมื่อคืนก็เพ้อถึงแกทั้งคืนเลย”

“...” เสี้ยวเทียนรออยู่นานแต่ก็ไม่เห็นอีกฝ่ายจะพูดอะไร เลยลองเรียกดู

“อาเจิ้น”

“อืม หมอมาดูก็ดีแล้ว นายก็ดูแลพาสดีๆแล้วกัน เค้าเลือกนายแล้ว อย่าทำให้เค้าเสียใจนะ อย่าลืมเค้ามาอยู่นี่คนเดียว ไม่มีใคร เอาเป็นว่าฝากบอกว่าขอให้หายไวไวแล้วกันนะ” หลังจากชั่งใจอยู่นาน ในที่สุดเจอรี่ก็พูดประโยคนี้ออกมา

“อะไรวะ แกจะไม่มาดูมันหน่อยเหรอ มันกำลังต้องการกำลังใจนะ”

“ชั้นคงช่วยอะไรไม่ได้หรอก ตอนนี้คนที่จะเป็นกำลังใจให้พาสได้น่าจะเป็นแกมากกว่า อย่างที่บอก ขอให้หายไวไวแล้วกัน ชั้นคงไม่สะดวกจะไปเยี่ยม”

“เฮ้ยอาเจิ้น เรื่องชั้นกับพาส มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดนะ ชั้นอธิบายได้ แวนเนสกับไจ่ไจ๋ก็เป็นพยานได้ มันไม่มีอะไรจริงๆ นายฟังชั้นก่อน ชั้นกับพาสไม่ได้มีอะไรกันนะ พาสมันรักนายนายก็รู้ ตอนนี้มันเครียดมากนะ ไม่ต้องมาทำตัวเป็นพระเอกเสียสละได้มั้ย มันกำลังต้องการกำลังใจจากแกนะ อาเจิ้น อาเจิ้น อาเจิ้น” เสี้ยวเทียนร้องเรียกเพื่อนดังลั่น แต่อีกฝ่ายชิงวางหูไปก่อนแล้ว

“ไอ้บ้าเอ้ย!” เสี้ยวเทียนสบถดังลั่น โมโหจัดจนแทบจะขว้างโทรศัพท์ในมือทิ้ง ยังดีที่แวนเนสรั้งแขนไว้ทัน ไม่อย่างนั้นโทรศัพท์ลูกรักราคาแพงหูฉี่ของเค้า คงเหลือแค่เศษ

“เฮ้ย เสี้ยวเทียนใจเย็นๆ พาสมันนอนอยู่ เดี๋ยวมันก็ตื่นขึ้นมาหรอก” แวนเนสพยายามห้าม

“แกดูมันนะดูมัน พูดเองเออเอง ไม่ฟังคนอื่น พูดจนปากจะฉีกว่ามันเป็นเรื่องเข้าใจผิดๆมันก็ไม่เชื่อ แล้วนี่ไอ้พาสแคร์มันจะตาย ไม่สบายก็เพ้อหาแต่มัน แล้วดูมันซิ จะมาดูดำดูดีซักนิดก็ไม่มี พูดมาได้เค้าเลือกนายแล้ว มันเลือกซะที่ไหนล่ะโว้ยยยยยยย” เสี้ยวเทียนเริ่มเหลืออด ...ไอ้เพื่อนบ้า นี่มันชีวิตจริงนะไม่ใช่ละครน้ำเน่า ทำเป็นพระเอก เอะอะอะไรก็เสียสละ...

“เอาน่า เดี๋ยวชั้นลองคุยกับมันดูมั้ย ช่วยกันพูด” แวนเนสเสนอตัวมาช่วยเหลือ

“ไม่ต้องแล้ว มันจะเชื่ออย่างนั้น จะโง่อย่างนั้นก็ปล่อยมัน ชริ บอกจะยกพาสให้ชั้น แล้วอย่ามาขอคืนทีหลังแล้วกัน คอยดู”

“เฮ้ยเสี้ยวเทียน นายอย่าบอกนะว่า...” หนุ่มตี๋ทำหน้าเหมือนโดนผีหลอก ในใจก็คิดไปว่า ...หรือเสี้ยวเทียนมันจะชอบพาสจริงๆวะ...

“ทำไม ในเมื่อมันจะเข้าใจอย่างนั้นก็ปล่อยมันไป เพื่อนคนเดียวชั้นดูแลได้ ไม่ต้องง้อมัน” เสี้ยวเทียนประกาศลั่น ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องนอนของพาสนา ดีใจอยู่หน่อย ที่หญิงสาวไม่มีทีท่าว่าจะตื่นมาได้ยินเรื่องที่เค้ากับแวนเนสคุยกันเมื่อสักครู่



Create Date : 13 ตุลาคม 2549
Last Update : 13 ตุลาคม 2549 23:45:23 น. 0 comments
Counter : 277 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

+mosminly+
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




หลังไมค์ถึงมอสซี่เชิญกดเลยค่ะ
Friends' blogs
[Add +mosminly+'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.