Group Blog
 
All blogs
 
ตอนที่ 32

32.


เป็นนานกว่าที่เจอรี่จะตัดใจถอนริมฝีปากจากพาสนาได้ ตอนนี้ใบหน้าหวานที่เคยซีดเซียวเพราะพิษไข้ กลับแดงก่ำเหมือนลูกมะเขือเทศสุก ขัดกับตาเขียวๆวาวๆของเธอที่มองมาอย่างกล่าวหา

“เกอเกอแกล้งพาสอีกแล้วนะ”

“ใครบอกว่าแกล้ง เอาจริงต่างหาก” สายตาเจ้าเล่ห์ที่เจ้าตัวจงใจส่งมาให้ ทำเอาพาสนาหนาวๆร้อนๆ รีบเขยิบตัวถอยห่างออกมาโดยอัตโนมัติ

“โอ๋ๆๆ ไม่แกล้งแล้วจ้ะ มานั่งนี่เถอะ” เค้าพูดพลางเอามือตบลงบนที่ว่างข้างตัว

“ไม่เอาอ่ะ เกอเกอท่าทางไม่น่าไว้วางใจ พาสนั่งนี่แหละดีแล้ว” นี่ที่พาสนาบอกก็คือ โซฟาเดี่ยวอีกตัวที่อยู่ใกล้ๆกัน

“โธ่ พาส...รู้มั้ยห่างกันตั้งหลายวัน พี่คิดถึงพาสจะแย่ มานั่งนี่เถอะนะ” เจอรี่ยังคงอ้อนต่อ

“ก็เพราะใครล่ะ” พาสนาย้อน

“โอ๋ๆๆ พี่ผิดไปแล้ว พี่มันไม่ดี จะให้ขอโทษซักกี่รอบก็ยอม มานั่งนี่เถอะนะ”

“ถ้าพาสไปนั่งนั่น เกอเกอห้ามแกล้งพาสแบบเมื่อกี๊อีกนะ” เจอน้ำเสียงอ้อนๆเข้าหน่อย พาสนาก็เริ่มใจอ่อน

“จ้ะ” เจอรี่รับคำเป็นมั่นเหมาะ พาสนาจึงยอมเขยิบมานั่งข้างๆเค้าแต่ก็ยังรักษาระยะห่างไว้อยู่

“เอ๊ะ” หญิงสาวทำตาขวาง เพราะทันทีที่นั่งลง เจอรี่ก็เขยิบเข้ามาใกล้ พร้อมกับท่อนแขนแข็งแรงที่เอื้อมมาโอบร่างบางไว้ในอ้อมแขน แล้วจมูกโด่งๆก็มาคลอเคลียอยู่แถวๆไรผมไม่ยอมห่าง

“พี่ก็แค่อยากอยู่ใกล้พาสเท่านั้นเอง” เจอรี่รีบอ้อน

“แต่พาสอึดอัดนี่นา เกอเกอ...ปล่อย” พาสนาแกล้งทำเสียงแข็ง แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะอ้อมแขนนั้นแค่คลายออกนิดหน่อยเท่านั้น

“เกอเกอ จะปล่อยไม่ปล่อย?”

“พาสอ่ะ อย่าดุสิ พี่ใจฝ่อหมด” อีกฝ่ายพูดพร้อมกับทำตาปรอย แต่จนแล้วจนรอด เจอรี่ก็ยังไม่ยอมปล่อยเธอเป็นอิสระซักที

“เนี่ยนะใจฝ่อ ไม่อยากจะเชื่อ” หญิงสาวพูดพลางดิ้นดุ๊กดิ๊ก แต่ก็ไม่มีท่าว่าจะหลุดจากวงแขนของเค้าง่ายๆ จนในที่สุดหญิงสาวก็หยุดดิ้นไปเอง

“เฮ้ออออ ชื่นใจ” อยู่ดีๆเจอรี่ก็พูดขึ้น

“ก็ชื่นใจ ที่พาสให้โอกาสพี่อีกครั้งไงคะ” เค้าอธิบายต่อ เมื่อเห็นร่างบางในอ้อมแขนเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม

“ทำพูดดี เดี๋ยวเปลี่ยนใจซะดีมั้ย” ปากบางๆช่างเจรจานั้นน่าสัมผัสจนเจอรี่แทบจะอดใจไม่ไหว แต่ก็ต้องห้ามใจไว้ก่อน เพราะไม่อย่างนั้น วันนี้คงคุยกันไม่รู้เรื่องเป็นแน่ แค่ได้อยู่ใกล้ ได้สัมผัส ได้รับรู้ถึงกลิ่นหอมจางๆจากร่างบางบนตักนี่ เค้าก็แทบจะห้ามตัวเองไม่ให้ล่วงเกินเธอไม่ได้แล้ว แต่เจอรี่ก็รู้ดีถึงความควรไม่ควร จึงพยายามข่มใจไว้ทั้งที่ทำได้ยากเต็มทน

“ไม่เอา ห้ามเปลี่ยนใจแล้ว พี่ไม่ยอมจริงๆด้วย” เจอรี่พูดพลางโยกร่างบางในอ้อมแขนไปมาอย่างเด็กเอาแต่ใจ

“เกอเกอเดี๋ยว คุยกันให้รู้เรื่องก่อน” น้ำเสียงจริงจังที่เธอใช้ดึงเค้าให้หยุดเล่น แล้วหันมาพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงจริงจังไม่แพ้กัน

“ครับ แต่ก่อนที่พาสจะพูดอะไร พี่อยากให้พาสรู้ว่าพี่เสียใจจริงๆ”

“พาสก็เสียใจ ที่เกอเกอไม่เชื่อใจพาส” คำพูดนั้นเจือกระแสน้อยใจอย่างปิดไม่มิด

“พี่ขอโทษ พี่ก็แค่อิจฉาเสี้ยวเทียน” เจอรี่สารภาพเสียงอ่อย

“เกอเกอ พาสขออะไรหน่อยได้มั้ย”

“อะไรจ๊ะ” ชายหนุ่มถามเสียงหวาน

“ต่อไป พาสอยากให้เกอเกอเชื่อใจพาสมากกว่านี้ สงสัยอะไร ถามพาส อย่าเข้าใจไปเองแบบนี้อีก เกอเกอรับปากพาสได้มั้ย”

“ได้จ้ะ ต่อไปนี้ มีอะไรพี่จะถามพาสก่อน จะไม่ทำตัวงี่เง่าแบบนี้อีก” เจอรี่รับปาก ก่อนจะพูดต่อ

“พี่ก็อยากให้พาสเชื่อใจพี่เหมือนกัน แล้วพี่ขออะไรพาสบ้างได้มั้ย” หลังจากหยุดคิดชั่วครู่ เจอรี่ก็ตัดสินใจพูดออกไป จริงอยู่คราวนี้เค้าเป็นคนผิด แต่เมื่อนึกถึงภาพและเหตุการณ์ต่างๆที่ผ่านมา ก็ทำให้เค้าอดขอร้องอะไรเธอบ้างไม่ได้

“เกอเกอลองบอกมาก่อนสิ ถ้าพาสทำได้ก็จะทำให้”

“คือ.............................พี่เพิ่งรู้ตัวว่าพี่เป็นคนขี้หึงนิดหน่อยอ่ะ พี่เข้าใจว่าพาสเป็นคนมีเพื่อนเยอะ แต่มันก็อดหึง อดหวงไม่ได้ พาสเข้าใจมั้ย พี่แค่อยากขอว่า บางครั้งพี่อาจจะหงุดหงิด อาจจะงี่เง่าไปบ้าง พาสช่วยใจเย็นๆกับพี่หน่อยได้มั้ย แต่พี่ก็จะพยายามปรับนะ แค่ขอเวลาพี่บ้างนะพาส” ชายหนุ่มพูดเสียงออดๆ

“ก็ได้ เอาเป็นว่าพาสจะพยายามใจเย็นๆ กับความขี้หึงบ้าๆของเกอเกอแล้วกันนะ” พาสนาไม่วายกัด

“ว่าพี่เหรอพาส ที่พี่เป็นอย่างนี้ก็เพราะพาสน่ะแหละ ยัยตัวดี” เจอรี่เอื้อมมือไปหยิกจมูกรั้นๆนั้นอย่างหมั่นเขี้ยว

“โอ๊ย เกอเกออ่ะ ความผิดพาสที่ไหน อย่ามาโบ้ยนะ” หญิงสาวโวยวาย พลางคลำจมูกป้อยๆ

“ก็อยากมาทำให้เค้ารักทำไมล่ะ” เค้าโวยบ้าง

“แล้วใครใช้ให้มารักล่ะ” คราวนี้พาสนาเริ่มตาขวาง แล้วก็เป็นเจอรี่ที่ต้องเป็นฝ่ายยอมอีกจนได้ ...ทำไงได้ล่ะ ก็หลวมตัวรักไปแล้วนี่... เค้าคิดในใจอย่างปลงๆ หลังจากนั้นพวกเค้าก็พูดคุยปรับความเข้าใจกันอีกพักใหญ่ สลับกับการกระเซ้าเย้าแหย่กันไปมา เรื่องราวทั้งหลายที่เกิดขึ้น ถูกนำมาเคลียร์กันให้เข้าใจ จนเจอรี่เห็นว่าได้เวลาพอสมควรแล้วจึงไปจัดการทำอาหารเย็นให้หญิงสาว โดยไม่ยอมให้เธอช่วยอะไรเหมือนเดิม แม้ว่าพาสนาจะพยายามอ้อนยังไงก็ตาม เค้าให้เหตุผลว่าเธอยังไม่หายดี ไม่ควรหักโหมทำอะไรมากนัก นั่งนิ่งๆเป็นเด็กดีอยู่บนโซฟาแหละดีแล้ว...


วันรุ่งขึ้น เจอรี่ก็ยังขลุกอยู่เป็นเพื่อนพาสนา แม้ว่าหญิงสาวจะบอกว่าเธอหายดีพอที่จะช่วยเหลือตัวเองได้แล้ว เค้าก็ยังไม่วางใจ

“เกอเกอ พาสไม่ใช่เด็กแล้วนะ ดูแลตัวเองได้ เกอเกอไปทำงานเถอะ หยุดมาหลายวันแล้วนะ” หญิงสาวทำเสียงกระเง้ากระงอด วันนี้ช่วงเช้าเค้าขอตัวกลับไปเอาของจากคอนโดตัวเอง แล้วก็กลับมาพร้อมกับหนังสือตั้งใหญ่ แผ่นซีดีหนังจำนวนมาก แถมด้วยโน้ตบุ๊คอีกหนึ่งเครื่อง

“ไม่มีงาน” เจอรี่เงยหน้าจากโน้ตบุ๊คขึ้นมาบอกสั้นๆ ตอนนี้ทั้งคู่นั่งอยู่ด้วยกันบนโซฟา หลังจากที่หญิงสาวโวยวายว่า ไม่ว่าเป็นตายร้ายดียังไง เธอก็จะไม่ยอมแนวแกร่วอยู่บนเตียงอีกแล้ว ทำให้เจอรี่ต้องยอมให้เธอมานั่งจุ้มปุ๊กอยู่ข้างๆเค้าที่โซฟากลางห้อง กับยอมให้เธอเดินไปมาภายในห้องบ้าง แต่แน่นอน ต้องมีข้อแม้ว่าต้องให้เค้าประคองไปเท่านั้น ห้ามเดินเองโดยเด็ดขาด

“ไม่มีได้ไง ปกติเกอเกองานยุ่งจะตาย นี่ก็มาอยู่กับพาสหลายวันแล้วนะ” หญิงสาวไม่ยอมเชื่อ

“ก็ไม่มีจริงๆ” เจอรี่ยืนยันเป็นมั่นเป็นเหมาะ

“ไม่เชื่อ ก็ก่อนไปญี่ปุ่น เกอเกอยังบ่นอยู่เลยว่ากลับมาแล้วมีงานรออยู่เพียบ แล้วไอ้งานพวกนั้นมันไปไหนซะหมดล่ะ”

“โดนไอ้เจ้าพวกนั้นแย่งไปหมดแล้ว” เค้าตอบหน้าตาย

“โดนแย่ง หรือเกอเกอเบี้ยวเองกันแน่”

“เอ่อ....” เจอถามแทงใจดำอย่างนั้น เจอรี่เลยแก้ตัวไม่ค่อยออก ...ไอ้เสี้ยวมันต้องแอบฟ้องพาสแน่ๆ…

“ทำไมเกอเกอเหลวไหลอย่างนี้ งานตัวเองมีไม่ไปทำ แถมยังโยนให้ชาวบ้านเค้าอีก”

“เสี้ยวเทียนมันต้องโทรมาฟ้องแน่ๆเลยใช่มั้ย” เจอรี่ถามพลางนึกด่าเพื่อนในใจ

“ไม่ต้องเฉไฉเลยนะ เสี้ยวเทียนไม่เกี่ยว พาสได้โทรหาใครที่ไหน” ทันทีที่หญิงสาวพูดจบมือถือของเธอก็ดังขึ้นราวกับนกรู้ จริงๆหญิงสาวปิดโทรศัพท์มาหลายวันแล้วเพิ่งจะมาเปิดเอาวันนี้เอง เธอเอื้อมมือจะไปรับ แต่ก็โดนเจอรี่แย่งไปก่อน

“เกอเกอ โทรศัพท์พาสนะ”

“แล้วไง” เจอรี่ทำไม่รู้ไม่ชี้ พลางเหลือบตามองหน้าจอโทรศัพท์ว่าใครโทรมา ...เสี้ยวเทียน... ชื่อที่หน้าจอบอกอย่างนั้น ...มันจะโทรมาทำไมวะ... เจอรี่บ่นในใจอย่างเคืองๆ

“ก็เอามาสิ” พาสนายังพยายามแย่งโทรศัพท์คืน แต่ชายหนุ่มชิงกดรับแล้วเอามาแนบหูซะก่อน



“มีอะไร” เค้าถามเสียงมะนาวไม่มีน้ำ

“โห พูดจาไม่เพราะเลย นี่มารับโทรศัพท์ไอ้พาสได้แสดงว่าคืนดีกันแล้วใช่มั้ย” เสี้ยวเทียนย้อนถามอย่างอารมณ์ดี

“แล้วเกี่ยวอะไรกับนายมิทราบ” เจอรี่ย้อนห้วนๆ

“คนเค้าอุตส่าห์เปิดโอกาสให้ ไม่สำนึกบุญคุญกันเล้ย...ไอ้เรารึอุตส่าห์ทิ้งให้อยู่กันสองต่อสอง แถมยอมไปทำงานแทนไอ้คนเกงานบางคน ดู๊ดู ยังไม่สำนึกบุญคุญกันอีก” เสี้ยวเทียนแกล้งทวงบุญคุญ

“เออ ไอ้เพื่อนประเสริฐ มีอะไรมิทราบขอรับ”

“ขอพูดกับพาสหน่อย”

“ไม่ให้พูด มีอะไรก็พูดกับชั้นได้” เจอรี่ไม่ยอม ในขณะที่พาสนาซึ่งฟังอยู่ข้างๆ ถือโอกาสแย่งโทรศัพท์คืนไปได้ในที่สุด

“ฮัลโหล เสี้ยวเทียนเหรอ” หญิงสาวกรอกเสียงใสๆเข้าไปในโทรศัพท์ เป็นสัญญาณให้รู้ว่า ตอนนี้เธอกับเจอรี่คงสามารถปรับความเข้าใจกันได้เรียบร้อยแล้ว

“อืม เป็นไงบ้าง” เสียงเสี้ยวเทียนดูจะหงอยลงไปเล็กน้อย แต่เจ้าตัวก็สามารถปรับให้กลับมาเป็นปกติได้โดยเร็ว ชนิดที่อีกฝ่ายไม่ทันสังเกต

“ก็ดี จะหายแล้ว” พาสนาตอบกลับไปอย่างร่าเริง

“เรื่องนั้นน่ะรู้แล้ว แกถึกจะตาย ไม่เป็นอะไรง่ายๆหรอก ชั้นหมายถึงแกกับอาเจิ้นต่างหาก”

“ก็ไม่มีอะไรนี่” หญิงสาวแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง

“ไม่มีอะไรก็ดีแล้ว อย่าขี้งอนให้มันมากนักเลยวะ ผู้หญิงทำอ่ะน่ารัก แต่แกทำแล้วมันน่าหมั่นไส้ ไม่รู้อาเจิ้นมันหลงผิดไปได้ยังไง” เสี้ยวเทียนแหย่

“ไอ้บ้าเสี้ยว เงียบไปเลย...นี่แกอยู่ไหนอ่ะ มากินข้าวกันมั้ย เริ่มเบื่อหน้าคนบางคนแถวนี้แล้ว” พาสนารีบเปลี่ยนเรื่อง ก่อนจะเข้าตัวไปมากกว่านี้ ซึ่งคำพูดของเธอก็ทำเอาคนข้างตัวส่งสายตาขวางๆปากยื่นๆมาให้ พลางเอื้อมมือมาหยิกแก้มเธออย่างจะลงโทษ

“โอ้ย...” หญิงสาวร้อง ก่อนจะหันไปตีมือคนขี้แกล้งข้างๆตัว พร้อมสายตาดุๆ

“เป็นอะไรพาส” เสียงปลายสายถามมาอย่างตกใจที่ได้ยินเธอร้อง

“เปล่า ไม่มีอะไร ว่าแต่เย็นนี้ว่างมั้ย มากินข้าวกัน” หญิงสาวชวนซ้ำ

“ไม่ว่างอ่ะ มีงาน”

“งานอะไรนักหนาวะ” พาสนาถามอย่างสงสัย ก็ไหนตอนที่มาเฝ้าไข้เธอใหม่ๆ เค้าบอกว่าช่วงนี้พักร้อนไงล่ะ

“ก็พอดีมันมีคนแถวนี้บางคนมันเกงาน ชั้นเลยต้องโดนตามมาทำแทนน่ะสิ” เสี้ยวเทียนบอกเหมือนจะฟ้อง ตอนแรกเค้าก็ปฏิเสธงานพวกนี้ไปแล้วแหละ เพราะติดว่าต้องคอยดูแลพาสนา แต่ในเมื่อตัวจริงเค้ากลับมาแล้ว เสี้ยวเทียนจึงไม่เห็นเหตุจำเป็นที่จะต้องปฏิเสธงานเหล่านั้นอีก ซึ่งพาสนาก็พอจะรู้ว่าไอ้บางคนของเค้าน่ะ มันคนไหน หญิงสาวจึงอดไม่ได้ที่จะปรายตาดุๆไปยังคนข้างตัว จนอีกฝ่ายอดเสียวสันหลังวาบๆไม่ได้

“อืม งั้นพรุ่งนี้ล่ะ ชวนแวนเนสมาด้วย” พาสนายังพยายามชวนต่อ

“ยังไม่แน่ใจเลยว่ะ ช่วงนี้งานยุ่งมากเลย เอาเป็นว่าถ้าว่างจะโทรไปแล้วกันนะ”

“เอางั้นก็ได้...เสี้ยวเทียน” พาสนาเรียกไว้ก่อนที่อีกฝ่ายจะวางหูไป

“หืม?” เค้าส่งเสียงมาเป็นเชิงถาม

“แกไม่เป็นอะไรใช่มั้ย” ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้เธอถามออกไปอย่างนั้น

“ถามอะไรแปลกๆ ชั้นจะเป็นอะไรล่ะ คิดมาก” เสียงตอบแกมหัวเราะของเค้า ทำให้เธอถอนหายใจอย่างโล่งอก

“อืม ก็ดีแล้ว ไว้เจอกันนะ บาย”

“บาย” จากนั้นต่างฝ่ายก็ต่างวางหู


หลังจากวางหูจากพาสนาแล้ว เสี้ยวเทียนก็ได้แต่นั่งจ้องโทรศัพท์ในมือเงียบๆ ใจคิดไปถึงเจ้าของเสียงใสๆที่คุยกันเมื่อสักครู่ ก่อนที่เจ้าตัวจะสลัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกไป

...ไม่เอาน่าเสี้ยวเทียน นายควรดีใจกับเพื่อนสิ ที่นายรู้สึกมันก็แค่ความรู้สึกดีๆ กับคนที่คุยกันรู้เรื่อง มันยังไม่มากไปกว่านั้นหรอก นายยังห้ามตัวห้ามใจทันน่า เพื่อนมีความสุขก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ... เสี้ยวเทียนบอกตัวเองปลงๆ กับความรู้สึกแปลกๆที่เกิดขึ้น แต่เค้าก็ยังดีใจที่สามารถห้ามใจตัวเองได้ก่อนที่จะถลำลึกไปกว่านี้ อีกอย่าง น้ำเสียงของพาสนาและเจอรี่ที่ได้ยินเมื่อกี๊ฟังดูก็รู้ว่าพวกเค้ามีความสุขแค่ไหน แล้วคนอย่างเค้าที่รักเพื่อนยิ่งกว่าอะไร จะทำอะไรได้อีก นอกจากยินดีไปกับทั้งคู่ด้วย

ฝ่ายพาสนาเมื่อวางสายจากเสี้ยวเทียนแล้ว ก็หันมามองเจอรี่ดุๆ

“เกอเกอ”

“จ๋า” ชายหนุ่มรีบขานเสียงหวาน

“นี่เกงานมาใช่มั้ย” พาสนาถามอย่างเอาเรื่อง

“ไม่ได้เก แค่บอกแฟนนี่ว่าขอยกเลิกงานช่วงนี้เท่านั้นเอง” เจอรี่สารภาพเสียงอ่อย

“เกอเกอนะเกอเกอ ทำไมเหลวไหลอย่างนี้” หญิงสาวถึงกับส่ายหัว

“ก็พี่เป็นห่วงพาสนี่นา”

“พาสดูแลตัวเองได้ บอกกี่ครั้งแล้ว”

“ก็แหม มันห้ามใจไม่ให้ห่วงไม่ได้นี่นา ถึงพี่ไปทำงาน พี่ก็ไม่มีสมาธิหรอก” เจอรี่บอกอ้อนๆ ตาปรอยๆ จนพาสนาใจอ่อนอีกจนได้ ไม่รู้ทำไม เธอไม่เคยใจแข็งกับผู้ชายตัวโตคนนี้ได้ซักที

“อย่าลืมขอบคุณเสี้ยวเทียนกับแวนเนสเค้าซะด้วย อุตส่าห์รับทำงานแทนให้ ไม่งั้นเกอเกอไม่ได้หยุดสบายๆอย่างนี้หรอก” หญิงสาวไม่วายสั่ง

“จ้า”
.
.
.
.
.
“เกอเกอ พาสง่วงแล้วอ่ะ” หลังจากเงียบไปพักหนึ่ง หญิงสาวก็ส่งเสียงอ้อนๆมาให้

“ก็ไปนอนสิพาส ไป...เดี๋ยวพี่พาไป” เจอรี่ทำท่าจะพยุงเธอเข้าไปในห้อง แต่พาสนาขืนตัวไว้

“ไม่เอาอ่ะ นอนในห้องจนเบื่อแล้ว” เธองอแง

“อ้าว แล้วจะเอายังไงล่ะ” เจอรี่ถึงกับเกาหัว แต่แป๊บเดียวก็เปลี่ยนเป็นแววตาเจ้าเล่ห์

“เกอเกอคิดอะไรอ่ะ” พาสนาถามอย่างค่อยจะไว้ใจ ลืมเรื่องง่วงนอนไปเสียสนิท

“เปล่านี่” เจอรี่ทำหน้าตาย “ไม่อยากไปนอนในห้องงั้นก็นอนนี่แล้วกัน”

“ก็ดี เกอเกอ ไปเอาหมอนให้หน่อยสิ” หญิงสาวเห็นดีเห็นงามด้วย แถมยังใช้เค้าซะอีกแน่ะ

“เฮ้ย เกอเกอ ทำอะไรอ่ะ” พาสนาร้องอย่างตกใจ เมื่อรู้สึกว่าร่างกายถูกดันให้เอนลง แล้วยิ่งตกใจหนักขึ้นไปอีก เมื่อพบว่าสิ่งที่รองศีรษะเธออยู่ไม่ใช่หมอนอย่างที่เข้าใจแต่แรก แต่กลับเป็นท่อนขาแข็งแรงของชายหนุ่มข้างๆตัวต่างหาก

“อ้าว ก็บอกว่าง่วงนอน ก็นอนสิ” เจอรี่พูดพลางกดหัวเธอไว้ไม่ให้ลุกหนี

“พาสไปนอนในห้องก็ได้” ...ก็แบบนี้มันเขินนี่นา... ตอนนี้หญิงหน้าแดงถึงใบหูไปแล้ว

“ไม่ต้อง นอนตรงนี้แหละ ไหนว่าง่วงไง นอนไป พี่ไม่ทำอะไรหรอกน่า” ขณะที่พูดชายหนุ่มก็ลูบผมเธอเบาๆ เหมือนกล่อมเด็ก จนพาสนาเริ่มเคลิ้ม ด้วยความที่ง่วงอยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

“อืมมม เกอเกอหนักแย่” เสียงเธอบ่นมาเบาๆอย่างไม่จริงจังอะไรนัก

“ไม่หนักหรอกน่า นอนไปเถอะ” เจอรี่ปฏิเสธเบาๆ พลางพิจารณาใบหน้านวลๆบนตัก

“งั้นขอพาสนอนแป๊บนึงนะ ถ้าเกอเกอเมื่อยก็ปลุกพาสนะ” พาสนาบอก ก่อนจะหลับตาลงอย่างวางใจ

“ฝันดีนะคะ คนดีของพี่” ชายหนุ่มอดใจไม่ได้ ต้องก้มหน้าลงไปจุมพิศหน้าผากนวลของคนช่างพูดซะหนึ่งที แต่ก็ไม่มีอะไรมากกว่านั้น


เจอรี่นั่งพิจารณาร่างเล็กอยู่ครู่ใหญ่ ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก พลางสัญญากับตัวเองว่า เค้าจะพยายามทนุถนอมเธอและความรักครั้งนี้ไว้ให้ดีที่สุด และจะไม่ทำให้เธอต้องเสียใจเพราะเค้าอีกแน่นอน ในเมื่อเค้ารักเธอมากขนาดนี้ และถ้าเค้าคิดไม่ผิด เธอก็คงใจตรงกับเค้าเช่นเดียวกัน

คิดมาถึงตรงนี้ ชายหนุ่มก็สูดหายใจเข้าเต็มปอดอย่างเรียกกำลังใจ แม้ว่าพาสนาจะดูห้าวๆไปบ้าง ดื้อไปนิด แต่เค้าก็รักเพราะเธอเป็นเธออย่างนิ้ เป็นคนที่ไม่ได้หวานอย่างใคร ไม่ได้ดีมากมาย แต่รักเธอเพราะเธอเป็นเธอ เป็นพาสนาของเค้าคนเดียว...



Create Date : 13 ตุลาคม 2549
Last Update : 13 ตุลาคม 2549 23:41:34 น. 0 comments
Counter : 177 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

+mosminly+
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




หลังไมค์ถึงมอสซี่เชิญกดเลยค่ะ
Friends' blogs
[Add +mosminly+'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.