• My Guest Book...แวะทักทาย
• E-book ของมิถุนา
• ผลงานรวมเล่มของมิถุนา (พร้อมทดลองอ่าน)
• รวมฉากโรมานต์ที่ถูกตัดทอนไปของมิถุนา (กรุณาอีเมลมาขอพาสเวิร์ดเข้าอ่านที่ busaba401แอตhotmail.com)
• เรื่องสั้นและนิยายตอนพิเศษของมิถุนา
• กรงพยัคฆ์ [Romantic-Suspense...จบแล้ว]
• แผนลวงรัก (คู่แค้นแสนลวง)
• ใต้เงาพยัคฆ์ [Romantic - Suspense] จบบริบูรณ์
• คู่ร้ายหมายรัก [Romantic - Comedy] จบบริบูรณ์
• วายร้ายไม่หน่ายรัก (Notorious Love) [Romantic - Suspense] จบบริบูรณ์
• โซ่ร้อยรัก [เรื่องแปล] จบบริบูรณ์
• Truth or Die [เรื่องแปล] จบบริบูรณ์
• My Make-up Bag & My Closet
• MAC Pigments
• Eating Out
• Traveling Around
• ...
• .......

REVIEW: Ettusais Flat Design Liquid เป็นรองพื้นที่ชอบมากๆ ถ้าให้อันดับก็ติดหนึ่งในสาม top favorite เลยค่ะ ปริมาณ 30 ml ราคา จำไม่ค่อยได้นะคะ ประมาณพันสองหรือพันสามนี่แหละค่ะ เนื้อรองพื้นเป็นแบบน้ำ รู้สึกว่าน่าจะผสมแอลกอฮอล์ (ได้กลิ่นแอลกอฮอล์) กันแดด SPF18 PA++ เหมาะกับคนเป็นสิวง่าย/เป็นสิว เพราะไม่ทำให้เกิดสิว เบอร์ 30 สีจะดูึึค่อนข้างเข้ม (เข้มกว่าในรูปที่สาดแฟลช) แต่มิถุนาผิวออกขาวเหลือง (ใช้รองพื้น MAC NC20 - 30 แล้วแต่ว่าอยากให้หน้าดูสว่างเล็กน้อยไหม) ใช้แล้วสีจะพอดีกับหน้าและคอมากๆ เหมาะกับเวลาถ่ายรูปเิปิดแฟลช ไม่ต้องการให้หน้าดูไบรท์ แต่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่มีกลิ่น ได้แต่กลิ่นแอลกอฮอล์ ดังนั้นใครแพ้แอลกอฮอล์ไม่แนะนำ มาลองบนหลังมือกัน จะทาที่ฝั่งซ้ายนะคะ ฝั่งขวาเป็นมือเปล่าๆ เนื้อรองพื้นเกลี่ยง่าย ซึมไว จะเห็นว่าสีทั้งสองข้างดูเกือบเสมอกัน แต่ฝั่งที่ทารองพื้น Ettusais จะดู ขาวกว่าเล็กน้อย และดูเนียนเรียบ ลองทากับหน้าดูนะคะ *คลิกเพื่อขยาย รูปแรกเป็นหน้าเปล่าๆ ช่วงนี้หน้าเยินเล็กน้อย สิวรุมค่ะ รูปที่สองทารองพื้น จะเห็นว่าหน้าดูสว่างขึ้น รองพื้นลดรอยสิวลงไปเยอะ เช่นเดียวกับรอยคล้ำใต้ตา รูปที่สาม เป็นรูปที่ทารองพื้นไปแล้วรอมันเซ็ตตัวสักแป๊บ จะเห็นว่าสีรองพื้นดูกลืนกับผิวมากขึ้น ดูเนียนขึ้น ซูมดูว่ารองพื้นปกปิดผิว รอยและรูขุมขนได้ดีขนาดไหน *คลิกเพื่อขยาย รูปฝั่งซ้ายจะเป็นหน้าเปล่าๆ รูปฝั่งขวาทารองพื้นแล้ว จะเห็นว่าปกปิดรูขุมขนได้ดี และทำให้หน้าดูเนียนเรียบ หลังจากทารองพื้นไปสี่ชั่วโมง หน้ายังดูโอเคอยู่นะคะ ไม่ค่อยมัน ไม่เป็นคราบ ถือว่าดีทีเดียวค่ะ สรุป... อย่างที่บอกไว้ตั้งแต่ต้น เ็ป็น top favorite foundation ชอบตรงที่มันเนื้อบาง เบา ไม่หนักหน้า ไม่มัน ไม่เหนียวเหนอะ เกลี่ยง่าย ซึมไว สีพอดีกับผิว ไม่เป็นคราบระหว่างวัน คุมมัน ผสมสารกันแดด เหมาะกับคนเป็นสิว/เป็นสิวง่าย ข้อเสีย...ไม่เหมาะกับคนแพ้แอลกอฮอล์ และราคาแพง บล็อกอัพเดต ☆ REVIEW: Colgate Plax Natural White Mouthwash ทดสอบ 5 เดือน เพื่อฟันขาว ☆ WORKSHOP & REVIEW: Lunasol 2011 Spring Make up Collection ☆ REVIEW: Lunasol Full Glamour Liquid Lips #06 Bright Pink ☆ SWATCH REVIEW: MAC Pigment & Glitter (Lot: Feb 2011) ☆ REVIEW: Ettusais Flat Design Liquid   Create Date : 22 กุมภาพันธ์ 2554     Last Update : 22 กุมภาพันธ์ 2554 16:59:25 น. Counter : 6646 Pageviews.   2 comment Share Tweet

REVIEW: Lunasol Full Glamour Liquid Lips #06 Bright Pink ลิปสติกแบบเหลวชิ้นนี้ได้มาจากเวิร์กชอปกับ lunasol คลิกดูรีวิวคอลเล็กชันใหม่ของ lunasol ที่นี่ ชื่อ Lunasol Full Glamour Liquid Lips เป็นเบอร์ #06 สี Bright Pink *คลิกเืพื่อขยาย ถ่ายรูปในแสงธรรมชาติ สีจะคล้ายกับสีจริงที่สุด ขนาด 3.7 g ราคา ไม่แน่ใจค่ะ แต่ปรกติที่เคยซื้อลิปของ lunasol จะประมาณพันหนึ่งร้อยหรือน้อยกว่านั้น เพราะเป็นลิปสติกเหลว สีจึงแน่นกว่าลิปกลอสทั่วไปของ lunasol นะคะ สี bright pink เป็นสีชมพูเข้ม มีวิ้งละเอียดระยิิบระยับสวยมากๆ หน้าตาเหมือนแท่งลิปกลอส แต่ตัวไซส์จะเล็กกว่าลิปกลอสปรกติ เทียบกับลิปกลอสแล้วเนื้อจะเหนียวน้อยกว่า แต่ะให้สีชัดกว่า ลิปไม่มีกลิ่น ลักษณะไม้พาย และสี bright pink (ในแสงธรรมชาติ) ลองทา... ริมฝีปากบนเป็นสีปากจริง ริมฝีปากล่างเป็นสีลิป (แบบเปิดแฟลช สีจะดูอ่อนกว่าของจริงเล็กน้อย) ปากไม่สวยนะคะ แห้งด้วย ทาลิปรุ่นนี้จะแอบตกร่อง เพราะเนื้อมันบาง แต่สีลิปจะชัดเจน ลองทาทั้งปาก สีจริง (รูปในแสงธรรมชาติ) จะประมาณนี้ จะเป็นสีชมพูหวานๆ วิ้งละเอียดแทบมองไม่เห็น เนื้อวาวเล็กน้อย ถ้าทาหนาๆ จะวาวมาก แต่ถ้าคนปากแห้งทาหนาๆ จะตกร่องไม่สวย ควรจะทาบางๆ สรุป... สองจิตสองใจ ไม่แน่ใจว่าชอบลิปรุ่นนี้ไหม เพราะลิปรุ่นนี้จะดีตรงที่ว่ามันไม่เหนียว สีชัด ถ้าต้องการความแวววาวเป็นพิเศษก็ให้ทาซ้ำได้ แต่ว่าปรกติเราเป็นคนปากเป็นร่องๆ ทาลิปเนื้อบางๆ มักไม่สวยเท่าไหร่ ดังนั้นพอทาลิปรุ่นนี้ ถ้าทาหนามากจะไม่สวย เพราะจะตกร่อง แต่ถ้าทาบางๆ จะสวยกำลังดี เคยลองลิปรุ่นนี้สีอ่อน ทาแล้วไม่เวิร์กเนื่องจากปากเป็นร่อง ลิปตัวนี้ติดทนกลางๆ เนื้อบาง ให้สีสวย ไม่วาวมาก เว้นแต่จะทาซ้ำ วิ้งละเอียดไม่ระคายปาก ข้อเสียนอกจากไม่เหมาะกับคนปากเป็นร่อง ก็คงจะเป็นเรื่องราคาที่แพง มีบล็อกจะอัพอีกเยอะเลย ได้ Urbad Decay Primer Potion แบบ Original มาด้วย เพิ่งจะทำรูปทดสอบกับ Primer อื่นๆ ใหม่ๆ อีกหลายยี่ห้อเสร็จ ไว้จะทยอยอัพนะคะ บล็อกอัพเดต ☆ REVIEW: Colgate Plax Natural White Mouthwash ทดสอบ 5 เดือน เพื่อฟันขาว ☆ WORKSHOP & REVIEW: Lunasol 2011 Spring Make up Collection ☆ REVIEW: Lunasol Full Glamour Liquid Lips #06 Bright Pink ☆ SWATCH REVIEW: MAC Pigment & Glitter (Lot: Feb 2011)   Create Date : 15 กุมภาพันธ์ 2554     Last Update : 16 กุมภาพันธ์ 2554 6:36:38 น. Counter : 3275 Pageviews.   10 comment Share Tweet

WORKSHOP & REVIEW: Lunasol 2011 Spring Make up Collection เมื่อวานได้มีโอกาสไปร่วมเวิร์กช็อปกับ lunasol อีกครั้ง ครั้งนี้มีธีมเป็นมหาสมุทรในช่วงเวลาต่างๆ กัน *คลิกเพื่อขยาย ไม่ค่อยได้ถ่ายรูปบรรยากาศเท่่าไหร่นะคะ มัวแต่เมาธ์เพลิน ดังนั้นจะเน้นพรีวิวรีวิวคอลเล็กชันใหม่ที่ได้ลองมามากกว่าค่ะ ยั่วน้ำลายด้วย Warm Ocean อายพาเล็ตจะเป็นโทนสีม่วง หวานๆ *คลิกเพื่อขยาย ซูมนิดๆ *คลิกเพื่อขยาย เริ่มพูดเปิดงาน แนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ *คลิกเพื่อขยาย บนโต๊ะมีอุปกรณ์ครบ *คลิกเพื่อขยาย หน้าที่แต่งมาก่อนออกจากบ้าน ล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์จาก IMPRESS IC *คลิกเพื่อขยาย เคยรีวิวตัวคลีนซิ่งออยกับโฟมไว้ คลิกที่นี่ ค่อนข้างชอบมากๆ แต่ตัวบำรุงทั้ง lotion และ emulsion เคยใช้แล้วแพ้ เลยยกให้คนอื่นไป แต่ตอนใช้ในเวิร์กช็อปกลับชอบ เลยว่าจะลองอีกครั้ง หวังว่าจะไม่แพ้อีกนะ ล้างหน้าแล้วเห็นรอยแพนด้ากับรอยสิวชัดเลย หน้าโทรมมมม ช่วงนี้โทรมมาก เพราะนอนน้อย และสิวฮอร์โมน วิทยากรผู้สอนยังคงเป็นอจ. มัสสึยะ ซาไก เป็น MA ชื่อดังจากญี่ปุ่น เริ่มต้นด้วยการทาเมกอัพเบสกับรองพื้น (จริงๆ มันมี TU Makeup Base ให้ลองใช้ด้วย แต่มิถุนาลืมใช้ ดันใช้เมกอัพเบสธรรมดาแทน เลยไม่รู้เลยว่ามันจะดีไหม เห็นว่าจะช่วยให้ความชุ่มชื้น ประกายเงา และรองพื้นติดทนนาน) คราวนี้ได้ลองตัวรองพื้นเนื้อครีม เป็นสูตรน้ำ เนื้อเบากว่าครีมรองพื้นทั่วๆ ไป ทาแล้วผิวดูชุ่มชื้น บางเบามากๆ ไม่ค่อยปกปิดนะคะ ใครมีปัญหาสิวกับแพนด้าเยอะต้องใ้ช้คอนซีลเลอร์ช่วยด้วย ปกปิดรูขุมขนพอสมควร แต่ไม่ได้ปิดมิด ดูความต่างก่อนกับหลังใช้นะคะ ี *คลิกเพื่อขยาย เราว่ามันปกปิดน้อยสำหรับเราไปหน่อย เพราะเราชอบแกะสิว รอยเลยเยอะ แพนด้าก็เยอะ มันไม่คุมมัน แต่ก็ไม่ทำให้หน้ามัน ชอบตรงที่เนื้อครีมเบามาก ทาแล้วซึมไว ไม่เป็นคราบ (เราเป็นคนผิวผสม ค่อนข้างมัน แต่ทีโซนแห้ง และบางทีมีลอกเป็นขุย) รูปแรกจะเป็นหน้าเปล่าๆ หลังล้างเครื่องสำอางออกหมด รูปที่สอง ทารองพื้นเนื้อครีมสูตรน้ำ รูปที่สาม เก็บรายละเอียดด้วยคอนซีลเลอร์และแป้งฝุ่น จะเห็นว่าถ้าจะให้หน้าเนี๊ยบจริงๆ ควรใช้คอนซีลเลอร์ด้วยนะคะ แต้ม Nuance Change Foundation ตามโหนกแก้ม เพิ่มประกายเงา *คลิกเพื่อขยาย พอจัดการกับเบสเมกอัพเรียบร้อย ก็ต่อกันที point make-up เลือกแต่งชุดนี้ Natural Ocean *คลิกเพื่อขยาย ขอเริ่มที่ Shining Ocean Eyes #EX02 Shining Sheer Beige ก่อน *คลิกเพื่อขยาย ตัวนี้ใช้ทาเปลือกตาเดี่ยวๆ ได้ เป็นอายเบสได้ (จะเิพิ่มความวาวให้กับอายแชโดว์ที่ทา) แล้วก็แต้มตามโหนกคิ้วได้ Swatch *คลิกเพื่อขยาย เนื้อเป็นเจลๆ นุ่มๆ มีวิ้งจัด ฝั่งขวาที่เกลี่ยครีมไปแล้ว จะเห็นว่าวิ้งชัดมาก (ตอนแรกทาแล้วกลัวตาบวม แต่ถ้าแต้มนิดๆ บนเปลือกตาก็สวยดีค่ะ วิ้งวับมาก คนชอบอะไรที่วิ้งๆ น่าจะชอบ) ซูมอายแชโดว์ สวยมากกกกกก *คลิกเพื่อขยาย Swatch *คลิกเพื่อขยาย ฝั่งซ้ายจะเป็นที่ทา Shining Ocean Eyes #EX02 Shining Sheer Beige ไว้ข้างใต้นะคะ ฝั่งขวาจะทาบนผิวธรรมด จะเห็นว่าทาบนผิวธรรมดา สีจะอ่อนกว่า แต่พอใช้ร่วมกับ Shinning Ocean Eyes สีจะิวิ้งขึ้นมาก คอลเล็กชันใหม่เน้นเรื่องความวาววิ้ง อายแชโดว์สีสวยแต่ค่อนข้างอ่อนค่ะ หลายสีวิ้งจัด ทาย้ำๆ แล้ววิ้งวาวมาก แต่งออกมาได้ประมาณนี้ ในรูปนอกจากใช้พาเล็ต Natural Ocean แล้ว ยังทา Shining Ocean Eyes ทับที่เปลือกตาด้วย (จะเห็นความวิ้งมากๆ) สีจะดูเป็นสีธรรมชาติ ใช้ได้ทุกวัน กรีดอายไลเนอร์สีดำเพื่อให้ตาคมขึ้น เป็นครั้งแรกที่ได้ลองเจลอายไลเนอร์ของ lunasol เนื้อลื่นๆ เขียนง่าย และสีเข้มกลางๆ ค่ะ แอบกลัวแพนด้า้เหมือนกันค่ะ แต่ผ่านไปสามชั่วโมงหลังใช้กลับไม่แพนด้าเลย ค่อนข้างพอใจนะคะ แต่ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าหลังจากนั้นมันจะแพนด้าไหม บลัชที่ใช้คู่กันคอลเล็กชันใหม่เป็นครีมบลัช *คลิกเพื่อขยาย ทาสีให้ดูชัดๆ *คลิกเพื่อขยาย ลองเกลี่ยให้กลืนไปกับผิว *คลิกเพื่อขยาย ฝั่งซ้ายจะเป็นแบบตอนบีบออกมาจากหลอด ฝั่งขวาเกลี่ยจนกลืนดีแล้ว สีสวยมาก โดยเฉพาะสีชมพู เนื้อจะเป็นครีมนุ่มๆ เกลี่ยง่าย ไม่เป็นปื้น ให้สีอ่อนใส แต่สามารถเติมสีให้เข้มทีละนิดได้ เท่าที่ใช้มาสามชั่วโมง สียังติดทนดีอยู่นะคะ แต่ไม่รู้ว่าหลังจากนั้นสีจะจางไหม ไฮไลท์กับเชดดิ้ง *คลิกเพื่อขยาย (บลัชสีชมพูไม่ได้ดูชื่อสีนะคะ ลืมไปเลย แต่สีสวยมากกกก) Swatch *คลิกเพื่อขยาย ปัดไฮไลท์ตามสันจมูก หน้าผาก (เราเลือกสี Sheer Lavender ปัดแค่สันจมูก ไม่ชอบปัดหน้าผากเพราะเป็นส่วนที่มันเร็ว มันจะวาวๆ ไม่ชอบ) ปัดเชดดิ้งใต้บลัชที่ทา ลิปไลเนอร์ *คลิกเพื่อขยาย ฝั่งที่ไม่มีวิ้ง ฝั่งที่สีอ่อนกว่า และวิ้งกว่า ใช้เขียนเน้นตรงปากด้านบน เขียนเป็นรูปตัว M อจ.ซาไกบอกว่าเน้นตามเทรนด์ปากอิ่มแบบแองเจลิน่า โจลี่ Swatch เนื้อลิปนุ่มชุ่มชื้นดีค่ะ นุ่มกว่าลิปไลเนอร์ที่เคยใช้ (ต้องขอบอกก่อนว่าเป็นคนที่ใช้ลิปไลเนอร์น้อยมากกกก ไม่ค่อยได้ลองเลยอาจจะมีตัวเทียบไม่เยอะนะคะ) สีสวยมาก ชอบบบบบ แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเนื้อนุ่มๆ ชุ่มชื้นของมันหรือเปล่า ทำให้ตอนทาสีเข้มกว่าที่ริมฝีปากมันจะดูไม่ชัดมากเท่าไหร่ แต่สีที่ใช้ทาตรงขอบปากด้านบน ทาแล้วแวววาวมาก ลิปกลอส *คลิกเพื่อขยาย มีเม็ดสีที่เข้มกว่าลิปกลอสทั่วๆ ไป สีเข้มจะกลบสีปากได้ดีกว่าสีอ่อน ไม่มีกลิ่น วิ้งละเอียด มองไม่ค่อยเห็นเยอะ แต่ให้ปากวาวสวย เนื้อไม่เหนียวมาก ยังไม่เจอปัญหาลิปกลอสเป็นคราบ Swatch ชอบ Sugar Beige แต่ตอนทาจริงๆ ใช้ Gold Brown เพราะปากแห้ง ทา Sugar Beige แล้วมันดูแตกๆ ไม่เวิร์ก แต่งทั้งหมดออกมาได้แบบนี้ (เราไม่ได้แต่งตาตามอจ. เท่าไหร่นะคะ แบบว่า...บางตอนมัวแต่ swatch กับลองสีเล่น เลยตามตอนที่อจ. สอนไม่ทัน แหะๆ) เทียบ before & after - ตาใช้ชุด Natural Ocean - แก้มใช้ Cream Cheek #EX03 Light Coral - ลิปใช้ Contrasting W Lip Liner #10 Soft Beige กับ Full Glamour Liquid Lips #04 Gold Brown *คลิกเพื่อขยาย สีเมกอัพอาจจะไม่ชัดมากนะคะ เพราะว่าแสงไฟมันสว่างมากกกกก แต่กลับบ้าน ลองถ่ายรูปแบบเปิดแฟลช จะได้แบบนี้ *คลิกเพื่อขยาย จะเห็นว่าหน้าเงาๆ คิดว่าเป็นเพราะรองพื้นกับตัว Nuance Change Foundation ที่ทาทำให้เป็นอย่างนั้น ตาก็วาวๆ จากอายแชโดว์ชุดนี้ ถ่ายรูปตาแบบเปิดแฟลชให้เห็นชัดๆ ด้วย เป็นโทนน้ำตาล แต่งง่ายๆ เจลไลเนอร์ไม่เลอะเลย แต่อายแชโดว์แอบเลอะ ไม่มีอายเบสดีๆ ช่วย (เจ้า Shining Ocean Eyes มันไม่ใ่ช่อายเบสที่ดีเลย) อันนี้เป็นผลงานอจ. แต่งหน้านางแบบ สวยงาม หลังจากแต่งหน้าเสร็จ อจ.ซาไก มีสอนพันผ้าพันคอด้วยค่ะ ได้รับแจกผ้าผืนโตจากจิม ธอมป์สัน เราเลือกแบบคาดผม ปิดท้ายด้วยภาพหมู่ *คลิกเืพื่อขยาย ก่อนกลับได้รับของที่ระลึกเล็กๆ น้อยๆ จากคาเนโบ ไว้จะมารีวิวสีลิปให้ดูค่ะ ลองแล้วสีหวานมากๆ บล็อกอัพเดต ☆ REVIEW: ของที่ซื้อมาแล้วเสียดายเงินที่สุด + วิธีแก้ส้นเท้าแตกที่ชอบที่สุด ☆ SAMPLE REVIEW: L'oreal Studio Secret Professional Magic Perfecting Base ☆ REVIEW: Olay Total Effects Touch of Foundation ☆ SAMPLE REVIEW: Jadilla J Water For Skin Base ☆ REVIEW: Victoria's Secret Beauty Rush Heart of Gloss ☆ SAMPLE REVIEW: Impress Brightening Make-off & Impress Brightening Wash ☆ อำลาคอนแทคเลนส์คู่โปรด Dueba Sherbet Green ด้วย HOW TO: Arabic Eyeliner ☆ REVIEW: Too Faced Lash Injection V.S. Lancome Virtuoise Mascara ☆ REVIEW: Clarins Beauty Flash Balm ☆ REVIEW: Colgate Plax Natural White Mouthwash ทดสอบ 5 เดือน เพื่อฟันขาว ☆ WORKSHOP & REVIEW: Lunasol 2011 Spring Make up Collection   Create Date : 13 กุมภาพันธ์ 2554     Last Update : 15 กุมภาพันธ์ 2554 17:29:15 น. Counter : 4523 Pageviews.   14 comment Share Tweet

REVIEW: Colgate Plax Natural White Mouthwash ทดสอบ 5 เดือน เพื่อฟันขาว รีวิวนี้ดองไว้นานมากอีกเช่นกัน ก่อนหน้าโน้นนนนน จะใช้แต่ของซิสเต็มม่ากลิ่นซากุระตลอดเลย เพราะไม่แสบปาก แต่มีช่วงนึง เราลองเปลี่ยนมาใช้คอลเกตตัวนี้ เพราะเห็นมันออกใหม่ ลดเรื่องคราบฟัน ก็เลยอยากลอง ว่าจะลองหลายๆ เดือนเพื่อทราบผลลัพธ์ที่แท้จริง จึงกลายมาเป็นรีวิวนี้ REVIEW: Colgate Plax Natural White Mouthwash เป็นน้ำยาบ้วนปาก ช่วยลดคราบเพื่อฟันขาว ลดการสะสมของแบคทีเรียนาน 12 ชั่วโมง ปริมาณ 500 ml ราคา ประมาณ 110 บาท อาจจะบวกเพิ่ม 5 - 15 บาท จำไม่ค่อยได้แม่นเท่าไหร่ มาดูคำโปรยกับส่วนผสมกันค่ะ แล้วก็ทดสอบ แบ่งเป็นสามเดือนกับห้าเดือนนะคะ ใช้เช้าเย็น เดือนละขวดค่ะ สภาพฟัน...ฟันเหลือง แต่เหลืองไม่เท่ากัน ตรงด้านในจะเหลืองกว่าด้านนอก *คลิกเพื่อขยาย ในรูป แสงของแฟลชบางรูปดูไม่เท่ากันกันนะคะ รูปแรกเป็นก่อนจะใช้น้ำยาบ้วนปากคอลเกต รูปที่สอง เป็นหลังใช้งานสามเดือน รูปที่สาม ใช้งานมาห้าเดือน แต่ขอสรุปสั้นๆ ว่า น้ำยาบ้วนปากรุ่นนี้ ไม่ได้ช่วยลดคราบเพื่อฟันขาวค่ะ เพราะในรูปฟันก็ยังเหลืองอยู่ แต่ช่วยเรื่องแบคทีเรีย (เหมือนน้ำยาบ้วนปากทั่วไป) เนื่องจากไม่พบปัญหาฟันผุระหว่างใช้งาน คือแต่ก่อนจะเป็นคนฟันผุบ่อย ผุง่าย เป็นคนฟันไม่แข็งแรง แต่พอเริ่มใช้น้ำยาบ้วนปาก พบว่าปัญหาดังกล่าวลดลง ตามความรู้สึกจะเป็นน้ำยาบ้วนปากยี่ห้ออะไรก็ช่วยได้เหมือนกันค่ะ น้องชายเอาคอลเกตรุ่นนี้มาแช่ที่ครอบฟัน ปรากฎว่าพวกคราบต่างๆ หลุดออกอย่างง่ายดาย ผิดกับตอนใช้ซิสเต็มม่า ทำให้เราคิดว่าคอลเกตน่าจะเวิร์กมากกว่าซิสเต็มม่า สรุป... ปัจจุบันยังใช้คอลเกตรุ่นนี้อยู่ค่ะ แม้จะไม่ได้ช่วยเรื่องฟันขาวอย่างที่ต้องการ แต่ใช้เพราะชอบรสชาติ กลิ่น ความสะอาด และความอ่อนโยน (ไม่เผ็ด ไม่กัดปาก) ใช้เป็นขวดที่เท่าไหร่ ไม่ได้นับแล้ว แต่บางครั้งมีนอกใจไปลองยี่ห้ออื่นบ้าง (ยี่ห้ออื่นที่ว่าคือฟูลโอคารีล สีเขียว รุ่นไม่เผ็ด ชอบมากๆ เหมือนกัน ชอบกลิ่นกับรสมากกว่าคอลเกตด้วยซ้ำ) ข้อดี...ไม่แสบปาก กลิ่นและรสหอมแบบมินต์ๆ ขวดจับสะดวกมือ ใช้แล้วรู้สึกว่าฟันสะอาด ข้อเสีย...สำหรับเรา มันไม่ได้ช่วยเรื่องฟันขาวตามที่กล่าวอ้าง ราคากับปริมาณถ้าเทียบกับยี่ห้ออื่นจะแพงกว่านิดหน่อย (นิดหน่อยเท่านั้น) ใครมีน้ำยาบ้วนปากที่ใช้แล้วไม่แสบปากจะมาแนะนำก็บอกกันได้นะคะ เพื่อเราจะได้ลองบ้าง บล็อกอัพเดต ☆ REVIEW: ของที่ซื้อมาแล้วเสียดายเงินที่สุด + วิธีแก้ส้นเท้าแตกที่ชอบที่สุด ☆ SAMPLE REVIEW: L'oreal Studio Secret Professional Magic Perfecting Base ☆ REVIEW: Olay Total Effects Touch of Foundation ☆ SAMPLE REVIEW: Jadilla J Water For Skin Base ☆ REVIEW: Victoria's Secret Beauty Rush Heart of Gloss ☆ SAMPLE REVIEW: Impress Brightening Make-off & Impress Brightening Wash ☆ อำลาคอนแทคเลนส์คู่โปรด Dueba Sherbet Green ด้วย HOW TO: Arabic Eyeliner ☆ REVIEW: Too Faced Lash Injection V.S. Lancome Virtuoise Mascara ☆ REVIEW: Clarins Beauty Flash Balm ☆ REVIEW: Colgate Plax Natural White Mouthwash ทดสอบ 5 เดือน เพื่อฟันขาว   Create Date : 11 กุมภาพันธ์ 2554     Last Update : 11 กุมภาพันธ์ 2554 19:35:41 น. Counter : 6184 Pageviews.   0 comment Share Tweet

REVIEW: Clarins Beauty Flash Balm ทยอยเคลียร์บล็อกดองได้ครึ่งทางแล้วค่ะ ดีใจมากกกก อันนี้ไม่ได้ดอง แต่เป็นไอเท็มใหม่ที่ชอบมากๆๆ เลยอยากเอามารีิวิวให้ดูกัน REVIEW: Clarins Beauty Flash Balm ปริมาณ 50 ml ราคา ประมาณ 40 กว่า USD (ขออ้างอิงราคาเมืองนอกนะคะ หลอดนี้ไม่ได้ซื้อในไทยค่ะ) คืออะไร? เหมือนเป็นครีม boost หน้าน่ะค่ะ (แนวๆ มอยส์เจอไรเซอร์) ช่วยให้หน้าดูใสเด้งทันตา วิธีใช้ก็ทาบางๆ ทั่วหน้า (ไม่ต้องถูให้ซึม) แล้วลงรองพื้น/เมกอัพตาม หรือใช้บำรุงผิวเหมือนมาส์กหน้า คือทาหนาๆ ทิ้งไว้ 10 - 15 นาที แล้วล้างออก หน้าก็จะสดชื่นชุ่มชื้น อ่านคำโปรยด้านหลังแล้วนึกถึง clinique moisture surge ตัวที่เป็นครีมเจลๆ สีส้มๆ สรรพคุณคล้ายๆ กัน ช่วงนี้นอนน้อย นอนดึก ตื่นเช้า พักผ่อนไม่พอ หน้าและผิวโทรมมากๆ เลยหวังกับ clarins ไว้เยอะ สภาพผิวเป็นคนผิวผสมค่อนข้างมัน แต่ทีโซนแห้งและบางทีเป็นขุยค่ะ มาดูเนื้อครีมกัน ฝั่งซ้ายจะเป็นมือเปล่าๆ ฝั่งขวาจะเป็นทาครีม clarins เนื้อครีมเป็นสีส้มอ่อนๆ เนื้อบาง กลิ่นหอมคล้ายแป้งเด็ก ทาแล้วซึมไว ไม่เหนอะ จะเห็นว่าฝั่งที่ทา clarins ดูสว่างชัดเจน อันนี้เป็นทิ้งไว้สักพัก ให้มันซึมเข้าผิว จะเห็นว่าผิวดูไม่วาวอย่างรูปข้างบนที่ทาทันที แต่ผิวจะดูสว่างๆ อยู่ ลองบนหน้ากันบ้างค่ะ จะเป็นแบบทาบางๆ ก่อนลงเมกอัพนะคะ *คลิกเพื่อขยาย รูปแรกเป็นหน้าเปล่าๆ หลังล้างหน้า ไม่ได้ทาอะไรเลยเว้นแต่เช็ดด้วยโทนเนอร์ รูปสองทา clarins บางๆ ทั่วหน้า เทียบกับรูปแรกจะเห็นว่าหน้าดูสว่างกว่าเดิมชัดเจนเลย รูปสาม ตามด้วย tinted moisturizer ทับอย่างไว หน้าดูโอเคขึ้น สีผิวดูดรอปกว่าเดิมเล็กน้อยเพราะว่าเป็นมอยส์เจอร์ไรเซอร์แบบมีสีนั่นเอง รูปที่สี่ เก็บรายละเอียดที่เหลือด้วยแป้งฝุ่นกับเขียนคิ้ว หน้าเนียนพร้อมออกจากบ้าน (ตรงข้างแก้มแอบทาแป้งเร็วไปนิด มีแป้งเลอะอยู่อ่ะค่ะ) มาลองใช้เป็นมาส์กกันบ้างนะคะ วิธีใช้คือทาหนาๆ ทั่วหน้า ทิ้งไว้ 10 - 15 นาทีแล้วล้างออก *คลิกเพื่อขยาย รูปแรกเป็นหน้าเปล่าๆ (หน้าเยินจริงๆ สิวฮอร์โมนเล่นงานเพียบ) รูปที่สอง ทา clarins ทั่วหน้า แล้วรอ จากนั้นก็ล้างออก รูปที่สาม หลังล้างแล้ว จะเห็นว่าผิวดูฉ่ำขึ้น คือมันจะดูมันๆ เมื่อเทียบกับภาพแรก ความรู้สึกหลังมาส์กหน้าคือผิวนุ่มขึ้น ชุ่มชื้นเล็กน้อย ค่อนช้างพอใจค่ะ สรุป... เป็นไอเท็มที่ตอนนี้รักมากๆ ใช้ทุกวันเลยค่ะ เพราะมันกระตุ้นให้ผิวดูดีขึ้นในเวลาไม่กี่นาที กลิ่นหอมด้วย ใึครที่มีปัญหาเรื่องผิวหน้าแห้ง โทรม หมอง จะแนะนำมากๆ ถ้าทาก่อนทาเมกอัพ เหมาะกับบูสต์ผิวให้โกลว์อย่างรวดเร็ว ถ้าทาเป็นมาส์ก เหมาะกับบำรุงให้ผิวชุ่มชื้น ข้อเสีย...ราคาแพง จริงๆ อยากเทียบกับคลีนิกข์ moisture surge แต่ว่าจำความรู้สึกตอนใช้งานคลีนิกข์ไม่ได้มากเท่าไหร่ เพราะไม่ได้ซื้อมาใช้ซ้ำนานแล้ว (เคยใช้สองกระปุก ช่วยเรื่องผิวแห้งได้ดีมากๆ) เลยไม่เอาดีกว่า เดี๋ยวผลจะคลาดเคลื่อน ช่วงนี้ยังจะพยายามทยอยอัพบล็อกทุกวันค่ะ เหลืออีกหลายบล็อกที่ค้างๆ คราวนี้ต้องทำให้หมด เพราะไม่งั้นจะไม่ได้อัพสักที บล็อกอัพเดต ☆ REVIEW: ของที่ซื้อมาแล้วเสียดายเงินที่สุด + วิธีแก้ส้นเท้าแตกที่ชอบที่สุด ☆ SAMPLE REVIEW: L'oreal Studio Secret Professional Magic Perfecting Base ☆ REVIEW: Olay Total Effects Touch of Foundation ☆ SAMPLE REVIEW: Jadilla J Water For Skin Base ☆ REVIEW: Victoria's Secret Beauty Rush Heart of Gloss ☆ SAMPLE REVIEW: Impress Brightening Make-off & Impress Brightening Wash ☆ อำลาคอนแทคเลนส์คู่โปรด Dueba Sherbet Green ด้วย HOW TO: Arabic Eyeliner ☆ REVIEW: Too Faced Lash Injection V.S. Lancome Virtuoise Mascara ☆ REVIEW: Clarins Beauty Flash Balm   Create Date : 10 กุมภาพันธ์ 2554     Last Update : 10 กุมภาพันธ์ 2554 17:40:05 น. Counter : 10020 Pageviews.   6 comment Share Tweet

• Ainopopo
• Webmaster - BlogGang

• มิถุนา นิยาย แฟนเพจ
• มิถุนา @ Dek-D
• BlogGang.com