Group Blog
 
All blogs
 

HOW TO: Yellow Eyes & Orange Lip

อันนี้เป็นฮาวทูดองนะคะ :-D ช่วงก่อนหน้าโน้นนนน เบื่อมากๆ เซ็งมากๆ เลยอยากแต่งหน้าสีสัน จะได้สดใสๆ

มาเริ่มกันเลยนะคะ ช่วงหลังเริ่มกลับมาแปะภาพฮาวทูแบบเก่าๆ คือเป็นช่องๆ แต่รูปใหญ่กว่าเดิม และยังคงเน้นแต่สเตปแต่งตานะคะ :-))

HOW TO: Yellow Eyes & Orange Lip



1. ใช้แปรงอายแชโดว์อันเล็กแตะอายแชโดว์สีเหลืองสด (Sugarpill #Buttercupcake) ระบายที่เบ้าตา

2. ใช้แปรงอันเดิม แต่ปัดสีเหลืองเก่าออกก่อน แตะอายแชโดว์สีขาว (Fiori #102) ระบายเหนือสีเหลือง เบลนด์ให้สีมันไม่เข้มมาก

3. เปลี่ยนแปรงอายแชโดว์ เลือกแบบหัวที่เล็กและเรียว แตะอายแชโดว์สีดำแมตต์ (MAC #Carbon) ระบายเป็นรูป < และลากสีดำลงมาที่ขอบตาล่างราว 1 ใน 3

4. กลับไปที่อายแชโดว์สีขาว แต่ใช้แปรงอายแชโดว์ใหญ่ แตะสีขาวระบายใต้คิ้ว...อันนี้ทำเพื่อไฮไลต์คิ้ว+ตา เพราะอยากสีเหลืองเด่น ใช้แปรงอันเดิม แตะอายแชโดว์สีขาว ใช้ส่วนที่เป็นแนวขนานของแปรงระบายตรงขอบตาล่างที่เหลือรวมทั้งหัวตา

5. เขียนอายไลเนอร์สีดำเส้นหนา ที่ขอบตาบน และลงมาขอบตาล่างราว 1 ใน 3

จะได้ตาแบบนี้ (รูปแอบไม่ชัด กล้องใหม่บางทีถ่ายแล้วไม่ชัด มองจากหน้าจอก็คิดว่าชัด แต่ปรากฏพอมาดูจริงๆกลับไม่ชัดเลย)



แก้มปัด Nars #Exhibit A แบบน้อยมากกกก
ปากใช้ลิปสีส้มจัดๆ ของ Clarins #701

ได้ประมาณนี้ (หน้าในรูปขาวไปหน่อยนะคะ พอดีแต่งหน้าเสร็จ ปัดแป้ง high def ของ elf แล้วถ่ายรูปเลย หน้าเลยจะวอกๆ ไปนิด ความจริงต้องทิ้งช่วงสักหลายนาทีแล้วค่อยถ่ายรูปจะไม่วอกเท่าไหร่ แต่ไม่มีเวลาเลยตอนนั้น ต้องออกจากบ้านแ้ล้ว :-D)



ยังมีฮาวทูอายส์เมกอัพสีสันสดใสอีกสองรายการค่ะ แล้วจะทยอยแปะให้นะคะ




 

Create Date : 22 ธันวาคม 2554    
Last Update : 22 ธันวาคม 2554 9:40:49 น.
Counter : 1989 Pageviews.  

REVIEW: All about Maybelline (Eye, Lip, Face)

หายไปนาน...ชีวิตยุ่งมาก (ตามเคย) อยากจะมาอัพบล็อกเยอะๆ ก่อนสิ้นปี เพราะมีบล็อกดองมาก ไม่รู้จะทำได้ไหม

แฮ่มๆ มาเข้ารีวิวกันดีกว่า

หลายเดือนก่อน ไปเล่นเกมใน FB ของ Maybelline แล้วได้รางวัลมา...

เยอะมากกกกก



ขอเริ่มที่ Face ก่อนละกัน มีแป้งชิ้นเดียว (จริงๆ มีบีบีครีมด้วย แต่เคยรีวิวไปแล้วในบล็อก เป็นบีบีที่ดีสำหรับเราทีเดียว ข้อเสียเดียวคือถ้าทาเยอะมันจะวอก) (คลิกอ่านรีวิวบีบีครีมที่นี่)

Maybelline Clear Smooth All in One



ปริมาณ 9 g

ราคา 199

คำโปรยข้างหลัง



ส่วนผสม



เปิดออกมา



ไม่เข้าใจ ตลับเปิดยาก...มาก...

ต้องใช้เล็บจิกไปในซอกแล้วดึง ถึงจะออก

ตอนแรกไม่รู้วิธีเปิด เวลาจะเปิดทีแทบกรี๊ด



ลองใช้งานค่ะ



รูปแรกทากันแดด
รูปถัดมาโปะแป้ง Maybelline All in One หน้าเนียนขึ้นเยอะเลย เราไม่ได้ลงคอนซีลเลอร์ด้วยซ้ำ ถือว่าเป็นแป้งปกปิดใช้ได้ เอาอยู่
รูปที่สามแต่ง point make-up อื่นๆ หน้าเริ่มมีสีสัน
รูปสุดท้าย...ผ่านไปหกชั่วโมงโดยไม่ได้ซับหน้า หน้าผากกับสันจมูกวาวนิดหน่อย ถือว่าแป้ง Maybelline ผ่านเรื่องคุมมันและแป้งไม่เป็นคราบหรือเปลี่ยนสีเช่นกัน

สรุป...

เราเป็นคนผิวผสมค่อนข้างมัน มีรอยสิวและรูขุมขนกว้างปานกลางนะคะ ปัญหาการทาแป้งแข็งส่วนใหญ่คือ หน้าแห้งแล้วจะเป็นขุย

หลังการใช้แป้งนี้ถือว่าดีทีเดียวค่ะ คุมมัน และปกปิด ทาแล้วหน้าเนียน วันเร่งรีบทาตัวนี้ตัวเดียวก็โอเค แต่สำหรับปัญหาหน้าเป็นขุย อาจจะมีเห็นรอยขุยๆ บ้าง แต่ไม่ชัดเจนมาก ถือว่าค่อนข้างพอใจกับผลลัพธ์

แพ็กเกจบาง แบน พกง่าย ข้อเสียของตลับคือ เปิดยาก

ราคาไม่แพง คุ้มราคาดีค่ะ

มาต่อกันที่ Lip



เปิดออกมา



Swatch



เป็นสีส้มอมชมพู มีประกายมุก

มาดูแบบทาบนปากกันบ้าง

Color Sensational Moisture Extreme #Coral Pearl



ราคา 239

แบบทั้งหน้า



รุ่น Color Sensational เนื้อจะนุ่ม และครีมมีใช้ได้ค่ะ ทาแล้วสีเนียนไปกับปาก ชุ่มชื้น เราว่าลิปของ maybelline เหมาะกับคนปากแห้งนะ เพราะทาแล้วไม่เน้นร่องปาก แต่จะไม่ติดทนมาก เว้นสำหรับรุ่น color sensational ที่เรา่ว่าเป็นรุ่นที่สีติดทนที่สุด แต่ถ้ากินข้าวระหว่างวันสีก็เลือนนะคะ แต่เราว่าสำหรับลิปราคาไม่แพง สีสวย และค่อนข้างติดทน maybelline color sensational น่าสนมากๆ

WaterShiny Diamonds #304



เป็นสีชมพูหวานๆ มีประกายวิ้งๆ

ราคา 199

ปริมาณ...ไม่มีิติดที่แพ็กเกจ

แบบทั้งหน้า



รุ่น WaterShiny Diamond จะคล้ายรุ่น WaterShine แต่ต่างที่ว่ามันจะมีกลิตเตอร์เล็กๆ ทาแล้วปากจะวาว เป็นประกาย สวยมากกกก เป้นรุ่นแนะนำ เราชอบมากกว่ารุ่น Watershine ธรรมดานะ เพราะทาแล้ววิ้งสวย ไม่ต้องทากลอสเพิ่ม เนื้อลิปชุ่มชื้นตามแบบของรุ่น Watershine แต่แน่นอนว่ามันไม่ติดทนเท่าไหร่ คือติดทนระดับนึง แต่กินน้ำกินขนมก็สีจางและหลุด

ชิ้นต่อมาเป็นชิ้นที่ตอนแรกเราเฉยมากกกก แต่ลองแล้วชอบมากกกกก

LIP SMOOTH COLOR BLOOM #Pink Blossom



เนื้อลิปสีขาว แต่ทาแล้วได้สีชมพูอมแดงหวานๆ สวยมากกกก

ราคา 99

แบบรูปทั้งหน้า



เราเคยใช้พวกลิปเปลี่ยนสีแล้วไม่ค่อยชอบ เพราะสีชมพูที่ได้จะเป็นสีชมพูแปร๋นๆ ทาแล้วแบบ...เหมือนละครลิงอะไรงี้ ตอนแรกที่ลองเจ้านี่เลยไม่ได้คาดหวังอะไรกับมันเลย

แต่หลังทาแล้วแบบ...เฮ้ย สีชมพูสวยอ้ะ เป้นชมพูสดใส หวานๆ น่ารักมากๆ ทาแล้วสีไม่สก๊อย ปลื้มมมมม

แต่ถ้าถามว่ามันบำรุงดีไหม เราว่ามันบำรุงปากดีในระดับหนึ่ง แต่ยังไม่เรียกว่าดีมาก เราชอบพกใส่กระเป๋า เพราะมันเป็นสีสิ้นคิดของเรา เวลาไม่แต่งหน้ามาก ทาสีนี้เดี่ยวๆ แล้วมีกลอสทับอีกหน่อยก็สวยแล้ว

เป็นไอเทมแนะนำ

Fruity Jelly #Treat Me Sweet



สีชมพูใส มีวิ้งสีเงินเล็กน้อย

ราคา 139

รูปทั้งหน้า



เป็นหลอดบีบขนาดเล็ก พกสะดวก เนื้อกลอสเหลวไม่เหนียว แทบไม่ให้สี นอกจากประกายอ่อนๆ สีชมพู Treat Me Sweet ไม่ออกสีจริงๆ ค่ะ แต่ทาทับพวกลิปสีชมพูแล้วจะได้ปากประกายสวยดี รสชาติกลอสออกหวาน...ไม่ชอบเท่าไหร่ แต่ชอบตรงที่กลอสไม่เหนียวและทาแล้วเป็นประกาย

เป็นชิ้นที่เราเฉยที่สุดแม้จะได้ลองแล้ว

ส่วน Face แอบลืมว่ามีบลัชออนอีกชิ้น

AngelFit Brighten Up Blush #Wooden Rose



ราคา 299

ปริมาณ ไม่ไ้ด้บอกไว้

แปรงนุ่มดีค่ะ แต่เราไม่ถนัดแปรงแบบนี้เลยไม่เคยใช้เลย



Wooden Rose เป็นชมพูอ่อนๆ มีประกายเล็กน้อย



Swatch



ปัดแล้วได้สีแบบนี้



สรุป...

สีสวยนะคะ แต่กว่าจะได้สีแบบในรูปต้องปัดเยอะเหมือนกันค่ะ เพราะสีอ่อน แพ็กเกจมีแปรงให้ ถือว่าสะดวกสำหรับพกพา ความติดทน...กลางๆ ค่ะ ช่วงบ่ายสีจางลงไป แต่ให้อภัยเพราะสีสวย และเป็นสีที่ปัดง่าย เข้ากับการแต่งหน้าประจำวัน แต่ถ้าเทียบรุ่นบลัช เราว่า Clear Smooth Shine Free Blush เริดกว่านะ สีทนกว่า สวยด้วย แต่ข้อเสียคือไม่มีแปรงให้เหมือนรุ่น AngelFit

มาต่อกันที่ตา..

เริ่มด้วยอายแชโดว์ละกัน

Eye Studio Hyper Diamond Eyeshadow #BR-2



สีเป็นโทนน้ำตาล+ชมพู



ราคา 469

Swatch

ข้างบนจะเป็นแบบไม่มี Primer



จะเห็นว่าถ้าไม่มี Primer ช่วยนี่...สีจะค่อนข้างอ่อน

รูปทางซ้ายทาบนตา...และรูปทางขวาจะเป็นแบบผ่านไปแล้ว 4 ชั่วโมง



สีทาแล้วสวยนะคะ แต่จะเห็นว่ามันไม่ค่อยติดทนเท่าไหร่ แค่ผ่านไปสี่ชั่วโมง จะเริ่มเห็นคราบๆ ที่ตา แต่เราทาทั้งวัน มันจะแอบเป็นเส้นๆ

ข้อดีของมันที่เราชอบคือ สีสวยค่ะ โดยเฉพาะสีวิ้งของมันนี้ สวยมาก เราว่ามันวิ้งสวยแบบลูนาโซลเลยล่ะ ถ้าใครไม่มีปัญหาเรื่องเปลือกตามันมาก เราว่า Maybelline รุ่นนี้ เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนชอบอายแชโดว์แบบวิ้งๆ

EYESTUDIO HYPERSHARP LINER



ราคา 379

เปิดหัวแปรงให้ดู...เค้าบอกว่าหัวแปรงขนาด 0.05 ml

แปรงเป็นแบบหัวพู่กันนะคะ เหมือนพู่กันจีนเลย



เนื้ออายไลเนอร์เป็นสูตรฟิล์ม เขียนได้สีดำ และได้เส้นเล็กดีค่ะ (ขนาดว่าเราลืมเอาปากกาไปแล้วจำเป็นต้องใช้ เราใช้อายไลเนอร์เมย์เบลลีนอันนี้แทนได้ 555)

มันจะให้ความรู้สึกเหมือนเขียนพู่กัน แปรงนุ่ม เขียนไม่เจ็บตา



เอาน้ำลูบแรงๆ ก็มีเลือนบ้างนะคะ



ลองเขียนบนตา...เส้นบางๆ

รูปทางซ้ายเป็นรูปเขียนด้วย Maybelline Hypersharp รูปทางขวาผ่านไปห้าชั่วโมง ยังเห็นว่าเส้นไม่เลือน แม้เปลือกจะดูมัน



สรุป...

เป็นอายไลเนอร์แบบปากกาที่หัวแปรงไม่แข็ง ไม่บาดตา น้ำหมึกสีดำ เนื้อบาง แต่เขียนได้สีดำเข้ม อาจจะต้องเขียนซ้ำสักครั้งสองครั้งเืพื่อความติดทนและสีที่สม่ำเสมอ

ความติดทน...จากการทดสอบข้างบน ถือว่าดีมาก แต่ว่าบางครั้งที่เราเขียนอายไลเนอร์ทั้งวัน มันไม่ได้อยู่ติดทน อาจจะมีเลอะๆ ที่ช่วงร่องน้ำตา หรือตรงชั้นเปลือกที่หลบในของเรา แต่ถือว่าเราพอใจ ตรงที่มันใช้งานง่าย หัวแหลมเล็ก บังคับเส้นได้ง่าย และสีดำ และ่ค่อนข้างติดทน

ล้างออกง่าย ราคาไม่แพงมาก

มาต่อที่มาสคาร่า...

ก่อนอื่นต้องบอกก่อนนะคะว่าเราเป็นพวกขนตาสั้นแข็ง ดัดไม่ขึ้น ดังนั้นอาจจะไม่เห็นเอฟเฟกต์ที่มาสคาร่าทำให้ขนตาเราหนายาวเต็มที่นัก

Long Extheme Stiletto



ราคา 319

หัวแปรง ยาวและค่อนข้างเล็ก (แต่ไม่เล็กที่สุดน้า)



ก่อนและหลังปัด...



จะเห็นว่าขนตาดูหนาขึ้นและยาวขึ้นเล็กน้อย

สรุป...

เป็นมาสคาร่าที่เราชอบนะ ส่วนใหญ่เราชอบมาสคาร่าขนตายาวมากกว่าหนา และ Maybelline Stiletto ตอบโจทย์เราได้ดีทีเดียว

ปัดแล้วขนตาหนาและยาวขึ้นเล็กน้อย (ไม่ได้ยาวแบบ...ย้าวยาวนะคะ) ข้อดีของมันที่เราชอบคือ มันไม่ "ค่อย" เป็นก้อนๆ เวลาปัด ถึงจะปัดซ้ำหลายครั้ง หัวแปรงเรียวเล็ก เหมาะกับคนขนตาสั้นอย่างเรา ปัดแล้วไม่เลอะเท่าไหร่

มาสคาร่าอยู่ทนทั้งวัน ล้างออกง่ายกลางๆ

เราว่ารุ่น Stiletto คล้าย MAC Zoom Lash ล่ะ แต่ว่า MAC จะปัดแล้วหนาและยาวกว่านิดนึง แต่ใช้แทนกันได้เลยนะ :-D

จริงๆ มีรุ่นอ้วนเหลืองอักษรแดง (The Magnum Super Film Volum’ Express) อีกแท่ง แต่ไม่ได้ทำรูปไว้เลย แอบลืมอันนี้ได้ไงไม่รู้ ขอติดไว้ก่อนนะคะ อ้อ...แล้วก็มี Make-up remover ด้วย แต่ว่าไม่ได้ทำรีวิวตัวนี้นะคะ :-))

แล้วเจอกันรีวิวหน้าค่ะ




 

Create Date : 21 ธันวาคม 2554    
Last Update : 21 ธันวาคม 2554 17:45:26 น.
Counter : 5928 Pageviews.  

REVIEW: Bourjois Smoky Eyes #Gris Dandy & Effet 3D Max #Rose Fizz

อันนี้เป็นรีวิวดองเึค็มสุดๆ ได้มาตั้งแต่ต้นปี เพิ่งเอามาีรีวิวเอง

เป็นสโมกกี้พาเลตและกลอส 3D จาก Bourjois



แกะมาดู



สีของพาเลต Gris Dandy

เป็นสีเทา เงิน ขาว สำหรับแต่งสโมกกี้งามๆ



ปริมาณ 4.5 g

ราคา ประมาณ 400 บาท

ส่วนผสม



ส่วนกลอสจะเป็นรุ่น Effet 3D Max สี Rose Fizz



ปริมาณ 6.5 ml

ราคา ประมาณสามร้อยกว่าบาท

ส่วนผสม



ซูมสีในหลอดชัดๆ



หัวแปรงเป็นแบบไม้พายรูปใบโพธิ์



Swatches ของทั้งสอง



ลองสีบนตากับ Gris Dandy



สรุป...

อายแชโดว์สีสวย เนื้อนุ่ม สีชัดดีค่ะ ค่อนข้างติดทน อยู่ได้เกือบทั้งวัน (อันนี้ใช้ร่วมกับอายไพรเมอร์) เย็นๆ อาจจะมีสีตกร่องเล็กน้อย แต่ไม่เท่าไหร่ ตลับนี้เหมาะกับคนชอบทาสโมกกี้ จับคู่สีดำ เทา เงินมาให้สวยงามมากๆ ค่ะ บางทีเราชอบเอาสีอ่อนของเค้ามาใช้กับสีอื่นๆ ที่เรามีต่างหาก

อายแชโดว์รุ่นนี้เป็นแบบ Bake ใช้ร่วมกับน้ำเปล่าได้ (คือหยดน้ำลงไป หรือใช้แปรงเปียกแตะอายแชโดว์) จะ่ช่วยให้สีเข้มขึ้น

แต่อายแชโดว์รุ่น Smoky Eyes ของ Bourjois มันไม่ได้ดีแบบนี้ทุกอันนะคะ เรามีสี Violet Romantic สีสวยมาก แต่ไม่ติดทนและสีเข้มจะทายาก ไม่เหมือน Griss Dandy กับ Nude Ingenu (โทนนู้ดน้ำตาล) ที่เนื้อดีกว่า ทนกว่า

ราคาไม่แพงมาก สีครบเครื่องสำหรับคนเริ่มต้นแต่งสโมกกี้อายส์ง่ายๆ แนะนำสี Griss Dandy กับ Nude Ingenu (แต่ Recommend ที่ห้ามพลาดของเราคือสี Nude Ingenu เป็นสีที่เราใช้บ่อยมากๆ)

ข้อเสีย...เราไม่ชอบทรงตลับของมันน่ะค่ะ มันเทอะทะไป พกยาำก

มาดูที่กลอส Effect 3D MAX กันต่อ

ลองสีบนปากกับ Rose Fizz



สรุป...

เป็นสีชมพูใสแจ๋ว มีวิ้งทองๆ ละเอียด สวยมากกกกกกกก

กลิ่นกลอสหอมเหมือนขนม (เราว่าเหมือนลิ้นจี่)

กลอสไม่เหนียว ให้สีสวย วิ้งกำลังดี ไม่เวอร์ และกากเพชรในกลอสไม่ระคายปาก สีมันอ่อนจัด เหมาะกับเป็นสีเคลือบทับสีลิปอื่นๆ มากกว่า

แปรงทาง่าย เหมาะกับคนรักความสะอาด (อย่างเราถ้าปาดกับปากเสร็จ จะเช็ดด้วยสำลีชุบแอลกอฮอล์ มันจะเช็ดง่ายกว่าพวกแปรงฟองน้ำ มั่นใจว่าสะอาดชัวร์)

ตัวหลอดยาวไปหน่อย เราชอบกลอสหลอดสั้นๆ

ราคาสำหรับกลอส เป็นราคากลางๆ ไม่แพง แต่ก็ไม่ถูกจัด

ข้อเสีย...ไม่ชอบทรงหลอดยาวๆ มันพกยากนิดหน่อย

Bourjois ยังไม่มีเคาน์เตอร์ในไทยนะคะ ต้องซื้อในเน็ตไม่ก็ฝากซื้อจากเมืองนอกค่า ใกล้ๆ ก็ที่ฮ่องกงนั่นเอง




 

Create Date : 22 พฤศจิกายน 2554    
Last Update : 22 พฤศจิกายน 2554 9:43:56 น.
Counter : 2125 Pageviews.  

DIY: Magnetic Palette จากของเหลือใช้ + HOW TO: Depot Eyeshadow (Non-heat Technique)

เอาที่เคยแปะในกระทู้มาลงในบล็อกนะคะ ความจริงจะเอามาแปะตั้งนานแล้วค่ะ แต่ช่วงนี้น้ำท่วม ฟังข่าวมากๆ แล้วเกิดติสไม่ออก เลยไม่ได้เขียนบล็อก ไม่ได้ทำอะไรเลย ทั้งที่มีรูปเขียนบล็อกเพียบ :-D

หวังว่าเพื่อนๆ ที่ได้รับผลกระทบเรื่องน้ำท่วมจะปลอดภัยกันดีนะคะ สู้ๆ ค่ะ

DIY: Magnetic Palette จากของเหลือใช้ + HOW TO: Depot Eyeshadow (Non-heat Technique)

กระทู้ที่เกี่ยวข้อง

มา Depot อายแชโดว์ออกจากตลับกันเถอะ (Mac & Make Up Store) วิธีแบบใช้ความร้อน

HOW TO: ซ่อมอายแชโดว์แตก + DIY: Press Pigments

DIY อายแชโดว์แตกซะแล้ว ทำยังไงดี...Testing before Pressing Pigment



คำศัพท์

- Depot = การถ่ายอายแชโดว์ในตลับอลูมิเนียมออกจากตลับพลาสติกหรือเคสบรรจุภัณฑ์ของัมน

- Pan = ถาดอลูมิเนียม (บางยี่ห้อใช้ถาดเหล็ก) ที่บรรจุอายแชโดว์

- Magnetic Palette = ตลับใส่แบบมีแผ่นแม่เหล็ก ทำให้เราสามารถจัดเรียงเปลี่ยนแปลงอายแชโดว์แบบ Refill หรือแบบที่ติดแผ่นแม่เหล็ก ได้ตามใจชอบ



DIY: Magnetic Palette จากของเหลือใช้

เพิ่งจะได้ทำ DIY นี้หลังจากอู้ขี้เกียจมานาน แต่อายแชโดว์ที่สะสมไว้มันเยอะจนจะล้นที่เก็บ เลยต้อง DIY พาเลตแบบง่ายๆ จากของเหลือใช้ เพื่อประหยัดที่เก็บอายแชโดว์แทน

อุปกรณ์
- กล่องอะไรก็ได้ ขอให้เป็นกล่องแบนๆ ตัวกล่องแข็งแรง (เวลาใส่อายแชโดว์จะได้ไม่เสียหาย) หรือกล่องดินสอเหล็กแบบที่เด็กๆ ใช้ใส่ดินสอก็ได้เหมือนกัน
- รูปจากนิตยสาร/กระดาษลายสวยๆ
- กาวลาเท็กซ์, กาวยาว, กาวแห้ง (แบบแท่ง
- กรรไกร
- แม่เหล็กแผ่นที่ไว้ติดตู้เย็น (แบบที่แจกตามโรงหนัง) หรือจะเป็นแม่เหล็กแผ่นสำหรับรูปก็ได้ (มีขายที่ B2S)
- สติกเกอร์ใส
- ฟองน้ำ/บับเบิลกันกระแทก



มาเริ่ม DIY กันค่ะ



เราใช้กล่องไม้แบนๆ เป็นกล่องอุปกรณ์เพชรพลอยของแม่ที่ไม่ใช้แล้ว



เปิดออกมาจะเป็นแบบนี้

(ซึ่งเราแกะฟองน้ำเก่าของมันออก แต่ยังเก็บไว้ใช้ในลำดับสุดท้าย อ้อ...หลังแกะฟองน้ำแล้วก็เอากระดาษทรายขัดกาวออกให้พื้นผิวเรียบนะคะ เวลาติดแผ่นแม่เหล็กจะได้ไม่มีร่องรอยขรุขระ)



เริ่มจากตกแต่งภายนอกกล่องก่อน

เราใช้เทคนิคตัดแปะรูปจากนิตยสาร เป็นเทคนิคที่เราชอบใช้มากๆ

เลือกรูปจากนิตยสารมาเยอะๆ ตัดให้เป็นชิ้นๆ



เอามาทากาวแปะที่กล่อง โดยแปะทับไปทับมา ไม่จำเป็นต้องเรียงสวยงามมาก แค่จัดไปตามใจชอบ



เราแปะเฉพาะที่ฝาเปิดปิด

แปะจนเต็ม



ตามขอบที่มีกระดาษยื่นก็เอากรรไกรเล็มออกซะ



อีกข้างก็ตกแต่งแบบเดียวกัน



เคลือบผิวหน้าด้วยสติกเกอร์ใส แปะลงไปบนรูปที่ทำเสร็จเมื่อกี้ (เวลาแปะต้องใจเย็นและมือนิ่งมากๆ นะคะ อย่าลืมปิดพัดลมด้วย เดี๋ยวลมจะพัดสติกเกอร์พานจะเจ๊งทั้งหมด

ความจริงจะใช้พวกแล็กเกอร์ฉีดพ่น หรือทายาเคลือบเล็บแบบใสก็ได้นะคะ แต่พอดีที่บ้านเรามีแต่สติกเกอร์ใส เลยใช้สติกเกอร์ใสแทน



พอเคลือบเสร็จก็จะได้แบบนี้



ด้านนอกเสร็จแล้ว มาต่อด้านใน

เอาแม่เหล็กที่ได้แถมมาตอนดูหนัง หรือจากที่ไหนก็ตาม มาแกะลอกกระดาษ/สติกเกอร์ที่แปะด้านหน้าออกให้หมด

ซึ่งจะได้แผ่นแม่เหล็กแบบที่เห็นในรูป (อันที่หน้าขาวๆ นั่นแหละค่ะ)



ลองทาบแผ่นแม่เหล็กในช่องด้านใน แล้วก็ตัดแผ่นแม่เหล็กให้พอดีกับพื้นที่นั้นๆ



แปะด้วยกาวยาง (เวลาแปะอย่าลืมดูให้ดีนะคะว่าเราหงายแผ่นแม่เหล็กถูกด้าน ต้องหงายด้านที่มันจะดูดกับเหล็กหรือแม่เหล็กนะคะ)



จะได้แบบนี้

ซึ่งก็จะเป็นพาเลตเกือบสมบูรณ์ของเรา (ยังเหลือบับเบิลกันกระแทกกับฟองน้ำที่ยังไม่ได้ใช้งาน เดี๋ยวจะอธิบายในช่วงท้ายๆ ของฮาวทูต่อไปค่ะ)

แต่ยังขาดอายแชโดว์แบบ pan ที่เดี๋ยวจะสอนวิธีการ Depot โดยไม่ใช้ความร้อนด้านล่างค่ะ



แบบที่สอง ถ้าไม่มีกล่องไม้ ใช้กล่องเหล็กจากกล่องขนม กล่องดินสอก็ได้

อ้อ ถ้าเลือกกล่องที่มีลวดลาย แต่ไม่ชอบลายนั้น ใช้วิีธีพ่นสีสเปรย์ทับลายก่อนจะตกแต่งด้วยสีอะคริิลิกก็ได้นะคะ หรือจะทาสีอะคริลิกแล้วค่อยระบายลายทับ หรือจะตัดแปะรูปก็ได้ แล้วค่อยเอาแล็กเกอร์ฉีดเคลือบ

เวลาฉีดสีสเปรย์ ต้องฉีดในที่โล่งนะคะ ห้ามฉีดในห้อง แล้วก็พ่่นห่างๆ แต่พยายามรักษาระดับให้สีสม่ำเสมอค่ะ



และไม่อยากตัดแปะกระดาษเสียเวลา ใช้กระดาษลายสวยๆ แบบนี้แทนได้

นี่เป็นกระดาษที่เรา print มาจากเว็บต่างๆ แอบจำเว็บไม่ได้แล้ว เพราะปรินต์สะสมมานานแล้ว



วัดขนาดกล่อง โดยให้เหลือขอบรอบๆ 0.5 cm



ตัดกระดาษออกมาเป็นชิ้นสำหรับติดฝากล่อง



ตัดแผ่นสติกเกอร์ใสออกมาด้วย ตัดให้พอดีกับฝากล่อง



เอาเทปสองหน้าติดที่กระดาษลายก่อน แล้วติดฝากล่อง จากนั้นก็เอาสติกเกอร์ใสติดทับลงไป (เวลาติดสติกเกอร์อย่างลืมติดระวังมากๆ นะคะ)



เอาไม้บรรทัดค่อยๆ รีดฟองอากาศออก



ได้กล่องแบบนี้



อ้อ ถ้าเกิดใช้กล่องดินสอเหล็กแทนที่จะเป็นกล่องไม้ ไม่จำเป็นต้องเอาแผ่นแม่เหล็กติดที่ก้นกล่องนะคะ แต่แค่ใช้ depot pan ที่ติดแผ่นแม่เหล็กก็สามารถแปะได้อยู่แล้ว



มีกล่องใส่อายแชโดว์แล้ว มาเอาอายแชโดว์ออกจากตลับกันบ้างนะคะ



HOW TO: Depot Eyeshadow (Non-heat Technique)

การเอาอายแชโดว์ออกจากตลับโดยไม่ใช้ความร้อน (ไดร์, เตาอบ) สามารถทำได้โดยใช้อุปกรณ์ดังนี้

- แอลกอฮอล์, น้ำยาล้างเล็บ, ไซริงสำหรับดูดของเหลว
- แม่เหล็กแผ่นที่ไว้ติดตู้เย็น (แบบที่แจกตามโรงหนัง) หรือจะเป็นแม่เหล็กแผ่นสำหรับรูปก็ได้ (มีขายที่ B2S)
- เทปสองหน้า (ถ้าใช้แม่เหล็กสำเร็จรูปก็ไม่จำเป็นต้องมีเทปสองหน้า)
- กรรไกร, วงเวียน

นี่เป็นส่วนหนึ่งของอายแชโดว์ที่เราจะ Depot ออกจากตลับ



เอาไซริงดูดแอลกอฮอล์



ถ้ากลัวมือไม่แม่น ใส่ไปโดนอายแชโดว์ แนะนำให้เอาไม้จิ้มฟันเสียบไปในช่องว่าง แล้วค่อยๆ กดไซริงให้แอลกอฮอล์ไหลไปตามแนวของไม้จิ้มฟัน



รอให้แอลกอฮอล์ละลายกาวสักแป๊บนึง จากนั้นก็เอาคัตเตอร์ค่อยๆ แซะลงไปที่ร่องระหว่าง pan กับตลับ

แนะนำว่าควรจะเบามือและระมัดระวังให้มากนะคะ ไม่งั้นอาจจะโดนคัตเตอร์บาด ไม่ก็ทำอายแชโดว์แตกได้



ตลับเปล่าที่แงะอายแชโดว์ออกหมด



ส่วนตัว pan ต้องเช็ดกาวด้านหลังออก

เราใช้สำลีชุดน้ำยาล้างเล็บ (แอลกอฮอล์ก็ใช้ได้นะคะ แต่เราว่าน้ำยาล้างเล็บเช็ดออกง่ายกว่า เพียงแต่ตอนใช้ต้องระวังมากๆ อย่าให้โดนอายแชโดว์ มันไม่เหมือนแอลกอฮอล์ที่โดนอายแชโดว์ได้)

แปะสำลีไว้แป๊บนึงแล้วค่อยๆ เช็ดจนกาวออกหมด (อันนี้เป็นตลับอายแชโดว์อื่นนะคะ พอดีของ L'oreal HIP ไม่ได้ถ่ายรูปชัดๆ ไว้)



ถ้าเช็ดสะอาดจะเป็นแบบอันล่างนะคะ
อันบนจะยังมีกาวติด



วัดขนาด pan แล้วใช้วงเวียนวาดวงกลมที่แผ่นแม่เหล็ก



ตัดแผ่นแม่เหล็กออกมา



ติดเทปสองหน้าที่ด้านที่มันไม่ดูดกับเหล็กหรือแม่เหล็ก (ด้านที่ปรกติมันจะติดกระดาษหรือสติกเกอร์ไว้)



แกะเทปสองหน้าออกแล้วติดกับก้น pan

แต่บาง pan มันทำด้วยเหล็ก ไม่จำเป็นต้องติดแผ่นแม่เหล็กก็ได้นะคะ (เว้นแต่ว่าใช้กล่องแบบกล่องดินสอเหล็ก ยังไงก็ต้องติดแผ่นแม่เหล็กที่ก้น pan)



ใช้คัตเตอร์แงะสติกเกอร์ออกจากก้นตลับ ตัดเอาเฉพาะชื่อสี (เพราะถ้าแปะทั้งอันมันไม่พอดีกับตัว pan)



เอาเทปสองหน้าติดที่ฉลากเก่าก่อนนะคะ จะได้แ่น่นหนา แล้วถึงค่อยแปะกับตัวอายแชโดว์ที่ depot และแปะแม่เหล็กแล้ว

แต่ถ้าไม่อยากแงะสติกเกอร์ที่ก้นตลับ ก็ใช้กระดาษสติกเกอร์สำเร็จรูปเขียนชื่อแล้วติดก้น pan ที่ติดแม่เหล็กแล้วก็ได้ค่ะ



ทำการ depot จนพอใจ เอาใส่ในตลับ

แล้วก็เอาฟองน้ำมาตัดให้เท่ากับขนาดด้านในของกล่อง รองไว้ระหว่างอายแชโดว์เพื่อกันกระแทก อายแชโดว์จะได้ไม่เสียหายเวลาพกพาไปไหน



ถ้าไม่มีฟองน้ำ ใช้แผ่นบับเบิลก็ได้ค่ะ เราจะทบสักสองชั้นแล้วใส่ในกล่องแทนก็ได้เหมือนกัน



นี่เป็นชิ้นงานสำเร็จของเรา :-))

เอาอายแชโดว์แปะใส่ไว้ก็ไม่หล่น ทำแบบนี้ประหยัดที่เก็บสำหรับคนที่มีอายแชโดว์เยอะๆ ได้เลยล่ะค่ะ เวลาหยิบใช้ก็ง่ายดีด้วย ถ้าเกิดแบ่งหมวดสีไว้ก็หาไม่ยาก





ปัญหาที่เกิดจากการ Depot

ถ้าอายแชโดว์แตก นอกจากแก้ไขด้วยวิธีในกระืู้ทู้เก่าๆ ด้านล่างนี้ ยังแก้ไขได้ด้วยวิธีการรวดเร็วกว่า (ใช้แอลกอฮอล์ซ่อมเหมือนกัน แต่ว่าเทคนิคกการกดไม่เหมือนกัน) มาดูกันค่ะ

HOW TO: ซ่อมอายแชโดว์แตก + DIY: Press Pigments

DIY อายแชโดว์แตกซะแล้ว ทำยังไงดี...Testing before Pressing Pigment



เห็นใช่ไหมคะว่าอายแชโดว์อันนี้มันพเยิบขึ้นมา



เอาไซริงดูดแอลกอฮอล์ขึ้นมา



ใส่ไปในตัวอายแชโดว์ เอาแบบชุ่มๆ หน่อยนะคะ ให้เต็มหน้าถาดอายแชโดว์เลย (อย่าลืมหาอะไรรองที่ตัว pan ก่อนนะ แอลกอฮอล์จะได้ไม่เลอะเปื้อน)



พอหยดแอลกอฮอล์แล้วเอาแผ่นสำลีแปะลงไป กดให้แน่น กดให้ทั่ว (ใช้ฝ่ามือหรือท้องนิ้ว) เพื่อรีดแอลกอฮอล์ส่วนใหญ่ออก



ได้แบบนี้ พอแอลกอฮอล์ระเหยไปหมด ก็ใช้อายแชโดว์ได้เหมือนเดิม





คำแนะนำ/ประสบการณ์การซ่อมอายแชโดว์โดยส่วนตัว (ยกมาจากกระทู้เก่าข้างบนนะคะ)

- ไม่แนะนำให้ใช้กับอายแชโดว์เนื้อแมตต์ เพราะว่าหลังแอลกอฮอล์ระเหย และอายแชโดว์แห้ง ส่วนบนของอายแชโดว์จะแข็ง แต่ถ้าเอามีดขูดส่วนแข็งๆ นั้นออก ก็ยังใช้อายแชโดว์ได้เหมือนเดิม

- บางทีแอลกอฮอล์อาจจะทำปฏิกิริยากับส่วนผสมในอายแชโดว์ ทำให้อายแชโดว์เปลี่ยนสีได้ ถ้ากลัวอายแชโดว์จะเสีย แนะนำให้แบ่งส่วนเล็กๆ มาทดสอบกับแอลกอฮอล์ก่อน

- เท่าที่ซ่อมอายแชโดว์ที่แตกแล้วเอามาใช้งาน อายแชโดว์ก็ยังใช้ได้ปรกตินะคะ สีที่ได้ก็ไมไ่ด้อ่อนลงด้วย แต่ในตัวอย่างที่ทำด้านบน สีดูอ่อนลงนิดนึง อาจจะเป็นเพราะสูตรอายแชโดว์ แต่ก็ใช้งานได้เหมือนเดิม

- ถ้ากลัวจะเทแอลกอฮอล์ใส่อายแชโดว์มากเกินไป แนะนำให้เอาแอลกอฮอล์ใส่กระบอกสเปรย์แล้วฉีดทั่วหน้าอายแชโดว์แทน ก่อนจะกดด้วยของที่พอดีกับหน้าตลับ



เอาแผ่นแม่เหล็กสำเร็จรูปมาให้ดูกัน เผื่อมีใครหาแผ่นแม่เหล็กเหลือใช้ไม่ได้

อันนี้มันขนาด A4 ราคา 88 บาท เราซื้อที่ B2S ค่ะ



ด้านนึงจะเป็นสติกเกอร์กาว อีกด้า้นจะเป็นแม่เหล็ก





ข้อควรระวังในการ Depot อายแชโดว์

- ใช้ความระมัดระวังให้มาก ระวังทั้งคมคัตเตอร์บาด และระวังทั้งอายแชโดว์แตก

- ถ้าแกะไม่ออก แล้วฝืนต่อไป อายแชโดว์มักจะแตกนะคะ ใช้วิีธีซ่อมด้วยแอลกอฮอล์อย่างที่แนะนำข้างบนได้

- ควรทำใจในการ depot ก่อนว่าเราอาจจะทำอายแชโดว์แตกค่ะ ถ้าเกิดแงะไปแล้วเห็นท่าไม่ดี หยุดได้นะคะ แต่ถ้าเห็นขอบระหว่าง pan กับอายแชโดว์มีร่องแยก ควรจะซ่อมอายแชโดว์ด้วยแอลกอฮอล์เพื่อให้อายแชโดว์ติดกับตัว pan เหมือนเดิม ไม่งั้นเวลาพกไปไหน หรือกระแทกอะไรแรงๆ อายแชโดว์อาจจะแตกได้

- กาวบางอย่างที่ทาตัว pan จะแน่นมากๆ สามารถใช้น้ำยาล้างเล็บหยดลงไปในช่องว่าระหว่าง pan กับตลับแทนแอลกอฮอล์ได้ (น้ำยาล้างเล็บจะล้างกาวได้ง่ายกว่า) แต่มือต้องแม่นมากๆ เพราะห้ามน้ำยาล้างเล็บเลอะอายแชโดว์ (ใช้วิธีเอาไม้จิ้มฟันเป็นตัวนำของเหลวอย่างในคคห. ที่ 36 ก็ได้ค่ะ)

- วิธี Depot ด้วยความร้อน (แต่เราชอบแบบแอลกอฮอล์มากกว่า เพราะตลับอายแชโดว์ไม่เสียหายเท่าไหร่)
มา Depot อายแชโดว์ออกจากตลับกันเถอะ (Mac & Make Up Store) วิธีแบบใช้ความร้อน

หรือจะใช้เตาอบขนมก็ได้นะคะ แต่ต้องเอาแผ่นกระดาษไข (ที่ไว้กันขนมไหม้เวลาอบขนม) รองตัวตลับอายแชโดว์ก่อนเข้าเตาอบ (ตลับจะได้ไม่ละลาย อบสักครู่ (ของเราประมาณ 5 - 10 นาทีอันนี้ต้องกะเอานะคะว่าช่วงเวลาไหนถึงกาวจะละลาย แรกๆ อาจจะต้องอุ่นให้เตาร้อนก่อน ถึงค่อยเอาอายแชโดว์ใส่เตา)

ใครสนใจ DIY นี้ อย่าลืมอ่านข้อควรระวังให้หมดด้วยนะคะ จำเป็นมากๆ ค่ะ ขอให้สนุกกับการ DIY




 

Create Date : 21 พฤศจิกายน 2554    
Last Update : 21 พฤศจิกายน 2554 17:14:39 น.
Counter : 8564 Pageviews.  

HOW TO: Double Eye Liner

ทำรูปไว้นานแล้ว เพิ่งได้มีโอกาสมาแปะในบล็อกเองค่ะ

พอดีเมื่อประมาณเดือนหรือสองเดือนก่อน ได้ดูคลิปเขียน Double Eye Liner ของพี่ฟลุค Alwaysfluke ก็เลยอยากลองเขียนอายไลเนอร์ตามเทรนด์บนรันเวย์บ้าง แต่ของเราจะเป็นเล่นอายไลเนอร์สองเส้นสองสี ซึ่งมีช่วงนี้เราบ้าเขียนอายไลเนอร์แบบนี้มากกกกกก

มาดูกันค่ะว่าจะเป็นยังไง



1. ลากเส้นอายไลเนอร์ด้วยอายไลเนอร์แบบน้ำที่ขอบตาบน

2. อันนี้ลากกลับไปเพราะเส้นมันไม่หนาพอก็เลยเติมความหนาและถมดำ

3. และจะได้เส้นแบบนี้



เริ่มอายไลเนอร์เส้นที่สอง เราใช้เจลไลเนอร์สีน้ำเงินของ MAC (MAC #Royal Wink)

4. ใช้แปรงหัวตัว แตะเจลไลเนอร์แล้วก็ทำให้หัวแปรงแบนๆ (โดยการปาดซ้ายขวาบนหลังมือเล็กน้อยจนแปรงมันแบน) เวลาเริ่มเส้นนี้ เริ่มจากหางตา เหนือเส้นสีดำประมาณ 2 ml. ค่อยๆ แตะแปรงเป็นรอยประ - - - - เส้นไม่ต้องชัดมาก

5. จะได้เส้นสีน้ำเงินจางๆ แบบนี้

6. ลากหางให้สีน้ำเงิน กะให้มันขนานกับเส้นหางของสีดำ (มันจะดูล้ำออกมานิดๆ)



7. จะได้แบบนี้ ความจริงจะหยุดที่ขั้นตอนนี้ก็ได้ แต่แบบที่พี่ฟลุคทำฮาวทู จะมีต่ออีก

8. ใช้อายไลเนอร์แบบน้ำสีเดียวกับสีอายไลเนอร์ ลากทับสีน้ำเงินให้คมขึ้น ลากแค่ด้านล่าง ที่ขนานกับเส้นสีดำ ด้านบนไม่ต้องลาำกให้คมทั้งหมด

9. ได้แบบนี้



10. เขียนอายไลเนอร์แบบของเราต้องมีเขียนอินเนอร์ไลน์ด้วยอายไลเนอร์ดินสอสีดำ และลากเส้นลงมาขอบตาล่างราว 1 ใน 3

11. เขียนขอบตาล่างที่เหลือด้วยอายไลเนอร์สีขาว รวมทั้งตรงหัวตา

12. แล้วก็เบลนด์เล็กน้อย

จะได้แบบนี้



จบแล้วกับฮาวทูสั้นๆ เดี๋ยวถ้าไม่ขี้เกียจ จะมีฮาวทูสีสันแบบที่เราชอบมาแปะให้ดูกันค่ะ




 

Create Date : 29 กันยายน 2554    
Last Update : 29 กันยายน 2554 17:43:45 น.
Counter : 3300 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  

มิถุนายน
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]





บล็อกนี้เริ่มต้นจากการเก็บรวบรวมนิยายของมิถุนาให้เป็นหลักแหล่ง และต่อมาได้เพิ่มความชอบเกี่ยวกับเครื่องสำอาง การท่องเกี่ยว การกิน และเรื่องจิปาถะอื่นๆ ค่ะ ว่างๆ ก็แวะมาทักทายกันบ้างนะคะ

มิถุนา (busaba401แอตhotmail.com)

แวะทักทาย/ฝากคำถามได้ที่ cbox นะคะ แล้วจะมาตอบให้ทุกคนค่า








Fanpage นิยายของมิถุนา
(เฉพาะนิยายนะคะ ไม่ได้อัพเรื่องเครื่องสำอางค่ะ)
มิถุนา Mithuna นิยาย

โฆษณาหน้าของคุณด้วยเลยสิ



E-book ของมิถุนา
คืนปรารถนา
มิถุนายน
www.mebmarket.com
ทั้งหมดเริ่มต้นจากความเข้าใจผิด...อชิระคิดว่ามิลินท์หักหลังเขา เขาจึงใช้ความรักที่เธอมีให้เขาเป็นเครื่องมือในการแก้แค้น มิลินท์จาก...
ร้ายนัก(ไม่)รักเสียดีไหม
มิถุนายน
www.mebmarket.com
เมื่อยอดคุณป๊า ที่ถือคติที่ว่า “เรือล่มในหนอง ทองจะไปไหน” พยายามจับคู่ลูกๆ ที่เหลือให้ครบ อดีตคู่กัดสมัยละอ่อนเลยได้โคจรมาพบกันอีกครั้งในฐานะเจ้าบ่าวและเจ้าสาว...
New Comments
Friends' blogs
[Add มิถุนายน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.