Group Blog
 
All blogs
 
ตอนที่ 30

30.


ทางฝ่ายเจอรี่ แม้ว่าเค้าจะตัดสินใจวางหูไป แต่คำพูดของเสี้ยวเทียนก็ยังดังก้องอยู่ตลอดเวลา

‘มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดนะ ชั้นอธิบายได้ ชั้นกับพาสไม่มีอะไรกันจริงๆ’

‘พาสไม่สบายมาก มันเพ้อหาแต่นาย มันต้องการกำลังใจจากนายนะ’

ตอนนี้ในใจของชายหนุ่ม เหมือนกำลังมีสองเสียงเถียงกันอยู่ ข้างหนึ่งก็บอกให้ตัดใจจากพาสนาซะ ในเมื่อเธอได้เจอคนที่ดีกว่า มีเวลาให้มากกว่าอย่างเสี้ยวเทียน ในขณะที่อีกใจก็เริ่มจะเชื่อคำพูดของเสี้ยวเทียน ที่ว่าบางที เค้าอาจจะเข้าใจเรื่องทั้งหมดผิดไปเองก็ได้ ระหว่างนั้นเจอรี่ก็รู้สึกถึงการยวบของโซฟาข้างๆตัวจากน้ำหนักที่เพิ่มมากขึ้น จึงหันไปมองและก็พบกับสายตาอ่อนโยนของคุณนายเลี่ยวที่ส่งมาให้อย่างใจดี

“อาเจิ้น บางทีทิฐิมันก็ไม่ได้ช่วยอะไรนะลูก และที่สำคัญบางทีสิ่งที่ตาเห็นมันอาจจะไม่เป็นอย่างที่เราเห็นก็ได้ อีกอย่าง แต่ก่อนลูกแม่ไม่ใช่คนแบบนี้นี่นา ลูกกล้าทำกล้าพูด กล้าเผชิญหน้ากับปัญหา แล้วทำไมเรื่องนี้ถึงหนีปัญหาเสียล่ะลูก” หญิงสูงวัยพูดพลางยกมือขึ้นลูบหัวลูกชายเบาๆเหมือนเมื่อครั้งเค้ายังเป็นเด็กชายตัวเล็กๆ

“ผมไม่รู้จะทำยังไงครับหม่าม๊า มันสับสนไปหมด ผมไม่อยากเสียพาสไป แต่ในขณะเดียวกันถ้าพาสจะได้เจอคนที่ดีกว่า มีเวลาดูแลเค้า อยู่เป็นเพื่อนเค้าได้มากกว่า ผมก็ไม่อยากดันทุรังรั้งเค้าไว้ หม่าม๊าครับ รู้มั้ยครับ เมื่อตอนที่เราตัดสินใจจะคบกัน ผมเคยสัญญากับพาสไว้ ว่าแม้ว่าเรื่องของเราจะเป็นอย่างไร แต่ผมก็จะยังเป็นพี่ชายเค้าเหมือนเดิม ที่ผมต้องหลบมาแบบนี้ เพราะผมไม่อยากทะเลาะ ไม่อยากให้ความรู้สึกดีๆที่มีให้กันมันหายไป ตอนแรกผมแค่อยากขอเวลาทำใจซักพัก แต่ตอนนี้ผมสับสนครับหม่าม๊า เสี้ยวเทียนบอกว่าทุกอย่างผมเข้าใจผิดไปเอง แล้วถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริง ผมจะทำยังไงดีครับ แล้วถ้าเกิดผมไม่ได้เข้าใจผิด เพียงแต่เสี้ยวเทียนกับพาสสงสารผม ไม่อยากให้ผมเสียใจล่ะครับ ตอนนี้ผมสับสนไปหมดแล้ว ทั้งเสี้ยวเทียนทั้งพาสคนหนึ่งก็เป็นเพื่อนรักที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา อีกคนก็เป็นผู้หญิงที่ผมอยากร่วมชีวิตด้วย ผมไม่อยากเสียใครไป แล้วก็ไม่อยากให้ใครต้องเสียใจเพราะผม ผมจะทำยังไงดีครับ” เจอรี่ระบายความรู้สึกทั้งมวลที่กดดันเค้ามาตลอดสองสามวันมานี้ให้คุณนายเลี่ยวฟัง

“คิดให้ดีๆนะอาเจิ้น ลูกโตแล้ว แม่เชื่อว่าลูกจะตัดสินใจแก้ปัญหานี้ได้ ที่สำคัญ อย่าเอาแต่ทิฐิ ถามหัวใจตัวเองดู ว่ารักเค้ามั้ย แล้วมันพอที่เราจะเชื่อใจเค้าได้มั้ย ลองคิดดูนะลูก” คุณนายเลี่ยวทิ้งคำพูดไว้เป็นประโยคสุดท้าย ก่อนจะเดินจากไป ทิ้งให้เจอรี่ตัดสินใจด้วยตัวเอง
.
.
.
“เสี้ยวเทียนนายไม่มีอะไรทำหรือไง มานั่งเฝ้าอยู่ได้” พาสนาเอ่ยขึ้นอย่างรำคาญ เพราะตั้งแต่เธอตื่นขึ้นมาเมื่อช่วงบ่าย เสี้ยวเทียนก็ลากเก้าอี้เข้ามานั่งอ่านหนังสืออยู่ข้างเตียงเธออยู่อย่างนั้น จนตอนนี้จะเย็นแล้วก็ยังไม่มีท่าว่าจะขยับไปไหน พอเธอจะเอาอะไรหรือจะทำอะไร ก็แย่งทำให้หมด เรียกได้ว่าเธอแทบไม่ต้องกระดิกตัวไปไหนเลย

“ไม่มีนิ ชั้นว่าง อยู่เป็นเพื่อนแกได้ทั้งวันเลย แกจะเอาอะไรเหรอ” หน้าไร้เดียงสาไม่รู้เรื่องรู้ราว กับน้ำเสียงใสซื่อนั้น ฟังดูก็รู้ว่าแกล้งทำ

“แกไปที่อื่นบ้างก็ได้นะ ชั้นอยู่คนเดียวได้” พาสนาแทบจะกัดฟันตอบ ...มันจะมานั่งเฝ้าหาสวรรค์วิมานอะไรวะ ฮ่วย...

“ไม่เป็นไร ชั้นว่างทั้งวันอยู่แล้ว ช่วงนี้พักร้อนยาววววววว” หางเสียงชายหนุ่มลากยาวบ่งบอกว่าเค้ามีเวลาอยู่เฝ้าเธอจนกว่าจะหายนั่นแหละ

“แล้วแกไม่หิวเหรอ ออกไปหาอะไรกินบ้างก็ได้นะ” หญิงสาวเสนอตัวเลือกใหม่ เธอไม่ค่อยชินนักกับการมีคนอื่นมาผูกติดอยู่ข้างตัวตลอดเวลา

“ไม่อ่ะกินแล้ว” อีกฝ่ายทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ได้น่าหมั่นไส้ซะจนพาสนาอยากจะเขวี้ยงด้วยหมอน แต่ก็ไม่มีแรง ตอนนี้หญิงสาวนั่นเอนๆ อยู่บนเตียง พยายามจะอ่านหนังสือ แต่ก็อ่านไม่ได้ เพราะรู้สึกไม่มีสมาธิ หน้าใสๆแม้จะดูซีดเซียวอยู่ แต่อย่างน้อย ริมฝีปากบางก็ดูมีสีสันขึ้นมาบ้าง ได้ซีดขาวเหมือนเมื่อช่วงเช้า

“เอาง่ายๆเลยนะ นายช่วยออกไปอยู่ที่ไหนก็ได้ ที่ไม่ใช่ห้องนอนชั้นได้มั้ย” พาสนาเหลืออด รู้อยู่ว่าชายหนุ่มรู้ว่าเธอต้องการจะสื่ออะไร แต่ก็ยังทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ จนอดโมโหไม่ได้ เพราะพอร่างกายเริ่มอาการดีขึ้น ต่อมขี้โมโหของหญิงสาวก็ทำงานดีขึ้นไปด้วย

“ทำไม เบื่อหน้าชั้นแล้วหรือไง” เสี้ยวเทียนหันมาทำหน้ากวนใส่

“เออ เบื่อแล้ว”

“ทนไปก่อนนะแก เดี๋ยวแวนเนสก็มาเปลี่ยนเวรแล้ว เมื่อกี๊มันเพิ่งโทรมา”

“ทำอย่างกับชั้นเป็นนักโทษ พวกนายมีอะไรก็ไปทำๆกันเถอะ ปล่อยชั้นอยู่คนเดียวบ้างได้มั้ย” พาสนาออกปากไล่กันตรงๆ

“ไม่เอา เดี๋ยวแกเป็นอะไรไปอีก ผู้หญิงปากอย่างนี้ยิ่งหายากอยู่ ต้องอนุรักษ์ไว้” เสี้ยวเทียนกัดนิ่มๆ

ยังไม่ทันที่พาสนาจะได้ตอบโต้อะไร เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นเสียก่อน

“อ้าว แวนเนสมาแล้วมั้ง เดี๋ยวชั้นไปเปิดประตูให้มันก่อนนะ แกอยู่ในห้องดีๆนะ อย่าดื้ออย่าซน” เสี้ยวเทียนยังไม่วายแกล้งหยอก ก่อนจะหัวเราะอย่างถูกใจเมื่อเห็นพาสนาแยกเขี้ยวมาให้ รู้อยู่ว่าตอนนี้หญิงสาวไม่มีแรงจะทำอะไรเค้าหรอก แต่ถ้าเป็นตอนปกตินะ ไม่แน่เค้าซวยได้
.
.
.
“แวนเนส ทำไมมาเร็วจังวะ เมื่อกี๊เพิ่งโทรมาเอ…” เสี้ยวเทียนเอ่ยทักพร้อมกับเปิดประตูห้องให้ แล้วก็ต้องชะงัก เพราะหลังประตูไม่ใช่แวนเนสอย่างที่เค้าเข้าใจ แต่กลับเป็นคนที่เค้าไม่คิดว่าจะได้เจอ

“ขอเข้าไปหน่อยได้มั้ย” ร่างสูงหลังประตูเอ่ยออกมาเป็นประโยคแรก สีหน้าเรียบเฉยอย่างเดาความรู้สึกไม่ถูก

เสี้ยวเทียนเบี่ยงตัวหลบให้ทั้งที่ยังอึ้งๆ ...อาเจิ้น มันจะมาต่อยเราหรือเปล่าวะเนี่ย...

“อาเจิ้น เดี๋ยว” ชายหนุ่มเรียกไว้ เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำท่าจะตรงเข้าไปหาพาสนาให้ห้อง

“ไม่ต้องห่วง แค่แวะมาเยี่ยมเฉยๆ เดี๋ยวชั้นก็กลับแล้ว” ร่างสูงหันมาตอบเรียบๆ แม้ว่าก่อนที่จะมาเค้าจะตั้งใจแล้วว่าจะเชื่อใจพาสนา และพร้อมจะฟังทุกเรื่องที่เธออยากบอก แต่ก็อดจะประชดไม่ได้

“ไม่ใช่อย่างนั้น ชั้นอยากคุยกับแกก่อน มาคุยกันก่อนได้มั้ย” เสี้ยวเทียนรีบอธิบายต่อ

“เดี๋ยวค่อยออกมาคุยก็ได้”

“ไม่ ชั้นขอเวลาแกแป๊บเดียว มาคุยกันก่อน” เสี้ยวเทียนไม่ยอมแพ้ เค้าฉุดแขนเพื่อนให้มานั่งด้วยกันที่โซฟากลางห้อง

“คือเรื่องที่เกิดขึ้น...” แค่พอเริ่มต้นจะอธิบาย เสี้ยวเทียนก็โดนอีกฝ่ายยกมือห้าม

“ไม่ต้องอธิบายหรอก อย่างที่ชั้นบอกพาส ชั้นไม่ได้โกรธอะไร ที่มานี่ก็เป็นห่วงเพราะเห็นว่าไม่สบาย ไม่ได้อยากจะมาทำให้เรื่องมันยุ่ง มีอะไรไว้ค่อยพูดกัน” ตอนนี้ในใจของคนพูดลอยเข้าไปหาคนในห้องด้วยความเป็นห่วงเสียแล้ว ไม่มีอารมณ์จะฟังอะไรทั้งสิ้น

“โว้ย ฟังก่อนสิวะ เอาแต่พูดๆๆ ฟังคนอื่นเค้ามั่ง แกกำลังเข้าใจผิดรู้มั้ย ชั้นอยากคุยกับแกให้รู้เรื่องก่อน ไม่อยากให้แกเข้าไปหาเค้าทั้งๆที่ก็ยังเข้าใจผิดอยู่แบบนี้” เสี้ยวเทียนเริ่มเสียงดังด้วยความหงุดหงิด จากที่พยายามพูดค่อยๆมาตลอดเพราะกลัวที่นอนอยู่อีกห้องจะให้ยิน เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่พูดอะไรเสี้ยวเทียนจึงเริ่มพูดต่อ

“ทุกเรื่องมันเป็นการเข้าใจผิด เริ่มตั้งแต่เรื่องข่าวเลยนะ ชั้นเชื่อว่าแกเริ่มคิดมากตั้งแต่เห็นข่าวใช่มั้ย” เจอรี่พยักหน้ายอมรับ เสี้ยวเทียนเลยพูดต่อ

“แกก็รู้ว่านักข่าวบ้านเรามันเป็นยังไง วันนั้นชั้นแค่ชวนพาสให้มันไปช่วยเลือกกีตาร์ แล้วก็ไปกินข้าวกัน แล้วก็ไปส่งมันไปเอารถที่บริษัท ส่วนอีกข่าว คืนนั้นชั้นก็ไม่ได้มาหาไอ้พาส ชั้นมาห้องแวนเนส ไอ้ไจ๋ก็มา แต่นักข่าวมันดันไม่เอาไปลงข่าว” เจอรี่ยังคงไม่พูดอะไร แต่ก็เห็นว่าเค้ากำลังตั้งใจฟัง เสี้ยวเทียนเลยพูดต่อ

“ส่วนเรื่องเมื่อคืนนั้น มันไม่ได้เป็นอย่างที่แกเห็น พาสมันขาเจ็บเพราะดันซุ่มซ่ามเดินไปเหยียบตะปู ชั้นเลยพามันไปหาหมอ มันเดินไม่ไหว ก็เลยต้องประคองกันมาอย่างที่นายเห็น คืนนั้นมันพยายามโทรไปอธิบายให้นายฟัง แต่นายก็ไม่รับโทรศัพท์เลย แล้วก็เพราะมันเดินไม่ถนัดนี่แหละ ชั้นเลยไม่อยากให้มันขับรถ กลัวมันจะขับไปชนใครตาย ก็เลยอาสามารับมัน เพื่อนขาเจ็บนะโว้ย แกจะให้ชั้นนิ่งดูดายได้เหรอวะ แกก็รู้นิสัยชั้นดีว่าเป็นยังไง” พูดไปเรื่อยๆสรรพนามที่ใช้ก็เริ่มเปลี่ยนไปตามอารมณ์คนพูด

“แล้วนี่ที่มันไม่สบายอยู่ก็เพราะแผลมันอักเสบจนไข้ขึ้น เป็นตั้งแต่เมื่อวานเย็น ไม่รู้ไปวิ่งตามหมาที่ไหนมา แผลก็ยังไม่หายยังทำซ่าส์” เสี้ยวเทียนกัดเล็กๆ เล่นเอาคนที่นั่งฟังสะดุ้งโหยงรู้สึกเหมือนถูกกระทบยังไงก็ไม่รู้ ก็ไอ้หมาที่มันบอกน่ะ มันเค้าเองนี่หว่า ที่ปล่อยให้เธอวิ่งตามหาที่ชายทะเลเมื่อวานน่ะ

...โธ่ ที่พาสต้องมาไม่สบายขนาดนี้ก็เพราะเราเองหรือนี่... เจอรี่อดคิดโทษตัวเองในใจไม่ได้

“เป็นไง เคลียร์มั้ย ตกลงเรื่องทั้งหมด มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด ที่คนงี่เง่าบางคนไม่ยอมรับฟังเหตุผลแท้ๆ” เอาน่า ไหนๆก็อธิบายทุกอย่างหมดแล้ว เค้าขอด่าไอ้เพื่อนตัวแสบซักทีเถอะ

“ก็...” เจอรี่อ้าปากจะเถียง แต่ไม่ทันร่างหนาที่เครื่องเริ่มติด

“ชั้นไม่นึกว่าแกจะเป็นไปได้ขนาดนี้เลยนะอาเจิ้น ทำตัวเป็นเด็กๆ แก่แล้วนะโว้ย หรืออายุสมองมันโตสวนทางกับร่างกายวะ แกเคยเป็นคนมีเหตุผล มีความรับผิดชอบไม่ใช่เหรอ นี่อะไร เอะอะก็พูดเองเออเอง เข้าใจไปเอง งานการก็ทิ้งหมด ที่สำคัญ แกรู้มั้ยว่าแกกำลังทำร้ายจิตใจคนที่รักและศรัทธาในตัวแกอย่างพาส นี่ไม่นับเรื่องที่แกทำให้พวกชั้นต้องมาดูแลแฟนแกแทนแกอีกนะ ชั้นกับแวนเนสไม่เป็นอันต้องทำอะไรกันล่ะ กลัวไอ้พาสมันจะฆ่าตัวตาย” จริงๆเสี้ยวเทียนก็รู้ล่ะ ว่าคนอย่างพาสนาน่ะ ไม่ทำอะไรปัญญาอ่อนอย่างนั้นหรอก แต่เห็นหน้าเพื่อนซีดเอาๆ เลยขอซ้ำเติมซะหน่อย แล้วก็ได้ผลเพราะสีหน้าคนฟังสลดลงไปถนัดใจ

“พาสเสียใจขนาดนั้นเลยเหรอวะ” พูดไปแล้วเจอรี่ก็แทบจะเขกกะโหลกตัวเองที่ถามอะไรไม่เข้าท่า

“ถามได้...คิดว่าตัวเองเสียใจเป็นคนเดียวหรือไงวะ” เสี้ยวเทียนอดจะโมโหแทนพาสนาไม่ได้

“ชั้น...ชั้นขอโทษ” เจอรี่ไม่รู้จะพูดอะไรให้มันดีกว่านี้ เค้ารู้ว่างานนี้เค้าเป็นคนผิดเต็มๆ

“คนที่นายควรจะขอโทษไม่ใช่ชั้น แต่เป็นคนในห้องโน่น”

“พาสเป็นยังไงบ้าง” เจอรี่ถามเสียงอ่อย

“จะเป็นยังไง พาสก็ยังเป็นพาส ตอนแรกก็ซึมไปเหมือนกัน อย่างที่โทรไปบอกนั่นแหละ เมื่อคืนตอนไข้ขึ้นไม่รู้สึกตัว มันก็เพ้อหาแต่แก แต่ตอนนี้ไม่รู้จริงๆว่ะ ว่ามันคิดอะไร มันดูนิ่งจนน่ากลัว เอาเป็นว่าในเมื่อรู้ตัวว่าผิดก็พยายามง้อหน่อยแล้วกันนะเพื่อน คราวนี้อาจจะหนักหน่อย แต่ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น จำไว้” ต่อให้หมั่นไส้เพื่อนยังไง แต่เสี้ยวเทียนก็อดที่จะให้กำลังใจด้วยการตบหนักไปที่ไหล่หนาไม่ได้ เพราะงานนี้ท่าจะหนักเอาเรื่องอยู่

“อืมมม” เจอรี่รับคำสั้นๆ ก่อนจะลุกเดินไปยังห้องนอนของพาสนา ตามด้วยเสี้ยวเทียน
.
.
.
“เสี้ยวเทียน ชั้นว่าประตูบ้านชั้นก็ไม่ได้อยู่ไกลนักนะ ทำไมแกใช้เวลานานจังวะ” เสียงพาสนาถามลอยมาเมื่อได้ยินเสียงคนเปิดประตูเข้ามา แต่ตาของหญิงสาวก็ยังไม่ละจากหนังสือในมือ

“แวนเนสมาแล้วเหรอ” หญิงสาวยังคงถามต่อ เมื่อไม่ได้ยินคำตอบจากฝ่ายที่บุรุกเข้ามาในห้อง แต่ก็ยังมีแต่ความเงียบ จนเธอต้องเงยหน้าขึ้นมามอง


“...........................”

ห้องทั้งห้อง ตกอยู่ในความเงียบชั่วขณะหนึ่ง ก่อนจะมีหน่อยกล้าตายส่งเสียงทำลายความเงียบขึ้น

“เฮ้ย อาเจิ้น เดินเข้าไปสิวะ ยืนขวางประตูอยู่ได้” เท่านั้นแหละ เจอรี่ถึงได้สติ ก้าวเข้ามาหยุดอยู่ข้างเตียงพาสนา ส่งสายตาแห่งความห่วงใยไปให้คนบนเตียง ซึ่งพาสนาไม่ใช่ว่าไม่รู้ แต่เธอไม่อยากรับรู้มากกว่า เลยเลี่ยงเบือนหน้าหนีสายตาคมกล้านั้นไปคุยกับเสี้ยวเทียนที่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้กับบรรยากาศอึมครึมรอบๆตัว

“เสี้ยวเทียน แวนเนสจะมาหรือยัง” หญิงสาวบนเตียงแกล้งทำเหมือนเจอรี่ไม่มีตัวตน เธอมองผ่านเค้าไปยังเสี้ยวเทียนที่มายืนอยู่ที่ปลายเตียง

“มันโทรมาบอกว่าไม่มาแล้ว ติดธุระ” เสี้ยวเทียนโกหกเอาดื้อๆซะอย่างนั้น พลางนึกในใจว่า ...ไม่เป็นไร เดี๋ยวค่อยโทรไปล็อบบี้ไอ้ตี๋เอา...

“อ้าว” คนบนเตียงอ้าปากค้าง

“เออ ชั้นก็มีธุระด่วนว่ะ ต้องไปแล้วเหมือนกัน โทษทีนะพาส” เสี้ยวเทียนเอ่ยต่อ ทำเอาปากเล็กๆที่อ้าอยู่แล้ว อ้ากว้างกว่าเดิมอีกเป็นเท่าตัว ...มันจะทิ้งกันอย่างนี้เลยเหรอ...

“ไหนเมื่อกี๊นายบอกว่าช่วงนี้ลาพักร้อนไง ว่างตลอดไม่ใช่เหรอ แวนเนสก็ด้วยนี่” พาสนาถามอย่างร้อนรน ...อย่าบอกนะ ว่าจะทิ้งให้เราอยู่กับเกอเกอสองคน ยังไม่อยากอยู่กับคนไม่มีเหตุผลตอนนี้โว้ยยยย... หญิงสาวตะโกนอื้ออึงอยู่ในใจไม่กล้าพูดออกไปดังๆ เพราะกลัวเสียเหลี่ยม คนอย่างพาสนา ไม่เคยกลัวอะไรอยู่แล้ว

“เมื่อกี๊เสี่ยวจือพิ่งโทรมาเรียกตัวด่วน พอดีใครบางคนมันเบี้ยวงานน่ะ ชั้นเลยต้องไปแทน” เสี้ยวเทียนทำสีหน้าจริงจังประกอบ ทั้งๆที่ในใจชายหนุ่มต้องพยายามกลั้นยิ้มแทบแย่ จริงๆเสี่ยวจือโทรมาแล้วเหมือนกัน แต่เค้าก็ปฏิเสธไปแล้วด้วยความเป็นห่วงว่าจะไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อนเธอ แต่ตอนนี้คงจะไม่ต้องเป็นห่วงแล้วกระมัง ...ดูท่าไอ้พาสมันสิ น่าขำชะมัด...

“จริงอ่ะ” พาสนายังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้น

“อือ อาเจิ้น แกอยู่เป็นเพื่อนพาสมันหน่อยนะ ชั้นไปล่ะ”

“อ้าว เฮ้ย เสี้ยวเทียน เสี้ยวเทียน ยังคุยไม่รู้เรื่องเลย เสี้ยวเทียน” หญิงสาวตะโกนเรียก แต่ก็ไร้ผล เพราะพอเสี้ยวเทียนพูดจบเค้าก็หมุนตัวออกไปจากห้องทันที
.
.
“พาส”

“เอ่อ...”

หลังจากไม่มีใครยอมพูดอะไรมาพักใหญ่ ในที่สุดทั้งคู่ก็เอ่ยปากขึ้นพร้อมกัน

“พาสพูดก่อนสิ”

“ไม่เอา คุณพูดก่อน” พาสนาเกี่ยง น้ำเสียงที่ใช้ก็ไม่หวานใสเหมือนเคย แต่กลับเจือแววเศร้าและขุ่นมัวไว้อย่างปิดไม่มิด

“พาส พี่ขอโทษ” เจอรี่ใจหายไม่น้อยที่หญิงสาวพูดกับเค้าด้วยคำที่ดูอย่างเหินอย่างนี้ ชายหนุ่มไม่ได้หวังว่าคำพูดสั้นๆ คำขอโทษง่ายๆของเค้าจะทำให้เธอใจอ่อน เค้ารู้ว่าครั้งนี้เค้าทำผิดมากจริงๆ แต่อย่างน้อยแววตาจริงใจที่เค้าพยายามส่งไปให้เธอ ก็น่าจะทำให้เธอยอมฟังเค้าบ้าง

“อืม เสร็จธุระแล้วใช่มั้ย เชิญ ชั้นต้องการพักผ่อน” พาสนาเอ่ยเป็นเชิงไล่ โดยไม่แม้แต่จะชายสายตามามองร่างสูงที่ยืนคอตกอยู่ข้างเตียง

“พาส” เจอรี่พยายามเรียก แต่พาสนาก็ไม่มีทีท่าว่าจะสนใจฟัง หญิงสาวเลื่อนตัวลงนอน ก่อนจะตะแคงไปอีกด้านหันหลังให้เค้าทันที

เจอรี่ก็ไม่ยอมแพ้ ชายหนุ่มตัดสินใจนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงที่เสี้ยวเทียนลากมาไว้ในห้องก่อนหน้านี้ พลางใช้สายตาพิจารณาร่างบางบนเตียงเงียบๆ จนในที่สุดพาสนาก็เป็นฝ่ายที่ทนไม่ได้เสียเอง

“นี่ บอกให้ออกไปได้แล้วไง ชั้นจะนอน” หญิงสาวหันมาตวาดเสียงแข็ง

“ก็นอนไปสิคะ เดี๋ยวพี่นั่งอยู่เป็นเพื่อน” เจอรี่ยังใจเย็น เค้าตั้งใจไว้แล้ว ว่าไม่ว่าพาสนาจะโกรธเค้าขนาดไหน เค้าก็จะไม่ยอมแพ้ รู้ตัวว่าผิดอยู่เต็มประตู ยังไงก็ต้องทำให้เธอหายโกรธให้ได้

“ไม่จำเป็น ชั้นอยู่คนเดียวได้ ไม่รบกวนคุณหรอก เชิญคุณกลับไปได้แล้ว” เธอบอกด้วยน้ำเสียงเย็นชา



Create Date : 13 ตุลาคม 2549
Last Update : 13 ตุลาคม 2549 23:44:21 น. 0 comments
Counter : 235 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

+mosminly+
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




หลังไมค์ถึงมอสซี่เชิญกดเลยค่ะ
Friends' blogs
[Add +mosminly+'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.