Group Blog
 
All blogs
 
ตอนที่ 10

10.


หลังจากอัดเพลงของเสี้ยวเทียนเสร็จเรียบร้อยแล้ว พาสนาและทีมงานก็สามารถมาดูแลในส่วนของเจอรี่ได้อย่างเต็มที่ เพราะนี่ถือเป็นเพลงสุดท้ายของอัลบั้มแล้ว ถ้าอัดเพลงนี้เสร็จเรียบร้อยก็เป็นอันมั่นใจได้เกือบ 90 เปอร์เซ็นต์ว่า อัลบั้มจะเสร็จทันตามกำหนดแน่นอน

การซ้อมของเค้าทั้งสองวันเป็นไปด้วยดี เจอรี่ตั้งใจซ้อมอย่างหนัก จนการซ้อมคืบหน้าไปอย่างรวดเร็ว ทุกคนต่างพอใจกับการทำงานของเจอรี่มาก เพราะเค้าเป็นคนจริงจังและทุ่มเทให้กับการทำงาน เวลาซ้อมก็มีสมาธิสูง และกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้เทคนิคใหม่ๆอยู่เสมอ จึงทำให้เค้าเป็นที่เอ็นดูของพี่ๆนักดนตรีทุกคน บางครั้งเสี้ยวเทียนก็จะเข้ามาดูการซ้อมด้วย แต่ส่วนใหญ่เค้ามักจะออกไปเที่ยวถ่ายรูปตามที่ต่างๆมากกว่า ซึ่งก็แน่นอนว่างานนี้ต้องอาศัยการปลอมตัวเต็มรูปแบบ เพื่อไม่ให้ใครจำได้ และถ้าเมื่อไหร่ที่เสี้ยวเทียนเข้ามาดูซ้อม เมื่อนั้นห้องซ้อมก็จะเต็มไปด้วยเสียงทะเลาะ ถกเถียงกันระหว่าง หนึ่งศิลปินกับหนึ่งโปรดิวเซอร์ สร้างความปวดหัวให้กับทุกคน ถึงทั้งคู่จะยอมเซ็นสัญญาสงบศึก กลายมาเป็นเพื่อนกันแล้ว แต่ให้เจอหน้ากันไม่ได้ เป็นต้องหาเรื่องลับฝีปากกันอยู่เนืองๆ เดือดร้อนถึงเจอรี่ ที่ตอนนี้ต้องกลายเป็นตัวกลางคอยตัดสินความระหว่างสองฝ่าย เพราะพอเถียงกันมากๆเข้า ทั้งคู่ก็มักจะหันไปลากเจอรี่เข้ามาเป็นพวก ซึ่งชายหนุ่มก็พยายามจะทำตัวไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด เพราะถ้าไปเข้าข้างเสี้ยวเทียน ก็โดนพาสนางอน แต่พอไปเข้าข้างพาสนาก็จะโดนเสี้ยวเทียนค่อนแคะอีก

...เฮ้ออออออ กรรมจริงๆอาเจิ้นเอ๊ย... ไม่รู้ว่าตลอดสองวันมานี่ เค้าต้องบ่นกับตัวเองอย่างนี้มากี่รอบแล้ว

เนื่องจากผลของการซ้อมที่ผ่านมาค่อนข้างน่าพอใจ ทีมงานจึงลงความเห็นว่าวันรุ่งขึ้นน่าจะเริ่มลงมืออัดเสียงได้ โดยจะเริ่มอัดส่วนของดนตรีก่อนเช่นเดียวกับเสี้ยวเทียน โดยเจอรี่จะอัดเสียงเปียโนเป็นเครื่องดนตรีสุดท้าย จากนั้นจึงเป็นการอัดเสียงร้อง แล้วก็ยังจะเหลือเวลาอีกหนึ่งวันไว้เป็นวันสำรองเผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินอะไรอีกด้วย เพราะเจอรี่สามารถเคลียร์คิวงานของเค้ามาให้ได้แค่ หนึ่งอาทิตย์เท่านั้น

“เอาล่ะ เป็นอันตกลงว่า พรุ่งนี้เราจะเริ่มอัดเสียงกันตั้งแต่ตอนเช้านะ เจอกัน 9 โมง ที่ห้องอัด คิดว่าแค่ช่วงเช้าก็น่าจะอัดเสร็จหมด แล้วช่วงบ่ายก็เป็นคิวอัดเสียงเปียโนของเจอรี่ ส่วนมะรืนก็ค่อยมาลุยเรื่องเสียงร้องกัน มีใครมีปัญหาอะไรมั้ย” พาสนาประกาศในห้องซ้อมหลังจากจบการซ้อมแบบรวมวงในวันที่ 2 ซึ่งทุกคนก็ส่ายหน้าเป็นสัญญาณว่าไม่มีใครมีปัญหา ยกเว้นชายหนุ่มที่ยืนอยู่หลังไมค์คนเดียว ที่ทำหน้ายุ่ง คิ้วขมวดอย่างคนคิดไม่ตก

“เกอเกอ มีปัญหาอะไรหรือเปล่าฮะ” พาสนาเป็นคนแรกที่จับสังเกตสีหน้าผิดปกติของเจอรี่ได้ เหมือนว่าเค้ากำลังกังวลใจกับอะไรซักอย่างอยู่ ซึ่งคำพูดของเธอก็ทำให้ทุกสายตาในห้องหันมามองที่ชายหนุ่มคนเดียว

“เอ่อ...คือ...ผมยังไม่ค่อยมั่นใจกับเรื่องเปียโนเท่าไหร่น่ะฮะ รู้สึกว่าตัวเองยังเล่นได้ไม่ค่อยคล่องเลย กลัวจะไปทำให้เสียเวลาในห้องอัด” เจอรี่เอ่ยปากบอกกับทุกคน หลังจะลังเลอยู่พักใหญ่ ใจหนึ่งก็อยากเริ่มอัดพรุ่งนี้เลยเพื่อจะสามารถทำงานในห้องอัดได้อย่างสบายๆ ไม่ต้องเร่งมาก แต่อีกใจหนึ่งก็กังวลว่าตัวเองจะกลายเป็นตัวถ่วงของคนอื่นในห้องอัด เค้าไม่อยากให้ทุกคนต้องมารอเค้าซ้อมหรืออัดหลายๆรอบ เลยคิดว่า น่าจะซ้อมให้ชัวร์ๆไปก่อนที่จะเข้าห้องอัดดีกว่า

“ไม่หรอกน่า พี่ว่าเจอรี่ก็เล่นดีแล้วนะ อาจจะมีติดๆขัดๆบ้างนิดหน่อย แต่ก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร เดี๋ยวพรุ่งนี้เล่นซักรอบสองรอบก็น่าจะคล่องแหละ” พี่ชาติให้กำลังใจ จริงอยู่ที่การเล่นเปียโนของเจอรี่จะยังไม่คล่องซะทีเดียว แต่ก็ไม่ถึงกับเลวร้ายเท่าไหร่

“ใช่ฮะ เจอรี่ทำได้อยู่แล้วแหละ” นายกันช่วยให้กำลังใจอีกคน

“แต่ว่า...” เจอรี่ไม่รู้จะตอบยังไง เค้ารู้ว่าทุกคนพยายามให้กำลังใจเค้า แต่ยังไงเค้าก็ยังไม่มั่นใจอยู่ดี แถมเค้ายังเป็นคนที่เกลียดความรู้สึกที่ว่าตัวเองเป็นตัวถ่วงของคนอื่นมากที่สุด และเมื่อถึงเวลาทำงานจริงๆเค้าก็อยากให้มันออกมาดีอย่างไม่มีอะไรผิดพลาด ถึงนี่จะไม่ใช่การแสดงสดที่ไม่สามารถแก้ตัวรอบสองได้ แต่ว่าเค้าก็ให้ความสำคัญกับมันไม่ยิ่งหย่อนกว่ากันเลย

“จริงๆจะเสียเวลาในห้องอัดนิดหน่อยก็ไม่เป็นไรหรอกฮะ เพราะยังไงเราก็มีสำรองวันสุดท้ายไว้อีกหนึ่งวัน แล้วแต่เกอเกอแล้วกัน เอาแบบที่เกอเกอจะสบายใจมากที่สุด แต่สำหรับพาส มันก็เหมือนกันแหละฮะ ระหว่างเสียเวลาในห้องอัด กับเสียเวลาในห้องซ้อม เพราะยังไงจำนวนวันที่เหลือให้ทำงานมันก็มีเหลืออยู่อีกแค่ 3 วันเหมือนกัน...แต่ถ้าถามพาสนะ พาสว่าลองอัดไปก็ไม่เสียหายอะไรนี่ฮะ พาสว่าเกอเกอเล่นได้แล้วแหละ แค่ต้องให้คล่องกว่านี้อีกหน่อยเท่านั้นเอง ไม่ต้องเกรงใจเรื่องทีมงานจะเสียเวลาหรอกฮะ มันเรื่องปกติของการทำงานอยู่แล้ว แต่ก็แล้วแต่เกอเกอตัดสินใจแล้วกันฮะ”

ยังไงความพร้อมของศิลปินต้องมาเป็นหลักอยู่แล้ว ถ้าศิลปินไม่พร้อม แต่ดันทุรังเข็นไป ยังไงก็ไม่ได้อยู่ดี

“อืม...งั้นพี่ขอซ้อมอีกวันแล้วกันนะ” หลังจากนิ่งคิดไปพักหนึ่ง ในที่สุดเจอรี่ก็ตัดสินใจ เพราะเค้ารู้ตัวเองดีว่า เป็นคนที่ชอบกดดันตัวเอง ถ้าก่อนเข้าห้องอัดยังเล่นได้ไม่คล่อง พอถึงเวลาอัดจริงแล้วเค้าจะยิ่งกดดันและเล่นไม่ได้เข้าไปใหญ่

“โอเคฮะ งั้นเป็นว่า พรุ่งนี้เราซ้อมอีกหนึ่งวัน แล้วจะเริ่มอัดกันวันมะรืนนะฮะ” พาสนาสรุป ซึ่งทีมงานทุกคนก็ไม่มีใครคัดค้านอะไร

“แต่ว่า พรุ่งนี้ทุกคนไม่ต้องมาซ้อมเป็นเพื่อนผมก็ได้นะฮะ ผมเกรงใจ เรื่องร้องผมคิดว่าพอจะได้แล้ว เหลือแต่เปียโนอย่างเดียว ทุกคนจะได้พักผ่อนกัน” เจอรี่บอกกับนักดนตรีคนอื่นๆ เพราะพรุ่งนี้เค้าตั้งใจจะซ้อมเปียโนเพียงอย่างเดียวให้คล่องที่สุดเท่าที่จะทำได้

“อืม แต่จริงๆจะให้พวกเราเข้ามาซ้อมเป็นเพื่อนก็ได้นะ” พี่นักดนตรีคนหนึ่งบอกกับชายหนุ่มอย่างใจดี

“ไม่เป็นไรจริงๆฮะ พวกพี่ๆหยุดพักผ่อนเถอะฮะ” เจอรี่ปฏิเสธอย่างนอบน้อม เค้ารู้ว่าทุกคนอยากช่วยเค้า

“ก็ได้ แล้วแต่นายแล้วกัน แต่ถ้ามีอะไรก็โทรตามพวกเราได้นะ”

“ก็ถ้าพรุ่งนี้มีอะไรเดี๋ยวพาสโทรตามพวกพี่แล้วกันนะฮะ วันนี้ขอบคุณมาก แล้วเจอกันอีกทีวันมะรืนนะฮะ” พาสนาบอกพร้อมกับไหว้ขอบคุณนักดนตรีทุกคน ซึ่งเจอรี่ก็ทำอย่างเดียวกัน เป็นอันเสร็จสิ้นการซ้อมของวันนี้


“เกอเกอ จะกลับเลยหรือเปล่าฮะ” พาสนาถาม ระหว่างที่กำลังเดินออกจากห้องซ้อมไปด้วยกัน

“เดี๋ยวรอเสี้ยวเทียนก่อนน่ะ หมอนั่นว่าจะเข้ามาเจอที่นี่ก่อนแล้วค่อยกลับโรงแรมด้วยกัน”

“อืม...งั้นพาสไปก่อนนะฮะ พรุ่งนี้เจอกัน”

“ได้จ้ะ แต่พรุ่งนี้ถ้าพาสมีงานอะไรก็ไปทำได้นะ ไม่ต้องมาอยู่เป็นเพื่อนพี่ทั้งวันหรอก เดี๋ยวจะเบื่อเปล่าๆ บอกพวกพี่ชาติด้วยนะ”

“อยากซ้อมคนเดียว จะได้มีสมาธิก็บอกมาเหอะเกอเกอ ไม่ต้องเกรงใจ” พาสนาหันมายิ้มทำหน้ารู้ทัน

“เอ่อ...” เจอรี่หน้าแดง พลางยกมือมาจับเล่นหูตัวเองเก้อๆ ที่มีคนรู้ทัน

“ฮ่าๆๆ แค่นี้ก็ต้องหน้าแดงด้วย อยากซ้อมคนเดียวก็ซ้อมไปสิ พาสไม่ได้ว่าอะไรซักหน่อย แต่ยังไงพาสก็จะแวะเข้ามาดูเป็นระยะแล้วกันนะฮะ เดี๋ยวโดนหาว่าไม่ทำหน้าที่โปรดิวเซอร์ที่ดี หรือถ้าเกอเกอมีอะไร พาสคงทำงานอยู่ในห้อง หรือไม่ก็โทรเข้าเครื่องพาสก็ได้” หญิงสาวบอกอย่างขำๆ

...ไม่น่าเชื่อว่าคนที่ต้องทำงานอยู่หน้ากล้องมาหลายปีอย่างเค้า จะขี้เขินขนาดนี้ ดูสิหน้าแดงไปหมดแล้ว...

“จ้า...ขอบใจนะ งั้นพี่ไปก่อนล่ะ พรุ่งนี้เจอกัน บาย” เจอรี่บอกก่อนจะเดินแยกไปทางห้องรับรอง

“บายฮะ”


วันรุ่งขึ้นเจอรี่เข้ามาซ้อมตั้งแต่เช้า แล้วก็ขลุกอยู่แต่ในห้องซ้อมตลอด แม้แต่ตอนเที่ยงก็ให้แฟนนี่เอาแซนวิชแบบง่ายๆเข้ามาให้กินในห้องซ้อม เรียกได้ว่าเค้าตั้งใจและทุ่มเทให้กับการซ้อมอย่างมากๆ โดยระหว่างซ้อมพาสนาก็จะแวะเข้ามาดูอยู่เป็นระยะๆ ก่อนจะกลับไปทำงานของตัวเอง

“อ้าว เสี้ยวเทียน มายังไงล่ะ” ระหว่างกำลังจะเดินไปหาเจอรี่ที่ห้องซ้อมพาสนาก็เผอิญเจอเสี้ยวเทียนที่เดินมาจากอีกทางหนึ่งพอดี

“เดินมา ก็เห็นอยู่” เสี้ยวเทียนตอบพลางยักคิ้วอย่างกวนๆ

“เอ๊ะ ไอ้นี่ ชั้นหมายถึงว่า นายไปไหนมา แล้วเข้ามาที่นี่ทำไม”

…ทำไมมันกวนอย่างนี้วะ ให้ตายสิ... หญิงสาวคิดในใจ

“ก็ไปนู่นไปนี่ หลายที่” เสี้ยวเทียนยังยียวนไม่เลิก

“ก็ไอ้ที่นู่นที่นี่ นี่มันที่ไหนล่ะวะ” พาสนาถามกลับ พลางยกมือขึ้นท้าวเอวอย่างเริ่มมีน้ำโห

“จะรู้ไปทำไม ไอ้ตัวยุ่ง” เค้าตอบพลางยกมือขึ้นมาโยกหัวหญิงสาวข้างหน้าเล่น

“แล้วแกจะมายุ่งอะไรกับหัวชั้นไม่บอกก็ไม่อยากรู้ก็ได้” เธอเบี่ยงหัวหลบจากมือผู้ชายตรงหน้า พลางเอื้อมมือปัดผมตัวเอง

...ชริ มือใหญ่ยังกับใบพาย หัวยุ่งหมด...

“ฮ่าๆๆ โทษๆเห็นตัวเล็กๆ นึกว่าคุยอยู่กับเด็กแถวบ้าน” เสี้ยวเทียนหัวเราะอย่างอารมณ์ดีที่ได้แกล้งหญิงสาว

“โห ไอ้นี่ ถือว่าสูงแล้วได้เปรียบหรือไงวะ อย่าให้ถึงทีชั้นมั่งแล้วกัน” หญิงสาวบอกอย่างหมายมาด เนื่องจากโดนมาหลายทีแล้ว ไอ้เรื่องความสูงเนี่ย

“แล้วไง มันเป็นข้อได้เปรียบของคนตัวสูง ฮ่าๆๆ...ว่าแต่แกจะไปไหนเนี่ย” เสี้ยวเทียนเยาะเย้ยซ้ำเข้าซะอีก ก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง

“จะไปดูเกอเกอหน่อย”

“เออดี ชั้นก็กำลังจะไปพอดี เดินไปด้วยกันเลยแล้วกัน”

“ใครอยากเดินกับนาย” หญิงสาวยังไม่หายโมโห

“โห เอาน่า แค่นี้ก็ทำงอน ไปป่ะ เดี๋ยววันนี้เลี้ยงข้าว” เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังหงุดหงิด เสี้ยวเทียนเลยงัดเอาอาหารมาล่อ

“ที่ไหน” พาสนารีบถามกลับ อาการโมโหหายเป็นปลิดทิ้ง

“ไม่ค่อยจะเห็นแก่กินเลยนะแก ฮ่าๆๆ”

“แหม ก็จะได้รับเลี้ยงจากดาราหญ่ายยยยยทั้งที จะเล่นตัวอยู่ทำไมล่ะ”

...สาบานได้ว่าไอ้คำว่า ดาราหญ่ายยยยย ของเธอน่ะ ไม่มีความหมายอื่นแอบแฝงเลย จริงจริ๊งงงงงงง... พาสนาคิด ส่วนนิ้วก็ไขว้กันอยู่ข้างหลัง โดยที่เสี้ยวเทียนไม่เห็น

“รู้ตัวก็ดี ฮ่าๆๆ” เสี้ยวเทียนหัวเราะชอบใจ ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าถูกเพื่อนใหม่ประชดเข้าให้

“งั้นเดี๋ยวชวนเกอเกอไปด้วยดีกว่า”

“ชวนอยู่แล้ว นี่ไม่รู้มันซ้อมเสร็จหรือยัง”

“คงใกล้เสร็จแล้วมั้ง เกอเกอซ้อมติดต่อกันมาตั้งแต่เช้าแล้ว ตอนเที่ยงก็ไม่ยอมออกไปทานข้าว เดี๋ยวก็ไม่สบายกันพอดี” พาสนาบ่นอย่างเป็นห่วง

“แหม รู้สึกจะห่วงกันจังนะ เกอเกอ ของเธอเนี่ย” เสี้ยวเทียนกัดอย่างหมั่นไส้ ตั้งแต่สองคนนี้กลายเป็น เกอเกอ-น้องพาส กันเนี่ย ดูจะเป็นห่วงเป็นใยกันเหลือเกิน คุยกับคนนึงก็จะได้ยินชื่ออีกคนนึงอยู่ตลอด โดยเฉพาะเพื่อนเค้านี่เป็นเอามาก คำก็พาส สองคำก็พาส พาสอย่างนู้น พาสอย่างนี้ จนเค้าออกจะแปลกใจไม่ได้ เพราะไม่เคยเห็นเจอรี่ให้ความสนใจกับใครมากขนาดนี้มาก่อน คิดมาถึงตรงนี้ทั้งคู่ก็เดินมาถึงห้องซ้อมพอดี พวกเขาเปิดประตูเข้าไปเงียบๆ และพบว่าเจอรี่กำลังขมักเขม้นอยู่กับการซ้อมจนไม่สังเกตเห็นพวกเค้าเข้ามา ทั้งคู่จึงเดินไปนั่งรอที่เก้าอี้อย่างเงียบๆ


“อ้าว พวกนายเข้ามากันตั้งแต่เมื่อไหร่” เจอรี่ที่เงยหน้าขึ้นมาจากเปียโนเมื่อเล่นจบเพลง ทักอย่างแปลกใจ เพราะพบว่าเสี้ยวเทียนกับพาสนาเข้ามานั่งเอ้เต้อยู่ในห้องซ้อมแล้ว

“พวกชั้นเข้ามาตั้งนานแล้ว นายมัวแต่ก้มหน้าก้มตาซ้อมล่ะสิ เลยไม่เห็น” เสี้ยวเทียนตอบ เค้าชินแล้วกับความตั้งอกตั้งใจซ้อมอย่างเกินพอดีของเจอรี่

...ก็หมอนี่เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่นา...

“อ้าวเหรอ” เจอรี่อุทานเก้อๆ เค้าไม่รู้สึกเลยจริงๆว่ามีคนเข้ามาในห้อง

“ซ้อมเป็นยังไงมั่งฮะ” พาสนาถามบ้าง จริงๆเธอก็ถามคำถามนี้กับเจอรี่ทุกครั้งที่เข้ามาดูเค้าซ้อมน่ะแหละ แล้วถ้าเดาไม่ผิด ครั้งนี้คำตอบก็คงไม่ต่างจากครั้งก่อนเท่าไหร่

“ยังเล่นได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลยพาส”

...นั่นปะไร เดาไว้ไม่มีผิด เกอเกอตอบอย่างนี้ทุกครั้งที่ถาม ทั้งๆที่ก็เล่นดีขึ้นเรื่อยๆแล้วแท้ๆ... พาสนาคิดในใจ

“ชั้นว่านายก็เล่นคล่องขึ้นมากแล้วนะอาเจิ้น” เสี้ยวเทียนบอก เค้าว่าเท่าที่ได้ฟังเมื่อกี๊มันก็โอเคแล้วนี่นา

“เหรอ แต่ชั้นว่ามันน่าจะคล่องขึ้นอีกนิด แล้วก็น่าจะสื่ออารมณ์ได้ชัดกว่านี้อีกหน่อยนะ” เจอรี่แย้ง ยังไงเค้าก็ยังรู้สึกว่าฝีมือตัวเองยังไม่ดีพออยู่ดี

“นายอย่าใช้มาตรฐานนายวัดสิ หัดเอามาตรฐานชาวบ้านเค้าวัดมั่ง” คำพูดเสี้ยวเทียนทำเอาพาสนาขมวดคิ้วงงๆ

...หมอนี่ พูดอะไร ไม่เห็นรู้เรื่อง...

“ก็อาเจิ้นน่ะ มันเป็นพวกมนุษย์เพอร์เฟค ทุกอย่างต้องดีที่สุด อะไรที่คนอื่นว่าโอเค มันเป็นต้องบอกว่ายังได้อีก ยังดีกว่านี้ได้อีกทุกที ที่สำคัญหมอนี่ กระบวนการตีค่าตัวเองไว้ต่ำน่ะ ไม่มีใครเกินหรอก” เมื่อเสี้ยวเทียนเห็นพาสนาทำหน้างง ก็เลยช่วยอธิบายแกมเผาเพื่อนให้ฟัง

“นายก็พูดเกินไปเสี้ยวเทียน แล้วนี่มีอะไรเข้ามาพร้อมกันทั้งคู่เลย” เจอรี่เปลี่ยนเรื่อง

“ไม่ได้มาพร้อมกันหรอกฮะ พอดีพาสไปเก็บตกเพื่อนเกอเกอได้ที่ทางเดินเมื่อกี๊ เห็นว่าจะมาหาเกอเกอก็เลยหิ้วติดมาด้วย เพราะพาสจะมาดูเกอเกอซ้อมอยู่แล้ว” พาสนาชี้แจง

“นายมีอะไรเหรอ” เจอรี่หันมาถามเสี้ยวเทียน

“นายลืมแล้วหรือไง ก็วันนี้เรานัดกันกินข้าวเย็นไง อะไรวะ เพิ่งบอกเมื่อเช้า” เสี้ยวเทียนบ่น

“อ้าว! อ๋อ เออลืมจริงๆแหละ แล้วนี่ทำไมรีบมาล่ะ ชั้นเพิ่งกินข้าวกลางวันไป ยังไม่หิวหรอกนะ”

“จะบ้าเหรออาเจิ้น นี่มันจะห้าโมงเย็นแล้วนะ”

“ใช่ฮะ จะห้าโมงแล้ว แล้วพาสก็เห็นแฟนนี่เอาแซนด์วิชเข้ามาให้เกอเกอตั้งแต่เที่ยงแล้วด้วย เกอเกอจะเพิ่งกินข้าวได้ไง” พาสนาช่วยยืนยัน พลางยื่นนาฬิกาข้อมือของเธอให้เจอรี่ดู

“เออ จริงด้วย ซ้อมเพลินไปหน่อย” เจอรี่ยอมรับขำๆอย่างไม่เห็นว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร

...ก็แค่ลืมเวลาไปหน่อยเท่านั้นเอง... ชายหนุ่มพยายามแก้ตัวกับตัวเอง

“แล้วนี่จะไปได้หรือยัง” เสี้ยวเทียนถาม

“ไปไหน”

“อะไรของนายวะอาเจิ้น ก็ไปกินข้าวไง” เสี้ยวเทียนเริ่มเป็นห่วง ...ทำไมมันดูไม่มีสติขนาดนี้เนี่ย...

“อ๋อ พวกนายไปกันเหอะ ชั้นขอตัว อยากซ้อมต่ออีกหน่อย เพราะยังไงพรุ่งนี้ก็ต้องอัด อยากเล่นให้ดีกว่านี้อีกนิด”

“ไม่เป็นไรฮะ เกอเกอซ้อมไปเหอะ เดี๋ยวพาสกับเสี้ยวเทียนนั่งเป็นเพื่อน ซ้อมเสร็จแล้วเราค่อยไปกินข้าวด้วยกัน นายยังไม่หิวใช่มั้ยเสี้ยวเทียน” พาสนาหันไปส่งซิกให้ชายหนุ่มร่างหนาอีกคน เธอรู้สึกเป็นห่วงเจอรี่ ไม่อยากทิ้งให้เค้าซ้อมคนเดียว

“อือ จริงๆชั้นก็ยังไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ รอนายซ้อมเสร็จค่อยไปก็ได้ นายซ้อมต่อเถอะ เดี๋ยวพวกเรานั่งรออยู่นี่แหละ ไม่รบกวนนายหรอก” เสี้ยวเทียนก็เห็นด้วยกับพาสนา ว่าไม่อยากปล่อยให้เจอรี่ต้องซ้อมอยู่คนเดียว ที่สำคัญ ยังไงก็ต้องลากมันไปกินข้าวด้วยให้ได้ ไม่งั้นเพื่อนเค้าก็คงจะเนียนไม่ยอมกินข้าวอีกเป็นแน่

“เอางั้นก็ได้” เจอรี่รับคำง่ายๆ ก่อนจะเริ่มซ้อมต่อ


ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง เจอรี่ก็ยังไม่มีท่าทางจะเลิกซ้อม แม้ว่าตามความเห็นของพาสนาและเสี้ยวเทียน ตอนนี้เค้าจะเล่นได้ดีมากแล้วก็ตาม

“เกอเกอ พักทานน้ำก่อนเถอะฮะ” พาสนาบอกพลางเดินเอาขวดน้ำไปส่งให้

“ขอบใจนะพาส” เจอรี่ยิ้มขอบคุณพลางเอื้อมมือมารับขวดน้ำจากเธอ ก่อนจะยกขึ้นดื่ม

“มือเกอเกอ เป็นอะไรอ่ะฮะ” พาสนาถามอย่างตกใจ เมื่อเห็นว่ามือของเจอรี่ที่ถือขวดน้ำอยู่นั้นมีอาการสั่นนิดๆ

“ไหน ไม่มีอะไรซะหน่อย” เจอรี่รีบวางขวดน้ำ ทำเป็นพลิกมือดูไปมา

“พาสกลับไปนั่งเถอะ พี่ไม่เป็นอะไรหรอก เดี๋ยวขอซ้อมต่ออีกหน่อย นะ นะ” เจอรี่คะยั้นคะยอ เมื่อเห็นว่าหญิงสาวยังไม่ยอมเดินกลับไปนั่งง่ายๆ แถมยังคอยมองที่มือเค้าไม่วางตาอีกด้วย

“แต่พาสว่า เกอเกอเล่นดีแล้วนะฮะ วันนี้พอแค่นี้เถอะฮะ” หญิงสาวบอกด้วยความเป็นห่วง

“ทำไมล่ะ หิวแล้วเหรอ ก็บอกแล้วไงว่าให้ไปกับเสี้ยวเทียนเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วงพี่”

“ไม่ได้หิวฮะ แต่พาสเป็นห่วง ไม่อยากให้เกอเกอหักโหมมากเกินไป”

“เอาน่า ขอพี่ซ้อมอีกหน่อย พี่ไม่เป็นไรหรอก ออกจะแข็งแรง”

“ไม่เอาแล้วฮะ พอเถอะ เกอเกอเล่นได้แล้วแหละ ไว้พรุ่งนี้ไปลุยให้ห้องอัดเอา” หญิงสาวยังพยายามโน้มน้าวต่อ แต่ไม่ว่าเธอจะพูดยังไงเจอรี่ก็ยังยืนยันที่จะขอซ้อมต่ออีกหน่อย จนเธอต้องล่าถอยไปนั่งที่เก้าอี้กับเสี้ยวเทียน แต่ก่อนจะไปเธอยังเหลือบมองมือของเจอรี่พลางขมวดคิ้วอย่างไม่วางใจ

...สาบานได้ ว่าเมื่อกี๊เธอเห็นเค้ามือสั่นจริงๆนะ มันต้องมีอะไรผิดปกติซักอย่างแน่ๆ...



Create Date : 13 ตุลาคม 2549
Last Update : 13 ตุลาคม 2549 23:52:10 น. 0 comments
Counter : 231 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

+mosminly+
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




หลังไมค์ถึงมอสซี่เชิญกดเลยค่ะ
Friends' blogs
[Add +mosminly+'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.